Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2312 คำเชิญจากโอสถบรรพกาล!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2312 คำเชิญจากโอสถบรรพกาล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั่นคือเหลนข้า! พวกเจ้าเห็นหรือไม่? เขานั้นคือหยุนยี่! เขานั้นคือเหลนของข้า! เหลนของข้าเอาชนะงานประชุมโอสถสหภูมิภาค! ฮ่าๆๆ…”

ในกลุ่มคนนั้นเทพสวรรค์ดันหยู่ยิ้มหัวเราะพร้อมตะโกนลั่นขึ้นมา

แม้ว่าตัวเทพสวรรค์ดันหยู่นั้นจะโอหังถือตัวว่าเก่งกาจแค่ไหนเขาก็ไม่เคยนึกฝันว่าเหลนของตนนั้นจะกลับมายืนอยู่ในแนวหน้าของมหาพิภพถงเทียนได้เช่นนี้ ยิ่งได้กลายเป็นยอดคนอัจฉริยะอันดับหนึ่งเช่นนี้แล้วด้วย!

มันมิใช่ว่าเขาไม่เคยจะวาดฝัน เพียงแค่เขานั้นรู้ตัวว่าด้วยความสามารถของตนเองนั้นมันคงไม่มีทางไปถึงได้

ความยากจนนั้นมันได้จำกัดจินตนาการของเขาไว้!

สำหรับเขาแล้วอย่างมากที่สุดที่หยุนยี่จะทำได้มันก็คงเป็นแค่ขึ้นมารับอำนาจแทนตำแหน่งของเขาเพื่อครอบครองวงการโอสถในดินแดนใต้

แต่เวลานี้หยุนยี่กลับก้าวล้ำจุดนั้นไปอย่างไม่อาจเทียบ ไปจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าจะวาดฝัน

เอาชนะโซวรุยได้เช่นนี้หยุนยี่ในเวลานี้มันคงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!

แล้วได้เห็นเช่นนั้นมีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่จะจดจำการทรยศของหยุนยี่ไว้? มีหรือที่จะจดจำความแค้นใดๆ ที่เคยมีกับเย่หยวน?

เวลานี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเปี่ยมล้นใจคือความภาคภูมิ

ที่ด้านข้างตัวเขานั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์จั่วหยุน จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาและเทพสวรรค์เปียวหยูต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงไม่มีใครคาดฝันว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นเช่นนี้ไป

แต่คนอื่นๆ นั้นกลับหันมามองหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่แปลกๆ ราวกับมองดูคนบ้า

“ก็เคยเห็นมาก่อนนะพวกที่อ้างตัวเป็นญาติ แต่ไม่เคยจะเห็นใครหน้าด้านทำถึงขนาดนี้”

“เขาชนะแล้วเขาก็เป็นเหลนเจ้า เช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา? เพิ่งจะมาอ้างตัวเป็นญาติเอาเวลานี้ ข้าอ้างว่าเจ้าเป็นเหลนข้าบ้างไหมเล่า!”

“ไปไกลๆ ไป! หน้าตาท่าทางโง่ๆ ของเจ้านี้มีหรือจะสั่งสอนเหลนได้ถึงขั้นนั้น?”

มันไม่มีใครคิดเชื่อเทพสวรรค์ดันหยู่เลย

เพราะเหล่ายอดคนจากเขาขนนกนั้นต่างมีที่นั่งประจำของตนเองแยกไว้ หากหยุนยี่นั้นเป็นเหลนของเขาอย่างที่เทพสวรรค์ดันหยู่ว่าเหตุใดเขาจะมานั่งดูจากที่นั่งคนทั่วไปในมุมน้อยๆ เช่นนี้?

ยิ่งได้เห็นมันก็ยิ่งทำให้คนทั้งหลายรู้สึกขำขัน

เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นหน้าดำมืดลงด้วยความอับอาย

แน่นอนล่ะว่าหากเขาคิดยอมรับสนับสนุนหยุนยี่แต่แรก เรื่องราวในเวลานี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางนั้นของเขา พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจไปใหญ่ว่าเขานั้นพูดจาไร้สาระ

ในห้วงความตื่นเต้นนั้นงานประชุมโอสถสหภูมิภาคก็ได้จบลงและทำให้ชื่อเสียงของเมืองเล็กๆ อย่างวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์ในแดนใต้นี้โด่งดังไปทั่วโลกหล้า

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นนำเอาตำราทั้งสองของโอสถบรรพกาลนั้นออกมามอบให้ทั้งหยุนยี่และหนิงซืออวี๋ก่อนจะกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มไม่ขาดปาก

เวลานี้หยุนยี่นั้นมีจิตใจสงบนิ่งใกล้เคียงตัวเย่หยวนเขาย่อมไม่ได้คิดสนใจว่าใครจะชื่นชมหรือเยาะเย้ยใดๆ

ส่วนตัวหนิงซืออวี๋นั้นก็นับถือเย่หยวนเป็นอาจารย์เพียงหนึ่ง ไม่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะกล่าวชมอย่างไรนางก็ไม่ได้คิดสนใจ

แต่ขณะที่ทุกผู้คนกำลังคิดไปว่างานประชุมโอสถสหภูมิภาคในครั้งนี้มันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับของอาณาจักรทหัยเมฆาตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อก็เดินเข้ามาหาเย่หยวน

“รองมหาปราชญ์ อาจารย์ขอเชิญท่านไปยังเขาทหัยเมฆาเพื่อถกวิชา”

คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องหันหน้ามามองดูพร้อมๆ กัน โอสถบรรพกาลคิดออกโรงแล้ว!

นี่แหละคือจุดน่าจับตาของงานที่แท้!

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวอากาศมันก็หนักหน่วงขึ้นมาในทันที

โอสถบรรพกาลนั้นมันมิใช่แค่นามของยอดฝีมือ แต่ตัวเขานั้นคือสัญลักษณ์ของเต๋าโอสถ

เขานี้คือท้องฟ้าของเต๋าโอสถ!

เขานี้คือเต๋าบรรพกาลแห่งเต๋าโอสถ!

แน่นอนว่าเขาย่อมมิใช่เต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง แต่ในจิตใจของเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายเขานี้คือเต๋าบรรพกาล!

ตัวตนที่ไร้เปรียบ!

ต่อให้จะเป็นยอดคนอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงกับเขานี้ได้

แต่วันนี้พวกเย่หยวนศิษย์อาจารย์กลับเอาชนะคนอาณาจักรทหัยเมฆาได้สิ้นจนเหมือนได้ตบหน้าอาณาจักรทหัยเมฆาอย่างรุนแรง

นั่นทำให้โอสถบรรพกาลไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป!

เขานั้นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลกและแทบจะไม่เคยปรากฏตัวออกมาต่อโลกหล้า

หลายต่อหลายปีมานี้มันมีแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่กล้าจะขึ้นเขาไปและทำให้โอสถบรรพกาลต้องลงมือ

วันนี้ เพื่อเย่หยวนแล้วเขาถึงกับต้องออกตัวเชิญอีกฝ่าย

หนึ่งนั้นคือดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์เด่นล้ำฟ้าดินเก่งกาจกว่าใครๆ ในยุค

อีกหนึ่งนั้นคือรากฐานวิชาการโอสถผู้ปกครองโลกหล้ามายาวนาน เก่งกาจเหนือล้าฟ้าดิน

การต่อสู้ของคนทั้งสองนี้ย่อมจะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกาอย่างแน่นอน

แล้วปัญหาก็คือเย่หยวนจะรับคำเชิญนี้ของโอสถบรรพกาลหรือไม่?

ทุกผู้คนต่างอยากจะเห็นมัน!

เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับไป “ทนไม่ไหวแล้วสินะ? หึๆ ต้องรอให้เย่ผู้นี้ตบหน้าอย่างสาหัสก่อนถึงจะออกตัวได้ มันจำเป็นด้วยหรือ?”

ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึงเมื่อได้ยิน เจ้าหมอนี่มันคิดดูถูกโอสถบรรพกาลหรือ?

ทุกผู้คนในที่นี้ต่างล้วนถือว่าการได้พบโอสถบรรพกาลนั้นเป็นเกียรติสิ้น

การได้รับคำชี้นำจากเขาแค่เล็กน้อยมันก็คงมากพอจะก้มกราบ

แต่เย่หยวนกลับไม่ได้แสดงความชื่นชมใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

มันกลับยังมีนักหลอมโอสถที่ไม่เคารพต่อโอสถบรรพกาลอยู่!

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบ “เรื่องใดที่รองมหาปราชญ์มีก็ขอเชิญไปบอกท่านอาจารย์เองเถอะ ข้านั้นแค่ทำตามที่ได้รับสั่งมาเท่านั้น”

เย่หยวนหันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่ฉางเล่อ เย่ผู้นี้อยากจะประลองกับพี่ฉางเล่อในสักวันเสียจริงๆ”

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบกลับมา “มันนับเป็นเกียรติแก่ฉางเล่อแล้วที่รองมหาปราชญ์ให้ความสนใจแต่จักรพรรดิผู้นี้เองก็แค่บังเอิญบรรลุเต๋ามาได้ หลายต่อหลายปีมานี้ข้าแทบจะไม่อาจพัฒนาตัวไปได้และถูกศิษย์น้องรองก้าวล้ำไปมาก รองมหาปราชญ์เอาชนะได้แม้แต่ตัวศิษย์น้องรอง จักรพรรดิผู้นี้คงไม่มีทางเทียบเคียงท่านได้แล้ว”

เย่หยวนยิ้มตอบ “นำทางไปเถอะ”

เขาย่อมจะไม่คิดว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นอ่อนแอกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูใดๆ

เขานั้นเคยได้ยินมาก่อนว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นเป็นคนในรุ่นเดียวกันกับโอสถบรรพกาลและมีชีวิตอยู่มายาวนานจนเกินนับ

การที่จะมาเป็นศิษย์คนโตของโอสถบรรพกาลได้นั้นและยังถึงขั้นบรรลุโอสถเต๋ามีหรือที่เขาจะเป็นคนธรรมดาไปได้?

ยิ่งได้เห็นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนี้เย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกถึงความลึกล้ำของเขา

ฝีมือของเขานั้นมันอยู่ในระดับที่เย่หยวนไม่อาจจะมองออกได้ แต่เขานั้นรู้สึกได้ว่าต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะไม่เก่งกาจเท่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตัวเขาก็คงไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมาย

อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องเก่งกาจกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเป็นแน่

แต่อีกฝ่ายนั้นกลับสวมหน้ากากเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัวปล่อยให้คนทั้งหลายคิดว่าเขานั้นไร้พิษภัย ไม่อาจสัมผัสถึงตัวตนได้ง่ายๆ

แต่เมื่ออีกฝ่ายคิดก้มหัวจนสุดทางแล้วเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะไปงัดหน้าเขาขึ้นมาดูได้

เพราะจะอย่างไรตัวโอสถบรรพกาลนั้นก็เป็นสุดยอดเส้นทางของเต๋าโอสถ

การได้เห็นผู้อยู่บนจุดสุดยอดนั้นมันย่อมจะสำคัญกับเย่หยวนกว่าสิ่งใดๆ ไปมาก

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อหันหน้ากลับมามองและกล่าวกับทุกผู้คน “งานประชุมโอสถสหภูมิภาคจบลงเท่านี้แล้ว เกมของอาจารย์และรองมหาปราชญ์นั้นพวกเจ้าสามารถไปดูได้ที่เขาทหัยเมฆา! หากไม่คิดสนใจก็เชิญกลับได้”

พูดจบเขาก็เดินนำเหล่าบรรพกาลทั้งหลายจากไป

เรื่องที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อกล่าวนี้มันคืองานใหญ่ที่สิบล้านปีจะเกิดขึ้นสักครั้งมีหรือที่ใครจะคิดพลาดมัน?

เพราะฉะนั้นคนที่เหลือจึงได้ออกเดินทางไปยังเขาทหัยเมฆาในทันทีอย่างไม่มีใครคิดกลับไปไหน

ความแตกตื่นนั้นมันเกิดขึ้นอย่างมากล้น!

“พวกเจ้าคิดว่าระหว่างโอสถบรรพกาลและรองมหาปราชญ์ ใครจะชนะหรือแพ้กัน?”

“ดูสิว่าเจ้าพูดอะไรออกมา โอหังนัก! ก็จริงที่ว่ารองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจแต่แค่จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเขาก็ยังแทบไม่อาจเอาชนะมาได้ มีหรือจะเอาชนะโอสถบรรพกาลได้?”

“หึ หลังๆ มานี้มันเริ่มมีคนที่ไม่เคยเห็นฝีมือของโอสถบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว! เขานี้คือยอดสุดที่ไม่อาจวัด! เขานั้นคือเขาแห่งถงเทียนของเต๋าโอสถ!”

“หึๆ ข้าแค่หวังว่ารองมหาปราชญ์จะยังก้าวหน้าต่อไปได้หลังพ่ายแพ้!”

นี่มันคือการประลองที่มีผลแน่นอน สิ่งเดียวที่พวกเขาอยากเห็นก็คือเย่หยวนจะพ่ายแพ้ลงย่อยยับแค่ไหน

ก่อนหน้านั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้พ่ายแพ้ต่อโอสถบรรพกาลและต้องจิตตกไปนานแสนนาน

หลังจากเขาเริ่มกลับมาตั้งหลักได้เขานั้นถึงไปตั้งวิหารนักบวชและเริ่มสั่งสอนวิชาโอสถในเผ่าอสูร

เช่นนั้นแล้วเย่หยวนที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้จะกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้งเหมือนมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรือไม่?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2312 คำเชิญจากโอสถบรรพกาล!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2312 คำเชิญจากโอสถบรรพกาล! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั่นคือเหลนข้า! พวกเจ้าเห็นหรือไม่? เขานั้นคือหยุนยี่! เขานั้นคือเหลนของข้า! เหลนของข้าเอาชนะงานประชุมโอสถสหภูมิภาค! ฮ่าๆๆ…”

ในกลุ่มคนนั้นเทพสวรรค์ดันหยู่ยิ้มหัวเราะพร้อมตะโกนลั่นขึ้นมา

แม้ว่าตัวเทพสวรรค์ดันหยู่นั้นจะโอหังถือตัวว่าเก่งกาจแค่ไหนเขาก็ไม่เคยนึกฝันว่าเหลนของตนนั้นจะกลับมายืนอยู่ในแนวหน้าของมหาพิภพถงเทียนได้เช่นนี้ ยิ่งได้กลายเป็นยอดคนอัจฉริยะอันดับหนึ่งเช่นนี้แล้วด้วย!

มันมิใช่ว่าเขาไม่เคยจะวาดฝัน เพียงแค่เขานั้นรู้ตัวว่าด้วยความสามารถของตนเองนั้นมันคงไม่มีทางไปถึงได้

ความยากจนนั้นมันได้จำกัดจินตนาการของเขาไว้!

สำหรับเขาแล้วอย่างมากที่สุดที่หยุนยี่จะทำได้มันก็คงเป็นแค่ขึ้นมารับอำนาจแทนตำแหน่งของเขาเพื่อครอบครองวงการโอสถในดินแดนใต้

แต่เวลานี้หยุนยี่กลับก้าวล้ำจุดนั้นไปอย่างไม่อาจเทียบ ไปจนถึงจุดที่เขาไม่กล้าจะวาดฝัน

เอาชนะโซวรุยได้เช่นนี้หยุนยี่ในเวลานี้มันคงนับได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง!

แล้วได้เห็นเช่นนั้นมีหรือที่เทพสวรรค์ดันหยู่จะจดจำการทรยศของหยุนยี่ไว้? มีหรือที่จะจดจำความแค้นใดๆ ที่เคยมีกับเย่หยวน?

เวลานี้สิ่งเดียวที่เขารู้สึกเปี่ยมล้นใจคือความภาคภูมิ

ที่ด้านข้างตัวเขานั้นจักรพรรดิเทพสวรรค์จั่วหยุน จักรพรรดิเทพสวรรค์วันเปาและเทพสวรรค์เปียวหยูต่างมองดูภาพตรงหน้าอย่างมึนงง

ดูท่าพวกเขาทั้งหลายเองก็คงไม่มีใครคาดฝันว่าเรื่องราวมันจะกลายเป็นเช่นนี้ไป

แต่คนอื่นๆ นั้นกลับหันมามองหน้าเทพสวรรค์ดันหยู่แปลกๆ ราวกับมองดูคนบ้า

“ก็เคยเห็นมาก่อนนะพวกที่อ้างตัวเป็นญาติ แต่ไม่เคยจะเห็นใครหน้าด้านทำถึงขนาดนี้”

“เขาชนะแล้วเขาก็เป็นเหลนเจ้า เช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้เจ้าไปอยู่ที่ใดมา? เพิ่งจะมาอ้างตัวเป็นญาติเอาเวลานี้ ข้าอ้างว่าเจ้าเป็นเหลนข้าบ้างไหมเล่า!”

“ไปไกลๆ ไป! หน้าตาท่าทางโง่ๆ ของเจ้านี้มีหรือจะสั่งสอนเหลนได้ถึงขั้นนั้น?”

มันไม่มีใครคิดเชื่อเทพสวรรค์ดันหยู่เลย

เพราะเหล่ายอดคนจากเขาขนนกนั้นต่างมีที่นั่งประจำของตนเองแยกไว้ หากหยุนยี่นั้นเป็นเหลนของเขาอย่างที่เทพสวรรค์ดันหยู่ว่าเหตุใดเขาจะมานั่งดูจากที่นั่งคนทั่วไปในมุมน้อยๆ เช่นนี้?

ยิ่งได้เห็นมันก็ยิ่งทำให้คนทั้งหลายรู้สึกขำขัน

เทพสวรรค์ดันหยู่นั้นหน้าดำมืดลงด้วยความอับอาย

แน่นอนล่ะว่าหากเขาคิดยอมรับสนับสนุนหยุนยี่แต่แรก เรื่องราวในเวลานี้มันคงไม่มีทางเกิดขึ้น

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางนั้นของเขา พวกเขาก็ยิ่งมั่นใจไปใหญ่ว่าเขานั้นพูดจาไร้สาระ

ในห้วงความตื่นเต้นนั้นงานประชุมโอสถสหภูมิภาคก็ได้จบลงและทำให้ชื่อเสียงของเมืองเล็กๆ อย่างวังพำนักจักรพรรดิเทพสวรรค์อินทรีสวรรค์ในแดนใต้นี้โด่งดังไปทั่วโลกหล้า

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นนำเอาตำราทั้งสองของโอสถบรรพกาลนั้นออกมามอบให้ทั้งหยุนยี่และหนิงซืออวี๋ก่อนจะกล่าวชื่นชมด้วยรอยยิ้มไม่ขาดปาก

เวลานี้หยุนยี่นั้นมีจิตใจสงบนิ่งใกล้เคียงตัวเย่หยวนเขาย่อมไม่ได้คิดสนใจว่าใครจะชื่นชมหรือเยาะเย้ยใดๆ

ส่วนตัวหนิงซืออวี๋นั้นก็นับถือเย่หยวนเป็นอาจารย์เพียงหนึ่ง ไม่ว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะกล่าวชมอย่างไรนางก็ไม่ได้คิดสนใจ

แต่ขณะที่ทุกผู้คนกำลังคิดไปว่างานประชุมโอสถสหภูมิภาคในครั้งนี้มันจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับของอาณาจักรทหัยเมฆาตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อก็เดินเข้ามาหาเย่หยวน

“รองมหาปราชญ์ อาจารย์ขอเชิญท่านไปยังเขาทหัยเมฆาเพื่อถกวิชา”

คำพูดนี้มันทำให้คนทั้งหลายต้องหันหน้ามามองดูพร้อมๆ กัน โอสถบรรพกาลคิดออกโรงแล้ว!

นี่แหละคือจุดน่าจับตาของงานที่แท้!

เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวอากาศมันก็หนักหน่วงขึ้นมาในทันที

โอสถบรรพกาลนั้นมันมิใช่แค่นามของยอดฝีมือ แต่ตัวเขานั้นคือสัญลักษณ์ของเต๋าโอสถ

เขานี้คือท้องฟ้าของเต๋าโอสถ!

เขานี้คือเต๋าบรรพกาลแห่งเต๋าโอสถ!

แน่นอนว่าเขาย่อมมิใช่เต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง แต่ในจิตใจของเหล่านักหลอมโอสถทั้งหลายเขานี้คือเต๋าบรรพกาล!

ตัวตนที่ไร้เปรียบ!

ต่อให้จะเป็นยอดคนอย่างมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเองก็ยังไม่อาจจะเทียบเคียงกับเขานี้ได้

แต่วันนี้พวกเย่หยวนศิษย์อาจารย์กลับเอาชนะคนอาณาจักรทหัยเมฆาได้สิ้นจนเหมือนได้ตบหน้าอาณาจักรทหัยเมฆาอย่างรุนแรง

นั่นทำให้โอสถบรรพกาลไม่อาจนั่งเฉยได้อีกต่อไป!

เขานั้นเป็นตัวตนที่อยู่เหนือโลกและแทบจะไม่เคยปรากฏตัวออกมาต่อโลกหล้า

หลายต่อหลายปีมานี้มันมีแค่มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลที่กล้าจะขึ้นเขาไปและทำให้โอสถบรรพกาลต้องลงมือ

วันนี้ เพื่อเย่หยวนแล้วเขาถึงกับต้องออกตัวเชิญอีกฝ่าย

หนึ่งนั้นคือดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์เด่นล้ำฟ้าดินเก่งกาจกว่าใครๆ ในยุค

อีกหนึ่งนั้นคือรากฐานวิชาการโอสถผู้ปกครองโลกหล้ามายาวนาน เก่งกาจเหนือล้าฟ้าดิน

การต่อสู้ของคนทั้งสองนี้ย่อมจะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกาอย่างแน่นอน

แล้วปัญหาก็คือเย่หยวนจะรับคำเชิญนี้ของโอสถบรรพกาลหรือไม่?

ทุกผู้คนต่างอยากจะเห็นมัน!

เย่หยวนที่ได้ยินจึงยิ้มตอบกลับไป “ทนไม่ไหวแล้วสินะ? หึๆ ต้องรอให้เย่ผู้นี้ตบหน้าอย่างสาหัสก่อนถึงจะออกตัวได้ มันจำเป็นด้วยหรือ?”

ทุกผู้คนต่างตื่นตะลึงเมื่อได้ยิน เจ้าหมอนี่มันคิดดูถูกโอสถบรรพกาลหรือ?

ทุกผู้คนในที่นี้ต่างล้วนถือว่าการได้พบโอสถบรรพกาลนั้นเป็นเกียรติสิ้น

การได้รับคำชี้นำจากเขาแค่เล็กน้อยมันก็คงมากพอจะก้มกราบ

แต่เย่หยวนกลับไม่ได้แสดงความชื่นชมใดๆ ออกมาแม้แต่น้อย

มันกลับยังมีนักหลอมโอสถที่ไม่เคารพต่อโอสถบรรพกาลอยู่!

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบ “เรื่องใดที่รองมหาปราชญ์มีก็ขอเชิญไปบอกท่านอาจารย์เองเถอะ ข้านั้นแค่ทำตามที่ได้รับสั่งมาเท่านั้น”

เย่หยวนหันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม “พี่ฉางเล่อ เย่ผู้นี้อยากจะประลองกับพี่ฉางเล่อในสักวันเสียจริงๆ”

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อยิ้มตอบกลับมา “มันนับเป็นเกียรติแก่ฉางเล่อแล้วที่รองมหาปราชญ์ให้ความสนใจแต่จักรพรรดิผู้นี้เองก็แค่บังเอิญบรรลุเต๋ามาได้ หลายต่อหลายปีมานี้ข้าแทบจะไม่อาจพัฒนาตัวไปได้และถูกศิษย์น้องรองก้าวล้ำไปมาก รองมหาปราชญ์เอาชนะได้แม้แต่ตัวศิษย์น้องรอง จักรพรรดิผู้นี้คงไม่มีทางเทียบเคียงท่านได้แล้ว”

เย่หยวนยิ้มตอบ “นำทางไปเถอะ”

เขาย่อมจะไม่คิดว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นอ่อนแอกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูใดๆ

เขานั้นเคยได้ยินมาก่อนว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนั้นเป็นคนในรุ่นเดียวกันกับโอสถบรรพกาลและมีชีวิตอยู่มายาวนานจนเกินนับ

การที่จะมาเป็นศิษย์คนโตของโอสถบรรพกาลได้นั้นและยังถึงขั้นบรรลุโอสถเต๋ามีหรือที่เขาจะเป็นคนธรรมดาไปได้?

ยิ่งได้เห็นตัวจักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อนี้เย่หยวนก็ยิ่งรู้สึกถึงความลึกล้ำของเขา

ฝีมือของเขานั้นมันอยู่ในระดับที่เย่หยวนไม่อาจจะมองออกได้ แต่เขานั้นรู้สึกได้ว่าต่อให้จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อจะไม่เก่งกาจเท่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตัวเขาก็คงไม่ได้อ่อนแอกว่ามากมาย

อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องเก่งกาจกว่าจักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเป็นแน่

แต่อีกฝ่ายนั้นกลับสวมหน้ากากเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตัวปล่อยให้คนทั้งหลายคิดว่าเขานั้นไร้พิษภัย ไม่อาจสัมผัสถึงตัวตนได้ง่ายๆ

แต่เมื่ออีกฝ่ายคิดก้มหัวจนสุดทางแล้วเย่หยวนเองก็ไม่อาจจะไปงัดหน้าเขาขึ้นมาดูได้

เพราะจะอย่างไรตัวโอสถบรรพกาลนั้นก็เป็นสุดยอดเส้นทางของเต๋าโอสถ

การได้เห็นผู้อยู่บนจุดสุดยอดนั้นมันย่อมจะสำคัญกับเย่หยวนกว่าสิ่งใดๆ ไปมาก

จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อหันหน้ากลับมามองและกล่าวกับทุกผู้คน “งานประชุมโอสถสหภูมิภาคจบลงเท่านี้แล้ว เกมของอาจารย์และรองมหาปราชญ์นั้นพวกเจ้าสามารถไปดูได้ที่เขาทหัยเมฆา! หากไม่คิดสนใจก็เชิญกลับได้”

พูดจบเขาก็เดินนำเหล่าบรรพกาลทั้งหลายจากไป

เรื่องที่จักรพรรดิเทพสวรรค์ฉางเล่อกล่าวนี้มันคืองานใหญ่ที่สิบล้านปีจะเกิดขึ้นสักครั้งมีหรือที่ใครจะคิดพลาดมัน?

เพราะฉะนั้นคนที่เหลือจึงได้ออกเดินทางไปยังเขาทหัยเมฆาในทันทีอย่างไม่มีใครคิดกลับไปไหน

ความแตกตื่นนั้นมันเกิดขึ้นอย่างมากล้น!

“พวกเจ้าคิดว่าระหว่างโอสถบรรพกาลและรองมหาปราชญ์ ใครจะชนะหรือแพ้กัน?”

“ดูสิว่าเจ้าพูดอะไรออกมา โอหังนัก! ก็จริงที่ว่ารองมหาปราชญ์นั้นเก่งกาจแต่แค่จักรพรรดิเทพสวรรค์เหยาชูเขาก็ยังแทบไม่อาจเอาชนะมาได้ มีหรือจะเอาชนะโอสถบรรพกาลได้?”

“หึ หลังๆ มานี้มันเริ่มมีคนที่ไม่เคยเห็นฝีมือของโอสถบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว! เขานี้คือยอดสุดที่ไม่อาจวัด! เขานั้นคือเขาแห่งถงเทียนของเต๋าโอสถ!”

“หึๆ ข้าแค่หวังว่ารองมหาปราชญ์จะยังก้าวหน้าต่อไปได้หลังพ่ายแพ้!”

นี่มันคือการประลองที่มีผลแน่นอน สิ่งเดียวที่พวกเขาอยากเห็นก็คือเย่หยวนจะพ่ายแพ้ลงย่อยยับแค่ไหน

ก่อนหน้านั้นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้พ่ายแพ้ต่อโอสถบรรพกาลและต้องจิตตกไปนานแสนนาน

หลังจากเขาเริ่มกลับมาตั้งหลักได้เขานั้นถึงไปตั้งวิหารนักบวชและเริ่มสั่งสอนวิชาโอสถในเผ่าอสูร

เช่นนั้นแล้วเย่หยวนที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้จะกลับมายืนขึ้นได้อีกครั้งเหมือนมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลหรือไม่?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+