War sovereign Soaring The Heavens 1491

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1491 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตระกูลโอวหยาง

 

“ตระกูลโอวหยาง?”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว

 

อันที่จริงตอนที่เดินดูของในตลาด ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่ามีคนสะกดรอยตามเขา ทว่าบุคคลผู้นั้นคล้ายมีสายข่าวรายงานก็ไม่ปาน แม้เขาจะสลัดมันหลุดหลายรอบ แต่สุดท้ายมันก็ยังกลับมาสะกดรอยตามเขาอยู่ไม่เลิก

 

ต่อมาคนผู้นั้นคล้ายทนไม่ไหวหรือจนปัญญาแล้วอย่างไรไม่ทราบ มันก็ล้มเลิกและหยุดสะกดรอยตามเขา จึงทำให้เขาเลิกสนใจมันไป

 

แต่ใครจะไปรู้ว่ากลับมีคนมารอพบเขาที่โรงเตี๊ยมที่พัก แถมยังเป็นคนของตระกูลโอวหยางอีก

 

ไม่จำเป็นต้องคาดเดาอะไร ต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่านี่สมควรเป็นความคิดของโอวหยางหลัว

 

หาไม่แล้วชายหนุ่มที่พึ่งมาถึงเมืองหานเหอได้ไม่นานอย่างเขา ไฉนถึงได้รับความสนใจจากตระกูลโอวหยาง?

 

อันที่จริงที่ต้วนหลิงเทียนคิดไว้ก็ไม่มีผิดสักนิด

 

หลังจากที่กลับมาถึงตระกูลโอวหยาง สิ่งแรกที่โอวหยางหลัวทำก็คือไปหาบิดาของนางอันเป็นผู้นำตระกูลโอวหยางทันที เพื่อเล่าเรื่องราวและเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นในภูเขาจิ่วฉี

 

พอผู้นำโอวหยางได้รับทราบว่าบุตรีแสนมีค่าดั่งแก้วตาดวงใจของมันเกือบถูกคนย่ำยีขืนใจ มันก็คิดพุ่งไปเอาเรื่องตระกูลอี้ถึงที่ทันที!

 

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่มันจะได้ไปไหน กลับเป็นโอวหยางหลัวที่กล่าวรั้งเอาไว้เสียก่อน

 

และด้วยวาจาที่โอวหยางหลัวกล่าว จึงทำให้มันรับทราบความหนักเบาของเรื่องราว และรู้ว่าตอนนี้สิ่งแรกที่ควรกระทำคือไปตามหาตัวอัจฉริยะหนุ่มผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตบุตรีมันเอาไว้ก่อน…

 

และจากที่บุตรีมันกล่าวบอก อัจฉริยะมากพรสวรรค์หนุ่มคนนั้น 9 ใน 10 ส่วนอาจเป็นคนสำคัญของขุมพลังชั้น 7!

 

เช่นนั้นแล้วหลังจากที่บุตรีของมันวาดรูปเหมือนของชายหนุ่มผู้นั้นเสร็จ มันก็รีบเอาไปทำสำเนาแล้วแจกจ่ายให้คนของสกุลโอวหยางไปตามหาทั่วเมืองทันที

 

ต้องกล่าวเลยว่าฝีไม้ลายมือในการวาดภาพของโอวหยางหลัวนั้นน่าทึ่งนัก!

 

อย่างน้อยรูปที่นางวาดแล้วนำไปทำสำเนาแจกจ่าย ก็ทำให้คนของสกุลโอวหยาง สามารถระบุตัวต้วนหลิงเทียนได้ทันทีที่เห็นเขาเดินดูของในตลาด จนกระทั่งคอยเป็นหูเป็นตาให้ผู้ที่ลอบสะกดรอยตาม สุดท้ายยังได้สืบทราบที่พักของต้วนหลิงเทียน…

 

“เชิญคุณชาย…”

 

พ่อบ้านตระกูลโอวหยางยิ้มหยีตาอย่างอัธยาศัยดี ก่อนที่จะผายมือเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยประกายตาเรืองวูบ

 

“แล้วเจ้าจะทำยังไงเหรอ หากข้าบอกว่าไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนเอียงคอมองถามพ่อบ้านสกุลโอวหยาง

 

“คุณชาย…ท่านอย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย”

 

พ่อบ้านตระกูลโอวหยาง ถอนหายใจค่อยกล่าว “คุณชายท่านนี้ ขอท่านโปรดวางใจ ตระกูลโอวหยางของเรามิมีวันลืมบุญคุณที่ท่านช่วยชีวิตคุณหนูรองไว้…ที่ข้ามาเชิญท่านนั้น เพราะนายท่านอยากกล่าวขอบคุณรวมทั้งตอบแทนท่านด้วยตัวเอง พวกเรามิได้มีเจตนาร้าย”

 

ต้วนหลิงเทียนมองพินิจพ่อบ้านสกุลโอวหยางเพื่อจับเท็จอีกฝ่าย จนพบว่าอีกฝ่ายกล่าวความจริง เขาก็พยักหน้ารับ “งั้นก็ไปพบผู้นำเจ้ากันเถอะ”

 

เขาไม่ใช่คนที่ขี้กลัวและหวาดระแวงไปทุกเรื่อง

 

เขาเพียงอยากรู้เจตนาที่แท้จริงของตระกูลโอวหยางเท่านั้น จึงเลือกที่จะยิงคำถามใส่พ่อบ้านที่มาเชิญ

 

และในระหว่างที่เดินทางไปยังตระกูลโอวหยาง ต้วนหลิงเทียนก็รับทราบว่าพ่อบ้านคนนี้เรียกว่าโอวหยางจี้

 

ทว่ายามที่โอวหยางจี้กล่าวถามว่าต้วนหลิงเทียนชื่ออะไรนั้นเขาเพียงตอบกลับไปสั้นๆว่าเขาแซ่ ‘ต้วน’

 

“คุณชายต้วน นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านมาเยือนเมืองหานเหองั้นหรือ?”

 

โอวหยางจี้กล่าวถามเรื่อยเปื่อย

 

“เจ้าถามทำไม?”

 

ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม

 

“พอดีข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกระทำในตลาด จากคนของข้า…”

 

โอวหยางจี้ตอบ

 

“ที่แท้คนที่สะกดรอยตามข้าทั้งวันเป็นคนของพวกเจ้าสินะ”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วถาม

 

“มิผิด”

 

โอวหยางจี้กล่าวตอบตามตรง “ผู้ที่สะกดรอยตามท่านนั้นเป็นถึงสู่เซียนขั้นกลางที่ชำนาญด้านการสะกดรอยที่สุดของตระกูลโอวหยางเรา แต่ตัวมันเองก็คาดมิถึงจริงๆว่าจะถูกคุณชายต้วนค้นพบได้ทันที…ก่อนหน้านี้มิเคยมียอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางหรือกระทั่งขั้นเชี่ยวชาญคนใดสามารถค้นพบการสะกดรอยตามของมันได้เลย…”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคโอวหยางจี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

 

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า…ไม่ว่ามันเก่งเพียงใด บนโลกนี้ยังมีคนที่เก่งกว่ามันอยู่เสมอเพียงแค่มันยังไม่เคยพบเจอ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ

 

“มิผิด! นับว่าครั้งนี้คุณชายต้วนได้สั่งสอนบทเรียนมันครั้งใหญ่แล้วจริงๆ…มันถึงกับท้อแท้เรื่องถูกท่านสลัดหลุดอยู่หลายรอบ จนต้องรอรายงานจากคนในตลาดที่กระจายกำลังกัน…”

 

โอวหยางจี้หัวเราะออกมา

 

“แต่ข้าไม่เห็นว่าจะมีใครคอยสะกดรอยตามข้ากลับมาที่พักนี่นา…แล้วพวกเจ้ารู้ได้ไง”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

 

เขาอยากรู้เรื่องนี้มากที่สุด

 

ในชีวิตก่อนหน้านี้นอกจากหัวกะทิของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า เขายังเป็นราชันทหารรับจ้างระดับยอดพระกาฬ เขามั่นใจเรื่องการสะกดรอยทั้งย้อนรอยมาก และเขาก็มั่นใจอย่างถึงที่สุดว่าไม่มีใครสะกดรอยตามเขาหลังจากที่เขาออกจากตลาด

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้เขาทะลวงเปิดจุดชีพจรเซียนได้ครบทั้ง 99 จุด และ 18 จุดสุดท้ายที่เขาเปิดได้นั้น เป็นจุดชีพจรส่วนประสาทสัมผัส หู ตา จมูก ของเขา ทำให้ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นการได้ยิน รับกลิ่น หรือสายตาถูกยกระดับขึ้นไปเหนือมนุษย์ ทำให้ความสามารถในการย้อนรอยของเขากลับกลายเป็นน่ากลัวมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตามเขายังไม่อาจค้นพบคนที่สะกดรอยตามเขาได้เลย หลังออกจากตลาด

 

ไม่นับเป็นอะไรที่เขาไม่อาจค้นพบหวงเฉิงกับชายในชุดคลุมลมดำ ที่สะกดรอยตามเขาตอนที่เขาออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง เพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นถึงสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ อีกคนยิ่งแล้วใหญ่เพราะมันเป็นถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่! ด่านพลังฝึกปรือของพวกมันเหนือกว่าเขาเกินไป

 

อย่างไรก็ตามคนที่สะกดรอยตามเขาในตลาดนั้นไม่ใช่สู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบแน่ๆ เช่นนั้นแล้วใครกันที่สะกดรอยตามเขามา

 

ในตระกูลโอวหยางนั้น ใครก็ตามที่บรรลุพลังฝึกปรืออยู่ในระดับสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบขึ้นไป ย่อมกลายเป็นเสาหลักของตระกูลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย และสมควรเป็นชนชั้นอาวุโสในตระกูล…

 

เป็นไปไม่ได้ที่คนระดับนั้นจะมาสะกดรอยตามเขาด้วยตัวเอง

 

“หลังจากที่ถูกคุณชายต้วนปั่นหัวที่ตลาด จนถูกท่านสลัดหลุดอยู่หลายรอบ สุดท้ายมันก็เลิกล้มความคิดสะกดรอยตามท่านและมาหาข้า”

 

โอวหยางจี้พยักหน้ากล่าว “หลังจากที่มันรีบแจ้นกลับมารายงานข้า ข้าจึงออกไปสะกดรอยตามคุณชายต้วนต่อด้วยตัวเอง…หลังจากที่ข้าพบท่านทั้งทิศทางที่ท่านเดินกลับทำให้ข้าพอคาดเดาโรงเตี๊ยมที่พักของท่านได้ ข้าจึงรีบรุดมาเฝ้ารอท่าน”

 

“เจ้ามีพลังฝึกปรือขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนพลันหยีตากล่าวถามออกไปทันที

 

“คุณชายต้วนปราดเปรื่องนัก”

 

โอวหยางจี้พยักหน้า

 

ใจต้วนหลิงเทียนจมลงทันใด เมื่อพบว่าความสามารถในการย้อนรอยของเขาดูเหมือนจะกลายเป็นไร้ประโยชนหากพลังฝึกปรือมันแตกต่างกันมากเกินไป

 

อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่ตอนนี้เขายังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ เขาก็ทำใจได้…

 

เขาเป็นแค่คนที่อยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ แต่กลับหวังว่าจะค้นพบการสะกดรอยของตัวตนระดับสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ?

 

หากค้นพบตัวตนระดับนั้นได้จริงๆ เกรงว่าเขาจะกลายเป็นตัวประหลาดแห่งยุคแล้วจริงๆ

 

ต้วนหลิงเทียนที่เดินตามโอวหยางจี้ไปเรื่อยๆ ไม่ทันรู้ตัวก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ของตระกูลโอวหยางแล้ว

 

ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่ขุมพลังชั้น 8 ของเมืองหานเหอ เขตที่ดินของตระกูลโอวหยางที่ตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของเมืองนั้น มันกว้างใหญ่ไพศาลนัก ยังแลดูงดงามเจริญตาไม่น้อย

 

“พ่อบ้านจี้!”

 

“พ่อบ้านจี้!”

 

……

 

หลังจากที่โอวหยางจี้พาเขาเดินเข้าประตูหน้า ผู้ที่เฝ้าประตูนับสิบๆ ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายโอวหยางจี้ทันที

 

ด้านโอวหยางจี้ในขณะที่ก้าวเท้าเข้าตระกูลโอวหยาง มันก็ไม่เหลือสีหน้าเรื่อยเปื่อยยิ้มร่ายามสนทนากับต้วนหลิงเทียนสืบไป เพียงปั้นหน้าเข้มรับการคารวะทักทายจากคนทั้งหลาย ให้เหมาะสมกับฐานะและศักดิ์ศรีของพ่อบ้านตระกูลโอวหยาง

 

อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านประตูใหญ่ จนอยู่กันตามลำพังอีกครั้งสีหน้าเข้มๆของพ่อบ้านจี้ก็กลับมายิ้มร่าเป็นมิตรกับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง

 

ตระกูลโอวหยางนั้นกว้างใหญ่มาก ต้องใช้เวลาสักครู่เพื่อเดินผ่านลานว่างทั้งพื้นที่ส่วนหน้า

 

บริเวณสนามด้านหน้านั้นยังมีการขุดทะเลสาบ รวมถึงแปลงดอกไม้ที่เรียงรายเป็นแถวงามตา ตามทางเดินก็ปูด้วยหินอ่อนอย่างดี มีแม้กระทั่งภูเขาน้ำตกจำลอง… ประดับประดาเสียราวกับเป็นเขตพระราชวังอะไรทำนองนั้น

 

ตอนเดินทางมาดวงตะวันเองก็เริ่มลดต่ำลงเจียนลับขอบฟ้าอยู่รอมร่อ

 

พอมาถึงตระกูลโอวหยาง ม่านรัตติกาลก็เริ่มคลี่กางแล้ว

 

ตอนนี้เองบริเวณคฤหาสน์ด้านหน้าของตระกูลโอวหยางก็ส่องสว่างไปด้วยเทียนโคมทั้งไข่มุกเรืองแสง แลดูงดงามตระการตาไม่น้อย

 

“คุณชายต้วน ตอนนี้ท่านผู้นำรวมถึงคุณหนูรองกำลังรอท่านอยู่ที่ห้องโถงหลักคฤหาสน์ด้านหน้า…ทั้งคู่รอท่านมาทั้งวันแล้ว”

 

โอวหยางจี้ที่พาต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงคฤหาสน์ด้านหน้ากล่าวบอก

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็มองสำรวจคฤหาสน์เบื้องหน้าทันที

 

มองไปเป็นอาคารสูงตระหง่านแลคล้ายพระราชวัง ด้านข้างคฤหาสน์มีอาคารที่พักสำหรับแขกเรียงราย ยามนี้เองตัวอาคารทั้งหลายก็เปล่งแสงงดงามนวลตาออกมา แลคล้ายดาวล้อมเดือนอยู่บ้าง

 

เมื่อพาต้วนหลิงเทียนเข้ามาในคฤหาสน์ทั้งบรรลุถึงหน้าห้องโถงใหญ่ โอวหยางจี้ก็กล่าวรายงานหน้าประตูเสียงดัง “ท่านผู้นำ คุณชายต้วนมาถึงแล้วขอรับ”

 

“ฮิๆ ที่แท้ท่านแซ่ต้วนหรือ?”

 

แทบจะทันทีที่คำรายงานของโอวหยางจี้จบคำ ร่างที่คุ้นตาต้วนหลิงเทียนร่างหนึ่งก็ออกมาจากห้องโถง เพื่อต้อนรับต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเอง

 

โอวหยางหลัวที่ออกมาต้อนรับ มองต้วนหลิงเทียนทั้งยิ้มกล่าว “อย่างไรเล่า? สุดท้ายพวกเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง”

 

“แม่นางโอวหยางวิธีการของท่านนั้นไม่ใช่วิธีปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณ แต่เป็นวิธีปฏิบัติต่อศัตรู”

 

ต้วนหลิงเทียนจงใจกล่าวเสียงเย็น

 

“แล้วข้าจักหาท่านพบได้อย่างไรเล่า หากข้ามิใช้วิธีนี้?”

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของโอวหยางหลัวยังไม่เสื่อมคลาย นางพอเดาได้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล่าวอะไร คงไม่พ้นเรื่องที่คนของตระกูลโอวหยางไปสะกดรอยตามแน่แท้

 

“หลัวเอ๋อ ใยเจ้ายังไม่เชิญผู้มีพระคุณเข้ามาอีก?”

 

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังออกมาจากด้านในห้องโถงใหญ่ น้ำเสียงยังเข้มขรึมมีความน่าเกรงขาม

 

เพียงฟังเสียงกล่าวนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าสมควรเป็นชนชั้นผู้นำ

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็ตระหนักได้ทันที ว่านี่สมควรเป็นเสียงของผู้นำตระกูลโอวหยาง

 

“เชิญคุณชายต้วน”

 

โอวหยางหลัวมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนพร้อมผายมือเชื้อเชิญ

 

ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดเกรงใจอะไร ก้าวอาดๆเข้าไปในห้องโถงใหญ่ของสกุลโอวหยางทันที

 

ห้องโถงใหญ่ของสกุลโอวหยางนับว่ากว้างขวางและตกแต่งได้สวยงามไม่น้อย

 

ทันทีที่เข้ามาในห้องโถงใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นร่างชายวัยกลางผู้หนึ่ง

 

ชายวัยกลางคนผู้นั้นรูปร่างหนาแกร่งแลดูกำยำมีหนวดเคราเฟิ้มหน้าตาแลดูไม่ต่างใดจากโจรป่า เพียงอีกฝ่ายนั่งอยู่กลางโถง ยังให้ความรู้สึกเสมือนพญาราชสีห์อยู่บ้าง

 

เป็นผู้นำตระกูลโอวหยาง โอวหยางป้า!

 

ด้านหลังของมันมีชายหนุ่มผู้หนึ่งยืนอยู่

 

รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มนับว่าแลดูหล่อเหลาไม่เบา มีความละม้ายคล้ายกับโอวหยางหรัวอยู่หลายส่วน

 

ต้วนหลิงเทียนพอเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง พี่ชายของโอวหยางหลัว โอวหยางชิง!

 

‘มีคำกล่าวว่าหงส์มังกรจะอย่างไรก็ต้องให้กำเนิดบุตรเป็นหงส์มังกร…แต่ดูจากหน้าตาโอวหยางป้าผู้นี้แล้ว นับว่าขัดต่อกฏเกณฑ์ธรรมชาติจริงๆ ชายถึกเคราเฟิ้มนี่ มิคาดกลับมีลูกสาวกับลูกชายหน้าหวานแบบนี้ได้…’

 

ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุก รู้สึกอึ้งอยู่บ้าง

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคิดไปว่าภรรยาของโอวหยางป้าผู้นี้ สมควรเป็นสตรีงามล่มเมืองนางหนึ่ง

 

หาไม่แล้วไฉนจะมีบุตรธิดาหน้าตาดีขนาดนี้ได้?

 

หากภรรยาของโอวหยางป้าไม่ใช่โฉมงามล่มเมือง ก็เหลือความเป็นไปได้อีกทางเท่านั้น…โอวหยางชิงกับโอวหยางหลัวไม่ใช่ลูกแท้ๆของมัน…

 

แน่นอนว่าความเป็นไปได้นี้น้อยนิดนัก

 

ในฐานะผู้นำตระกูลโอวหยาง มีหรือโอวหยางป้าจะเลี้ยงดูลูกคนอื่น

 

“ผู้นำโอวหยาง”

 

ต้วนหลิงเทียนยกมือขึ้นประสานพร้อมเขย่า กล่าวทักทายโอวหยางป้า

 

“ข้าโอวหยางป้า ผู้นำตระกูลโอวหยาง มิทราบสหายน้อยแซ่ต้วนมีนามว่าอะไรหรือ?”

 

โอวหยางป้ายิ้มกว้างกล่าวทักทาย แลดูมีไมตรีขัดกับหน้าตาดุร้ายดั่งโจรป่าของมันนัก

 

“เรียกข้าผู้แซ่ต้วนก็พอ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างเฉยเมย ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองออกไป

 

‘ชื่อของมันต้องฟังดูแย่แน่ๆ’

 

หลังจากพาต้วนหลิงเทียนเข้ามาห้องโถงแล้ว โอวหยางหลัวก็เดินตามเข้ามา มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่เพียงกล่าวบอกแซ่แต่ไม่ประกาศนามออกมาด้วยสายตาคาดเดา

 

“เหอะ!”

 

ในขณะที่โอวหยางป้าหน้าชากับคำตอบนี้ของต้วนหลิงเทียน โอวหยางชิงที่ยืนอยู่ด้านหลังพลันชักสีหน้าบึ้งตึงกล่าวออกทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? กระทั่งบิดาข้าถามเจ้ายังทำเล่นลิ้นไม่กล่าวบอก ข้าล่ะอยากรู้นักว่าเจ้ามันเป็นใครมาจากที่ใดกันแน่ถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้!”

 

“ไม่ว่าข้าจะบอกหรือไม่บอกนามของข้าก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้าทั้งสิ้น ส่วนถ้าเจ้าจะกล่าวถึงมารยาท ในฐานะที่เจ้าเป็นถึงคุณชายตระกูลโอวหยาง แต่เจ้ากล่าวกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิตน้องสาวเจ้าแบบนี้เหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างไม่แยแส

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด