War sovereign Soaring The Heavens 1476

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1476 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พลังของเกาทัณฑ์ดับตะวัน

 

“อืม ผู้เฒ่าอยู่กับข้ามาเนิ่นนานแล้ว…”

 

ฟ่านเฉวียนพยักหน้า กล่าวเล่าความหลัง “เมื่อร้อยปีก่อนตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก สมัยที่ข้ายังเป็นนายน้อยของตระกูลใหญ่ในพื้นที่ปกครองของสำนักจันทร์จรัสแสง…ผู้เฒ่าก็เป็นผู้ที่คอยดูแลติดตามอยู่ข้างกายข้า คอยดูแลสารทุกข์สุกดิบของข้าทุกเรื่อง…”

 

“หลังจากนั้นพอข้าย้ายมาอยู่ที่สำนักจันทร์จรัสแสง ผู้เฒ่าก็ติดตามมาดูแลข้า…”

 

วาจาท้ายประโยคนั้น ใบหน้าแววตาของฟ่านเฉียนก็เผยความอ่อนโยนไม่น้อย

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เรื่องราวก็เป็นดั่งที่เขาคิดไว้

 

ต้วนหลิงเทียนปฏิเสธคำเชิญชวนให้พักอยู่ต่อที่คฤหาสน์ของฟ่านเฉียน ก่อนที่จะลาอีกฝ่ายกลับฝ่ายนอก

 

เมื่อมาถึงบ้านเดี่ยวพร้อมลานส่วนตัวของเขา ก็พบว่ามีคนมายืนเฝ้ารอเขาอยู่หน้าบ้าน

 

เห็นร่างที่ยืนรออยู่ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแววจ้าคราหนึ่ง ค่อยยิ้มทัก “ไง ฉงหู่”

 

“ศิษย์พี่ต้วน”

 

ได้ยินเสียงทักของต้วนหลิงเทียน ฉงหู่ที่ยืนเหม่อรอคอยพลันเผยความตื่นเต้นทันที “ข้ามิคิดเลยว่าจะเกิดเรื่องราวใหญ่โตมากมายขนาดนี้ตอนที่ข้าปิดด่านบ่มเพาะ…ศิษย์พี่ต้วนท่านจะร้ายกาจเกินไปแล้ว! ตอนนี้ท่านนับว่าเป็นความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมืองชงซันเรายิ่ง!!”

 

เห็นได้ชัดว่าหลังออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ฉงหู่ก็ได้รับทราบเรื่องราวความเป็นไปในช่วงที่ผ่านมาหมดแล้ว

 

กำจัดเฝิงฟ่าน เอาชนะศิษย์ฝ่ายใน ทุบตีกรรโชกทรัพย์เฮ่อจง!

 

ตอนที่มันได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก มันถึงกับอ้าปากค้างสองตาโตเท่าลูกวัว

 

เห็นฉงหู่ตื่นเต้นคึกคัก ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆกล่าว “ฉงหู่ ครั้งสุดท้ายที่ข้าแวะไปหาเจ้าก็พบว่าเจ้าปิดด่านบ่มเพาะอยู่…ในเมื่อเจ้าออกมาแล้ว ข้าก็จะได้ส่งคะแนนอุทิศที่ครูฝากมาให้เจ้าเสียที”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว พร้อมยกมือขึ้นเรียกบัตรแก้วออกมา

 

“ศิษย์พี่ใหญ่ คะแนนอุทิศนั่นท่านเก็บไว้ใช้เองเถิด”

 

ฉงหู่ยิ้ม

 

“เจ้าแน่ใจเหรอว่าจะให้ข้าเก็บไว้? หรือเจ้าไม่คิดฝึกวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นอะไรแล้ว? แล้วเจ้าจะเอาอะไรไปสู้หากหลิวฮ่วนส่งคนไประรานเจ้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองจี้ถามฉงหู่ ทำให้มันอดไม่ได้ที่จะหน้าม้านไปทันที

 

ก่อนหน้านี้มันไม่ได้คิดอะไรให้ถี่ถ้วน

 

มันคิดเพียงว่าคะแนนอุทิศนี้หากอยู่ในมือต้วนหลิงเทียจะมีประโยขน์กว่าอยู่กับมัน

 

“ส่งบัตรมาเร็วๆ ลูกผู้ชายยังจะพิรี้พิไรทำอะไร มาเอาไปเสีย”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นทีท่าเหนียมอายของชายร่างใหญ่ปานหมีควาย

 

ฉงหู่ยิ้มเจื่อนๆค่อยส่งบัตรแก้วออกมา

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมันเห็นจำนวนคะแนนอุทิศที่ต้วนหลิงเทียนถ่ายโอนมาให้ มันก็ตกใจจนร้องโพล่งออกมา “เฮ่ย ศิษย์พี่ต้วน นี่มิใช่แล้ว! ข้าจำได้ว่าท่านอาจารย์ฝากคะแนนอุทิศมาให้ข้าแค่ 20,000 แต้มมิใช่หรือไร..ไฉนท่านโอนมา 250,000 แต้มเล่า!?”

 

“เหอะๆ คะแนนอุทิศแค่ 20,000 แต้มเจ้าจะเอาไปทำอะไรได้? ด้วยคะแนนอุทิศ 250,000 แต้มนี่เจ้าสามารถซื้อศาสตราเซียนระดับปฐพีที่มีอาคมเซียน 2 ดาว ทั้งยังฝึกวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นได้”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ที่ข้าช่วยเจ้าได้ก็มีแค่เรื่องนี้…ส่วนคะแนนอุทิศที่เจ้าจะไว้ใช้จ่ายเพื่อยืมอ่านป้ายวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นบทที่เหลือเจ้าต้องหาเอง”

 

“ศิษย์พี่ต้วน”

 

ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน น้ำตาฉงหู่ก็คลอเบ้าขึ้นมาทันที เห็นชัดว่ามันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนคิดช่วยเหลือมัน ทำให้ตื้นตันซาบซึ้งไม่น้อย

 

ศาสตราเซียนระดับปฐพีที่มีอาคมเซียน 2 ดาวจารึกไว้ ให้เป็นอาจารย์ของมันอย่างฟางฮุ่ยก็เกรงว่าจะไม่มีใช้ด้วยซ้ำ

 

“ไม่ต้องทำซึ้ง รีบๆไปหาซื้อของที่ศาลาอุทิศไป”

 

หลังจากกล่าวจบต้วนหลิงเทียน ก็เดินเข้าบ้านทันที ปล่อยให้ชายหนุ่มร่างหนาปานหมีควายอย่างฉงหู่ยืนซึ้งอยู่ลำพัง

 

เรื่องคะแนนอุทิศจำนวนมากที่ให้ฉงหู่ไปเขาก็คิดไว้แต่แรกแล้ว

 

ตอนนี้ในสำนักจันทร์จรัสแสงรู้กันทั่วว่าเขามีเรื่องบาดหมางกับอาวุโสฝ่ายในหลิวฮ่วนขนาดไหน…หากหลิวฮ่วนพบว่าไม่อาจจัดการเขาได้ง่ายๆ ไม่พ้นต้องเบนเข็มไปเล่นงานพวกฉงหู่กับหลิวอวิ๋นแน่นอน!

 

หากฉงหู่กับหลิวอวิ๋นไม่มีแม้แต่ความสามารถในการป้องกันตัวเองได้ มิแคล้วต้องพบพานจุดจบอันอนาถ!

 

ด้วยรู้ดีว่าหลิวฮ่วนคงยากจะปล่อยคนของจวนเจือเมืองชงซันไปได้ง่ายๆ ต้วนหลิงเทียนจึงคิดตัดไฟแต่ต้นลม เร่งส่งเสริมให้ฉงหู่กับหลิวอวิ๋นมีกำลังมากพอ

 

และอีกเหตุผลหนึ่ง ก็เพราะเขาเองก็ไม่อยากให้ฉงหู่กับหลิวอวิ๋นพาลประสบเคราะห์เพราะเขาเป็นต้นเหตุ

 

ป๋ายลี่หงกล่าวบอกไว้ว่าการจารึกอาคมเซียนลงบนสายเกาทัณฑ์จำต้องใช้เวลา 3 วัน เช่นนั้นใน 3 วันที่ต้องเฝ้ารอต้วนหลิงเทียน จึงไปขยันฝึกปรือบนชั้น 2 ของศาลาอุทิศอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย

 

ช่วงที่เขาฝึกเป็นเวลา 9 วันในเจดีย์ โลกภายนอกก็ล่วงเลยไปครบ 3 วันพอดี

 

คราวนี้ต้วนหลิงเทียนไปยังคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงด้วยตัวเอง

 

“เอ้านี่ ศาสตราเซียนของเจ้า”

 

ป๋ายลี่หงยื่นส่งเกาทัณฑ์ดับตะวันคืนให้ต้วนหลิงเทียน และมันรู้ดีว่าของใหม่จำต้องลอง จึงพาต้วนหลิงเทียนไปยังลานฝึกหลังคฤหาสน์ พอดีกันกับในลานนั้นมีหินใหญ่อยู่ก้อนนึง และมันมิใช่หินธรรมดาๆทั่วไป

 

“ด้วยพลังของเกาทัณฑ์เจ้า แม้จะมีอาคมเซียนทะลวงเกราะ…ข้าก็กลัวว่าจะไม่พอที่จะยิงทะลุหินก้อนนี้ได้”

 

เมื่อป๋ายลี่หงเห็นต้วนหลิงเทียนคิดใช้หินใหญ่เป็นเป้า ก็กล่าวเตือนออกมา

 

หินใหญ่ก้อนนี้เป็นหินที่ไม่ธรรมดาอยู่บ้างในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เมื่อหลอมสกัดสายแร่โลหะที่แฝงในหินก้อนนี้ออกมา โลหะดังกล่าวสามารถเอาไปหลอมสร้างศาสตราเซียนได้!

 

แน่นอนว่ายังหลอมได้แค่ศาสตราเซียนระดับมนุษย์เท่านั้น

 

แต่ถึงกระนั้นคิดจะเจาะทะลวงหินใหญ่ขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย!

 

ได้ยินคำกล่าวของป๋ายลี่หงต้วนหลิงเทียนยังคงเงียบ เพียงยกเกาทัณธ์ดับตะวันขึ้นมาเล็ง

 

มือขวาเขาเร่งเร้าปราณแท้ควบรวมเป็นลูกธนูพลังมีสภาพ ก่อนที่จะไปขึ้นสายน้าวศร

 

“นี่น่ะเหรออาคมเซียน เจาะทะลวง?”

 

ในขณะที่น้าวสายเกาทัณฑ์ต้วนหลิงเทียนก็มองไปยังลวดลายจารึกบนสายเกาทัณฑ์ที่แลเห็นลางๆ แต่เขาก็รู้ดีว่ามันคืออาคมเซียนระดับ 3 ดาว เจาะทะลวง ที่ป๋ายลี่หงจารึกให้เขา

 

ไร้ซึ่งความลังเลใดๆต้วนหลิงเทียนถ่ายปราณแท้สู่สายเปิดใช้อำนาจของอาคมเซียนเจาะทะลวงทันที

 

ทันใดนั้นอาคมเซียนเจาะทะลวงก็เริ่มสำแดงอานุภาพ

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ชัดว่ามีพลังอำนาจลึกลับขุมหนึ่งหลั่งไหลเข้ามาผสานควบรวมเข้ากับลูกเกาทัณฑ์พลังมีสภาพ กลิ่นอายทะลุทะลวงหนึ่งแผ่ซ่านออกมาให้สัมผัส

 

ลูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนพยายามน้าวสายเกาทัณฑ์ด้วยพลังทั้งหมด

 

เอียดด! เอียยดดด!!

 

……

 

สายธนูส่งเสียงตึงเปรี๊ยะ ได้ยินชัดถนัดหู

 

ป๋ายลี่หงที่อยู่ข้างๆก็ยืนดูชมอย่างตั้งใจ

 

มันเองก็อยากรู้นักว่าพลังฝีมือของผู้ที่กำลังดังกระฉ่อนไปทั่วฝ่ายนอกฝ่ายในตอนนี้เป็นอย่างไร อีกทั้งพลังอำนาจของเกาทัณฑ์นั่นยามเสริมอาคมเจาะทะลวงมันจะแน่สักแค่ไหน!

 

เกาทัณฑ์เริ่มโค้ง สายถูกดึงจนขึงตึง แผ่นหลังต้วนหลิงเทียนเองก็เริ่มสั่น สภาวะคนคล้ายกลับกลายเป็นเกาทัณฑ์

 

ทันใดนั้นตัวเกาทัณฑ์ก็เริ่มสั่นไหวอย่างแรง

 

พริบตาต่อมามือนิ้วที่คีบศรปล่อยออก ศรพลังมีสภาพฉาบอาคมเจาะทะลวงก็ประหนึ่งจะวูบทะลุความว่าง! กลับกลายเป็นประกายแสงสายหนึ่งสว่างวาบพุ่งชำแรกเนื้อหินจมหายไปในพริบตา สุดท้ายยังทะลุผ่านหินใหญ่ไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ทิ้งไว้แค่รูโบ๋อันน่ากลัว!!

 

สึบ!

 

ทว่าก่อนที่ป๋ายลี่หงจะทันได้ตกใจอะไร มันก็ได้ยินเสียงทะลวงจนทะลุอีกครั้ง

 

มิคาดเกาทัณฑ์นั่นไม่เพียงทะลุหินใหญ่อันแข็งแกร่ง มันยังพุ่งละลิ่วออกไปจนทะลุกำแพงกั้นเขตคฤาสน์ พ้นไปด้านนอก

 

“โอ๊ยยยย!!”

 

ทันใดนั้นพลันมีเสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นจากนอกเขตคฤหาสน์ นำพาให้ต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หงหน้าเหวอทันใด “ฉะ…ฉิบหาย มีคนถูกข้ายิงงั้นเหรอ!?”

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนกับอึ้งค้างตาปริบๆ ใครกันที่มันโชคร้ายถึงขนาดนี้!

 

ทว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าคิดมากสืบไป เร่งพุ่งร่างออกไปชมดูเรื่องราวด้านนอกที่ริมกำแพงทันที จนได้เห็นว่ามีศิษย์ฝ่ายในผู้หนึ่งคล้ายถูกลูกเกาทัณฑ์ปักที่หัวเข่า เร่งเดินลากเท้าออกห่างจากเขตคฤหาสน์ของอาวุโสป๋ายลี่หงอย่างหวาดกลัว

 

คล้ายมันไม่กล้าสร้างปัญหาหรือความรำคาญอะไรให้ป๋ายลี่หง

 

‘ดูเหมือนว่าฐานะของอาวุโสป๋ายลี่หงในสำนักจันทร์จรัสแสงจะไม่ธรรมดาแล้วจริงๆ ขนาดถูกลูกหลงจนขาเป๋แบบนั้นยังไม่กล้ามาหาความ’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

เรื่องนี้เขาเองก็เข้าใจได้ไม่ยาก

 

ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวนั้น มีคุณค่าอย่างสูงกระทั่งขุมพลังชั้น 6 แน่นอนว่าให้เป็นเจ้าสำนักจันทร์จรัสแสงเองก็ยังต้องเกรงใจป๋ายลี่หง

 

ไม่ต้องกล่าวถึงระดับต่ำกว่านั้น

 

ศิษย์ฝ่ายในคนนั้นไม่พ้นคงเป็นศิษย์ของอาวุโสฝ่ายในที่อยู่แถวๆนี้เป็นแน่ แม้มันจะรู้สึกไม่เป็นธรรมอยู่บ้างที่เดินอยู่ดีๆก็ถูกทำร้าย

 

แต่ในฐานะศิษย์ของอาวุโสฝ่ายในมันย่อมรู้ดีว่าป๋ายลี่หงไม่ใช่คนที่มันหรืออาจารย์ของมันจะตอแยด้วยได้

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนย้อนกลับมาจากริมกำแพงกลับมายังลานฝึก เขาก็พบว่าป๋ายลี่หงยืนอึ้งอยู่กับที่ สายตาอีกฝ่ายที่มองมายังเขาทำราวกับเห็นตัวประหลาด

 

“อาวุโสป๋ายลี่ สมแล้วที่ท่านเป็นปรมาจารย์จารึกเซียน 3 ดาว อาคมเซียนเจาะทะลวงระดับ 3 ดาวนี่ช่างมีอำนาจทะลุทะลวงสูงเหลือเกิน!”

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวอุทานออกมาด้วยความชมเชย

 

ดอกศรนั่นไม่เพียงแต่จะเจาะทะลุหินใหญ่ที่แลดูแข็งแกร่งนี่ได้ง่ายๆ ยังเจาะทะลุกำแพงไปทำร้ายศิษย์ฝ่ายในได้แบบนี้!

 

“นี่เจ้า…ใช้ผู้ฝึกยุทธ์หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบแน่หรือ?”

 

อย่างไรก็ตามป๋ายลี่หงไม่ได้ตอบรับคำชมต้วนหลิงเทียน พองมองถามต้วนหลิงเทียนอย่างอึ้งๆ

 

“อะไรกันอาวุโสป๋ายลี่ท่านไม่เชื่อหรือ งั้นท่านไม่ลองใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับตรวจพลังฝึกปรือของข้าเพื่อยืนยันดูเองเลยเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา

 

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้เสมือนทุ่มหินทับเท้าตัวเองไม่มีผิด เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันร้ายกาจขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกมาจากร่างป๋ายลี่หง ครอบคลุมชำแรกตรวจสอบเขาไปทั่วทั้งร่าง จนเขารู้สึกเสมือนยืนเปล่าเปลือย

 

จังหวะนี้คล้ายเขาไม่หลงเหลือความลับใดๆที่สามารถปกปิดได้อีก

 

ต้วนหลิงเทียนพูดไม่ออกไปพักหนึ่ง เขาเพียงกล่าวหยอกป๋ายลี่หงเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะบ้าจี้ตรวจสอบพลังฝึกปรือเขาจริงๆ!

 

ทว่าเขาไม่อาจโกรธเคืองอะไรได้

 

เพราะสุดท้ายแล้วเขาดันเป็นฝ่ายกล่าวชี้นำป๋ายลี่หงเอง เช่นนั้นคำทุ่มหินทับเท้าจึงเหมาะสมแล้ว

 

“เป็นหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบจริงๆด้วย! เจ้าหนุ่ม..เจ้ามันตัวประหลาดแท้ๆ!!”

 

ป๋ายลี่หงสูดลมหายใจเข้าอย่างตื่นตระหนก ค่อยกล่าวพึมพำออกมาด้วยความเหลือเชื่อ

 

จังหวะนี้เรื่องอาจารย์แสนร้ายกาจที่ต้วนหลิงเทียนอุปโลกน์ขึ้นมาก็พลันมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน!

 

หากไม่มีอาจารย์ที่ลึกลับและร้ายกาจพรรค์นั้นสั่งสอน ไฉนศิษย์จึงเป็นตัวประหลาดเช่นนี้ได้?

 

ความคิดของป๋ายลี่หงก็เรียบง่ายตรงไปตรงมานัก

 

“อาศัยพลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้น่ากลัวว่าต่อให้เป็นอันดับต้นๆในรายนามปฐพีเจ้าก็สามารถเอาชนะได้มิยาก…แถมหากเจ้าทะลวงไปถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ได้เมื่อใด เกรงว่ากระทั่งอันดับ 1 ในรายนามปฐพีจำต้องเสียตำแหน่งแล้ว”

 

ป๋ายลี่หงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน

 

“อาวุโสป๋ายลี่มั่นใจในตัวข้าเกินไปแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มกริ่มออกมารับคำชม

 

“เพ่ย! ข้าเชื่อมั่นในอาคมเซียนที่ข้าจารึกต่างหาก!!”

 

ป๋ายลี่หงโพล่งคำแก้เขินเล็กน้อย แน่นอนว่ามันไม่กล้ากล่าวยอมรับออกมาตรงๆ

 

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่มันต้องจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวอย่างอาคมเซียนเจาะทะลวงให้อีกฝ่ายเปล่าๆ ใจมันก็รู้สึกเสมือนหลั่งเลือด

 

อาคมเซียนระดับ 3 ดาวนั้น ลำพังแค่วัตถุดิบสิ่งของที่ต้องใช้ในการจารึกขึ้นมา ต้นทุนก็ปาเข้าไป 200,000 – 300,000 คะแนนอุทิศของสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว!

 

เกรงว่าหากต้วนหลิงเทียนได้ยินความในใจของป๋ายลี่หง เขาคงอดไม่ได้ที่จะก่นด่า…

 

อาคมเซียนระดับ 3 ดาวของท่าน ต้นทุนในการจารึกก็แค่ 2-3 แสนคะแนนอุทิศ แต่ท่านนำไปขายเป็นล้าน! กระทั่งอีกายังไม่ดำเท่าใจท่าน!!

 

“อาวุโสป๋ายลี่ท่านจะชี้แนะเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนให้ข้าวันนี้เลยหรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามพร้อมกระพริบตาปริบๆ

 

“ในเมื่อข้าสัญญากับเจ้าแล้วคำไหนย่อมเป็นคำนั้น…อย่างไรก็ตามเจ้ามิอาจร่ำเรียนเต๋าแห่งการจารึกอาคมเซียนได้เพียงเพราะเจ้าอยากเท่านั้น เรื่องนี้ย่อมขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับผล…”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด