War sovereign Soaring The Heavens 1541

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1541 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทายาทเพียงหนึ่งเดียว

 

เมื่อความเจ็บปวดจี๊ดแล่นวาบจากหน้าขามาถึงสมอง ต้วนหลิงเทียนก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ฝันไป!

 

ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!

 

เขาได้รับการถ่ายทอด ‘ยอดใจกระบี่’ ที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางกล่าวว่าเป็นเคล็ดบำเพ็ญจิต เต๋าแห่งกระบี่ที่ดีที่สุดมาแล้ว!

 

‘ยอดใจกระบี่มันคืออะไรกันแน่ เป็นวิชากระบี่หรือวรยุทธ์เซียนกัน?’

 

ด้วยความอยากรู้ต้วนหลิงเทียนจึงเพ่งจิตนึกถึงองค์ความรู้ที่สถิตย์อยู่ในใจเพื่อหาคำตอบทันที และหลังจากที่อ่านองค์ความรู้ดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็พอเข้าใจได้

 

‘ที่แท้…ยอดใจกระบี่ ไม่ใช่ทั้งเคล็ดวิชากระบี่หรือวรยุทธ์อะไร’

 

มันเป็นเคล็ดบำเพ็ญจิตใจสำหรับผู้ฝึกฝนกระบี่!

 

หากคิดฝึกกระบี่ อันดับแรกต้องฝึกฝนจิตใจเสียก่อน!

 

เมื่อใจมีกระบี่ กระบี่อยู่ที่ใจ สรรพสิ่งล้วนอยู่ในกำมือ!

 

ยอดใจกระบี่!

 

‘เอ่อ…’

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นเนื้อหาบางส่วนขององค์ความรู้ เขาอดไม่ได้ที่จะอึ้ง

 

‘บำเพ็ญยอดใจกระบี่จนบรรลุ สรรพวุธทั่วหล้าล้วนสยบศิโรราบ’

 

จากเนื้อหาด้านหลังนั้นเซียนกระบี่ฟงชิงหยางกล่าวไว้อย่างอหังการ ว่ายามใดที่บรรลุใจกระบี่ขั้นสูงสุดศาสตราวุธทั้งมวล…

 

จะยอมศิโรราบ…!

 

กล่าวให้ชัด พวกมันจะยอมจำนนต่อ ยอดใจกระบี่

 

ขั้นสูงสุดของยอดใจกระบี่ เรียกอีกอย่างว่า กระบี่สัมพันธ์จิตใจ…

 

‘ถึงแม้ข้าจะบำเพ็ญยอดใจกระบี่ไม่บรรลุ แต่แค่ขั้นแรกๆก็มีความสามารถอันน่าทึ่งนัก…ถึงมันไม่ใช่วรยุทธ์เซียน แต่กลับเหนือล้ำกว่าวรยุทธ์เซียนซะอีก!’

 

ยิ่งอ่านเคล็ดความและข้อมูลของ ยอดใจกระบี่มากเท่าไหร่ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งตกใจมากขึ้นเท่านั้น

 

ต้วนหลิงเทียนอ่านไล่มาเรื่อยๆ สุดท้ายก็เห็นบทสรุปของยอดใจกระบี่

 

แน่นอนว่าก่อนหน้าย่อมมีเนื้อหาเคล็ดความมากมาย แต่ต้วนหลิงเทียนเพียงมองมันคร่าวๆ

 

เขาแค่อยากรู้ว่าแต่ละขั้นของยอดใจกระบี่คืออะไร แล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร

 

ส่วนบทสรุปยอดใจกระบี่นั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไร

 

“ยอดใจกระบี่ เป็นผลของความเพียรพยายามชั่วชีวิตของข้า เซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นี้…ถึงแม้ว่ามันจักมิใช่วรยุทธ์เซียน แต่ยังนับว่าเหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับนภาเสียอีก เคล็ดวรยุทธ์ทั้งหลายในบรรดาวรยุทธ์เซียนระดับนภาโดดเด่นนั้นกล่าวไปยังมิอาจเทียบได้แม้แต่ 1 ใน 10 ของยอดใจกระบี่ข้ายามบรรลุขั้นสูงสุด! เมื่อข้าบรรลุขั้นสูงสุดแล้วตลอดระยะเวลา 10 ปีก่อนที่ข้าจะเยื้องย่างสู่สวรรค์ ก็มิอาจมีผู้ใดรับมือข้าได้อีกเลย…”

 

“และผู้ที่ได้รับยอดใจกระบี่ของข้าไป…จักเป็นผู้สืบทอดของ ‘หมอกพิรุณ’ แต่เพียงผู้เดียว…”

 

ทั้งหมดเป็นบทสรุปที่ว่า

 

แทนที่จะเรียกว่าบทสรุป บอกว่าเป็นข้อความทิ้งท้ายของฟงชิงหยางเสียจะดีกว่า

 

‘กระทั่งวรยุทธ์เซียนระดับนภาโดดเด่นยังเทียบไม่ได้แม้แต่ 1 ใน 10 เลยงั้นเหรอ? แล้วนี่ขั้นสูงสุดของยอดใจกระบี่มันจะร้ายกาจขนาดไหนกัน นี่มันจะไม่เกินจริงไปหน่อยรึไง?’

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ามันน่าเหลือเชื่ออยู่บ้าง ยังคิดไปว่านี่ใช่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นี้กล่าวอวดโอ่ไปรึเปล่า

 

แต่เขารู้ดีว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางไม่จำเป็นต้องกล่าวอวดโอ่อะไร เพราะสุดท้ายแล้วหากอีกฝ่ายกล่าวเกินจริง เรื่องราวคงแดงออกเนิ่นนาน จะเป็นการทำลายชื่อเสียงตัวเองเปล่าๆ

 

เช่นนั้นอีกฝ่ายก็ไม่มีเหตุจำเป็นให้โกหก

 

‘ถ้าสิ่งที่ฟงชิงหยางพูดเป็นความจริง…งั้นไม่ใช่ว่าข้ามีสิ่งที่เหนือกว่าวรยุทธ์เซียนระดับนภาโดดเด่นอยู่กับตัวงั้นหรือ!?’

 

สุดท้ายพอคิดได้ถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ลมหายใจยังเริ่มถี่รัวขึ้นมาอย่างยากระงับ

 

“นายน้อย ท่านตื่นแล้วหรือ?!”

 

ด้วยความตื่นเต้นต้วนหลิงเทียนที่ผุดลึกขึ้นมานั่ง ยังลุกขึ้นมายืนพรวดด้วยอาการยินดี ทำให้ฉงเฉวียนตกใจไม่น้อย

 

ไม่นานทุกคนก็รับรู้เช่นกัน

 

“เจ้าหนูหลิงเทียน เจ้าสบายดีรึเปล่า?”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวถามด้วยความกังวล

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้าเป็นไงบ้าง”

 

คนอื่นๆก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความห่วงในเช่นกัน

 

เมื่อเผชิญกับสายตาที่มองมาด้วยความห่วงใยของทุกคน ต้วนหลิงเทียนก็ซาบซึ้งใจไม่น้อย ยิ้มกล่าวตอบออกไปทันที “ข้าไม่เป็นอะไร”

 

“เจ้าหนูเจ้านั่งนิ่งไปกว่าครึ่งปี…สุดท้ายเจ้าจึงเข้าสู่ภวังค์รู้แจ้งอันใดบางอย่างงั้นหรือ?”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวถามด้วยความสงสัย

 

“ใช่”

 

ประสบการณ์ที่เขาพบเจอนั้นค่อนข้างอธิบายได้ยากนัก ต้วนหลิงเทียนจึงพยักหน้าตอบรับคำเฟิ่งหวู่เต้าไป

 

จังหวะนี้ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะมองด้วยความอิจฉา

 

เพราะสุดท้ายแล้วการรู้แจ้งนั้น ก็ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ

 

มีคำกล่าวไว้ ว่าเมื่อหนึ่งทะยานสู่สวรรค์ กระทั่งไก่สุนัขรอบกายก็ยังพลอยทะยานฟ้าตามติด พวกมันเชื่อว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนต้องยกระดับไปไม่น้อย แถมไม่นานพวกมันก็ต้องพลอยได้อานิงสงค์ด้วยแน่

 

เปรี๊ยะ!!

 

ทว่าก่อนที่คนที่มารุมล้อมต้วนหลิงเทียนจะกล่าวถามอะไรสืบต่อนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังสนั่นขึ้นมาปานฟ้าถล่ม สร้างความตกใจให้ทุกคนไม่น้อย กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่เว้น

 

ทันใดนั้นทุกคนก็ทราบได้ทันทีว่าเสียงสนั่นดังกล่าวมาจากไหน

 

วินาทีต่อมาไม่ใช่แค่เพียงต้วนหลิงเทียน กระทั่งคนอื่นๆ ยังหน้าซีดลงทันที

 

เพราะตอนนี้ภาพที่ปรากฏอยู่ในสองตา คือผาน้ำตกที่มีคำว่า ‘กระบี่’ สลักเอาไว้…มันกำลังแตกร้าว!

 

เสี้ยวพริบตารอยร้าวก็เริ่มแผ่ขยายออกไปดั่งใยแมงมุมอันเขื่อง!

 

คำกระบี่เองตอนนี้ก็เริ่มเลือนหาย!

 

ซูว! ซูว! ซูว! ซูว!

 

……

 

จากนั้นก็ปรากฏภาพที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง กระทั่งต้วนหลิงเทียนก็จำต้องขมวดคิ้ว

 

เพราะเมื่อผนังผาแตกร้าวมากเข้า ก็มีกลิ่นอายพลังขุมหนึ่งเอ่อล้นออกมา! เป็นปราณกระบี่อันหน้าแน่นที่คล้ายรั่วไหลออกมาจากผาน้ำตก! มันพุ่งออกมาดั่งหมอกควันสีเขียวก่อนที่จะกระจายสลายหายไปในบรรยากาศ และทันใดนั้นเอง…ผาใหญ่ก็ถล่มลงมาทันที!

 

ครึก ครึก ตูม! ตูม!

 

……

 

ด้วยหน้าผามหึมาทรุดทลายลงมา ย่อมบังเกิดฝุ่นดินฟุ้งตลบ แลไปยังคล้ายดอกเห็ดผุดโผล่ขึ้นมาเบ่งบาน ก่อนที่จะกระจายออกไปโดยรอบ!

 

อารามตกใจ ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆไม่ทันได้ป้องกันตัวจากฝุ่นธุลีอะไร ทำให้แต่ละคนถูกเศษฝุ่นเกาะเต็มตัวไปหมด สภาพคล้ายตกถังขี้เถ้ากันมาทั้งสิ้น!

 

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน!?”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆตกตะลึงไม่น้อย

 

มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ที่พอตระหนักได้ว่าเกิดอะขึ้น และตระหนักได้ว่าทำไมคำ ‘กระบี่’ ถึงหายไปแบบนี้

 

‘เซียนกระบี่ฟงชิงหยางกล่าวบอกเอาไว้ ว่าคำ ‘กระบี่’ มีไว้เพื่อหาผู้สืบทอด…ตอนที่ข้าได้รับเคล็ดบำเพ็ญจิต ยอดใจกระบี่ ดูเหมือนยังจะกล่าวกำชับเอาไว้อีกว่า…ข้าจะกลายเป็นผู้สืบทอดของ หมอกพิรุณ อะไรซักอย่าง…’

 

‘ทำไมถึงกล่าวไว้ว่าข้าจะเป็นผู้สืบทอดแต่เพียงผู้เดียวกันนะ? หรือว่าหลังจากที่ข้าได้รับการยอมรับจากสำนึกเทวะที่สถิตย์อยู่ในคำ ‘กระบี่’ นั่น จนได้รับการถ่ายทอดยอดใจกระบี่มาแล้ว…ไม่เพียงแต่ที่ทวีปเมฆาล่อง กระทั่งทวีปมนุษย์อีก 2 ทวีป…คำ ‘กระบี่’ แบบนี้ก็จะสลายไปด้วยเช่นกัน?’

 

พอคิดถึงช่วงหลัง ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มคาดเดาออกมา

 

แน่นอนว่านี่เป็นแค่การคาดเดาของต้วนหลิงเทียนฝ่ายเดียว เขาเองก็ไม่แน่ใจเต็มสิบส่วน

 

แต่เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ก็คือ ทันทีที่ผาน้ำตกที่สลักคำกระบี่ไว้เบื้องหน้ามันพังทลายลง สถานการณ์เดียวกันนี้ก็เกิดขึ้นกับทวีปมนุษย์อีก 2 ทวีปเช่นกัน

 

ทวีปมนุษย์ 1 ในนั้นไม่มีอะไรมาก เพราะไม่มีผู้ใดพบเจอคำ ‘กระบี่’ แบบนี้

 

ทว่าทวีปมนุษย์อีกที่นั้นถูกคนค้นพบมานาน กระทั่งผู้ค้นพบยังถึงกับก่อตั้งนิกายเพื่อครอบครองคำ ‘กระบี่’ เอาไว้เพียงผู้เดียว สุดท้ายยังกลายเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายด้วยซ้ำ

 

อนิจจาวันนี้เป็นวันที่ถูกกำหนดไว้ให้คนในนิกายต้องจดจำไปชั่วกาลนาน…

 

นั่นเพราะหน้าผาศักดิ์สิทธิ์ที่สลักคำ ‘กระบี่’ เอาไว้ของพวกมัน…ได้พังทลายลงแล้ว!

 

ตอนแรกศิษย์ที่ได้รับหน้าที่เฝ้าก็ตกตะลึงพรึงเพริดไม่น้อย เมื่อพบว่าอยู่ดีๆ ผากระบี่เทวะของพวกมันบังเกิดรอยร้าว…สุดท้ายมันก็เร่งส่งสัญญาณฉุกเฉิน ทำให้ระดับสูงของนิกายมารวมตัวกันในพริบตา

 

‘ผากระบี่เทวะ’ ของนิกายพวกมัน กลับพังทลายลงต่อหน้าต่อตา ภาพนี้สะท้านใจพวกมันสุดที่จะกล่าวออก!

 

“ผากระบี่เทวะทลายแล้ว…ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเรามิมีอีกแล้ว หรือนี่จักเป็นสวรรค์ลงทัณฑ์พวกเรากัน ที่ครอบครองมันเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว…”

 

เมื่อได้เห็นภาพการล่มสลายของสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ระดับสูงของนิกายอดไม่ได้ที่จะปวดปร่าใจ ทั้งยังตื่นตระหนกกันไม่น้อย

 

ในอดีตนั้น ต้องทราบด้วยว่าบรรพชนผู้ก่อตั้งนิกายที่ร้ายกาจที่สุด ยังไม่อาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนเล็กๆ ไว้บนหน้าผากระบี่เทวะ…

 

อนิจจาบัดนี้ผากระบี่เทวะทลายลงกลับพังทลายกลายเป็นฝุ่นธุลี…

 

หากไม่ใช่สวรรค์ลงโทษแล้วจะเป็นอะไรได้?

 

ใตหล้านี้ยังจะมีใครทรงพลังทำอย่างนี้ได้อีก?

 

อย่างไรก็ตามพวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ที่ผากระบี่เทวะของพวกมันพังทลายลงมานั้น…เพราะผากระบี่เทวะในสายตาของพวกมัน ได้ค้นพบผู้สืบทอดที่แท้จริงแล้ว

 

เมื่อพบผู้สืบทอดที่แท้จริงแล้ว คำ ‘กระบี่’ ก็ไม่จำเป็นต้องมีอยู่อีกต่อไป

 

หากพวกมันรู้เหตุผลเรื่องนี้ว่าทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน พวกมันอาจข้ามน้ำข้ามทะเลมานับหมื่นแสนลี้เพื่อร้องหาความรับผิดชอบจากต้วนหลิงเทียนก็เป็นได้…

 

ตอนนี้เมื่อผาน้ำตกทั้งคำ ‘กระบี่’ พังทลายลงไปหมดแล้ว หุบเขากระบี่แห่งนี้ก็คงเหลือแต่ชื่อ…

 

ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ ลอยร่างขึ้นมาเหนือหุบเขาเพื่อหลบฝุ่นดิน

 

“ทุกคน ข้าคิดจะเดินทางกลับสำนักจันทร์จรัสแสงที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…แล้วทุกคนล่ะ คิดจะทำอะไรต่อไปกันเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนว่ายตามองเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ค่อยกล่าวถามออกมา

 

ตอนนี้ทวีปเมฆาล่องไม่มีอะไรสำคัญสำหรับเขา มิหนำซ้ำคู่หมั้นทั้ง 2 ของเขาเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้

 

ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน คนอื่นๆก็เงียบไปพักหนึ่ง

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พวกมันล้วนใช้ชีวิตอยู่กันบนเกาะป้านเยว่ และนับว่าคุ้นชินกับเกาะป้านเยว่แล้ว

 

อนิจจาตอนนี้เกาะป้านเยว่กลับพินาศสิ้น อีกทั้งการย้อนกลับไปก็มีความเสี่ยงไม่น้อย

 

ตอนนี้พวกมันเลยไม่รู้จะไปไหน

 

“ต้วนหลิงเทียน ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มันเป็นสถานที่อย่างไรหรือ?”

 

เฉินเฉ่าช่วยเป็นคนแรกที่ตอบออกมา มันถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ

 

“ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็นิ่งคิดไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวเรื่องราวดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าทั้งหมดที่เขารู้ออกมา ขณะเดียวกันเขาก็บอกถึงสถานภาพของเขาในตอนนี้

 

“หากทุกคนอยากไปดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็สามารถมากับข้าได้…ด้วยมีศิษย์พี่ของข้าอยู่ ทุกคนสมควรปลอดภัยไร้อันตรายใดๆ”

 

วาจาท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนยังกล่าวรับประกันออกมามั่นเหมาะ

 

เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆเองก็บังเกิดความสนใจในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่น้อยหลังจากได้ฟังเรื่องราวจากต้วนหลิงเทียน

 

ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น ไม่เพียงแรงโน้มถ่วงที่มหาศาลขึ้น ก็ไม่มีอะไรที่ทวีปมนุษย์อื่นๆและทวีปเมฆาล่องแห่งนี้เทียบได้เลย…กระทั่งยอดฝีมือด่านพลังจักรพรรดิ ก็ไม่นับเป็นตัวอะไร

 

สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะ หินเซียน และวรยุทธ์เซียนนั้น ยังเป็นอะไรที่เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆให้ความสนใจนัก

 

“ต้วนหลิงเทียน ตอนนี้เจ้าอยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์แล้วหรือ?”

 

หนานกงยี่มองต้วนหลิงเทียนเขม็งพร้อมถาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด