War sovereign Soaring The Heavens 1483

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1483 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตั๊กแตนจ้องจับจั๊กจั่น!

 

มากกว่าหนึ่งครั้งที่ต้วนหลิงเทียนคิดถึงสถานการณ์หลังจากที่เขาทะลวงไปยังขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ ว่าตัวเขาจะทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้กี่จุดกันแน่ แล้วมันจะสามารถทะลวงเปิดได้จนครบหรือไม่…

 

จุดชีพจรเซียนหรือจุดชีพจรฟ้าดินนั้นมีทั้งสิ้น 99 จุด

 

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยสืบไป เพราะในที่สุดเขาก็ทะลวงมาถึงขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่เสียที!

 

“ชีพจรเซียน…”

 

หลังจากที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนเสร็จสิ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ทำการส่องภายในเพื่อชมดูจำนวนจุดชีพจรเซียนที่เขาทะลวงเปิดได้ทันทีด้วยความกังวล

 

ในเมื่อเขาทะลวงมายังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ได้แล้ว นั่นหมายความว่าจุดชีพจรเซียนของเขาถูกทะลวงเปิดถึงขีดจำกัด หลังจากนี้เขาไม่อาจทะลวงเปิดจุดเพิ่มได้อีกต่อไป

 

เพราะอารมณ์ที่จดจ่อกับการทะลวงเปิดจุดหลังจากทะลวงมาถึงหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ ทำให้เขาไม่มีสมาธิพอจะนับจำนวนจุดที่เขาทะลวงเปิดเพิ่มได้!

 

หากเขานับมันบ้างถึงแม้จะคร่าวๆก็ตาม อย่างน้อยๆเขาก็คงไม่ต้องมานั่งกังวลใจขนาดนี้

 

อย่างไรก็ตามพอเขานับจำนวนชีพจรรวมในร่างกายของเขาจนเสร็จ เขาก็เสมือนได้ยกหินหนักอึ้งที่ทับอกออกไปทันที

 

“กะ…เก้าสิบเก้า! นิ…นี่…”

 

ใจต้วนหลิงเทียนแทบจะโผบินไปเคียงจันทร์ทันทีที่นับจุดชีพจรในร่างเสร็จ!

 

นี่เป็นอะไรที่เขาฝันอยู่ทุกค่ำคืน ทว่าตอนนี้ฝันกลับกลายเป็นจริง! อารมณ์ทั้งหลายคล้ายได้รับการปลดเปลื้อง!!

 

เมื่อทราบจำนวนคร่าวๆแล้วเขาก็โล่งใจไม่น้อย

 

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าจำนวนจุดชีพจรเซียน 99 จุดหมายความว่าอะไร

 

หมายความว่าจำนวนจุดชีพจรของเขาถูกทะลวงเปิดจนถึงขีดจำกัด!

 

แม้กระทั่งในเทวะตำนานโบราณจากโลกเก่าของเขา…ผู้ยิ่งใหญ่เสมอฟ้าดินซุนหงอคง ผู้ที่กาลครั้งหนึ่งถูกกักขังไว้ใต้ขุนเขา 5 นิ้ว ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้ในเรื่องของจุดชีพจรที่ถูกทะลวงเปิด!!

 

“นับอีกทีซิ”

 

หลังจากนั้นไม่นานความตื่นเต้นของต้วนหลิงเทียนก็สงบลง ทว่าต่อมาก็กลับกลายเป็นดั่งครั้งแรก ที่เสมือนฝันเป็นจริง “ถูกแล้ว! 99 จุด! อีกรอบ…”

 

หลังจากนับอยู่หลายรอบ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ ว่าตัวเขาสามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ 99 จุดจริงๆ!

 

“ท่านผู้เฒ่าหั่ว!”

 

หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆและใช้เวลาพักหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ ต้วนหลิงเทียนก็วิ่งลงไปหาผู้เฒ่าหั่วที่ชั้นแรกทันที

 

พอผู้เฒ่าหั่วได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ถึง 99 จุด มันก็ตะลึงค้างไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความไม่แน่ใจ “เจ้าแน่ใจรึว่าสามารถทะลวงเปิดจุดชีพจรฟ้าดินได้ 99 จุดจริงๆ?”

 

นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนอยู่กับผู้เฒ่าหั่วมา และได้เห็นท่าทางอึ้งๆด้วยความไม่อยากจะเชื่อของผู้เฒ่าหั่ว!

 

จังหวะนี้ในใจเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกคึกคักขึ้นมาอยู่บ้าง

 

“ผู้เฒ่าหั่ว ท่านอยากลองตรวจดูเองไหมเล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

 

ผู้เฒ่าหั่วย่อมไม่เกรงใจใดๆ มือพุ่งไปคว้ามือต้วนหลิงเทียนปานอัสนีฟาด และก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว ผู้เฒ่าหั่วก็ชักมือกลับมาพร้อมกล่าวพึมพำเสียแล้ว “เป็น 99 จุดจริงๆ…นี่เจ้าเป็นมนุษย์แน่หรือ?”

 

สุดท้ายสายตาที่ผู้เฒ่าหั่วใช้มองต้วนหลิงเทียน ก็คล้ายชมดูตัวประหลาดอยู่บ้าง

 

ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไร

 

เพราะเมื่อครู่พริบตาที่ผู้เฒ่าหั่วพุ่งมือมาคว้ามือเขาไว้ ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงกระแสพลังอันมหาศาลสุดที่จะหยั่งถึงขุมหนึ่ง ชำแรกเข้ามาทั้งกวาดไปทั่วร่างเขาในเสี้ยวพริบตา จนทำให้เขารู้สึกสะท้านปานมีอัสนีฟาด! ทั้งกระแสพลังดังกล่าวก็หายไปก่อนที่เขาจะทันได้ตอบสนองอะไร!!

 

ผู้เฒ่าหั่วหดมือกลับไปเสียแล้ว…

 

ความแข็งแกร่งของผู้เฒ่าหั่วทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจอีกรอบ

 

‘น่าเสียดายที่ผู้เฒ่าหั่วไม่อาจออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ ทั้งยังไม่อาจทำร้ายอะไรคนนอกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้เลย…ไม่งั้นท่านต้องช่วยข้าได้มาก!’

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสียดาย

 

หลังจากที่ทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ทั้ง 99 จุด ความสามารถหลายอย่างของต้วนหลิงเทียนก็ถูกยกระดับพัฒนาขึ้นมาอย่างสูง!

 

ตอนนี้ไม่เพียงแต่โสตประสาทรับฟังของเขาเท่านั้น สายตา กระทั่งประสาทสัมผัสในด้านรับกลิ่นเองก็ถูกยกระดับขึ้นมาจนน่าเหลือเชื่อ

 

ต้วนหลิงเทียนมั่นใจว่าตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องใช้ศาสตราเซียนหรืออาคมเซียนอะไร เพียงอาศัยหมัดเท้าเปล่าเปลือย เขาก็เป็นราชันในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์!

 

ความช่วยเหลือที่ 99 จุดชีพจรมอบให้เขาไม่ใช่เรื่องล้อเล่น!

 

‘ด้วยพลังฝีมือของข้าในตอนนี้ นับว่ามีกำลังป้องกันตัวเองบ้างแล้ว…ถึงเวลาที่ข้าจะออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปเปิดหูเปิดตาเสียที’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว

 

กลางดึกคืนนั้นต้วนหลิงเทียนก็กระทำตามที่คิดเอาไว้ เขาลอบออกจากบ้านเดี่ยวพร้อมลานของเขา กระทั่งออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงไปอย่างเงียบงัน…

 

ฟุ่บ!

 

หลังออกมาพ้นอาณาเขตของสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างพุ่งทะยานขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูง

 

มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองหานเหอ

 

เป็นเวลากว่าเดือนแล้วที่เขาวางแผนไปเยือนเมืองหานเหอ ในที่สุดเมื่อผ่านไปหนึ่งเดือนจากวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ทะลวงไปยังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ได้เริ่มต้นเดินทางออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงเสียที…

 

ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เพราะเขากระทำการลักลอบออกมาอย่างรอบคอบไร้ตำหนิ

 

อนิจจาแม้การกระทำของต้วนหลิงเทียนจะรอบคอบและไร้จุดผิดพลาดใดๆแม้แต่ข้อเดียว แต่ก็ยังมีคนที่สามารถล่วงรู้ถึงการออกเดินทางของเขาได้…

 

คนที่ล่วงรู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหวงเฉิงอาวุโสฝ่ายนอก!

 

“ข้ารอจับกระต่ายนี้มานาน สุดท้ายกระต่ายก็มาถึงหน้าประตูข้าเอง…ต้วนหลิงเทียนนั่น มิคิดเลยจริงๆว่ามันกลับลักลอบออกจากสำนักได้อย่างเงียบเชียบนัก น่ากลัวว่ากระทั่งป๋ายลี่หงยังมิอาจล่วงรู้ด้วยซ้ำ!”

 

มุมมืดหนึ่งของประตูสำนัก ปรากฏร่างที่พร่าเลือนคล้ายภูตผีของหวงเฉิงแสยะยิ้ม ไม่นานร่างมันก็เป็นดั่งสายลมหอบหนึ่งไล่ตามต้วนหลิงเทียนไปทันที

 

หวงเฉิงนั้นเชี่ยวชาญวิทยายุทธ์เร้นกายที่มันบังเอิญพบพานด้วยวาสนามาไม่น้อย ทำให้มันมีความสามารถในการปกปิดตัวเองสูงมาก ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนผู้เป็นเชี่ยวชาญสรรพวุธอันดับหนึ่งของโลก ทั้งยังมีความสามารถในการย้อนรอยอันน่าอัศจรรย์ แต่เขาก็ไม่อาจจับสัมผัสการดำรงอยู่ของหวงเฉิงที่แอบอยู่ได้เลย!

 

จนเมื่อพริบตาที่หวงเฉิงเคลื่อนไหว เสียงแหวกอากาศเบาหวิวที่แว่วดังมาจากด้านหลัง ทั้งเสียงสายลมแรงที่พัดเข้ามาทักขณะก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมหันต์!

 

พริบตานั้นเองก็ปรากฏร่างเงาหนึ่งวูบมาดักขวางหน้าต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ร่างนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขาแต่อย่างไร

 

“หวงเฉิง”

 

เห็นคนที่มาดักอยู่ด้านหน้า สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็คลายลงหลายส่วน แทนที่ด้วยความประหลาดใจ ด้วยไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะล่วงรู้ความเคลื่อนไหวเขาได้ แต่เขากลับไม่อาจจับสัมผัสมันที่แอบอยู่ได้แม้แต่น้อย!

 

หวงเฉิงก็นับเป็นอีกคนหนึ่งที่เขามีเรื่องบาดหมางด้วยในสำนักจันทร์จรัสแสง

 

“ต้วนหลิงเทียน”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าเคร่งเต็มไปด้วยความประหลาดใจ หวงเฉิงพลันยิ้มร่าออกมาอย่างสนุกสนานสมใจ “ข้าอดทนซุ่มรอเจ้าอยู่ 2 เดือน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาคนเดียวเสียที…เดือนที่แล้วข้ามิคิดเลยว่าอาวุโสป๋ายลี่จะถึงขั้นติดตามเจ้ามาด้วย…จึงยากที่ข้าจะลงมืออะไรได้!”

 

“ทว่าวันนี้เจ้าตายแน่!”

 

สิ้นเสียงหวงเฉิงคลื่นปราณแท้ 2 ขุมก็ก่อตัวเหนือศีรษะของมัน หนึ่งนั่นเริ่มควบรวมกลับกลายเป็นดามหึมา ส่วนอีกหนึ่งกลับกลายเป็นสัตว์ร้ายตัวเขื่อง แลละม้ายคล้ายเสือดาวหรือเสือโคร่ง

 

วู้มมม!!

 

ทันทีที่ดาบยักษ์ควบรวมจนมีสภาพมันก็พุ่งเข้าหาต้วนหลิงเทียนจากทางซ้าย มาถึงระยะหนึ่งมันก็หยุดลง กลิ่นอายพลังคมกล้าน่ากลัวแผ่ออกมากดดันในบรรยากาศ!

 

ปง! ปง! ปง!

 

……

 

สัตว์ร้ายที่คล้ายมีชีวิตเองก็ย่ำเท้าเหยียบเวหาพุ่งมาจนบังเกิดเป็นเสียงอากาศระเบิดดังปง!

 

และในชั่วพริบตาร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องก็พุ่งเข้ามาหยุดอยู่ด้านขวาของต้วนหลิงเทียน มันหยุดคุมเชิงเอาไว้เช่นกัน สีหน้าท่าทางแลดูดุร้ายคล้ายพร้อมจะกระโจนมาขย้ำกลืนร่างต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ!

 

“ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!”

 

เผชิญหน้ากับการปิดล้อมนี้ สีหน้าต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที

 

“โฮ่? นับว่าเจ้ามีความรู้มิเลวเลยนี่ ถูกแล้วนี่คือปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราและปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์!”

 

หวงเฉินกล่าวเย้ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่างไรเสีย นับตั้งแต่วันนี้ไปเจ้าที่มีพรสวรรค์และศักยภาพในเชิงยุทธ์ถึงขั้นเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ของศิษย์ฝ่ายนอก จักต้องกลายเป็นธุลีกองหนึ่งบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…อยากรู้นัก เมื่อผ่านไปสักปียังจะมีกี่คนที่จดจำเจ้าได้…”

 

“หวงเฉิง ข้าจดจำได้ว่าระหว่างข้ากับเจ้าก็มิได้มีเรื่องราวความแค้นบาดหมางถึงขั้นตกตายกันไปข้างนี่นา?”

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลงกล่าวถามหวงเฉิงด้วยน้ำเสียงเรียบสงบ “กล่าวไปแล้วดูเหมือนว่าความขัดแย้งของข้ากับเจ้าก็มีเพียงเรื่องเดิมพันคะแนนอุทิศไม่ใช่รึ? แต่จะว่าไปข้าเองก็ไม่ได้บังคับให้เจ้าเดิมพันสักหน่อย เป็นเจ้ามาแทงเสียข้าเอง…เจ้ายังโทษใครได้?!”

 

“เฮอะ! เจ้าจักพล่ามเรื่องนี้ตอนนี้ก็มิมีความหมายอันใดแล้ว!”

 

หวงเฉิงกล่าวออกเสียงเหี้ยม “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้า ต้วนหลิงเทียน ถูกกำหนดให้ดับสูญไปจากโลกหล้า…จักไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าเจ้าตายด้วยน้ำมือข้า และหากชาติหน้ามีจริงเจ้าก็อย่าได้ลืม…ว่ามีบางคนที่เจ้ามิอาจล่วงเกินได้!”

 

“อ้อ…ว่าแต่ถ้าตอนนี้ข้าจ่ายให้เจ้า 360,000 คะแนนอุทิศ เจ้าจะปล่อยข้าไปรึเปล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเฉยเมย

 

“ฮ่าๆๆๆ”

 

ได้ยินคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนทำราวกับเห็นตัวโง่งม “ต้วนหลิงเทียนเจ้าจักไม่ไร้เดียงสาไปหน่อยหรือไร หากข้าฆ่าเจ้า…บัตรแก้วในมือเจ้าไหนเลยยังรอดพ้นมือข้า? ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่คะแนนอุทิศ กระทั่งสมบัติทั้งหมดในตัวเจ้าก็เป็นของข้า!!”

 

“นอกจากนี้ในเมื่อเจ้าได้กลายเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่ มันสมควรให้ศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนไว้กับเจ้าใช่หรือไม่…แถมศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนนั่น หากให้ข้าเดาก็คงมิพ้นศาสตราเซียนระดับปฐพีที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้ถึง 2 อาคม!”

 

ตอนนี้สายตาที่หวงเฉิงใช้มองต้วนหลิงเทียนไม่คล้ายมองผู้คน แต่กำลังมองสมบัติล้ำค่า!

 

เห็นหวงเฉิงที่ใช้สายตาเปี่ยมความโลภมองมา สายตาต้วนหลิงเทียนยังคงไร้แยแส

 

วาจาที่เขากล่าวออกไปก่อนหน้า เสมือนโยนหินถามทางหวงเฉิงเท่านั้น

 

อันที่จริงที่ตัวเขาก็มีคะแนนอุทิศไม่ถึง 300,000 แต้มด้วยซ้ำ

 

เพราะตอนนี้ในบัตรแก้วเขาเหลือแค่ 100,000 แต้ม!

 

“หวงเฉิงเจ้าผิดแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเอื่อย

 

“ข้าผิด?”

 

หวงเฉิงยิ้มเยาะ “ต้วนหลิงเทียน ให้ข้าดูว่าเจ้ายังมีกลใดคิดละเล่น? หรือเจ้าคิดจริงๆว่าหลังจากผ่านคืนนี้ไปเจ้าจักยังมีลมหายใจ?”

 

“ข้าจะไปมีกลใดคิดละเล่นได้เล่า?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ข้าแค่บอกว่าเจ้าผิด…เพราะศาสตราเซียนของข้ามันไม่ได้จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวแค่ 2 อาคมแต่เป็น 3 อาคมต่างหาก…ถึงเจ้าได้ไปแต่เจ้าจะกล้าใช้มันงั้นเหรอ?”

 

วาจาท้ายประโยคต้วนหลิงเทียนยังหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ

 

เร็วเท่าความคิด ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเรื่องศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวถึง 3 อาคมออกมา ลูกตาหวงเฉิงก็เต็มไปด้วยความละโมบอันไร้สิ้นสุด

 

และพอได้ยินวาจาหัวร่อท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงก็แสยะยิ้มกล่าวเย้ยออกมา “เจ้าคิดว่าข้าจะโง่อยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสงต่อหรือไร หลังจากที่ข้าฆ่าเจ้าและชิงศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวถึง 3 อาคมนั่นมาแล้ว?”

 

“ถึงข้าจะยังอยู่ในสำนักจันทร์จรัสแสง ข้าก็แค่ปกปิดเรื่องนี้ไประยะหนึ่ง…สุดท้ายข้าค่อยจากไปก็ยังได้”

 

ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกไว้ถึง 3 อาคมนั้น มากเกินพอที่จะทำให้มันตัดสินใจออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง

 

หวงเฉิงได้ตัดสินใจแล้ว

 

“โฮ่? ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่วันสองวันที่เจ้าเตรียมการมางั้นสินะหวงเฉิง…กระทั่งหนทางถอยเจ้ายังคิดเอาไว้แล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนมองสบตาหวงเฉิงอย่างลึกซึ้งค่อยกล่าวออกเสียงเรียบ “แต่เจ้าคิดจริงๆหรือ ว่าวันนี้จะฆ่าข้าได้?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด