Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2346 เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลา!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2346 เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจียงเจ๋อนั้นหรี่ตาลงมองด้วยความหวาดกลัวทันที

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะมีแนวคิดแห่งห้วงมิติเหนือล้ำได้ขนาดนี้ ตามติดเขามาในห้วงมิติได้ในพริบตา

ฉัวะ!

ดาบพุ่งผ่านทำลายร่างของเจียงเจ๋อลงทันที

จากนั้นเย่หยวนก็ได้พุ่งตัวออกไปอีกครั้ง ตามติดจนถึงตัวของยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดอีกผู้หนึ่ง

เมื่อคนทั้งหลายนั้นแยกจากกันไปเช่นนี้แล้วมีหรือที่จะยังต้านทานเย่หยวนได้?

เย่หยวนสังหารคนทั้งสี่ลงราวกับสับหั่นผัก

ส่วนอีกสามคนนั้นยังถูกเทียนหยวนตี้หยางรั้งไว้จนไม่อาจจะไปที่ไหนได้

เย่หยวนนั้นรีบมุ่งหน้ากลับมาหาคนทั้งหลายและฆ่าสังหารคนทั้งสามที่ปะทะกับเทียนหยวนตี้หยางอยู่

แปดยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดนั้นกลับไม่มีใครหนีรอดกลับไปได้แม้สักคน

ในเมืองเมฆหนุนเวลานี้เจียงเจ๋อกำลังยืนนิ่งด้วยดวงใจที่หวาดกลัว สีหน้าของเขานั้นมันยังคงซีดเผือดแม้จะฟื้นคืนชีวิตกลับมาแล้ว

“ช่างอับโชคเสียจริง! กลับไปเจอเจ้าเด็กสัตว์ประหลาดเช่นนั้นได้!” เจียงเจ๋อบ่นออกมา

ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดอีกคนนั้นยิ้มตอบขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากที่ใดกัน? มันจะเป็นสัตว์ประหลาดจนเกินไปแล้ว! คนอื่นเขาพยายามกันทั้งชีวิตแต่ยังบรรลุพลังต้นกำเนิดได้แค่อย่างเดียว แต่มันกลับมากพรสวรรค์นัก! คนผู้เดียวนี้กลับบรรลุพลังต้นกำเนิดขึ้นมาถึงสองอย่าง! และยังมิใช่แค่นั้น มันยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่สูงล้ำทั้งยังสามารถใช้คำบัญชาเต๋าสวรรค์!”

แค่ดูสีหน้านี้มันก็พอจะบอกได้แล้วว่าสภาพจิตใจของเขามันเป็นอย่างไร

เขานั้นรวบรวมยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดถึงแปดคนมาได้ ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดที่นับได้ว่าเป็นสุดยอดของอัจฉริยะในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลาย

จะเรียกว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นอัจฉริยะของเหล่าอัจฉริยะก็คงไม่ผิดนัก เป็นสัตว์ประหลาดในกลุ่มสัตว์ประหลาด

แต่จะอย่างไรพวกเขาเหล่าอัจฉริยะของอัจฉริยะทั้งหลายนี้ก็ไม่อาจเทียบแสงของเย่หยวนได้

“ให้ตายสิ! สงสัยจะก้าวเท้าผิดตอนออกเมืองไป! เจ้าเด็กคนนี้มันมีฝีมือคงติดระดับสี่พันได้ง่ายๆ! ติดแค่ว่ามันมีพลังบ่มเพาะต่ำไปหน่อยไม่เช่นนั้นมันคงติดอับดับทองคำเทพสงครามได้อย่างไม่ยากเย็น!” หลินจ้านกล่าว

อับดับทองคำเทพสงครามนั้นมันคือสิ่งที่จะถูกจัดขึ้นทุกร้อยปี

มันเป็นการจัดลำดับของเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาที่อยู่อันดับสามพันขึ้นไป

มีแต่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาที่อยู่อันดับสามพันขึ้นไปเท่านั้นที่จะติดอับดับทองคำเทพสงคราม

เด็กชะตาไร้คาดเดาที่ติดอับดับทองคำเทพสงครามได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะในหมู่ยอดอัจฉริยะด้วยกัน

แต่จะอย่างไรอับดับทองคำเทพสงครามที่ว่านี้มันก็แค่อันดับรองของเมืองเมฆหนุนเท่านั้น

“ช่างเถอะๆ วันหน้าได้เจอมันที่ใดก็รีบหลบเลี่ยงทันที! เจอเทียนหยวนตี้หยางนั้นเองก็รีบหลบเลี่ยงเช่นกัน! สู้ไม่ได้ก็หลบหน้าได้!” เจียงเจ๋อกล่าวขึ้นมาอย่างยอมรับชะตา

สังหารเหล่ายอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทั้งแปดลงนี้เย่หยวนก็ได้แต้มเทพสงครามมาอย่างบ้าคลั่งทะลุห้าพันแต้มไปในคราเดียว

เทียนหยวนตี้หยางนั้นเองก็ตื่นตะลึงไปไม่แพ้กัน

พวกเขาทั้งสองนั้นกล่าวบอกว่าจะปกป้องเย่หยวนในหุบเขาสุริยันจันทรานี้แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายเย่หยวนที่ช่วยเหลือ

ตอนที่เย่หยวนต่อสู้กับคนทั้งสองก่อนหน้านั้นเขาใช้พลังออกมาไม่ถึงครึ่งของที่มี

ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์มันคงไม่จบที่เสมอ

“สหายหนุ่มเย่ มันเป็นเราสองผัวเมียที่ไม่รู้จักว่าอะไรดีงามต่ำสูง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือ เราจะถือสหายหนุ่มเย่เป็นสหายจากวันนี้ไปแน่นอน! หลังจากกลับไปโลกภายนอกแล้วเจ้าต้องมาเที่ยวเล่นหาพวกเราบ้างนะ” เทียนหยวนกล่าว

คนทั้งสองนี้มีนิสัยแปลกประหลาดจนเกินไป ไม่อาจรู้ได้เลยว่าผู้คนอื่นๆ นั้นคิดอย่างไร

เย่หยวนนั้นดูอย่างไรก็ไม่อยากสุงสิงด้วยแต่คนทั้งสองนั้นกลับยังดื้อด้านไม่คิดหยุด

คนทั้งสองนี้คงลบหลู่ผู้คนมากมายแต่มันก็คงมีหลายคนที่ปล่อยเรื่องราวผ่านไปเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วคนทั้งสองคนไม่อาจอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้

เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นมา “แน่นอน! เย่ผู้นี้ขอตัวไปบ่มเพาะฝึกฝนต่อก่อนแล้ว ขอตัวลา”

เมื่อกล่าวลาจากคนทั้งสองไปเย่หยวนก็มุ่งหน้าลงลึกในหุบเขาสุริยันจันทรา

ในป่าลึกนั้นมันมีสัตว์ร้ายหัวคล้ายสิงโตร้องลั่นขึ้น

สัตว์ร้ายซวนสู้! เย่หยวนนั้นได้ยินเรื่องราวของสัตว์ร้ายชนิดนี้มาก่อน

เจ้าสัตว์ร้ายซวนสู้นี้มันแข็งแกร่งพอๆ กับเหล่ายอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทีเดียว

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือพลังของสัตว์ร้ายซวนสู้นี้ที่มันสามารถควบคุมแนวคิดแห่งกาลเวลาได้ ทำให้เป็นอะไรที่จัดการได้ยากอย่างมาก

เย่หยวนนั้นต้องเหนื่อยไม่น้อยกว่าจะฆ่าสังหารมันลงได้

“ฆ่าสังหารยอดสัตว์ร้ายเช่นนี้ลงแล้วข้ายังได้มาแค่สามแต้มเทพสงคราม ดูท่าแต้มเทพสงครามที่ได้มาจากพวกเจียงเจ๋อทั้งหลายนี้มันจะมากเกินไปแล้ว หืม? นี่มันอะไรกัน?”

เย่หยวนที่กำลังหนักหน่วงหัวใจเรื่องแต้มเทพสงครามนั้นสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังลึกลับสายหนึ่งที่ไหลเข้ามาในกาย

“นี่มัน… เศษเสี้ยวแนวคิด? เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลา! น่าเสียดายนักที่มันเล็กน้อยจนเกินกว่าจะทำความเข้าใจ”

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงเจ้าความรู้ความเข้าใจที่ไหลเข้ามาในร่างจนต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น

แต่ไม่นานเขาก็ต้องผิดหวัง

เพราะเศษเสี้ยวแนวคิดนี้มันเล็กน้อยจนเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจใดๆ ได้

แต่จู่ๆ เขาก็เบิกตากว้างขึ้น “สงสัยเหลือเกินว่าเศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลาทั้งหลายที่สัตว์ร้ายซวนสู้มีนี้มันจะเหมือนกันทั้งหมดหรือไม่ หากมันเป็นคนละส่วนกันแล้ว ข้าจะพอเอามันมาประกอบเป็นแนวคิดแห่งกาลเวลาที่สมบูรณ์ได้หรือไม่?”

คิดได้เช่นนั้นเขาก็ลงมือล่าหาเหล่าสัตว์ร้ายซวนสู้อย่างไม่รอช้า

สัตว์ร้ายซวนสู้นั้นมันเป็นสัตว์ร้ายหายาก แต่หากคิดล่ามันก็ย่อมจะพบเจอได้

หลังจากผ่านไปได้อีกราวสิบวันในที่สุดเย่หยวนก็ได้มาพบเข้ากับสัตว์ร้ายซวนสู้อีกตัว

จากนั้นเขาก็ต้องตื่นเต้นดีใจอย่างมากเพราะว่าสองเศษเสี้ยวนั้นมันกลับประกอบเข้าหากันได้จริงๆ

“หึ เยี่ยม! เท่านี้ตราบเท่าที่ข้าล่าสังหารสัตว์ร้ายซวนสู้ต่อไปเรื่อยๆ ข้าก็คงสามารถประกอบส่วนน้อยๆ ของแนวคิดแห่งกาลเวลาขึ้นมาได้!” เย่หยวนยิ้ม

เพราะตั้งแต่ที่สัมผัสได้ถึงกระแสเวลาในที่แห่งนี้เย่หยวนก็สนใจเรื่องของแนวคิดแห่งกาลเวลามาตลอด ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้เขากลับจะได้มีโอกาสบ่มเพาะมันจริง

แนวคิดแห่งกาลเวลานั้นมันเป็นสิ่งที่ยากต่อการเข้าใจ แต่เจ้าเศษเสี้ยวนี้มันต่างไป

เพราะเจ้าเศษเสี้ยวนี้มันแฝงมาด้วยพลังของแนวคิดโดยตรงทำให้นักยุทธสามารถมองดูความลึกลับของแนวคิดแห่งกาลเวลาได้อย่างแจ่มชัด

แน่นอนว่าจะอย่างไรการคิดบ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลามันก็ยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์

เพราะนี่มันคือแนวคิดที่เข้าใจได้ยากที่สุดของมหาพิภพถงเทียน

แม้แต่แนวคิดแห่งห้วงมิติเองก็ยังเข้าใจได้ง่ายกว่าแนวคิดแห่งกาลเวลาไประดับหนึ่ง

เย่หยวนได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมในที่แห่งนี้มันถึงได้มียอดฝีมือพลังต้นกำเนิดมากนัก!

ดูท่าแล้วเหล่ายอดคนทั้งหลายนั้นคงออกล่าสัตว์ร้ายและได้เศษเสี้ยวแห่งแนวคิดที่ช่วยให้พวกเขาสามารถก้าวข้ามโซ่ตรวนและบรรลุถึงต้นกำเนิดของแนวคิด

ตอนแรกเย่หยวนก็ยังมึนงงไม่น้อยเพราะยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดในที่แห่งนี้มันมีมากจนเกินไป

“จากวันนี้ไป ล่าสัตว์ร้ายซวนสู้!” เย่หยวนตัดสินใจมั่น

เข้ามาถึงมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้ต่อให้เขาจะไม่ได้อะไรเลย แต่แค่แนวคิดแห่งกาลเวลาอย่างเดียวมันก็นับว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

แต่จะอย่างไรสุดท้ายเย่หยวนก็ได้เข้าใจว่าสัตว์ร้ายซวนสู้นั้นมันมีจำนวนที่น้อยจนเกินไป การออกล่าของเขานั้นมันจึงไม่ได้ผลมากมายเท่าที่ควร

เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาจึงมุ่งหน้ากลับมายังเมืองเมฆหนุนเพื่อประกาศภารกิจ

ตราบเท่าที่มีคนมอบข้อมูลของสัตว์ร้ายซวนสู้ให้และได้รับการยืนยัน เขาก็จะให้แต้มเทพสงครามกับอีกฝ่ายหนึ่งร้อยแต้มทันที

ไม่นานนักคนทั้งเมืองเมฆหนุนก็ได้ยินเรื่องการล่าสัตว์ร้ายซวนสู้ของเย่หยวน

แต่สิ่งที่ตามมานั้นมันคือคำเหยียดหยาม

“หึๆ เจ้าโง่ที่ไม่ประเมินตัวเอง! มันคิดจริงหรือว่าแนวคิดแห่งกาลเวลานั้นจะบรรลุได้ง่ายๆ?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันมาเปิดประกาศภารกิจเช่นนี้ ช่างโง่เง่านัก มันคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? สิ่งที่แม้แต่ว่านเจิ้นยังยอมแพ้แต่มันกลับคิดมายุ่งเกี่ยวด้วย!”

“ข้าได้ยินมาว่าว่านเจิ้นนั้นต่อเศษเสี้ยวจนครบส่วนแต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจใดๆ ได้หลังนั่งบ่มเพาะมันอยู่นับสิบๆ ปี สุดท้ายเขาจึงต้องจำใจยอมแพ้! เจ้าเด็กคนนี้มันจะไม่ประเมินตัวเองจนเกินไปแล้ว”

ว่านเจิ้นที่ทุกผู้คนกล่าวถึงนั้นคือยอดคนอันดับหนึ่งในอันดับทองคำเทพสงคราม

การที่จะขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งของอันดับทองคำเทพสงครามได้มันย่อมจะต้องเป็นยอดคนมากพรสวรรค์แล้ว

แต่ขนาดยอดอัจฉริยะระดับนั้นยังไม่อาจทำได้ มีหรือที่เย่หยวนจะทำได้?

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ 2346 เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลา!

Now you are reading Unrivaled Medicine God จอมเทพโอสถ Chapter 2346 เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เจียงเจ๋อนั้นหรี่ตาลงมองด้วยความหวาดกลัวทันที

เขานั้นไม่นึกไม่ฝันว่าเย่หยวนกลับจะมีแนวคิดแห่งห้วงมิติเหนือล้ำได้ขนาดนี้ ตามติดเขามาในห้วงมิติได้ในพริบตา

ฉัวะ!

ดาบพุ่งผ่านทำลายร่างของเจียงเจ๋อลงทันที

จากนั้นเย่หยวนก็ได้พุ่งตัวออกไปอีกครั้ง ตามติดจนถึงตัวของยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดอีกผู้หนึ่ง

เมื่อคนทั้งหลายนั้นแยกจากกันไปเช่นนี้แล้วมีหรือที่จะยังต้านทานเย่หยวนได้?

เย่หยวนสังหารคนทั้งสี่ลงราวกับสับหั่นผัก

ส่วนอีกสามคนนั้นยังถูกเทียนหยวนตี้หยางรั้งไว้จนไม่อาจจะไปที่ไหนได้

เย่หยวนนั้นรีบมุ่งหน้ากลับมาหาคนทั้งหลายและฆ่าสังหารคนทั้งสามที่ปะทะกับเทียนหยวนตี้หยางอยู่

แปดยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดนั้นกลับไม่มีใครหนีรอดกลับไปได้แม้สักคน

ในเมืองเมฆหนุนเวลานี้เจียงเจ๋อกำลังยืนนิ่งด้วยดวงใจที่หวาดกลัว สีหน้าของเขานั้นมันยังคงซีดเผือดแม้จะฟื้นคืนชีวิตกลับมาแล้ว

“ช่างอับโชคเสียจริง! กลับไปเจอเจ้าเด็กสัตว์ประหลาดเช่นนั้นได้!” เจียงเจ๋อบ่นออกมา

ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดอีกคนนั้นยิ้มตอบขึ้น “เจ้าเด็กคนนี้มันมาจากที่ใดกัน? มันจะเป็นสัตว์ประหลาดจนเกินไปแล้ว! คนอื่นเขาพยายามกันทั้งชีวิตแต่ยังบรรลุพลังต้นกำเนิดได้แค่อย่างเดียว แต่มันกลับมากพรสวรรค์นัก! คนผู้เดียวนี้กลับบรรลุพลังต้นกำเนิดขึ้นมาถึงสองอย่าง! และยังมิใช่แค่นั้น มันยังมีแนวคิดแห่งห้วงมิติที่สูงล้ำทั้งยังสามารถใช้คำบัญชาเต๋าสวรรค์!”

แค่ดูสีหน้านี้มันก็พอจะบอกได้แล้วว่าสภาพจิตใจของเขามันเป็นอย่างไร

เขานั้นรวบรวมยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดถึงแปดคนมาได้ ยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดที่นับได้ว่าเป็นสุดยอดของอัจฉริยะในหมู่เด็กชะตาไร้คาดเดาทั้งหลาย

จะเรียกว่าพวกเขาทั้งหลายนั้นเป็นอัจฉริยะของเหล่าอัจฉริยะก็คงไม่ผิดนัก เป็นสัตว์ประหลาดในกลุ่มสัตว์ประหลาด

แต่จะอย่างไรพวกเขาเหล่าอัจฉริยะของอัจฉริยะทั้งหลายนี้ก็ไม่อาจเทียบแสงของเย่หยวนได้

“ให้ตายสิ! สงสัยจะก้าวเท้าผิดตอนออกเมืองไป! เจ้าเด็กคนนี้มันมีฝีมือคงติดระดับสี่พันได้ง่ายๆ! ติดแค่ว่ามันมีพลังบ่มเพาะต่ำไปหน่อยไม่เช่นนั้นมันคงติดอับดับทองคำเทพสงครามได้อย่างไม่ยากเย็น!” หลินจ้านกล่าว

อับดับทองคำเทพสงครามนั้นมันคือสิ่งที่จะถูกจัดขึ้นทุกร้อยปี

มันเป็นการจัดลำดับของเหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาที่อยู่อันดับสามพันขึ้นไป

มีแต่เหล่าเด็กชะตาไร้คาดเดาที่อยู่อันดับสามพันขึ้นไปเท่านั้นที่จะติดอับดับทองคำเทพสงคราม

เด็กชะตาไร้คาดเดาที่ติดอับดับทองคำเทพสงครามได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นยอดอัจฉริยะในหมู่ยอดอัจฉริยะด้วยกัน

แต่จะอย่างไรอับดับทองคำเทพสงครามที่ว่านี้มันก็แค่อันดับรองของเมืองเมฆหนุนเท่านั้น

“ช่างเถอะๆ วันหน้าได้เจอมันที่ใดก็รีบหลบเลี่ยงทันที! เจอเทียนหยวนตี้หยางนั้นเองก็รีบหลบเลี่ยงเช่นกัน! สู้ไม่ได้ก็หลบหน้าได้!” เจียงเจ๋อกล่าวขึ้นมาอย่างยอมรับชะตา

สังหารเหล่ายอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทั้งแปดลงนี้เย่หยวนก็ได้แต้มเทพสงครามมาอย่างบ้าคลั่งทะลุห้าพันแต้มไปในคราเดียว

เทียนหยวนตี้หยางนั้นเองก็ตื่นตะลึงไปไม่แพ้กัน

พวกเขาทั้งสองนั้นกล่าวบอกว่าจะปกป้องเย่หยวนในหุบเขาสุริยันจันทรานี้แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายเย่หยวนที่ช่วยเหลือ

ตอนที่เย่หยวนต่อสู้กับคนทั้งสองก่อนหน้านั้นเขาใช้พลังออกมาไม่ถึงครึ่งของที่มี

ไม่เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์มันคงไม่จบที่เสมอ

“สหายหนุ่มเย่ มันเป็นเราสองผัวเมียที่ไม่รู้จักว่าอะไรดีงามต่ำสูง ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือ เราจะถือสหายหนุ่มเย่เป็นสหายจากวันนี้ไปแน่นอน! หลังจากกลับไปโลกภายนอกแล้วเจ้าต้องมาเที่ยวเล่นหาพวกเราบ้างนะ” เทียนหยวนกล่าว

คนทั้งสองนี้มีนิสัยแปลกประหลาดจนเกินไป ไม่อาจรู้ได้เลยว่าผู้คนอื่นๆ นั้นคิดอย่างไร

เย่หยวนนั้นดูอย่างไรก็ไม่อยากสุงสิงด้วยแต่คนทั้งสองนั้นกลับยังดื้อด้านไม่คิดหยุด

คนทั้งสองนี้คงลบหลู่ผู้คนมากมายแต่มันก็คงมีหลายคนที่ปล่อยเรื่องราวผ่านไปเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วคนทั้งสองคนไม่อาจอยู่รอดมาจนถึงวันนี้ได้

เย่หยวนยิ้มกล่าวขึ้นมา “แน่นอน! เย่ผู้นี้ขอตัวไปบ่มเพาะฝึกฝนต่อก่อนแล้ว ขอตัวลา”

เมื่อกล่าวลาจากคนทั้งสองไปเย่หยวนก็มุ่งหน้าลงลึกในหุบเขาสุริยันจันทรา

ในป่าลึกนั้นมันมีสัตว์ร้ายหัวคล้ายสิงโตร้องลั่นขึ้น

สัตว์ร้ายซวนสู้! เย่หยวนนั้นได้ยินเรื่องราวของสัตว์ร้ายชนิดนี้มาก่อน

เจ้าสัตว์ร้ายซวนสู้นี้มันแข็งแกร่งพอๆ กับเหล่ายอดฝีมือพลังต้นกำเนิดทีเดียว

แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือพลังของสัตว์ร้ายซวนสู้นี้ที่มันสามารถควบคุมแนวคิดแห่งกาลเวลาได้ ทำให้เป็นอะไรที่จัดการได้ยากอย่างมาก

เย่หยวนนั้นต้องเหนื่อยไม่น้อยกว่าจะฆ่าสังหารมันลงได้

“ฆ่าสังหารยอดสัตว์ร้ายเช่นนี้ลงแล้วข้ายังได้มาแค่สามแต้มเทพสงคราม ดูท่าแต้มเทพสงครามที่ได้มาจากพวกเจียงเจ๋อทั้งหลายนี้มันจะมากเกินไปแล้ว หืม? นี่มันอะไรกัน?”

เย่หยวนที่กำลังหนักหน่วงหัวใจเรื่องแต้มเทพสงครามนั้นสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังลึกลับสายหนึ่งที่ไหลเข้ามาในกาย

“นี่มัน… เศษเสี้ยวแนวคิด? เศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลา! น่าเสียดายนักที่มันเล็กน้อยจนเกินกว่าจะทำความเข้าใจ”

เย่หยวนนั้นสัมผัสได้ถึงเจ้าความรู้ความเข้าใจที่ไหลเข้ามาในร่างจนต้องเบิกตากว้างอย่างตื่นเต้น

แต่ไม่นานเขาก็ต้องผิดหวัง

เพราะเศษเสี้ยวแนวคิดนี้มันเล็กน้อยจนเกินกว่าที่จะทำความเข้าใจใดๆ ได้

แต่จู่ๆ เขาก็เบิกตากว้างขึ้น “สงสัยเหลือเกินว่าเศษเสี้ยวแนวคิดแห่งกาลเวลาทั้งหลายที่สัตว์ร้ายซวนสู้มีนี้มันจะเหมือนกันทั้งหมดหรือไม่ หากมันเป็นคนละส่วนกันแล้ว ข้าจะพอเอามันมาประกอบเป็นแนวคิดแห่งกาลเวลาที่สมบูรณ์ได้หรือไม่?”

คิดได้เช่นนั้นเขาก็ลงมือล่าหาเหล่าสัตว์ร้ายซวนสู้อย่างไม่รอช้า

สัตว์ร้ายซวนสู้นั้นมันเป็นสัตว์ร้ายหายาก แต่หากคิดล่ามันก็ย่อมจะพบเจอได้

หลังจากผ่านไปได้อีกราวสิบวันในที่สุดเย่หยวนก็ได้มาพบเข้ากับสัตว์ร้ายซวนสู้อีกตัว

จากนั้นเขาก็ต้องตื่นเต้นดีใจอย่างมากเพราะว่าสองเศษเสี้ยวนั้นมันกลับประกอบเข้าหากันได้จริงๆ

“หึ เยี่ยม! เท่านี้ตราบเท่าที่ข้าล่าสังหารสัตว์ร้ายซวนสู้ต่อไปเรื่อยๆ ข้าก็คงสามารถประกอบส่วนน้อยๆ ของแนวคิดแห่งกาลเวลาขึ้นมาได้!” เย่หยวนยิ้ม

เพราะตั้งแต่ที่สัมผัสได้ถึงกระแสเวลาในที่แห่งนี้เย่หยวนก็สนใจเรื่องของแนวคิดแห่งกาลเวลามาตลอด ไม่นึกไม่ฝันว่าวันนี้เขากลับจะได้มีโอกาสบ่มเพาะมันจริง

แนวคิดแห่งกาลเวลานั้นมันเป็นสิ่งที่ยากต่อการเข้าใจ แต่เจ้าเศษเสี้ยวนี้มันต่างไป

เพราะเจ้าเศษเสี้ยวนี้มันแฝงมาด้วยพลังของแนวคิดโดยตรงทำให้นักยุทธสามารถมองดูความลึกลับของแนวคิดแห่งกาลเวลาได้อย่างแจ่มชัด

แน่นอนว่าจะอย่างไรการคิดบ่มเพาะแนวคิดแห่งกาลเวลามันก็ยากเสียยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์

เพราะนี่มันคือแนวคิดที่เข้าใจได้ยากที่สุดของมหาพิภพถงเทียน

แม้แต่แนวคิดแห่งห้วงมิติเองก็ยังเข้าใจได้ง่ายกว่าแนวคิดแห่งกาลเวลาไประดับหนึ่ง

เย่หยวนได้เข้าใจเสียทีว่าทำไมในที่แห่งนี้มันถึงได้มียอดฝีมือพลังต้นกำเนิดมากนัก!

ดูท่าแล้วเหล่ายอดคนทั้งหลายนั้นคงออกล่าสัตว์ร้ายและได้เศษเสี้ยวแห่งแนวคิดที่ช่วยให้พวกเขาสามารถก้าวข้ามโซ่ตรวนและบรรลุถึงต้นกำเนิดของแนวคิด

ตอนแรกเย่หยวนก็ยังมึนงงไม่น้อยเพราะยอดฝีมือพลังต้นกำเนิดในที่แห่งนี้มันมีมากจนเกินไป

“จากวันนี้ไป ล่าสัตว์ร้ายซวนสู้!” เย่หยวนตัดสินใจมั่น

เข้ามาถึงมิติสงครามดึกดำบรรพ์นี้ต่อให้เขาจะไม่ได้อะไรเลย แต่แค่แนวคิดแห่งกาลเวลาอย่างเดียวมันก็นับว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม

แต่จะอย่างไรสุดท้ายเย่หยวนก็ได้เข้าใจว่าสัตว์ร้ายซวนสู้นั้นมันมีจำนวนที่น้อยจนเกินไป การออกล่าของเขานั้นมันจึงไม่ได้ผลมากมายเท่าที่ควร

เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาจึงมุ่งหน้ากลับมายังเมืองเมฆหนุนเพื่อประกาศภารกิจ

ตราบเท่าที่มีคนมอบข้อมูลของสัตว์ร้ายซวนสู้ให้และได้รับการยืนยัน เขาก็จะให้แต้มเทพสงครามกับอีกฝ่ายหนึ่งร้อยแต้มทันที

ไม่นานนักคนทั้งเมืองเมฆหนุนก็ได้ยินเรื่องการล่าสัตว์ร้ายซวนสู้ของเย่หยวน

แต่สิ่งที่ตามมานั้นมันคือคำเหยียดหยาม

“หึๆ เจ้าโง่ที่ไม่ประเมินตัวเอง! มันคิดจริงหรือว่าแนวคิดแห่งกาลเวลานั้นจะบรรลุได้ง่ายๆ?”

“เจ้าเด็กคนนี้มันมาเปิดประกาศภารกิจเช่นนี้ ช่างโง่เง่านัก มันคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? สิ่งที่แม้แต่ว่านเจิ้นยังยอมแพ้แต่มันกลับคิดมายุ่งเกี่ยวด้วย!”

“ข้าได้ยินมาว่าว่านเจิ้นนั้นต่อเศษเสี้ยวจนครบส่วนแต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจใดๆ ได้หลังนั่งบ่มเพาะมันอยู่นับสิบๆ ปี สุดท้ายเขาจึงต้องจำใจยอมแพ้! เจ้าเด็กคนนี้มันจะไม่ประเมินตัวเองจนเกินไปแล้ว”

ว่านเจิ้นที่ทุกผู้คนกล่าวถึงนั้นคือยอดคนอันดับหนึ่งในอันดับทองคำเทพสงคราม

การที่จะขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งของอันดับทองคำเทพสงครามได้มันย่อมจะต้องเป็นยอดคนมากพรสวรรค์แล้ว

แต่ขนาดยอดอัจฉริยะระดับนั้นยังไม่อาจทำได้ มีหรือที่เย่หยวนจะทำได้?

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+