War sovereign Soaring The Heavens 1472

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1472 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝ่ายในสำนัก

 

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดปล่อยเฮ่อจงไปง่ายๆ จนกระทั่งมันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าอีกครั้งตามที่เขาสั่ง

 

“ความเร็วนี่มันเจ๋งจริงๆ…”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยังได้รับผลเสริมความเคลื่อนไหวจากยันต์เทพเคลื่อนระดับ 3 ดาว จนมีความเร็วทัดเทียมกับผู้ฝึกตนขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ หลังจากที่แยกกับเฮ่อจงแล้วเขาก็ใช้ท่าร่างเคลื่อนไหวเล่นไปทั่วฝ่ายนอก ความเร็วของเขานั้นสูงนัก สูงถึงขั้นที่อาวุโสฝ่ายนอกทั้งหลายก็ไม่อาจจับตามองความเคลื่อนไหวเขาได้ทัน

 

อย่างไรก็ตามอำนาจของยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาวย่อมมีระยะเวลาอันจำกัด เมื่อครบ 1 เค่อ ต้วนหลิงเทียนที่วิ่งเล่นไปทั่วฝ่ายนอกก็หยุดลง ความเร็วหวนกลับสู่ปกติ

 

ขณะเดียวกันนั้น

 

ข่าวเรื่องเฮ่อจงแพ้พ้ายต้วนหลิงเทียนอย่างอนาถ กระทั่งถูกขู่กรรโชกทรัพย์ครั้งมโหราฬก็แพร่กระจายไปในสำนักดั่งไฟลามทุ่ง ยังผลให้ชื่อเสียงของต้วนหลิงเทียนพุ่งสูงขึ้นมาอีกครั้ง

 

ถึงแม้ว่าเฮ่อจงจะยังเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายนอก แต่อย่างไรเสียมันก็มีฐานะเป็นอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีของ 9 พันธมิตร ชื่อเสียงของมัน นับว่าเหนือกว่าอาวุโสฝ่ายในทั่วๆในสำนักจันทร์จรัสแสงเสียอีก

 

อนิจจาตัวตนเช่นนี้กลับปราชัยภายใต้น้ำมือของต้วนหลิงเทียน ซึ่งเป็นเพียงศิษย์ฝ่ายนอกที่เข้าร่วมสำนักจันทร์จรัสแสงได้ไม่ถึง 3 เดือนดี!

 

ต้วนหลิงเทียนประสบผลสำเร็จในการชิงอันดับ เลื่อนมาอยู่ในอันดับที่ 66 ของรายนามปฐพีแทนเฮ่อจง

 

ส่วนเฮ่อจงนั้น อันดับของมันกลับตกไปอยู่ที่ 99 ซึ่งเป็นอันดับเดิมของต้วนหลิงเทียน

 

ตำแหน่งนี้เดิมทีเป็นของเฝิงฟ่าน

 

ในฝ่ายในของสำนัก เป็นธรรมชาติที่ชื่อเสียงต้วนหลิงเทียนจะแพร่มาถึงแล้วเช่นกัน ทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายสนทนาถึงเรื่องนี้กันหนาหู

 

“ปกติคนที่มาจากเมืองชงซัน พอเผชิญหน้ากับมือดีของหลิวฮ่วน ล้วนมิมีผลลัพธ์อันดีสักราย…ทว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ กลับทำให้มือดีของหลิวฮ่วนถึงกับต้องจนปัญญา ยังทุกข์ทรมานเช่นนั้น ไม่ง่ายเลยจริงๆ…”

 

ศิษย์ฝ่ายในหลายคนรู้ถึงความบาดหมางยากอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันได้ของหลิวฮ่วนอาวุโสฝ่ายในกับฟางฮุ่ยเจ้าเมืองชงซันดี หลายคนยังอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้นจุ๊ปากยามพูดถึงเรื่องนี้

 

ข่าวความแพ้พ่ายของเฮ่อจงเอง ไม่นานก็ล่วงรู้ถึงหูหลิวฮ่วน

 

การที่ทุกคนกล่าวขานกันหนาหู ยิ่งทำให้หลิวฮ่วนอับอายไม่น้อย

 

ณ ฝ่ายใน คฤหาสน์ของหลิวฮ่วน

 

ตูม!

 

หลิวฮ่วนที่บังเกิดโทสะคับแค้น ทุบฟาดโต๊ะหินอ่อนเบื้องหน้าจนพินาศ “ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว? 1,000,000 คะแนนอุทิศ?”

 

“ความกระหายของมันนับว่ายิ่งใหญ่นัก กล่าวไปมันก็พึ่งได้รับคะแนนอุทิศไปเกือบ 2,000,000 เมื่อเดือนที่แล้วด้วยซ้ำ…”

 

เฮ่อจงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

“ข้ารู้ว่าท่านมิเต็มใจที่จะจ่าย…แต่ว่าข้าได้สาบานไปแล้วนะท่านลุง”

 

เฮ่อจงมองหลิวฮ่วน ค่อยกล่าวเตือนด้วยท่าทางวิตก

 

“เสี่ยวจง เจ้าอย่าได้กังวลใจไป…มิใช่แค่ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวใบนึงกับอีก 1,000,000 คะแนนอุทิศหรือไร? เล็กน้อยเพียงเท่านี้ ลุงเจ้าย่อมมีจ่าย”

 

หลิวฮ่วนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สีหน้าของมันกลายเป็นปั้นยิ้มเมื่อมองกล่าวกับเฮ่อจง อย่างไรก็ตามลึกลงไปในแววตา ไอโทสะยังไม่จางหายไปแม้แต่น้อย

 

“อย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนนั่นมันช่างกล้านัก! มันกล้าทุบตีทำร้ายเจ้าถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?”

 

หลิวฮ่วนมองไปยังเฮ่อจงที่หน้ายังบวมเป่งล้ำเลือดช้ำหนองพลันสบถออกมาด้วยความขุ่นขึ้ง

 

“ท่านลุงข้ารู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่…แต่ข้าสาบานไปแล้วว่าจักมิยุ่งกับมันอีก วันหน้าขอท่านอย่าได้ทำให้ข้าตกที่นั่งลำบากแล้ว ข้ายังมิอยากถูกอัสนีทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าฟาดผ่าจนตาย”

 

เฮ่อจงไหนเลยจะไม่รู้ความนัยวาจาของหลิวฮ่วน อีกฝ่ายหมายให้มันนำเรื่องนี้ไปใส่สีตีไข่กับอาจารย์ เพื่อสร้างความลำบากให้ต้วนหลิงเทียนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย

 

ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจนัก ที่เห็นด้วยกับคำขอของหลิวฮ่วนลุงมันก่อนหน้านี้

 

หาไม่แล้วมันยังต้องเป็นที่อับอายผู้คนแบบนี้หรือ…

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้พิการมือเท้า แต่ฟันจะเคี้ยวอาหารก็มิมีเหลือ แถมต้องถูกกระทืบให้อับอายต่อหน้าทุกผู้คน…ตอนนี้เกรงว่าในสายตาผู้คน ความยิ่งใหญ่ในฝ่ายนอกของมันไม่มีเหลืออีกแล้ว

 

“ข้ารู้ว่าเจ้ากล่าวคำสาบานไปแล้ว…แต่อาจารย์เจ้า…”

 

ลูกตาหลิวฮ่วนทอประกายวูบวาบ หากทว่าก่อนที่มันจะทันได้กล่าวจบ เฮ่อจงพลันกล่าวแทรกออกมาก่อน “ท่านลุงตอนนี้อาจารย์ข้าคิดทำอะไรข้ามิอาจยุยงได้ ข้ากล่าวคำสาบานกับต้วนหลิงเทียนไว้แล้วข้าจะไม่ยุ่ง…เช่นนั้นรวมไปถึงการเติมน้ำมันราดรดกองไฟต่อหน้าท่านอาจารย์เช่นกัน หาไม่แล้วข้าอาจถือว่าข้าผิดคำสาบาน อัสนีสวรรค์ได้ฟาดข้าตายแน่…”

 

“เสี่ยวจงเจ้ามิต้องกล่าวอันใดทั้งสิ้น ข้าจักไปบอกรองเจ้าสำนักจางด้วยตัวเอง…ข้ามิคิดว่ารองเจ้าสำนักจางจะปล่อยให้ลูกศิษย์ถูกศิษย์ฝ่ายนอกหยามเช่นนี้ง่ายๆ!”

 

หลิวฮ่วนแสยะยิ้ม

 

เฮ่อจงมองหลิวฮ่วนด้วยสายตาซับซ้อนครู่หนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้กล่าวอะไรสืบต่อออกมาอีก เพราะแบบนี้ก็ไม่ถือว่ามันผิดคำสาบาน

 

“ท่านลุง…ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาว กับ 1,000,000 คะแนนอุทิศ”

 

เฮ่อจงมองหลิวฮ่วน ค่อยกล่าวเตือนออกมาอีกครั้งเสียงอ่อน

 

“เอาล่ะๆ ลุงจักให้คะแนนอุทิศเจ้าไป 1,400,000 แต้ม…ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวนั้น เจ้าไปซื้อหาที่ศาลาอุทิศแล้วเอาไปให้มันเถอะ ส่วนอีก 100,000 แต้มที่เหลือ ลุงชดเชยให้เจ้าที่ต้องมาลำบากเช่นนี้”

 

หลิวฮ่วนหยิบบัตรแก้วออกมา ก่อนที่จะโอนจ่าย 1,400,000 คะแนนอุทิศให้เฮ่อจง

 

“อื้อ”

 

เฮ่อจงพยักหน้า ยังพึงพอใจกับคะแนนปลอบใจที่หลิวฮ่วนมอบให้

 

ทว่าหลังจากเฮ่อจงจากไป สีหน้าปั้นยิ้มของหลิวฮ่วนก็สลายหาย กลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ราวมีมีดบาดกลางใจ

 

คะแนนอุทิศ 1,400,000 แต้ม นั่นเล็กน้อยที่ไหนกัน!

 

หากมันไม่รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวก็ไม่ใช่แล้ว!

 

เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมัน…มีคะแนนอุทิศแค่ 1,600,000 กว่าแต้มเท่านั้น!

 

กล่าวไปแล้วที่ต้องจ่ายไปนั่นมันก็เกือบ 9 ส่วน!

 

“ต้วนหลิงเทียน…หากเจ้ามิตายโหง ข้าหลิวฮ่วนมิมีวันได้กินอิ่มนอนหลับ!”

 

ประกายเย็นเยือบแล่นวาบในแววตาหลิวฮ่วนอย่างดุร้าย

 

แล้วหลิวฮ่วนก็เริ่มใช้สมองครุ่นคิด หาวิธีทำให้ต้วนหลิงเทียนฉิบหายอยู่ในสวนลำพัง…

 

เช้าวันรุ่งขึ้น เฮ่อจงก็มาหาต้วนหลิงเทียนตามคำสาบาน

 

“ไม่เลวๆ นับว่าเจ้ายังเป็นคนรักษาคำพูดอยู่บ้าง”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มกริ่มพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ขณะรับยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวกับ 1,000,000 คะแนนอุทิศมาจากเฮ่อจง

 

ด้านเฮ่อจงได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน มันก็ยิ้มขื่นขมทันที

 

มันยังไม่รักษาคำพูดได้รึไง!

 

มันกล่าวสาบานกับทัรฑ์สวรรค์เก้าเก้า ลองไม่รักษาคำพูดดูเถอะ มันได้ถูกฟ้าผ่าหัวตายกันพอดี!

 

หลังจากที่มอบยันต์เต๋ากับคะแนนอุทิศให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว เฮ่อจงก็รีบจากกลับไปทันที มันไม่อยากเห็นหน้าต้วนหลิงเทียนต่ออีกแม้วินาทีเดียว

 

ถึงแม้ว่ามันจะสาบานว่าจะไม่ยุ่งมุ่งร้ายอะไรกับต้วนหลิงเทียนอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะทำใจให้สบายได้ยามอยู่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน มันไม่อยากจะข้องแวะอะไรกับต้วนหลิงเทียนอีกสืบไป

 

สำหรับมันแล้ว ต้วนหลิงเทียนนั้นไม่ต่างอะไรจาก ‘ฝันร้าย’

 

‘โชคดีจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ตอนไปศาลาอุทิศ ข้าซื้อยันต์เทพเคลื่อนนี่กลับมาด้วย…ไม่งั้นข้าคงยากจะรอดพ้นหายนะเมื่อวานแล้ว’

 

พอคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ใจต้วนหลิงเทียนยังอดไม่ได้ที่จะหวาดเสียวอยู่บ้าง

 

เขาคงยากจะรอดพ้นรังสีพลังพิฆาตจากยันต๋เต๋าเฮ่อจง หากไม่ใช้ยันต์เต๋าเทพเคลื่อน

 

รังสีพลังพิฆาตนั้น มันมาจากยันต์เต๋าสายจู่โจมที่มีระดับ 2 ดาว ยามปะทุพลังสังหารออกมา เทียบได้กับการลงมือของยอดฝีมือสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ!

 

‘ดูเหมือนว่าข้าไม่อาจตระหนี่คะแนนอุทิศ ไม่ซื้อยันต์เต๋าพวกนี้ติดตัวได้แล้วจริงๆ…’

 

ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะเดินทางออกจากฝ่ายนอกมุ่งหน้าไปยังศาลาอุทิศ

 

ต่างจากครั้งก่อนที่มาศาลาอุทิศครั้งแรก ตอนนี้ศิษย์ฝ่ายในมากมายจดจำเขาได้แล้ว

 

และคราวนี้หลังจากมาถึงศาลาอุทิศ เขาไม่ได้เดินดูของที่ชั้นแรกสืบไป เพียงมุ่งหน้าไปยังบันไดทางขึ้นชั้น 2 ทันที และจุดหมายปลายทางของเขาครั้งนี้ก็คือชั้น 3 ของศาลาอุทิศ

 

ชั้น 3 ของศาลาอุทิศนั้น เป็นสถานที่ขายยันต์เต๋า

 

ในตอนที่เดินผ่านชั้น 2 ของศาลาอุทิศ ต้วนหลิงเทียนมองไปที่โต๊ะรับรองก็พบว่าไม่ใช่อาวุโสฟ่างเฉียนที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแล เขาจึงเดินขึ้นไปยังชั้น 3 ทันที

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

ชั้น 3 ของศาลาอุทิศนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่เฝ้าดูแลโต๊ะรับรองก็เป็นผู้ดูแลฝ่ายใน 2 คนเดิมที่เขามาครั้งก่อน พอพวกมันเห็นต้วนหลิงเทียน สายตาก็เปลี่ยนไปไม่น้อย

 

พวกมันย่อมได้ยินเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้แล้ว

 

เอาชนะ ‘เฮ่อจง’ ผู้เข้มแข็งใน ‘รายนามปฐพี’ ที่สงสัยกันว่าเป็นมือดีของหลิวฮ่วน ยังกรรโชกรีดไถคะแนนอุทิศมาอีก 1,000,000 แต้ม รวมถึงยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาว!

 

ตอนที่ได้ยินเรื่องราวนี้ของต้วนหลิงเทียนครั้งแรก พวกมันถึงกับอึ้งไปไร้คำจะพูด…

 

ในประวัติศาสตร์ของสำนักจันทร์จรัสแสง ดูเหมือนว่าจักมิมีผู้ใดดุดันร้ายกาจถึงขั้นประพฤติตัวเป็นอันธพาลโหด รีดไถทรัพย์ผู้อื่นมหาศาลขนาดนี้เลยใช่หรือไม่?

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าทักทายทั้งคู่ ก่อนที่จะว่างแหวนพื้นที่ไว้บนโต๊ะรับรองอย่างรู้งาน ค่อยเดินเข้าไปในโถงชั้น 3 ของศาลาอุทิศ

 

คราวนี้นอกจากซื้อยันต์เต๋าเทพเคลื่อน 3 ดาวอีกใบ เขายังซื้อยันต์เต๋าม่านพลังทองระดับ 3 อีก 2 ใบ…เขาเองก็อยากจะซื้อยันต์เต๋าสายจู่โจมด้วย แต่เขาไม่เห็นยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 3 ขายแม้แต่ใบเดียว จึงเลือกที่จะซื้อยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 2 ดาวแทน

 

ตอนนี้เขามี ยันต์เต๋าเทพเคลื่อนระดับ 3 ดาว 2 แผ่น ยันต์เต๋าม่านพลังทองระดับ 3 ดาวอีก 2 แผ่น แล้วก็มียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 2 ดาวอีก 2 แผ่น

 

เมื่อมาถึงโต๊ะรับรองหน้าโถงชั้น 3 ของศาลาอุทิศ ต้วนหลิงเทียนก็นำสิ่งของทั้งหมดชำระคะแนนอุทิศไป 900,000 แต้ม และยังอดไม่ได้ที่จะถามผู้ดูแลทั้ง 2 “ขอโทษนะ แต่ว่าทำไมไม่มียันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 3 ดาวขายในศาลาอุทิศเลยเล่า?”

 

ยันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 3 ดาวนั้น ยามใช้งาน พลังอำนาจสังหารของมันย่อมเทียบได้กับการโจมตีเต็มกำลังของตัวตนระดับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่

 

แน่นอนว่าพลังอำนาจของมันกล่าวไปก็เทียบได้กับการลงมือของตัวตนสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ทั่วไปเท่านั้น

 

“สำนักจันทร์จรัสแสงเรา มิมียันต์เต๋าจู่โจมระดับ 3 ดาวขายหรอกหรอก…”

 

หนึ่งในผู้ดูแลส่ายหัวกล่าวตอบ “ในยันต์เต๋าทั้งหมด ที่หาได้ยากที่สุดก็คือยันต์เต๋าสายจู่โจม…ถึงแม้ว่ายันต์เต๋าสายจู่โจมจะใช้งานหมดไปในชั่วพริบตาเดียวเช่นกัน แต่อย่างไรเสียคุณค่าของมันก็ไม่ใช่อันใดที่ยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวสายอื่นจะเทียบได้…”

 

“หากเจ้าอยากซื้อหายันต์เต๋าสายจู่โจมระดับ 3 ดาว มีแต่ต้องไปซื้อหายังสำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตร เท่านั้น…”

 

ผู้ดูแลอีกคนกล่าวเสริม

 

“สำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตรงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนสงสัย

 

“สำนักงานใหญ่ของ 9 พันธมิตร นั้นตั้งอยู่ในเมืองฮ่านหยาง อันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในการปกครองของ 9 พันธมิตร…หากเจ้าคิดจะซื้อยันต์เต๋าสายจู่โจมให้ได้จริงๆ มีแต่ต้องไปเมืองฮ่านหยางเท่านั้น”

 

ผู้ดูแลคนแรกกล่าวออกมาอีกรอบ

 

“ข้าเข้าใจแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ ค่อยถามสืบต่อ “ว่าแต่พวกท่านรู้หรือไม่ว่าอาวุโสฟ่านเฉียนอาศัยอยู่ที่ไหน?”

 

หลังจากที่ได้รับทราบสถานที่ตั้งเรือนพักของอาวุโสฟ่านเฉียนจากผู้ดูแลทั้ง 2 คนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากศาลาอุทิศ และเดินมุ่งหน้าไปยังฝ่ายใน

 

นี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่เขาก้าวเข้ามาเหยียบฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสง ตั้งแต่เขาเข้าสำนักมา

 

ความแตกต่างระหว่างฝ่ายในกับฝ่ายนอกของสำนักจันทร์จรัสแสงนั้น ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ

 

ความบริบูรณ์ของพลังวิญญาณในฟ้าดินของฝ่ายในนั้น นับว่าเหนือกว่าฝ่ายนอกมากทีเดียว

 

และยิ่งเข้าไปลึกเท่าไรก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงความหนาแน่นของพลังวิญญาณฟ้าดินมากเท่านั้น ‘ดูเหมือนว่าจุดชีพจรวิญญาณ ทั้งสายแร่หินเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสง จะอยู่ที่บริเวณใจกลางของสำนักงั้นสินะ…’

 

จุดนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยาก

 

เพราะยิ่งใกล้กับจุดชีพจรวิญญาณและสายแร่หินเซียนมากเท่าไหร่ พลังวิญญาณฟ้าดินก็จะยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเท่านั้น

 

นอกจากนี้พื้นที่ของฝ่ายในนั้นมันช่างกว้างใหญ่ไพศาลนัก กว้างใหญ่อย่างที่ฝ่ายนอกไม่อาจเทียบได้เลย ถึงขั้นไม่อาจมองเห็นขอบเขตอีกฝั่ง

 

ตามคำแนะนำของผู้ดูแลทั้ง 2 ต้วนหลิงเทียนก็มาถึงพื้นที่ส่วนตะวันออกของฝ่ายใน

 

นี่เป็นสถานที่พักอาศัยของเหล่าผู้อาวุโสฝ่ายใน มีคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ตั้งเรียงรายราวกับสัตว์ร้ายตัวเขื่องหมอบซุ่ม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด