Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2342 น่าสงสาร

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2342 น่าสงสาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“การผสานของสองพลังต้นกำเนิด! แข็งแกร่ง! จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ข้าบอกว่าอย่างไรเล่า? บอกแล้วมิใช่หรือว่าไม้ตายของมันนั้นต้องเป็นวิชาดาบ ข้าพูดผิดหรือไม่เล่า?”

หยางเคอนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าเพราะเขาได้เห็นค่ายกลดาบที่พลังสะท้านฟ้าหรือเพราะแค่ว่าเขานั้นเดาถูก

แต่เวลานี้เหล่าสมาชิกกลุ่มของเขานั้นต่างอ้าปากค้าง

เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่มีใครคิดฝันว่าหยางเคอจะพูดถูกจริง

เพียงแค่ว่าตัวหยางเคอก็ไม่คิดว่าวิชาดาบของเย่หยวนนั้นมันจะแข็งแกร่งไร้ต้านได้ถึงขั้นนั้น!

พลังต้นกำเนิดนั้นมันน่าตกตะลึงจนเกินรับ

ค่ายกลดาบที่สร้างขึ้นมาจากสองพลังต้นกำเนิดมันย่อมจะมีพลังไร้ต้านทานแล้ว

แม้แต่ยอดคนอย่างโมซีนั้นก็ยังตายตกลงไปอย่างรวดเร็ว

เย่หยวนนั้นย่อมไม่คิดรอช้าควบคุมค่ายกลดาบลอยพุ่งกลับมาใส่ตัวฉินหูต่อทันที

ฉินหูนั้นสั่นกลัวจนขาตายภายใต้เสียงระเบิดดังลั่นนั้นเขาก็ได้แต่ต้องกลับไปจุดเกิดใหม่อีกครั้ง

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึงจนไม่อาจพูดกล่าว

พวกเขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าศึกนี้มันจะจบลงในสภาพเช่นนี้

พวกเขานั้นคิดว่ามันคงเป็นการต่อสู้ที่เหนือล้ำ เย่หยวนนั้นจะต้องพยายามต่อสู้อย่างดุเดือดแต่สุดท้ายก็จะแพ้ลงภายใต้การร่วมมือของฉินหูและโมซี

แต่ผลลัพธ์เวลานี้มันกลับไม่เหมือนที่คาดคิดไว้ ทุกสิ่งอย่างจบลงในเวลาแค่อึดใจ

เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจว่าเย่หยวนนั้นไม่มีอะไรให้ต้องกลัวจึงไม่ได้คิดสนใจฟังคำเตือนไร้สาระใดๆ

“เก่งกาจ! เจ้าหนุ่มนี่มันบ่มเพาะฝึกฝนมาอย่างไรกัน สัตว์ประหลาดชัดๆ!”

“ฉินหูคงฉิบหายแท้แล้ว เวลานี้แต้มเทพสงครามของมันคงเหลือไม่ถึงครึ่งแน่”

“กายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดมันก็น่าประหลาดใจพอแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับบรรลุสองบรรแห่งต้นกำเนิด?”

บนท้องฟ้านั้นแต้มเทพสงครามของเย่หยวนมันพุ่งทะยานและทะลุสามพันไปเรียบร้อย

การได้แต้มมากกว่าสามพันในวันแรกที่มาถึงเช่นนี้ เขาคงเป็นคนแรกที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้

เย่หยวนที่ได้นับแต้มเทพสงครามมาก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองไปยังโถงสมบัติวิญญาณอีกครั้ง

เมื่อฮงเย่ได้เห็นเย่หยวนนางก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “นายท่านใช้แต้มเทพสงครามไปหมดแล้วมิใช่หรือ? กลับมาจะซื้ออะไรเพิ่มหรืออย่างไร?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันมีคนใจดีเอาแต้มมาแบ่งให้ข้าไม่หยุดเลย แม่นางฮงเย่ ข้าต้องการดาบหยกแท้สิบเล่ม!”

ฮงเย่ที่ได้ยินก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ

ดาบหยกแท้นั้นมันเป็นดาบสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดที่มีราคามากถึงสามร้อยเจ็ดสิบสองแต้มเทพสงคราม!

แต่เจ้าหมอนี่กลับคิดอยากได้มันถึงสิบเล่มในคราเดียว?

เขาไปเอาแต้มเทพสงครามขนาดนั้นมาจากที่ใด?

ฮงเย่นึกย้อนกลับไปถึงฉินหูทันทีแต่ก็ได้แต่คิดว่าฉินหูเองก็คงไม่มีแต้มมากมายถึงขั้นนั้นแน่

เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินนางก็ได้รับรู้ว่าเย่หยวนนั้นมีแต้มเทพสงครามติดตัวอยู่มากมายมหาศาลจริงๆ!

แม้เย่หยวนจะเดินกลับออกมาจากโถงสมบัติวิญญาณแล้วแต่ฮงเย่ก็ยังไม่อาจจะตั้งสติกลับมาได้

เย่หยวนนั้นใช้แต้มเทพสงครามทั้งหลายที่มีจนสิ้นก่อนจะเดินหน้าออกไปจากเมืองเมฆหนุน

ในเมืองเมฆหนุนนั้นมันปรากฏร่างของผู้คนท่าทางกังวลใจ

“นี่ เจ้าเด็กนามเย่หยวนนั้นมันไปแล้วจริง?”

“ใช่ ข้าเห็นมันออกไปกับตาเลย!”

“เจ้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่?”

“จริงแท้แน่นอน!”

ฉินหูนั้นถามคนผู้นี้เป็นคนที่เจ็ดแล้ว และทุกผู้คนนั้นก็ตอบกลับเขามาด้วยคำตอบเดียวกันนั้นคือเย่หยวนได้จากเมืองไปแล้ว เป็นเวลานี้เองที่เขาเริ่มจะกลับมาสงบจิตสงบใจลงได้

เมื่อกลับมาถึงเมืองเขาก็ย่อมจะถูกโมซีด่าจนยับ

ฉิบหายเองยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ลากเพื่อนไปฉิบหายด้วย

โชคยังดีที่ฉินหูนั้นไม่ได้หนีเอาตัวรอดในยามคับขันทำให้สายสัมพันธ์ที่มีมันจึงไม่ถึงขั้นตัดขาด

“เจ้าเด็กนั่นมันไปแล้ว รีบๆ ออกจากเมืองไปด้วยจะดีไหม? หากเราไปเจอเจ้าเด็กคนนั้นเข้าแล้วมันคงฆ่าสังหารเราอีกแน่!”

ฉินหูนั้นสอบถามคนทั้งเมืองเพื่อยืนยันให้แน่ใจก่อนจะตัดสินใจเดินทางออกเมืองทันที

เขานั้นไม่อยากจะไปเจอเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอีกแล้ว!

แต่โมซีนั้นกลับระวังตัวมากกว่าเขานัก เขาส่ายหัวห้ามออกมา “รออีกสักสองวัน! ออกไปเวลานี้มันอาจจะยังไปเจอหน้ามันได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันอาจจะกำลังหลอกล่อเราอยู่ก็ได้”

“ใช่ๆ ใช่เลย! เจ้าคิดรอบคอบดีจริงๆ!” ฉินหูได้แต่ร้องกล่าว

สองวันต่อมาคนทั้งสองก็เดินออกมาจากเมืองด้วยท่าทางเหมือนโจรร้ายที่ถูกคนหมายหัว

เมื่อได้เห็นว่าตรงหน้าว่างเปล่าไร้เงาของเย่หยวนจิตใจของพวกเขาก็ค่อยผ่อนคลายลง

“รีบๆ ไปกันเถอะ อย่าได้ไปเจอเจ้าเด็กนั่นอีกเลย! ข้านั้นสอบถามมาแน่แล้วว่ามันนั้นมุ่งหน้าไปทางหุบปรารถนา เพราะฉะนั้นเราก็ควรไปอักทิศ ไปทางทุ่งกลางเถอะ!” ฉินหูแนะนำ

โมซีพยักหน้ารับ “ได้ เราจะไปทุ่งกลางกัน!”

แต่ก่อนที่คนทั้งสองจะได้ออกไปนั้นมันกลับเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า

“หนุ่มๆ เย่ผู้นี้รอมานานแล้ว พวกเจ้ารีบขนาดนี้คิดจะไปที่ไหนกันหรือ?”

ได้ยินเสียงนั้นฉินหูก็สั่นสะท้านขนลุกทั้งกายอย่างไม่อาจห้าม

นี่มันคือเสียงของปีศาจชัดๆ

จากนั้นเย่หยวนก็ค่อยๆ ก้าวออกมาจากห้วงมิติปิดทางออกจากเมืองของคนทั้งสองไว้

“จ-จ-เจ้า… เจ้าไปแล้วมิใช่หรือ? ท-ทำไมยังอยู่ได้เล่า?” ฉินหูนั้นถามขึ้นมาด้วยใบหน้าขาวซีดจนพูดไม่เป็นคำ

โมซีเองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กันแต่เขาก็กล่าวขึ้นมา “ดูท่ามันคงมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำความเข้าใจเราไปแล้ว! เพราะฉะนั้นเมื่อมันซ่อนตัวในห้วงมิติเราจึงไม่อาจจะจับถึงพลังของมันได้”

เรื่องนั้นย่อมเป็นแผนของเย่หยวนสิ้น เขานั้นทำท่าเหมือนเดินทางออกจากเมืองไป ก่อนจะค่อยซ่อนตัวเดินทางกลับมารอคนทั้งสองเดินทางออกนอกเมือง

ก่อนจะสังหารจนคนทั้งสองนี้ไม่กล้าออกเมือง มีหรือที่เขาจะยังไปที่อื่นได้?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ในเมื่อพวกเจ้าเข้าใจแล้วข้าก็จะส่งเจ้ากลับไปเอง!”

“เดี๋ยวก่อน…”

ฉินหูนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่เย่หยวนไม่คิดสนใจฟังและส่งคนทั้งสองกลับจุดเกิดไปด้วยค่ายกลดาบในพริบตา

เพิ่งยื่นหน้าออกเมืองไปก็ต้องตายลงอีกแล้ว

ฉินหูนั้นได้แต่ต้องกลับมายืนนิ่งตรงจุดเกิดด้วยสีหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้

เขานั้นเดิมทีมีแต้มเทพสงครามมากมายถึงสามพันเจ็ดร้อยกว่าแต้ม แต่หลังจากตายไปหลายครั้งนี้แต้มของเขานั้นมันเหลืออยู่ไม่ถึงครั้งจากที่มีแล้ว

เย่หยวนนั้นมันช่างน่าคับแค้น ใช้แต้มทั้งหมดที่ได้มาจากเขานั้นไปจนสิ้นเพื่อที่จะสามารถรีดแต้มจากเขาได้มากกว่าเก่า

เวลานี้ลำดับของเขานั้นมันตกมาเกินกว่าเก้าพันแล้ว

โมซีนั้นเองก็ไม่ได้ดีกว่าไปมากมาย เขานั้นตายน้อยกว่าฉินหูไปแค่ครั้งเดียวแต่แต้มที่มีมันก็ลดลงจนเกือบถึงครึ่ง

“ให้ตายสิ! เจ้าไม่มีอะไรทำแล้วหรือ? เจ้าไปท้าทายสัตว์ประหลาดประเภทใดไว้กัน?! นอกจากจะมีกายทองคำสัมบูรณ์ขั้นแปดแล้วยังมีสองพลังต้นกำเนิด แค่นั้นข้าก็จนปัญญาจะสู้แล้ว! เวลานี้มันกลับยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำอีก! เจ้าคิดว่าเราจะออกเมืองไปได้อีกหรือ?” โมซีร้องลั่นด่าฉินหู

เขานั้นแทบจะคลั่งแล้วจริงๆ!

หากอีกฝ่ายนั้นแค่เก่งกาจ พวกไม่อาจต่อสู้ใดๆ ได้ก็ยังพอจะหลบหนีเลี่ยงได้

แต่เย่หยวนกลับมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำ ด้วยระดับของพวกเขานี้พวกเขาไม่อาจจะจับถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้เลย

เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่เย่หยวนจะไป?

เท่านี้พวกเขาก็คงไม่อาจจะออกจากเมืองได้จริงๆ แล้ว!

ไม่ไกลออกไปคนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องหันมามองดูโมซีและฉินหูอย่างสงสารจับใจ

ในหมู่คนนั้นหยางเคอและพวกเองก็อยู่ด้วย

แต่เวลานี้พวกเขาทั้งหลายนั้นโล่งอกโล่งใจอย่างมาก

โชคยังดีที่เย่หยวนไม่ได้หมายหัวพวกเขา ไม่เช่นนั้นแล้วสภาพของพวกเขาคงไม่ได้ดีกว่าคนทั้งสองนี้เลย

เพราะเวลาจำกัดที่จะอยู่ในเมืองของแต่ละคนนั้นมันคือยี่สิบวัน

หากยี่สิบวันแล้วยังไม่ออกจากเมืองไปไหนก็จะถูกพลังของเต๋าสวรรค์ทำลายล้างลงสิ้น

ครั้งนี้ฉินหูทั้งสองนั้นอดทนไปอีกยี่สิบวันก่อนจะตัดสินใจเดินทางออกอีกครั้ง

แต่เมื่อเดินผ่านหน้าประตูเมืองมาได้เย่หยวนก็ยืนรออยู่แล้ว

เท่านี้พวกเขาทั้งหลายก็ไม่กล้าจะออกไปแล้วอย่างแท้จริง

อีกยี่สิบวันผ่านไปตัวฉินหูและโมซีผู้น่าสงสารต้องถูกพลังเต๋าสวรรค์ทำลายล้างลง

เวลาครึ่งปีผ่านไปเช่นนั้น พวกเขาทั้งสองนั้นถูกเต๋าสวรรค์ทำลายลงไปเกือบสิบครั้งจนสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองมาด้วยความกังวลสุดใจ

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2342 น่าสงสาร

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2342 น่าสงสาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“การผสานของสองพลังต้นกำเนิด! แข็งแกร่ง! จะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ข้าบอกว่าอย่างไรเล่า? บอกแล้วมิใช่หรือว่าไม้ตายของมันนั้นต้องเป็นวิชาดาบ ข้าพูดผิดหรือไม่เล่า?”

หยางเคอนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมาก ไม่รู้ว่าเพราะเขาได้เห็นค่ายกลดาบที่พลังสะท้านฟ้าหรือเพราะแค่ว่าเขานั้นเดาถูก

แต่เวลานี้เหล่าสมาชิกกลุ่มของเขานั้นต่างอ้าปากค้าง

เพราะพวกเขาทั้งหลายนั้นไม่มีใครคิดฝันว่าหยางเคอจะพูดถูกจริง

เพียงแค่ว่าตัวหยางเคอก็ไม่คิดว่าวิชาดาบของเย่หยวนนั้นมันจะแข็งแกร่งไร้ต้านได้ถึงขั้นนั้น!

พลังต้นกำเนิดนั้นมันน่าตกตะลึงจนเกินรับ

ค่ายกลดาบที่สร้างขึ้นมาจากสองพลังต้นกำเนิดมันย่อมจะมีพลังไร้ต้านทานแล้ว

แม้แต่ยอดคนอย่างโมซีนั้นก็ยังตายตกลงไปอย่างรวดเร็ว

เย่หยวนนั้นย่อมไม่คิดรอช้าควบคุมค่ายกลดาบลอยพุ่งกลับมาใส่ตัวฉินหูต่อทันที

ฉินหูนั้นสั่นกลัวจนขาตายภายใต้เสียงระเบิดดังลั่นนั้นเขาก็ได้แต่ต้องกลับไปจุดเกิดใหม่อีกครั้ง

เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลายที่ได้เห็นต่างตื่นตะลึงจนไม่อาจพูดกล่าว

พวกเขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าศึกนี้มันจะจบลงในสภาพเช่นนี้

พวกเขานั้นคิดว่ามันคงเป็นการต่อสู้ที่เหนือล้ำ เย่หยวนนั้นจะต้องพยายามต่อสู้อย่างดุเดือดแต่สุดท้ายก็จะแพ้ลงภายใต้การร่วมมือของฉินหูและโมซี

แต่ผลลัพธ์เวลานี้มันกลับไม่เหมือนที่คาดคิดไว้ ทุกสิ่งอย่างจบลงในเวลาแค่อึดใจ

เป็นเวลานี้เองที่พวกเขาทั้งหลายได้เข้าใจว่าเย่หยวนนั้นไม่มีอะไรให้ต้องกลัวจึงไม่ได้คิดสนใจฟังคำเตือนไร้สาระใดๆ

“เก่งกาจ! เจ้าหนุ่มนี่มันบ่มเพาะฝึกฝนมาอย่างไรกัน สัตว์ประหลาดชัดๆ!”

“ฉินหูคงฉิบหายแท้แล้ว เวลานี้แต้มเทพสงครามของมันคงเหลือไม่ถึงครึ่งแน่”

“กายทองคำสัมบูรณ์ระดับแปดมันก็น่าประหลาดใจพอแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเขานั้นกลับบรรลุสองบรรแห่งต้นกำเนิด?”

บนท้องฟ้านั้นแต้มเทพสงครามของเย่หยวนมันพุ่งทะยานและทะลุสามพันไปเรียบร้อย

การได้แต้มมากกว่าสามพันในวันแรกที่มาถึงเช่นนี้ เขาคงเป็นคนแรกที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้

เย่หยวนที่ได้นับแต้มเทพสงครามมาก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองไปยังโถงสมบัติวิญญาณอีกครั้ง

เมื่อฮงเย่ได้เห็นเย่หยวนนางก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “นายท่านใช้แต้มเทพสงครามไปหมดแล้วมิใช่หรือ? กลับมาจะซื้ออะไรเพิ่มหรืออย่างไร?”

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “มันมีคนใจดีเอาแต้มมาแบ่งให้ข้าไม่หยุดเลย แม่นางฮงเย่ ข้าต้องการดาบหยกแท้สิบเล่ม!”

ฮงเย่ที่ได้ยินก็ต้องอ้าปากค้างขึ้นมองดูเย่หยวนอย่างไม่อยากเชื่อ

ดาบหยกแท้นั้นมันเป็นดาบสมบัติวิญญาณจักรพรรดิเทพสวรรค์ขั้นสุดที่มีราคามากถึงสามร้อยเจ็ดสิบสองแต้มเทพสงคราม!

แต่เจ้าหมอนี่กลับคิดอยากได้มันถึงสิบเล่มในคราเดียว?

เขาไปเอาแต้มเทพสงครามขนาดนั้นมาจากที่ใด?

ฮงเย่นึกย้อนกลับไปถึงฉินหูทันทีแต่ก็ได้แต่คิดว่าฉินหูเองก็คงไม่มีแต้มมากมายถึงขั้นนั้นแน่

เมื่อถึงเวลาจ่ายเงินนางก็ได้รับรู้ว่าเย่หยวนนั้นมีแต้มเทพสงครามติดตัวอยู่มากมายมหาศาลจริงๆ!

แม้เย่หยวนจะเดินกลับออกมาจากโถงสมบัติวิญญาณแล้วแต่ฮงเย่ก็ยังไม่อาจจะตั้งสติกลับมาได้

เย่หยวนนั้นใช้แต้มเทพสงครามทั้งหลายที่มีจนสิ้นก่อนจะเดินหน้าออกไปจากเมืองเมฆหนุน

ในเมืองเมฆหนุนนั้นมันปรากฏร่างของผู้คนท่าทางกังวลใจ

“นี่ เจ้าเด็กนามเย่หยวนนั้นมันไปแล้วจริง?”

“ใช่ ข้าเห็นมันออกไปกับตาเลย!”

“เจ้าไม่ได้มองผิดไปใช่หรือไม่?”

“จริงแท้แน่นอน!”

ฉินหูนั้นถามคนผู้นี้เป็นคนที่เจ็ดแล้ว และทุกผู้คนนั้นก็ตอบกลับเขามาด้วยคำตอบเดียวกันนั้นคือเย่หยวนได้จากเมืองไปแล้ว เป็นเวลานี้เองที่เขาเริ่มจะกลับมาสงบจิตสงบใจลงได้

เมื่อกลับมาถึงเมืองเขาก็ย่อมจะถูกโมซีด่าจนยับ

ฉิบหายเองยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ลากเพื่อนไปฉิบหายด้วย

โชคยังดีที่ฉินหูนั้นไม่ได้หนีเอาตัวรอดในยามคับขันทำให้สายสัมพันธ์ที่มีมันจึงไม่ถึงขั้นตัดขาด

“เจ้าเด็กนั่นมันไปแล้ว รีบๆ ออกจากเมืองไปด้วยจะดีไหม? หากเราไปเจอเจ้าเด็กคนนั้นเข้าแล้วมันคงฆ่าสังหารเราอีกแน่!”

ฉินหูนั้นสอบถามคนทั้งเมืองเพื่อยืนยันให้แน่ใจก่อนจะตัดสินใจเดินทางออกเมืองทันที

เขานั้นไม่อยากจะไปเจอเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นอีกแล้ว!

แต่โมซีนั้นกลับระวังตัวมากกว่าเขานัก เขาส่ายหัวห้ามออกมา “รออีกสักสองวัน! ออกไปเวลานี้มันอาจจะยังไปเจอหน้ามันได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือมันอาจจะกำลังหลอกล่อเราอยู่ก็ได้”

“ใช่ๆ ใช่เลย! เจ้าคิดรอบคอบดีจริงๆ!” ฉินหูได้แต่ร้องกล่าว

สองวันต่อมาคนทั้งสองก็เดินออกมาจากเมืองด้วยท่าทางเหมือนโจรร้ายที่ถูกคนหมายหัว

เมื่อได้เห็นว่าตรงหน้าว่างเปล่าไร้เงาของเย่หยวนจิตใจของพวกเขาก็ค่อยผ่อนคลายลง

“รีบๆ ไปกันเถอะ อย่าได้ไปเจอเจ้าเด็กนั่นอีกเลย! ข้านั้นสอบถามมาแน่แล้วว่ามันนั้นมุ่งหน้าไปทางหุบปรารถนา เพราะฉะนั้นเราก็ควรไปอักทิศ ไปทางทุ่งกลางเถอะ!” ฉินหูแนะนำ

โมซีพยักหน้ารับ “ได้ เราจะไปทุ่งกลางกัน!”

แต่ก่อนที่คนทั้งสองจะได้ออกไปนั้นมันกลับเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากความว่างเปล่า

“หนุ่มๆ เย่ผู้นี้รอมานานแล้ว พวกเจ้ารีบขนาดนี้คิดจะไปที่ไหนกันหรือ?”

ได้ยินเสียงนั้นฉินหูก็สั่นสะท้านขนลุกทั้งกายอย่างไม่อาจห้าม

นี่มันคือเสียงของปีศาจชัดๆ

จากนั้นเย่หยวนก็ค่อยๆ ก้าวออกมาจากห้วงมิติปิดทางออกจากเมืองของคนทั้งสองไว้

“จ-จ-เจ้า… เจ้าไปแล้วมิใช่หรือ? ท-ทำไมยังอยู่ได้เล่า?” ฉินหูนั้นถามขึ้นมาด้วยใบหน้าขาวซีดจนพูดไม่เป็นคำ

โมซีเองก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กันแต่เขาก็กล่าวขึ้นมา “ดูท่ามันคงมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำความเข้าใจเราไปแล้ว! เพราะฉะนั้นเมื่อมันซ่อนตัวในห้วงมิติเราจึงไม่อาจจะจับถึงพลังของมันได้”

เรื่องนั้นย่อมเป็นแผนของเย่หยวนสิ้น เขานั้นทำท่าเหมือนเดินทางออกจากเมืองไป ก่อนจะค่อยซ่อนตัวเดินทางกลับมารอคนทั้งสองเดินทางออกนอกเมือง

ก่อนจะสังหารจนคนทั้งสองนี้ไม่กล้าออกเมือง มีหรือที่เขาจะยังไปที่อื่นได้?

เย่หยวนยิ้มตอบกลับไป “ในเมื่อพวกเจ้าเข้าใจแล้วข้าก็จะส่งเจ้ากลับไปเอง!”

“เดี๋ยวก่อน…”

ฉินหูนั้นทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่เย่หยวนไม่คิดสนใจฟังและส่งคนทั้งสองกลับจุดเกิดไปด้วยค่ายกลดาบในพริบตา

เพิ่งยื่นหน้าออกเมืองไปก็ต้องตายลงอีกแล้ว

ฉินหูนั้นได้แต่ต้องกลับมายืนนิ่งตรงจุดเกิดด้วยสีหน้าเหมือนคนอยากร้องไห้

เขานั้นเดิมทีมีแต้มเทพสงครามมากมายถึงสามพันเจ็ดร้อยกว่าแต้ม แต่หลังจากตายไปหลายครั้งนี้แต้มของเขานั้นมันเหลืออยู่ไม่ถึงครั้งจากที่มีแล้ว

เย่หยวนนั้นมันช่างน่าคับแค้น ใช้แต้มทั้งหมดที่ได้มาจากเขานั้นไปจนสิ้นเพื่อที่จะสามารถรีดแต้มจากเขาได้มากกว่าเก่า

เวลานี้ลำดับของเขานั้นมันตกมาเกินกว่าเก้าพันแล้ว

โมซีนั้นเองก็ไม่ได้ดีกว่าไปมากมาย เขานั้นตายน้อยกว่าฉินหูไปแค่ครั้งเดียวแต่แต้มที่มีมันก็ลดลงจนเกือบถึงครึ่ง

“ให้ตายสิ! เจ้าไม่มีอะไรทำแล้วหรือ? เจ้าไปท้าทายสัตว์ประหลาดประเภทใดไว้กัน?! นอกจากจะมีกายทองคำสัมบูรณ์ขั้นแปดแล้วยังมีสองพลังต้นกำเนิด แค่นั้นข้าก็จนปัญญาจะสู้แล้ว! เวลานี้มันกลับยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำอีก! เจ้าคิดว่าเราจะออกเมืองไปได้อีกหรือ?” โมซีร้องลั่นด่าฉินหู

เขานั้นแทบจะคลั่งแล้วจริงๆ!

หากอีกฝ่ายนั้นแค่เก่งกาจ พวกไม่อาจต่อสู้ใดๆ ได้ก็ยังพอจะหลบหนีเลี่ยงได้

แต่เย่หยวนกลับมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่เหนือล้ำ ด้วยระดับของพวกเขานี้พวกเขาไม่อาจจะจับถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้เลย

เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่เย่หยวนจะไป?

เท่านี้พวกเขาก็คงไม่อาจจะออกจากเมืองได้จริงๆ แล้ว!

ไม่ไกลออกไปคนทั้งหลายนั้นได้แต่ต้องหันมามองดูโมซีและฉินหูอย่างสงสารจับใจ

ในหมู่คนนั้นหยางเคอและพวกเองก็อยู่ด้วย

แต่เวลานี้พวกเขาทั้งหลายนั้นโล่งอกโล่งใจอย่างมาก

โชคยังดีที่เย่หยวนไม่ได้หมายหัวพวกเขา ไม่เช่นนั้นแล้วสภาพของพวกเขาคงไม่ได้ดีกว่าคนทั้งสองนี้เลย

เพราะเวลาจำกัดที่จะอยู่ในเมืองของแต่ละคนนั้นมันคือยี่สิบวัน

หากยี่สิบวันแล้วยังไม่ออกจากเมืองไปไหนก็จะถูกพลังของเต๋าสวรรค์ทำลายล้างลงสิ้น

ครั้งนี้ฉินหูทั้งสองนั้นอดทนไปอีกยี่สิบวันก่อนจะตัดสินใจเดินทางออกอีกครั้ง

แต่เมื่อเดินผ่านหน้าประตูเมืองมาได้เย่หยวนก็ยืนรออยู่แล้ว

เท่านี้พวกเขาทั้งหลายก็ไม่กล้าจะออกไปแล้วอย่างแท้จริง

อีกยี่สิบวันผ่านไปตัวฉินหูและโมซีผู้น่าสงสารต้องถูกพลังเต๋าสวรรค์ทำลายล้างลง

เวลาครึ่งปีผ่านไปเช่นนั้น พวกเขาทั้งสองนั้นถูกเต๋าสวรรค์ทำลายลงไปเกือบสิบครั้งจนสุดท้ายก็ตัดสินใจเดินทางออกจากเมืองมาด้วยความกังวลสุดใจ

…………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+