War sovereign Soaring The Heavens 1524

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1524 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มันต้องตาย!

 

‘ทะลวงมายังสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบได้แล้วแบบนี้…ข้าก็สามารถใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ได้เสียที!’

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความคึกคักอักโข รีบทดลองใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ทันทีไม่มีรีรอ!

 

อย่างไรก็ตามหลังจากลองใช้พลังออกตามแนวทางกลวิธีที่ศึกษามาอยู่นานสองนาน แต่มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย..

 

‘ข้าเกือบลืมไป…ปราณแท้ก่อลักษณ์ศาสตราเองก็ไม่อาจใช้ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ ท่าทางปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ก็ใช้ไม่ได้เหมือนกัน…ต้องไปลองข้างนอก’

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจ

 

เพียงห้วงคิดจิตสั่ง ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติมายืนอยู่ในห้องนอนทันที

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดจะทดลองพลังอะไรในห้องนอนเป็นแน่ จึงเลือกที่จะออกไปลองด้านนอก

 

หลังจากออกจากห้อง ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้ามาถึงลานว่างด้านหลัง และเริ่มเดินพลังตามวิธีใช้ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ทันที

 

ทันใดนั้นกลิ่นอายพลังอันน่าเกรงขามขุมหนึ่งก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียน

 

ยามเมื่อปราณแท้แผ่พุ่งออกมาพวกมันก็เริ่มลอยตัวขึ้นสู่ฟ้าเบื้องบน ยังปรากฏกลิ่นอายปราณโลหิตอันร้ายกาจเริ่มแผ่ออกมาสะท้านในบรรยากาศ

 

ทันใดนั้นปราณแท้กับปราณโลหิตนั่นก็เริ่มควบรวมก่อเกิดเป็นร่างมังกรเทพยาดาตัวเขื่อง! ลำตัวยังยาวนับ 10 หมี่!

 

หากมองให้ชัดจะพบว่าที่มือของมันแต่ละมือกลับมีกรงเล็บอยู่ถึง 5 กรงเล็บ!

 

มันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ!

 

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยปราณโลหิตอันแข็งแกร่งที่ฉาบคลุมไปทั่วร่างมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บนี้ ก็เผยให้เห็นชัดเจนว่ามันไม่ใช่สิ่งที่บังเกิดขึ้นจากจินตนาการ แต่เป็นสัตว์พลังที่บังเกิดขึ้นจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต!

 

สัตว์พลังที่เกิดจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต ย่อมมีพลังอำนาจเหนือล้ำกว่าปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์จากจินตนาการ!

 

เพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนครั้งใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็สลายมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บไปทันที และคิดออกไปทดสอบพลังของมันนอกสำนัก

 

‘ไปทดสอบพลังของมันดู!’

 

ถึงแม้มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่เกิดจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ด้วยวิธีการดูดซับแก่นแท้โลหิตนี้จะแข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันแข็งแกร่งขนาดไหน

 

สิ่งที่เขารู้แน่คือปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ที่เกิดจากการดูดซับแก่นแท้โลหิต มันเหนือกว่าปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์จากจินตนาการ

 

แต่เรื่องที่แข็งแกร่งมากกว่ากันขนาดไหนเขาไม่รู้เลย

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจากไป เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นร่างหนึ่งที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้าเลย เห็นชัดว่าคนผู้นี้ได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น!

 

รวมถึงมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ต้วนหลิงเทียนสร้างขึ้นมาจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์! ยังรู้ด้วยว่ามันใช้การดูดซับแก่นแท้โลหิตมา!!

 

“สัตว์พลังจากแก่นแท้โลหิต…แถมเขายังใช้แก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ! พี่หญิง..นี่เขามีใดเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์มังกรรึยังไง ไฉนถึงมีแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บได้เล่า?”

 

ความตื่นตระหนกฟังออกจากน้ำเสียง เสียงอันมาจากร่างวิหกสีม่วงที่เกาะอยู่บนไหล่สตรีในชุดคลุมลมดำ!

 

ปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์โดยมีปราณโลหิตผสานหลอมรวมด้วยแบบนี้…เกิดจากใช้พลังของแก่นแท้โลหิตเป็นรากฐาน!

 

ถึงแม้มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ต้วนหลิงเทียนสร้างจะมาจากปราณแท้ แต่มันก็มีปราณโลหิตผสมผสานอยู่ด้วย!

 

“อาจเป็นได้”

 

ร่างสตรีในชุดคลุมลมดำกล่าวตอบ รูปร่างของนางงยังมีอำนาจเย้ายวนบุรุษทั่วหล้าไม่เคยเปลี่ยน

 

สตรีในชุดคลุมลมดำนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากนักฆ่า 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชาน ชือเม่ย

 

สำหรับ ‘ตัวตน’ ที่แท้จริงของนาง น่ากลัวว่าคงมีแต่ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร และนกสีม่วงที่เกาะอยู่บนไหล่ของนางเท่านั้นที่รู้

 

“พี่หญิง พวกเราจักออกไปจากสถานที่ผีสางที่กระทั่งนกยังมิอยากขับถ่ายนี้กันเมื่อใด…นอกจากผู้นำสาขาตลาดมืดหยินชานที่อ่อนแอเล็กน้อย คนอื่นนับว่าอ่อนแอเกินไป…ยอดฝีมือขอบเขตเซียนของสำนักจันทร์จรัสแสงอะไรนี่ ยังทนรับมือข้าไม่ได้ถึง 3 ท่าเลย…”

 

วิหกสีม่วงกล่าวออกด้วยท่าทางเบื่อหน่ายไม่น้อย

 

“หากเรื่องราวลุล่วง พวกเราย่อมไปจากที่นี่แน่นอน”

 

ชือเม่ยกล่าว

 

“ไปกันก่อนเถอะ…ตามไปดูเขากัน!”

 

ชือเม่ยตอบ ก่อนที่จะกล่าวออกมาอีกครั้ง นางค่อยๆลอยร่างตามต้วนหลิงเทียนที่ออกจากสำนักไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ข่ายอาคมห้ามบินอะไรของสำนักจันทร์จรัสแสง ไม่มีผลกับนางแม้แต่น้อย…

 

ขณะเดียวกันด้านต้วนหลิงเทียนก็ออกจากคฤหาสน์ป๋ายลี่หงด้วยการเดินเท้าออกไป ยังเดินตัดผ่านลานฝึกซ้อมของฝ่ายนอกออกไปอย่างไม่คิดปิดบัง

 

การออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงครั้งนี้แม้เขาจะออกไปคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้กลัวใครสักนิด

 

ด้วยพลังฝีมือที่ยกระดับขึ้นมาไม่น้อยของเขา ให้เผชิญหน้ากับสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ก็ไม่นับว่ามีปัญหาอะไร

 

แน่นอนว่าเขาไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้ง่ายๆทุกคน เพราะสุดท้ายแล้วก็มีผู้ที่อยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่มานานและเข้าถึงครึ่งก้าวเซียน

 

คนเหล่านั้นนับเป็นยอดฝีมือที่เพียงอ่อนด้อยกว่าตัวตนขอบเขตเซียนเท่านั้น!

 

หากคนเหล่านั้นใช้เขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้จัก เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะพวกครึ่งก้าวเซียนได้หรือไม่ด้วยพลังในปัจจุบัน

 

แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็มีหลายอย่างให้พึ่ง เขาจึงมั่นใจว่าหากเขาทุ่มทุกสิ่งอย่าง กระทั่งครึ่งก้าวเซียนเขาก็จัดการได้!

 

ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ครึ่งก้าวเซียนคิดสะกดรอยตามเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว ก็นับว่าพวกมันกำลังฝันไป!

 

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเดินออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงโต้งๆ ไม่ได้เกรงกลัวอะไร

 

แน่นอนหากขอบเขตเซียนคิดสะกดรอยตามไปฆ่าเขา ก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

 

แต่ขอบเขตเซียนไหนเลยยังต้องสะกดรอยตามไปฆ่าเขา? หากพวกมันคิดลงมือ ก็ลงมือในสำนักเลยไม่ดีกว่าหรือ?

 

หลังออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆป๋ายลี่หงพาเขาไปลองอาคมเซียนระดับ 3 เป็นเทือกเขาอันกว้างใหญ่ที่มีสัตว์ร้ายทรงพลังมากมาย

 

เมื่อมาถึงเขาลูกนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาทันที

 

แทนที่จะกล่าวว่าปลดปล่อยพลังทั้งหมด หากกล่าวให้ถูกต้องเป็นปลดปล่อยปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์เต็มกำลังจะถูกต้องกว่า

 

ปรากฏการณ์มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่ถือกำเนิดขึ้นจากปราณแท้ และปราณโลหิตโดยมีแก่นแท้โลหิตของมังกรมาร 5 กรงเล็บเป็นรากฐาน นับว่ามีพลังสะกดข่มตามอำนาจของมังกรนัก สัตว์ร้ายทั้งหลายหวาดกลัวจนไม่กล้ามีตัวไหนเข้าใกล้!

 

เดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน มังกรพลังมีสภาพก็เข่นฆ่าสังหารทุกสิ่งที่อยู่ในสายตา!

 

ต้วนหลิงเทียนพบว่ากระทั่งสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ ก็ไม่แม้แต่จะต้านทานการโฉบโจมตีเพียงครั้งของมังกรพลังมีสภาพเขาได้!

 

พลังอำนาจของมังกรเทพยาดาที่บังเกิดจากปราณแท้และปราณโลหิต นับว่าเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มากโข!

 

“มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บจากปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์ข้าแข็งแกร่งกว่าสัตว์พลังจากจินตนาการของปราณแท้ก่อลักษณ์สรรพสัตว์คนอื่นไม่ต่ำกว่า 2 เท่า!!”

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้

 

จังหวะนี้สายตาเขาเหม่อลอยไปไม่น้อย มุมปากยังยกยิ้ม คล้ายเห็นภาพที่มังกรพลังมีสภาพของเขาบดขยี้สัตว์ร้ายจากปราณแท้ที่เกิดจากจินตนาการของยอดฝีมือคนอื่นอย่างง่ายดาย!

 

“ไหงมังกรพลังนั่นมันแข็งแกร่งนักเล่าพี่หญิง!”

 

เหนือขึ้นไปบนฟ้าวิหกสีม่วงทำตาลุกวาวเผยความตกใจไม่น้อย

 

“มันจักไม่แข็งแกร่งได้อย่างไรเล่า…มันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ ที่มีแก่นแท้โลหิตของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บเป็นรากฐาน!”

 

ชือเม่ยกล่าวตอบเสียงเรียบ นางดูไม่ได้แปลกใจอะไร

 

“พี่หญิง แล้วนี่พวกเราต้องคอยติดตามเขาไปแบบนี้เรื่อยๆเลยหรือ?”

 

วิหกสีม่วงกล่าวถาม

 

“อืม”

 

ชือเม่ยพยักหน้า

 

“อ๋อย…แล้วพวกเราต้องตามเขาไปถึงเมื่อไหร่เล่าพี่หญิง?”

 

วิหกสีม่วงกล่าวถามด้วยท่าทางเบื่อหน่าย

 

“จนกว่าเขาจะนำข้าไปพบคนที่ข้าตามหา”

 

ลูกตาชือเม่ยทอประกายสว่างวาบขึ้นมาทันที

 

ทางต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าตอนนี้มีคนลอบติดตามความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว อีกทั้งผู้ติดตามยังเป็นถึงขอบเขตเซียน! หาไม่แล้วเขาคงไม่เดินทอดน่องอย่างสบายใจเฉิบแบบนี้!

 

ต้วนหลิงเทียนเดินเข้าป่าไปอย่างสบายดั่งคำ พยัคฆ์คืนถิ่น วิหกฟ้าหวนคืนนภา ไม่ว่าจะไปที่ไหนด้วยมังกรพลังมีสภาพก็คล้ายจะไร้เทียมทาน

 

แน่นอนว่าที่เป็นแบบนี้เพราะสัตว์ร้ายส่วนมากที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอเป็นแค่สู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญ

 

“ไอพวกสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบมันไปอยู่ไหนกันหมดนะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเริ่มเบื่อขึ้นมาไม่น้อย หลังจากเดินไปสักพักเขาก็รู้สึกว่าการสังหารสัตวร้ายสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญไม่ได้สร้างแรงกดดันอะไรให้เขาเลย เขาอยากจะลองปะทะกับสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบดูบ้าง ถึงแม้เขาคิดไว้แล้วว่ามังกรพลังเขาอาจจะฆ่าพวกมันไม่ได้ง่ายๆก็ตามที

 

ปรากฏการณ์มังกรพลังมีสภาพนี้ ถึงแม้จะควบรวมเข้ากับปราณแท้โลหิตอันมีขุมพลังมาจากแก่นแท้โลหิตจนมีความแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว…แต่ไม่ว่าจะแข็งแกร่งอย่างไร มันก็กำเนิดขึ้นจากปราณแท้เสี้ยวหนึ่งของเขาเท่านั้น

 

ยังคงมีช่องว่างไม่น้อยหากจะเทียบกับสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบตัวเป็นๆ

 

ทว่าหลังจากเดินร่อนอยู่ครึ่งวันแต่ไม่เจอสัตว์ร้ายสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบสักตัว ต้วนหลิงเทียนที่คึกคักตอนมาก็เริ่มเบื่อหน่าย สุดท้ายก็กลายเป็นกร่อย

 

“เฮ่อ ช่างมันเถอะ วันหน้ายังมีโอกาสอีกมาก…ถึงเวลาที่ข้าต้องกลับไปเตรียมตัวออกเดินทางไปเกาะป้านเยว่หลังจากนี้อีก 2-3 วันแล้ว”

 

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย ที่เขากำลังจะได้เดินทางกลับเกาะป้านเยว่ในอีกไม่กี่วัน

 

ที่เขาอยากรีบกลับไปเกาะป้านเยว่นั้น นอกจากคู่หมั้นทั้งสองแล้วยังเพราะลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกอีก 2 คน

 

สำหรับการเตรียมตัวที่ว่า เขาก็ไม่ได้เตรียมอะไรมากมายนัก

 

เรื่องสำคัญก็คือการไปแจ้งกับป๋ายลี่หงเอาไว้ แล้วก็ร่ำลาคนรู้จักเล็กน้อย

 

นอกจากนี้เขาก็คิดใช้เวลาช่วงนี้ฝึกระฆังศรคลุมกายอีกสักหน่อย

 

ระฆังศรคลุมกายนั้นแม้จะเป็นบทหนึ่งในวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นอย่างมหาเกาทัณฑ์ดาวตก แต่อานุภาพของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับปฐพีดั้งเดิมแม้แต่น้อย

 

และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ฝึกฝนมันจนบรรลุถึงขั้นที่ 2 พื้นฐาน ทว่าพลังอำนาจในด้านป้องกันของมันยังเหนือกว่าอาภรณ์ทองในขั้นตอนไร้ตำหนิเสียอีก!

 

เป็นธรรมดาที่มีความแตกต่างระหว่างระฆังศรคลุมกายกับอาภรณ์ทอง!

 

ระฆังศรคลุมกายนั้นเน้นหนักไปที่การป้องกันตัวอย่างเดียว มันสร่างม่านศรจำนวนมหาศาลปกคลุมร่างกายเอาไว้ดั่งเปลือกไข่

 

ทว่าอาภรณ์ทองนั้น แม้จะมีม่านพลังฉาบคลุมทั่วกายและเสริมพลังป้องกันให้ร่างกายไม่น้อย แต่มันกลับส่งเสริมศักยภาพร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตามทั้งสองมีความแตกต่างกันมาก จึงไม่ส่งผลขัดแย้งกันและกัน ยังสามารถใช้ร่วมกันได้!

 

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเตรียมตัวกลับเกาะป้านเยว่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้หลิวฮ่วนมันมีสีหน้าบิดเบี้ยวขนาดไหน!

 

ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะหลิวฮ่วนมันได้รับทราบเรื่องที่ตลาดมืดหยินชานเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนออกไปแล้ว!

 

ทันทีที่มันรู้เรื่องนี้ปฏิกิริยาแรกของมันคือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ!

 

ถึงแม้ตลาดมืดหยินชานจะชดใช้ด้วยการมอบค่าจ้างคืนให้มัน 10 เท่า แต่มันก็ไม่รู้สึกยินดีแม้แต่น้อย!

 

เพราะมันรู้ว่านับจากวันนี้ไปตลาดมืดหยินชานจะไม่รับภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียนอีก!

 

แน่นอนว่าหลิวฮ่วนยังครุ่นคิดไปด้วยว่า ไฉนตลาดมืดหยินชานไม่รับภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน…หรือที่แท้ต้วนหลิงเทียนมีความลับเบื้องหลังอะไรกันแน่ ที่มันยังไม่ล่วงรู้?

 

สุดท้ายมันก็คาดเดาได้ประการเดียว

 

นั่นคือป๋ายลี่หงสมควรมีสัมพันธ์กับตลาดมืดหยินชานและลอบทำข้อตกลงอะไรกันบางอย่าง จนทำให้ตลาดมืดหยินชานเพิกถอนภารกิจสังหารต้วนหลิงเทียน..

 

“ข้าต้องเฝ้ามองสารเลวน้อยนั่นเติบโตต่อไปเช่นนี้จริงๆหรือ?”

 

หน้าหลิวฮ่วนแทบจะกลายเป็นสีเดียวกับเหล็กคล้ำ ทุกครั้งที่นึกถึงต้วนหลิงเทียนลูกตามันก็แทบจะพ่นไฟออกมาได้!

 

“ไม่! สารเลวน้อยนั่นมันต้องตาย! ถ้ามันไม่ตายข้าก็ฆ่าตัวบัดซบฟางฮุ่ยนั่นไม่ได้! มันต้องตาย! ฟางฮุ่ยนั่นมันก็ต้องตาย!!”

 

หลิวฮ่วนหัวฟัดหัวเหวี่ยงปานคนบ้า

 

อย่างไรก็ตามพอสัมผัสได้ว่ากำลังมีศิษย์ฝ่ายในคนหนึ่งเข้ามารายงานเรื่องราว อาการของมันก็สงบลง

 

“ต้วนหลิงเทียนกำลังจะออกเดินทางกลับบ้านเกิดคนเดียว? เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าข่าวนี้ถูกต้อง?”

 

หลิวฮ่วนมองถามศิษย์ฝ่ายในที่มารายงานข่าวด้วยท่าทางขึงขัง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด