Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2315 โต้กลับอย่างเด็ดเดี่ยว!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2315 โต้กลับอย่างเด็ดเดี่ยว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อั่ก!”

เย่หยวนวางหมากลงพร้อมๆ กับกระอักเลือดคำโตออกมา

เมื่อวางอีกครั้งเขาก็ต้องกระอักเลือดอีกครา

เย่หยวนนั้นมีร่างกายเนื้อที่สุดแสนแข็งแกร่ง แต่เวลานี้เขาแทบจะสิ้นใจลงเสียให้ได้

เขานั้นมีสภาพสุดแสนน่าสมเพช

การประลองโอสถนี้มันไม่ได้แตกต่างจากการต่อสู้ด้วยชีวิตเลย

สำหรับเย่หยวนแล้วมันยากจนเกินไป

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอดไม่ได้ที่จะมองดูเย่หยวนและนึกย้อนกลับไปถึงตัวเองในครานั้น

มันช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน!

เขาเองก็มีสภาพแห้งเหี่ยวเช่นนี้อยู่หน้ากระดานหมากนานนับพันๆ ปี

โอสถบรรพกาลนั้นเล็งเล่นงานที่จิตเต๋า มันไม่มีทางใดจะต้านทานหยุดยั้งได้

เย่หยวนนั้นไม่ได้เก่งกาจมากล้ำอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับโอสถบรรพกาลที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เขาย่อมจะทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้

“เฮ้อ มันเป็นความผิดข้าเอง เจ้าหนุ่ม… มันคงพิการแน่แล้ว” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกล่าวขึ้นพร้อมถอนหายใจ

เพราะต่อให้เขาไม่พูดคนทั้งหลายก็เข้าใจ

ตำนานจะจบลงตรงนี้!

ยอดอัจฉริยะที่สั่นสะท้านโลกาได้ผู้นั้นจะมาจบลงในที่แห่งนี้แล้ว

“สหายหนุ่ม มันจบแล้ว!”

โอสถบรรพกาลกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแหบๆ จากบนฟ้ากว้าง

ฟู่!

หมากถูกวางลงอีกครั้งก่อนจะทำให้กระดานทั้งหมดสั่นสะท้าน

บนกระดานนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาเหมือนดั่งดวงอาทิตย์สีขาวนั้นกลืนกินสีดำไปจนสิ้น

หมากกระดานนี้มันไม่มีที่ให้สีดำอยู่รอดอีกต่อไป

เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยดวงตาเหนือล้า

ดูท่าเขาคงใกล้หมดแรงเต็มที

แต่เขานั้นก็ยังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงราวกับว่าไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้า

“มันมิใช่เป็นเช่นนี้สิ!” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น

“สหายหนุ่ม เจ้าพ่ายแล้ว” โอสถบรรพกาลกล่าว

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้ายังไม่แพ้ มันยังต้องมีทางออกแน่!”

โอสถบรรพกาลนั้นกล่าวออกมาด้วยท่าทางสบาย “เมื่อตอนที่เจ้าลงหมากแรก บรรพกาลผู้นี้ก็ได้เข้าใจถึงหมากร้อยตาหน้า! แต่ละหมากของเจ้านั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในการคำนวณของบรรพกาลผู้นี้สิ้น โลกที่เจ้าสร้างขึ้นมานั้นขยับไหวตามสั่งของบรรพกาลผู้นี้ เจ้ายังจะไม่คิดยอมแพ้อีกหรือ?”

นี่มันอาจจะเป็นการประลองแต่แท้จริงมันก็คือการต่อสู้

ใครที่ครอบครองโลกบนกระดานนี้ได้ก็คือผู้ชนะ

สภาพของโอสถบรรพกาลในเวลานี้มันแตกต่างจากโอสถบรรพกาลในอย่าถามไปมาก

โอสถบรรพกาลนั้นเดิมทีก็เป็นแค่เสี้ยววิญญาณและยังถูกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกดพลังไว้จึงทำให้เย่หยวนเอาชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ส่วนโอสถบรรพกาลที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้มันมีพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินลงได้ง่ายๆ

ไม่ว่าจะมีแผนการใดมันก็ล้วนไม่มีค่าให้ใช้ต่อหน้ากำลังที่แข็งแกร่งล้ำ

การประลองนี้มันถูกโอสถบรรพกาลควบคุมไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

โลกแบบใดที่เย่หยวนคิดสร้างนั้นมันล้วนปรากฏชัดต่อสายตาของโอสถบรรพกาล

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องคิดใดๆ

เมื่อมนุษย์คิด เทพเจ้าจะหัวเราะ

มันคือสถานการณ์แบบนั้นอย่างแท้จริง

จุดที่โอสถบรรพกาลยืนอยู่นั้นมันสูงส่ง สูงจนเขาสามารถมองดูการประลองโอสถนี้ได้ด้วยสายตาของเทพเจ้า

ไม่ว่าจะมีแผนการความคิดแยบยลปานใด มีหรือที่มันจะหลุดรอดสายตาของเทพเจ้าไปได้?

เย่หยวนนั้นใช้สมองที่มีทั้งหมดพยายามคิดแต่มันกลับไม่ได้มีค่าใดต่อหน้าโอสถบรรพกาลเลย

“ไม่มีใครหรอกที่จะควบคุมทุกสิ่งอย่างได้! ข้าทำไม่ได้ เจ้าทำไม่ได้ ต่อให้… จะเป็นเต๋าสวรรค์เองก็ทำไม่ได้! ข้าจะแพ้ แต่… ข้าจะไม่แพ้ลงเช่นนี้แน่!” เย่หยวนตอบกลับมาด้วยเสียงแห้งๆ ไร้เรี่ยวแรง

หมากกระดานนี้มันดำเนินมาเกือบร้อยปีและเย่หยวนก็พยายามหนีให้หลุดจากการควบคุมของโอสถบรรพกาลมาตลอด

ทุกก้าวที่เขาเดินนั้นมันยากลำบากอย่างถึงที่สุด

การประลองกับตัวตนระดับเทพเจ้าเช่นนี้หากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการไป มันก็ย่อมจะไม่มีทางใดที่จะชนะได้

คนอื่นๆ อาจจะบอกว่าเขานั้นไม่ประมาณตัวเองแต่ไม่ได้รู้เลยว่าแค่ทนมาได้จนถึงเวลานี้มันก็น่าตกตะลึงแค่ไหนแล้ว

ตั้งแต่การลงหมากครั้งแรกของโอสถบรรพกาลนั้นเย่หยวนได้เข้าใจแล้วว่าโอสถบรรพกาลตรงหน้าเขานี้มันแข็งแกร่งกว่าโอสถบรรพกาลในอย่าถามไปไม่รู้กี่เท่า!

เขานั้นเคยลองฝีมือกับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาก่อนแม้มันจะเป็นแค่เกมง่ายๆ แต่เขาก็เข้าใจได้ว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลในเวลานี้เองก็ไม่อาจเทียบโอสถบรรพกาลได้แล้ว!

เขานั้นย่อมจะไม่ได้คิดว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตั้งใจหลอกลวงใดๆ เพราะสิ่งเดียวที่จะคิดได้คือหลายล้านปีมานี้โอสถบรรพกาลได้พัฒนาฝีมือไปอย่างมากล้น

จะบอกว่าเวลานี้โอสถบรรพกาลนั้นเข้าใจโอสถเต๋าแท้ เข้าใกล้คำว่าเทพเจ้าไปทุกทีก็ไม่ผิด

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดวินาทีแรกที่เขาได้เห็นโอสถบรรพกาลมันถึงได้ให้ความรู้สึกเช่นนั้นต่อตัวเย่หยวน ราวกับว่าเขานี้คือโอสถ

แต่แล้วทำไม?

เขานั้นมาก็เพื่อจะได้เห็นจุดสุดยอดของเต๋าโอสถ!

ต่อสู้กับสวรรค์ เขานั้นมีแต่ความสุข

ต่อสู้กับเทพเจ้า เขานั้นมีแต่ความดีใจ

“บรรพกาลผู้นี้ได้เอาเต๋าของยี่มาและก้าวขึ้นมาถึงฐานของพลังแนวคิด! ในเต๋านี้บรรพกาลผู้นี้คือเทพเจ้า! มีหรือที่มดปลวกจะสู้กับเทพเจ้าได้?” โอสถบรรพกาลกล่าว

เหล่าบรรพกาลทั้งหลายต่างต้องสั่นสะท้านไปทันทีที่ได้ยินการเข้าถึงฐานของแนวคิดนั้นมันคือพลังของเต๋าบรรพกาล!

นั่นคือตัวตนที่อยู่เหนือชะตากรรม มีพลังไม่อาจเทียบเคียง

ในเวลานี้โอสถบรรพกาลนั้นกำลังจะได้กลายเป็นโอสถบรรพกาลทั้งในนามและในความเป็นจริง!

“นอกจากว่าเจ้าจะยังไม่ได้เป็นเทพเจ้าใดๆ แล้ว หรือต่อให้เจ้าเป็นแล้วมันจะทำไมเล่า?”

เย่หยวนหันหน้ากลับลงมาจ้องมองที่กระดานหมากอย่างตั้งใจอีกครั้ง

โอสถบรรพกาลนั้นไม่คิดสนใจขยับตัวลงไปยังลานเหนือเมฆที่คนทั้งหลายอยู่

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันหัวรั้นไม่ต่างจากเจ้าในตอนนั้นเลย!” โอสถบรรพกาลหัวเราะขึ้น

ยี่นั้นหรี่ตาลงมองพร้อมกล่าวกลับมาอย่างเย็นเยือก “เลิกวางท่าเถอะ แท้จริงแล้วเจ้าก็คงตื่นตะลึงมิใช่หรือ? หรือควรบอกว่าแท้จริงแล้วเจ้ากำลังดีใจ! เพราะข้านั้นกลับเอาแกะมาป้อนถึงปากเจ้า!”

โอสถบรรพกาลยิ้มรับ “หึๆ ดูท่าเจ้าจะเข้าใจแล้ว! บรรพกาลผู้นี้ก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ได้ล้วนย่อมมิใช่แค่เพราะข้ากดหัวเด็กๆ ทั้งหลายไว้ จิตเต๋าของเจ้านั้นพังลงเพราะมันมีข้อบกพร่อง ใช่แล้ว ครั้งนี้เจ้าได้เอาของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ข้าจริงๆ ฝีมือของเจ้าเด็กคนนั้นมันเก่งกาจกว่าที่ข้าคิดไปมากล้น! หลังจากการประลองวันนี้แล้วข้าคงสามารถบรรลุพลังแห่งแนวคิดและขึ้นถึงระดับของโอสถเต๋าแท้ได้แน่!”

ทุกผู้คนสั่นสะท้านไปตามๆ กันเมื่อได้ยินเพราะเรื่องนี้มันเกินความจริงจนเกินไป

โอสถเต๋านั้นมันคือสิ่งที่นักหลอมโอสถต่างเฝ้าฝัน

เว้นเสียแต่ว่าจนถึงวันนี้มันก็ยังไม่มีใครก้าวไปถึงมันได้!

หลังจากวันนี้ไปโอสถบรรพกาลกลับจะก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นได้!

ในอดีตมานั้นตัวโอสถบรรพกาลนั้นเป็นแค่เต๋าบรรพกาลครึ่งก้าว

แต่ไม่นานจากนี้โอสถบรรพกาลนั้นจะได้กลายเป็นเต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง!

ในเวลานี้คนทั้งหลายต่างต้องหันไปมองดูเย่หยวนด้วยความสงสาร

ทุกผู้คนต่างคิดไปว่าเย่หยวนนั้นจะก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นยอดคนเขย่ารากฐานของอาณาจักรทหัยเมฆา ทำให้วงการโอสถนั้นเข้าสู่สภาวะสงคราม

แต่ใครจะไปคิดว่าโอสถบรรพกาลนั้นกลับใช้เย่หยวนเป็นแท่นเหยียบก้าวขึ้นถึงเต๋าและบรรลุกลายเป็นเต๋าบรรพกาลที่แท้จริง!

“หึๆ ยินดีด้วยโอสถบรรพกาล ยินดีด้วยที่ได้บรรลุสุดยอดเต๋าโอสถ!”

“ยินดีด้วย!”

เหล่าบรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างจะเดินเข้ามาแสดงความยินดีแก่โอสถบรรพกาลไปตามๆ กัน

เมื่อโอสถบรรพกาลก้าวขึ้นถึงเต๋าแล้ว มหาพิภพถงเทียนทั้งหมดคงต้องสั่นสะท้านเพราะเรื่องนั้นเป็นแน่

ตำแหน่งของโอสถบรรพกาลนี้มันจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง

เวลานั้นเต๋าโอสถก็จะถูกยกย่องให้ขึ้นไปเทียบเคียงเต๋าการต่อสู้ กลายเป็นยอดเต๋าไร้ต้านไป

นี่มันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นัก!

โอสถบรรพกาลนั้นไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาพร้อมทั้งยังหลับตาทั้งสองไว้ราวกับผิวน้ำที่นิ่งสงัด

เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขานั้นเขาย่อมจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจไปกับการชื่นชมยกยอใดๆ อีก

ฟู่!

เกิดเสียงพลังดังลั่นจนสั่นสะท้านโลกหล้าขึ้นมาขัดขวางการชื่นชมยินดีไว้

ทุกผู้คนต่างหันหน้ากลับไปมองและพบว่าเย่หยวนกำลังวางหมากลงอย่างไม่คิดยอมแพ้

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันยังไม่ยอมแพ้อีก?”

“น่าเสียดาย น่าสงสาร!”

“อัจฉริยะต้องมาจบลงตรงนี้แล้ว”

ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนด้วยความสมเพช คิดว่าการไม่ยอมแพ้ของเย่หยวนนี้มันเป็นความดื้อด้านที่ไม่อาจจะทนมองดู

แต่ในวินาทีนั้นเองที่โอสถบรรพกาลต้องเบิกตาทั้งสองที่หลับอยู่ของตนขึ้นมามองดูกระดานหมากฟ้าดินนั้นก่อนจะเห็นว่ามันกำลังปะทุขึ้นด้วยแสงสว่างจ้า!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2315 โต้กลับอย่างเด็ดเดี่ยว!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2315 โต้กลับอย่างเด็ดเดี่ยว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อั่ก!”

เย่หยวนวางหมากลงพร้อมๆ กับกระอักเลือดคำโตออกมา

เมื่อวางอีกครั้งเขาก็ต้องกระอักเลือดอีกครา

เย่หยวนนั้นมีร่างกายเนื้อที่สุดแสนแข็งแกร่ง แต่เวลานี้เขาแทบจะสิ้นใจลงเสียให้ได้

เขานั้นมีสภาพสุดแสนน่าสมเพช

การประลองโอสถนี้มันไม่ได้แตกต่างจากการต่อสู้ด้วยชีวิตเลย

สำหรับเย่หยวนแล้วมันยากจนเกินไป

มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลอดไม่ได้ที่จะมองดูเย่หยวนและนึกย้อนกลับไปถึงตัวเองในครานั้น

มันช่างเหมือนกันเสียเหลือเกิน!

เขาเองก็มีสภาพแห้งเหี่ยวเช่นนี้อยู่หน้ากระดานหมากนานนับพันๆ ปี

โอสถบรรพกาลนั้นเล็งเล่นงานที่จิตเต๋า มันไม่มีทางใดจะต้านทานหยุดยั้งได้

เย่หยวนนั้นไม่ได้เก่งกาจมากล้ำอยู่แล้ว เวลานี้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับโอสถบรรพกาลที่แข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน เขาย่อมจะทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้

“เฮ้อ มันเป็นความผิดข้าเอง เจ้าหนุ่ม… มันคงพิการแน่แล้ว” มหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกล่าวขึ้นพร้อมถอนหายใจ

เพราะต่อให้เขาไม่พูดคนทั้งหลายก็เข้าใจ

ตำนานจะจบลงตรงนี้!

ยอดอัจฉริยะที่สั่นสะท้านโลกาได้ผู้นั้นจะมาจบลงในที่แห่งนี้แล้ว

“สหายหนุ่ม มันจบแล้ว!”

โอสถบรรพกาลกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงแหบๆ จากบนฟ้ากว้าง

ฟู่!

หมากถูกวางลงอีกครั้งก่อนจะทำให้กระดานทั้งหมดสั่นสะท้าน

บนกระดานนี้มันเกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาเหมือนดั่งดวงอาทิตย์สีขาวนั้นกลืนกินสีดำไปจนสิ้น

หมากกระดานนี้มันไม่มีที่ให้สีดำอยู่รอดอีกต่อไป

เย่หยวนนั้นสั่นสะท้านไปทั้งกายด้วยดวงตาเหนือล้า

ดูท่าเขาคงใกล้หมดแรงเต็มที

แต่เขานั้นก็ยังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงราวกับว่าไม่ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ตรงหน้า

“มันมิใช่เป็นเช่นนี้สิ!” เย่หยวนขมวดคิ้วแน่น

“สหายหนุ่ม เจ้าพ่ายแล้ว” โอสถบรรพกาลกล่าว

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้ายังไม่แพ้ มันยังต้องมีทางออกแน่!”

โอสถบรรพกาลนั้นกล่าวออกมาด้วยท่าทางสบาย “เมื่อตอนที่เจ้าลงหมากแรก บรรพกาลผู้นี้ก็ได้เข้าใจถึงหมากร้อยตาหน้า! แต่ละหมากของเจ้านั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในการคำนวณของบรรพกาลผู้นี้สิ้น โลกที่เจ้าสร้างขึ้นมานั้นขยับไหวตามสั่งของบรรพกาลผู้นี้ เจ้ายังจะไม่คิดยอมแพ้อีกหรือ?”

นี่มันอาจจะเป็นการประลองแต่แท้จริงมันก็คือการต่อสู้

ใครที่ครอบครองโลกบนกระดานนี้ได้ก็คือผู้ชนะ

สภาพของโอสถบรรพกาลในเวลานี้มันแตกต่างจากโอสถบรรพกาลในอย่าถามไปมาก

โอสถบรรพกาลนั้นเดิมทีก็เป็นแค่เสี้ยววิญญาณและยังถูกมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกดพลังไว้จึงทำให้เย่หยวนเอาชนะมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ส่วนโอสถบรรพกาลที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้มันมีพลังที่สามารถทำลายฟ้าดินลงได้ง่ายๆ

ไม่ว่าจะมีแผนการใดมันก็ล้วนไม่มีค่าให้ใช้ต่อหน้ากำลังที่แข็งแกร่งล้ำ

การประลองนี้มันถูกโอสถบรรพกาลควบคุมไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

โลกแบบใดที่เย่หยวนคิดสร้างนั้นมันล้วนปรากฏชัดต่อสายตาของโอสถบรรพกาล

เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่ต้องคิดใดๆ

เมื่อมนุษย์คิด เทพเจ้าจะหัวเราะ

มันคือสถานการณ์แบบนั้นอย่างแท้จริง

จุดที่โอสถบรรพกาลยืนอยู่นั้นมันสูงส่ง สูงจนเขาสามารถมองดูการประลองโอสถนี้ได้ด้วยสายตาของเทพเจ้า

ไม่ว่าจะมีแผนการความคิดแยบยลปานใด มีหรือที่มันจะหลุดรอดสายตาของเทพเจ้าไปได้?

เย่หยวนนั้นใช้สมองที่มีทั้งหมดพยายามคิดแต่มันกลับไม่ได้มีค่าใดต่อหน้าโอสถบรรพกาลเลย

“ไม่มีใครหรอกที่จะควบคุมทุกสิ่งอย่างได้! ข้าทำไม่ได้ เจ้าทำไม่ได้ ต่อให้… จะเป็นเต๋าสวรรค์เองก็ทำไม่ได้! ข้าจะแพ้ แต่… ข้าจะไม่แพ้ลงเช่นนี้แน่!” เย่หยวนตอบกลับมาด้วยเสียงแห้งๆ ไร้เรี่ยวแรง

หมากกระดานนี้มันดำเนินมาเกือบร้อยปีและเย่หยวนก็พยายามหนีให้หลุดจากการควบคุมของโอสถบรรพกาลมาตลอด

ทุกก้าวที่เขาเดินนั้นมันยากลำบากอย่างถึงที่สุด

การประลองกับตัวตนระดับเทพเจ้าเช่นนี้หากทำตามที่อีกฝ่ายต้องการไป มันก็ย่อมจะไม่มีทางใดที่จะชนะได้

คนอื่นๆ อาจจะบอกว่าเขานั้นไม่ประมาณตัวเองแต่ไม่ได้รู้เลยว่าแค่ทนมาได้จนถึงเวลานี้มันก็น่าตกตะลึงแค่ไหนแล้ว

ตั้งแต่การลงหมากครั้งแรกของโอสถบรรพกาลนั้นเย่หยวนได้เข้าใจแล้วว่าโอสถบรรพกาลตรงหน้าเขานี้มันแข็งแกร่งกว่าโอสถบรรพกาลในอย่าถามไปไม่รู้กี่เท่า!

เขานั้นเคยลองฝีมือกับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลมาก่อนแม้มันจะเป็นแค่เกมง่ายๆ แต่เขาก็เข้าใจได้ว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลในเวลานี้เองก็ไม่อาจเทียบโอสถบรรพกาลได้แล้ว!

เขานั้นย่อมจะไม่ได้คิดว่ามหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลตั้งใจหลอกลวงใดๆ เพราะสิ่งเดียวที่จะคิดได้คือหลายล้านปีมานี้โอสถบรรพกาลได้พัฒนาฝีมือไปอย่างมากล้น

จะบอกว่าเวลานี้โอสถบรรพกาลนั้นเข้าใจโอสถเต๋าแท้ เข้าใกล้คำว่าเทพเจ้าไปทุกทีก็ไม่ผิด

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดวินาทีแรกที่เขาได้เห็นโอสถบรรพกาลมันถึงได้ให้ความรู้สึกเช่นนั้นต่อตัวเย่หยวน ราวกับว่าเขานี้คือโอสถ

แต่แล้วทำไม?

เขานั้นมาก็เพื่อจะได้เห็นจุดสุดยอดของเต๋าโอสถ!

ต่อสู้กับสวรรค์ เขานั้นมีแต่ความสุข

ต่อสู้กับเทพเจ้า เขานั้นมีแต่ความดีใจ

“บรรพกาลผู้นี้ได้เอาเต๋าของยี่มาและก้าวขึ้นมาถึงฐานของพลังแนวคิด! ในเต๋านี้บรรพกาลผู้นี้คือเทพเจ้า! มีหรือที่มดปลวกจะสู้กับเทพเจ้าได้?” โอสถบรรพกาลกล่าว

เหล่าบรรพกาลทั้งหลายต่างต้องสั่นสะท้านไปทันทีที่ได้ยินการเข้าถึงฐานของแนวคิดนั้นมันคือพลังของเต๋าบรรพกาล!

นั่นคือตัวตนที่อยู่เหนือชะตากรรม มีพลังไม่อาจเทียบเคียง

ในเวลานี้โอสถบรรพกาลนั้นกำลังจะได้กลายเป็นโอสถบรรพกาลทั้งในนามและในความเป็นจริง!

“นอกจากว่าเจ้าจะยังไม่ได้เป็นเทพเจ้าใดๆ แล้ว หรือต่อให้เจ้าเป็นแล้วมันจะทำไมเล่า?”

เย่หยวนหันหน้ากลับลงมาจ้องมองที่กระดานหมากอย่างตั้งใจอีกครั้ง

โอสถบรรพกาลนั้นไม่คิดสนใจขยับตัวลงไปยังลานเหนือเมฆที่คนทั้งหลายอยู่

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันหัวรั้นไม่ต่างจากเจ้าในตอนนั้นเลย!” โอสถบรรพกาลหัวเราะขึ้น

ยี่นั้นหรี่ตาลงมองพร้อมกล่าวกลับมาอย่างเย็นเยือก “เลิกวางท่าเถอะ แท้จริงแล้วเจ้าก็คงตื่นตะลึงมิใช่หรือ? หรือควรบอกว่าแท้จริงแล้วเจ้ากำลังดีใจ! เพราะข้านั้นกลับเอาแกะมาป้อนถึงปากเจ้า!”

โอสถบรรพกาลยิ้มรับ “หึๆ ดูท่าเจ้าจะเข้าใจแล้ว! บรรพกาลผู้นี้ก้าวเดินมาจนถึงวันนี้ได้ล้วนย่อมมิใช่แค่เพราะข้ากดหัวเด็กๆ ทั้งหลายไว้ จิตเต๋าของเจ้านั้นพังลงเพราะมันมีข้อบกพร่อง ใช่แล้ว ครั้งนี้เจ้าได้เอาของขวัญชิ้นใหญ่มาให้ข้าจริงๆ ฝีมือของเจ้าเด็กคนนั้นมันเก่งกาจกว่าที่ข้าคิดไปมากล้น! หลังจากการประลองวันนี้แล้วข้าคงสามารถบรรลุพลังแห่งแนวคิดและขึ้นถึงระดับของโอสถเต๋าแท้ได้แน่!”

ทุกผู้คนสั่นสะท้านไปตามๆ กันเมื่อได้ยินเพราะเรื่องนี้มันเกินความจริงจนเกินไป

โอสถเต๋านั้นมันคือสิ่งที่นักหลอมโอสถต่างเฝ้าฝัน

เว้นเสียแต่ว่าจนถึงวันนี้มันก็ยังไม่มีใครก้าวไปถึงมันได้!

หลังจากวันนี้ไปโอสถบรรพกาลกลับจะก้าวขึ้นไปถึงจุดนั้นได้!

ในอดีตมานั้นตัวโอสถบรรพกาลนั้นเป็นแค่เต๋าบรรพกาลครึ่งก้าว

แต่ไม่นานจากนี้โอสถบรรพกาลนั้นจะได้กลายเป็นเต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง!

ในเวลานี้คนทั้งหลายต่างต้องหันไปมองดูเย่หยวนด้วยความสงสาร

ทุกผู้คนต่างคิดไปว่าเย่หยวนนั้นจะก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นยอดคนเขย่ารากฐานของอาณาจักรทหัยเมฆา ทำให้วงการโอสถนั้นเข้าสู่สภาวะสงคราม

แต่ใครจะไปคิดว่าโอสถบรรพกาลนั้นกลับใช้เย่หยวนเป็นแท่นเหยียบก้าวขึ้นถึงเต๋าและบรรลุกลายเป็นเต๋าบรรพกาลที่แท้จริง!

“หึๆ ยินดีด้วยโอสถบรรพกาล ยินดีด้วยที่ได้บรรลุสุดยอดเต๋าโอสถ!”

“ยินดีด้วย!”

เหล่าบรรพกาลทั้งหลายนั้นต่างจะเดินเข้ามาแสดงความยินดีแก่โอสถบรรพกาลไปตามๆ กัน

เมื่อโอสถบรรพกาลก้าวขึ้นถึงเต๋าแล้ว มหาพิภพถงเทียนทั้งหมดคงต้องสั่นสะท้านเพราะเรื่องนั้นเป็นแน่

ตำแหน่งของโอสถบรรพกาลนี้มันจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นเต๋าบรรพกาลอย่างแท้จริง

เวลานั้นเต๋าโอสถก็จะถูกยกย่องให้ขึ้นไปเทียบเคียงเต๋าการต่อสู้ กลายเป็นยอดเต๋าไร้ต้านไป

นี่มันเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่นัก!

โอสถบรรพกาลนั้นไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ออกมาพร้อมทั้งยังหลับตาทั้งสองไว้ราวกับผิวน้ำที่นิ่งสงัด

เมื่อก้าวขึ้นมาถึงระดับของเขานั้นเขาย่อมจะไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจไปกับการชื่นชมยกยอใดๆ อีก

ฟู่!

เกิดเสียงพลังดังลั่นจนสั่นสะท้านโลกหล้าขึ้นมาขัดขวางการชื่นชมยินดีไว้

ทุกผู้คนต่างหันหน้ากลับไปมองและพบว่าเย่หยวนกำลังวางหมากลงอย่างไม่คิดยอมแพ้

“หึๆ เจ้าเด็กคนนี้มันยังไม่ยอมแพ้อีก?”

“น่าเสียดาย น่าสงสาร!”

“อัจฉริยะต้องมาจบลงตรงนี้แล้ว”

ทุกผู้คนต่างมองดูเย่หยวนด้วยความสมเพช คิดว่าการไม่ยอมแพ้ของเย่หยวนนี้มันเป็นความดื้อด้านที่ไม่อาจจะทนมองดู

แต่ในวินาทีนั้นเองที่โอสถบรรพกาลต้องเบิกตาทั้งสองที่หลับอยู่ของตนขึ้นมามองดูกระดานหมากฟ้าดินนั้นก่อนจะเห็นว่ามันกำลังปะทุขึ้นด้วยแสงสว่างจ้า!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+