War sovereign Soaring The Heavens 1499

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1499 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อาวุโสฮุย

 

“เอ๋? นั่นมิใช่คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง โอวหยางชิงรึไร?”

 

ทันใดนั้นในบรรดา 16 คนด้านหลัง ก็มีคนที่จดจำโอวหยางชิงได้ จึงกล่าวทักออกมา

 

คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง?

 

ทันใดนั้นยกเว้นต้วนหลิงเทียน ทุกสายตาก็เบนมาตกที่ร่างโอวหยางชิงอย่างสนอกสนใจ ทำให้มันรู้สึกไม่ได้ที่จะประหม่า

 

หากเป็นในกาลก่อนที่มันเชิดหน้าเดินอย่างหยิ่งยะโสล่ะก็ ถ้ามีคนของ 9 พันธมิตรหันมาให้ความสนใจมันแบบนี้ มันคงรู้สึกเป็นเกียรติจนตัวลอย!

 

ทว่าตอนนี้สารรูปมันเสมือนสุนัขไก่รอเวลาเชือด ไหนเลยยังจะมีเกียรติอันใดหลงเหลือ ยังอยากจะขุดหลุมแล้วเอาหัวมุดรูหลบหน้าผู้คนด้วยซ้ำ!

 

“คุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง?”

 

พอได้ยินว่าที่แท้ผู้ที่นั่งหมดอาลัยบนพื้นนี้ กลับเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยาง หลิวไห่กับหลิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ตกใจอะไร

 

ในฐานะที่เป็นคนของขุมพลังชั้น 7 พวกมันไม่เคยเห็นคนในขุมพลังชั้น 8 อยู่ในสายตา

 

“ศิษย์น้องต้วนเจ้ากับมันมีเรื่องกันรึ…”

 

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เพราะพวกมันสังเกตเห็นชัดเจนดีว่าคุณชายโอวหยางนี้เป็นศิษย์น้องเบื้องหน้าหิ้วมา ทั้งยังเขวี้ยงทิ้งราวหมูมา ย่อมไม่ใช่สหายกันแน่นอน

 

มาตอนนี้สายตาที่ทั้งคู่มองโอวหยางชิง ยังเต็มไปด้วยความดุร้าย

 

ถึงแม้ศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงบางคนอาจมีเรื่องไม่ถูกชะตากันบ้างในสำนัก แต่โดยมากแล้วหากเจอผู้อื่นคิดร้ายภานอก ศิษย์เหล่านั้นจะละวางเรื่องบาดหมาง หันมาร่วมแรงร่วมใจต้านทานศัตรูก่อน…ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงแต่เดิมชื่นชมเป็นทุน!

 

ดังนั้นพอคิดว่าโอวหยางชิงอาจคิดร้ายอะไรกับต้วนหลิงเทียน พวกมันจึงเห็นอีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ต้องกำจัดทันที แววตาถึงกับเผยจิตฆ่าฟันอย่างไม่ระงับ!

 

โอวหยางชิงที่ถูกมองด้วยความมุ่งร้ายเปี่ยมจิตสังหารจากทั้งคู่ ถึงกับหวาดผวาขึ้นมาในใจ ร่างสั่นระริกไปทันที!

 

“เรื่องระหว่างข้ากับมันเกรงว่าคงยากจะบอกกล่าวได้ด้วยคำเพียงไม่กี่คำ…ศิษย์พี่ทั้ง 2 ที่ข้ามาสำนักงานใหญ่ ดึกดื่นขนาดนี้เพราะคิดมาพบอาวุโสฮุยน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองโอวหยางชิงอีกรอบด้วยสายตาไม่แยแส ค่อยหันกลับมามองกล่าวกับหลิวเยว่และหลิวไห่

 

“ที่แท้ศิษย์น้องต้วนมาหาอาวุโสฮุยนี่เอง เอาล่ะข้าจะพาเจ้าเข้าไปพบท่าน”

 

หลิวเยว่พอได้ยินก็รีบตอบรับทันที

 

อาวุโสฮุยเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสที่มาดูแลสำนักงานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรแห่งนี้ ในบรรดาผู้มาประจำการณ์อยู่ที่นี่ อาวุโสฮุยนับเป็นยอดฝีมือลำดับ 2

 

นอกจากนี้คนของสำนักจันทร์จรัสแสงยังรู้ดี ว่าอาวุโสยังมีอีกฐานะหนึ่ง คือปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 2 ดาว! อีกทั้งยังมีสัมพันธ์อันดีกับอาวุโสป๋ายลี่หงซึ่งเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวไม่น้อย! อีกฝ่ายยังกล่าวอยู่เสมอว่า…ป๋ายลี่หงเป็นดั่งศิษย์พี่ที่เคารพ!

 

ดังนั้นในสายตาของหลิวเยว่ แม้ต้วนหลิงเทียนจะมาพบอาวุโสฮุยดึกดื่น แต่อีกฝ่ายก็ไม่น่าขุ่นขึ้งอะไร กระทั่งเผลอๆ แม้จะอยู่ท่ามกลางการปิดด่านฝึกฝน ยังมิวายยังจะรีบออกด่านแจ้นมาพบต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ

 

เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็เป็นศิษย์น้องของป๋ายลี่หง!

 

“ขอบคุณศิษย์พี่หลิวเยว่”

 

ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะยกมืออีกครั้งใช้พลังไร้สภาพดูดรั้งโอวหยางชิงมาถือไว้ ค่อยจะเดินตามหลิวเยว่เข้าไปในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร

 

ก่อนเดินจากไป ยังหันมาลาหลิวไห่ด้วยรอยยิ้ม

 

“เหอะๆ…ด้วยฐานะที่สูงค้ำฟ้าของศิษย์น้องต้วนหลิงเทียน ยังปฏิบัติกับศิษย์ฝ่ายในธรรมดาๆคนหนึ่งอย่างข้าด้วยดีเช่นนี้ ช่างน่านับถือยิ่งนัก…สมแล้วที่เป็นยอดคน!”

 

มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่หายไปในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร หลิวไห่อดไม่ได้ที่จะชื่นชม แววตายังเผยความเคารพนับถือ

 

ในความคิดของมัน ตราบใดที่ชายหนุ่มผู้นี้มิด่วนจากไปก่อนวัยอันควร สักวันต้องเป็นตัวตนที่ท่องทะยานเหนือฟ้า!

 

เผลอๆ 9 ใน 10 ส่วนยังอาจได้เป็นเจ้าสำนักรุ่นต่อไป!

 

มันจะไม่ตื่นเต้นยินดีกับการปฏิบัติด้วยดีของตัวตนระดับนี้ได้อย่างไร?

 

“ดูเหมือนว่าคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางนั่นจะชะตาขาดแล้ว เล่นกับใครไม่ว่ากล้ามีเรื่องกับต้วนหลิงเทียน”

 

หลายคนที่เฝ้าหน้าประตูสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตรกล่าวออกมาด้วยความสนุกสนาน

 

“นั่นสิ ท่าทางตระกูลโอวหยางจะถึงวาระแล้ว…ผู้คนมีตั้งมากดันไปมีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนได้ พวกมันไปกินดีหมีหัวใจเสือกันมารึไร??”

 

หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย

 

“แล้วทำไมโอวหยางชิงนั่นมันถึงกล้ามีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนกัน…หรือตระกูลโอวหยางมีตาแต่ไร้แววขนาดนั้นเชียว? ต้วนหลิงเทียนโด่งดังขนาดนี้ไหนเลยพวกมันจะไม่รู้จักกันได้?”

 

“ฮัยยา เรื่องนี้เจ้ายังมองไม่ออกรึไง!”

 

“เพ้ย! ทำยังกับเจ้ารู้!”

 

“เฮอะ! ถึงก่อนหน้าข้าจะไม่รู้ แต่พอเห็นอาการคุณชายใหญ่ตระกูลโอวหยางหวาดผวา ตอนต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกนาม ข้าก็พอเดาได้แล้วว่าก่อนหน้ามันมิรู้ตัวตนต้วนหลิงเทียนมาก่อน! ท่าทางต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้เปิดเผยตัวตนยามมีเรื่องราวกัน!!”

 

“เห? นี่เจ้าเกิดปีเหยี่ยวรึไรเรื่องพรรค์นี้ยังอุตส่าห์มองเห็น!”

 

“หากเป็นเพราะแบบนั้น มิใช่ต้วนหลิงเทียนคิดเล่นหมูกินเสืออยู่รึไง ท่าทางคราวนี้ตระกูลโอวหยางจะเตะเอาเข้าตอเหล็กแล้วจริงๆ…ไม่นานพวกมันต้องโดนดีแน่!”

 

……

 

16 คนที่เหลือนอกจากหลิวไห่ หันมามองแลกเปลี่ยนสายตากัน และต่างเห็นถึงความสงสารในสายตาสหาย พวกมันรู้สึกสงสารตระกูลโอวหยางอยู่บ้าง

 

“เฮอะ! ศิษย์น้องต้วนเป็นคนอัธยาศัยดีแถมไม่ถือตัวถึงเพียงนั้น หากมิใช่คุณชายใหญ่โอวหยางไปหาเรื่องก่อนแต่แรก ศิษย์น้องต้วนย่อมไม่คิดลดตัวไปยุ่งกับมันหรอก!”

 

ถึงแม้ว่ามันจะพึ่งพบเจอกับต้วนหลิงเทียนได้ไม่นาน แต่หลิวไห่รู้สึกได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่พวกนิยมแสร้งเล่นหมูกินเสือหาเรื่องผู้คนก่อนแน่นอน อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะถือดีหรือหยิ่งอะไรด้วยซ้ำแม้จะมีฐานะกับพลังฝึกปรือร้ายกาจด้วยวัยเพียงเท่านี้

 

ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนที่ด้านนอกกำลังกล่าวถึง ก็เดินตามหลิวเยว่มาถึงส่วนของสำนักจันทร์จรัสแสง ในสำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร

 

ฐานของสำนักจันทร์จรัสแสงที่นี่นั้นแม้จะไม่ใหญ่โตเท่าคฤหาสน์สกุลโอวหยาง แต่ก็มีพื้นที่กว้างขวางไม่น้อย

 

“ศิษย์พี่หลิวเยว่ นอกจากท่านกับศิษย์พี่หลิวไห่แล้ว ที่เหลือนั้นมาจาก 8 ขุมพลังที่เหลือ ขุมพลังละ 2 คนหรือ?”

 

ในระหว่างทางต้วนหลิงเทียนก็นึกถึง 16 คนที่เฝ้าประตูอยู่ จึงกล่าวถามหลิวเยว่ออกมาเพื่อยืนยัน

 

“ใช่แล้ว”

 

หลิวเยว่พยักหน้า “ปกติแล้วหน้าประตูสำนักงานใหญ่จะมีคนเฝ้าไว้ครบ 18 คนเสมอ โดยแต่ละขุมพลังจะส่งมา 2 คน…และวันนี้ก็เป็นเวรเฝ้าระวังของข้ากับหลิวไห่พอดี หากเจ้ามาหลังจากนี้ 2-3 วัน คนของสำนักจันทร์จรัสแสงที่เฝ้าด้านหน้าก็ไม่ใช่พวกข้าแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาพอเดาได้แต่แรก และก็ไม่ผิดจากที่เขาคิดเอาไว้เลย

 

“ว่าแต่เจ้าเผยตัวต่อหน้า 8 ขุมพลังที่เหลือแล้วแบบนี้…ข้ากลัวว่าพรุ่งนี้คนทั้งเมืองหานเหอย่อมรู้เรื่องราวนี้แน่ ไม่วายแห่กันมามืดฟ้ามัวดินแน่นอน”

 

หลิวเยว่กล่าวเตือนออกมา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

 

“ศิษย์น้องต้วน เจ้าเองก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ด้วย..”

 

ต้วนหลิงเทียนอึ้ง “เตรียมตัวเตรียมใจอะไรกัน?”

 

“ก็เตรียมตัวเตรียมใจรับมือคนที่จะแห่กันมาท้าทายเจ้าอย่างไรเล่า…พวกมันหวังจะชิงอันดับที่ 66 ในรายนามปฐพีของเจ้าทั้งนั้น”

 

หลิวเยว่กล่าวสืบต่อ “เจ้าฆ่าเฝิงฟ่านชิงอันดับที่ 99 มาย่อมไม่มีใครคิดติดใจอะไร แต่ตอนเจ้าประลองกับฟางฮุ่ย มันเป็นแค่การประลองเฉยๆ ทำให้บางคนคิดว่าเจ้าอาจได้อันดับที่ 66 มาโดยมิชอบ…พวกมันคิดว่าอาจเป็นเพราะเจ้ากับเฮ่อจงตกลงอะไรกัน แล้วเฮ่อจงเป็นฝ่ายจงใจยอมแพ้เจ้าน่ะ”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคหลิวเยว่ก็พยายามมองสีหน้าต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียด พอพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธมันก็ลอบโล่งใจ

 

“จงใจยอมแพ้ข้า?”

 

ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็อึ้งไปตาปริบๆ ไม่นานก็หัวเราะออกมาดังร่า “เพราะเฮ่อจงเป็นคนของสำนักจันทร์จรัสแสง? เลยอาจเป็นฝ่ายจงใจยอมแพ้ข้างั้นเหรอ?”

 

“ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องนี้หรอก”

 

หลิวเย่วส่ายหัวกล่าว “ตอนนี้หลายคนเริ่มลือกันว่า อาจเป็นเพราะเจ้าเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่หง เฮ่อจงจึงมิอาจทนรับแรงกดดันได้ไหว และเพื่อเชื่อมสัมพันธ์กับอาวุโสป๋ายลี่หง เฮ่อจงจึงยินดีลดตัวลงมาเป็นหินรองเท้าให้เจ้าก้าวข้ามไป…เพราะอย่างไรพวกมันก็ยากจะเชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะได้ทั้งๆที่มีขอบเขตพลังฝึกปรือหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ”

 

“ว่าไปนั่น นับว่าจินตนาการพวกมันลึกล้ำดีแท้…”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขบขัน ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่

 

ล้อกันเล่นรึไง!?

 

ตอนนี้เขาทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางแล้ว ไม่ต้องกล่าวถึงพวกยอดฝีมือขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ที่จะมาท้าทายชิงอันดับอะไรนั่นเลย ให้เป็นคนที่แกร่งที่สุดในรายนามปฐพีมาเอง ต้วนหลิงเทียนก็ปราบได้ง่ายดายนัก!

เพราะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรายนามปฐพี อย่างดีก็บรรลุสูงสุดหลุดพ้นมนุษย์ข้นยิ่งใหญ่ พลังฝีมือเต็มที่ก็เพียงทัดเทียมกับยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น ไม่มีทางที่จะทำอะไรสู่เซียนขั้นกลางได้เลย

 

พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มากพอจะบดขยี้สู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญให้แหลกได้อย่างง่ายดาย!

 

กระทั่งพบพานสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบทั่วๆไป เขาก็มีโอกาสเอาชนะพวกมัน

 

แน่นอนว่าหากเผชิญหน้ากับสูงสุดสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ที่เหลืออีกเพียงครึ่งก้าวบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อย่างโอวหยางชาน เขาก็ยากที่จะมีโอกาสชนะหากไม่ใช้ยันต์เต๋าระดับ 3 ดาวช่วยเหลือ

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องชั่วคราวเท่านั้น

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ และชำนาญการใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตรา หรือกระทั่งฝึกฝนวรยุทธ์เกาทัณฑ์มหาดาวตกให้บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิทั้งหมดได้ล่ะก็…

 

การจะสยบครึ่งก้าวสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่อย่างโอวหยางชาง ก็ไม่นับว่ายากเย็นอะไร!

 

“ศิษย์น้องต้วน ยิ่งมาข้ายิ่งนับถือทั้งเลื่อมไสเจ้านัก!”

 

หลิวเยว่ถอนหายใจ “ข้าลองถามตัวเองดู หากข้าลองยืนอยู่ในจุดเดียวกันกับเจ้า…เกรงว่าพอได้ฟังข่าวลือให้ร้ายพวกนี้ ข้าคงไม่มีทางสงบนิ่งเช่นเจ้าอยู่ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา

 

เขาใช้ชีวิตมาก็นับว่าเป็น 2 ช่วงชีวิตแล้ว เรื่องข่าวลือเหลวไหลพวกนี้ไหนเลยจะมีผลกับเขา

 

ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไร

 

‘ข้าอยากจะรู้นัก พรุ่งนี้จะมีใครตาถั่วมาท้าทายข้า…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบคิด

 

หากหลิวเยว่ล่วงรู้ว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลางแล้ว กระทั่งล่วงรู้ความคิดต้วนหลิงเทียนตอนนี้ แน่นอนว่าพรุ่งนี้มันคงไปตั้งหน้าตั้งตาดูเหมือนกัน ว่าเจ้าพวกหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่ทั้งเมืองหานเหอที่คิดมาลองดีทั้งหลายพรุ่งนี้ จะประสบชะตากรรมอย่างไร

 

โอสหยางชิงที่ถูกต้วนหลิงเทียนหิ้วมาดั่งไก่รอเชือด ยิ่งมายิ่งหวั่นใจว่าใช่ต้วนหลิงเทียนจะกลับคำแล้วฆ่ามันหรือไม่

 

ตอนนี้ในใจมันหลงเหลือเพียงความคิดเดียว หวังว่ามันจะรอด…!

 

เมื่อหลิวเยว่พาต้วนหลิงเทียนมาถึงหน้าบ้านลานขนาดใหญ่ที่อาวุโสฮุยพักอยู่ อาวุโสฮุยก็เร่งออกจากบ้านมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวแจ้งการมาถึง

 

“ฮ่าๆๆ…ศิษย์น้องต้วนในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้าเสียที! หากมิใช่เพราะความจริงที่ว่าข้ายังจากที่นี่ไปไม่ได้อีกพักใหญ่ ข้าคงรีบแจ้นกลับไปสำนักเพื่อพบเจ้านานแล้ว! สุดยอดอัจฉริยะ ศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่หง!”

 

อาวุโสฮุยที่เร่งออกมาต้อนรับต้วนหลิงเทียนกล่าวยิ้มแย้งอย่างอัธยาศัยดี

 

อาวุโสฮุยนั้นมือชื่อเต็มว่า ต่งฮุย มันชราแล้ว เส้นผมขนคิ้วหงอกขาวนับว่าตัดกับสีผิวทองแดงของมันนัก หากแต่ใบหน้ายังอ่อนวัย แลดูใจดีและเป็นมิตรกับผู้คนปานเฒ่าทารก

 

หลิวเยว่ที่พาต้วนหลิงเทียนมาส่งถึงกับอึ้ง

 

ชายชราที่ยิ้มแย้มหน้าตาเปี่ยมอัธยาศัยอันดีคนนี้…ใช่อาวุโสฮุยจริงหรือ?

 

ต้องทราบด้วยว่ายามอาวุโสฮุยอยู่ที่สำนักงานใหญ่ 9 พันธมิตร แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่มีนิสัยไม่ดีอะไร แต่ก็ไม่ได้ร่าเริงเหมือนหน้าตาแน่นอน โดยมากแล้วยังมักปลีกตัวอยู่อย่างสันโดษ ไม่ชมชอบสุงสิงกับใครด้วยซ้ำ

 

ทว่าต่อหน้าต้วนหลิงเทียน อาวุโสฮุยคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด