War sovereign Soaring The Heavens 1576

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1576 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เข้าใจผิด?

 

“เจ้าแข็งแกร่งนัก ทั้งมีเขตแดนเถาไม้แห้งเหี่ยว…เจ้าสมควรเป็นกู่มี่!”

 

ตอนนี้เองร่างมังกรเทพยาดาสีเขียว 5 กรงเล็บที่ถูกซัดร่วงตกฟ้า พยายามลอยร่างกลับขึ้นไปในอากาศ ทว่ายามที่มันมองไปยังร่างชายชราผอมแห้งในชุดคลุมลมดำอีกครั้งในแววตายังเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว

 

“ชิงเหยียน พวกเรามาร่วมมือกันเถอะ! ข้ามิเชื่อว่ากระทั่งพวกเราร่วมมือกันแล้วยังเอาชนะกู่มี่ผู้นี้มิได้!!”

 

กู่มี่ไม่ทันได้ตอบคำอะไรชิงเหยียน กลับมีเสียงหนึ่งลั่นดังขึ้นมาเสียก่อน ยังเป็นเสียงของสตรีที่ชราแล้ว!

 

หลังจากนั้นไม่ทันไรก็ปรากฏร่างสตรีชราในชุดคลุมสีเทา ลอยมาหยุดข้างร่างมังกรเขียว สองตาของนางยังจับจ้องมองมาที่กู่มี่เขม็ง

 

นางไม่รั้งรออะไร และไม่ทันที่ใครจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาในร่างมนุษย์ได้ชัด นางก็หวนคืนสู่รูปลักษณ์มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ ที่ตัวมหึมายาวหลายร้อยหมี่เสียก่อน!

 

นอกจากนี้ความยาวของลำตัวนาง เห็นได้ชัดว่ายังยาวกว่าชิงเหยียนเสียอีก!

 

ต้องทราบด้วยว่าในเผ่าพันธุ์มังกรนั้น ยิ่งขนาดตัวใหญ่และมีลำตัวยาวเท่าใด ยิ่งหมายถึงมีพลังความแข็งแกร่งสูงส่ง!

 

“นั่นอาวุโสสื่อชิง!”

 

“ในเผ่าพันธุ์มังกรเราพลังฝีมือของอาวุโสสื่อชิงนั้นเป็นที่สองรองจากอาวุโสเฉวี่ยฉาน ที่เป็นมังกรโลหิต 5 กรงเล็บ…หากอาวุโสสื่อชิงร่วมมือกับอาวุโสชิงเหยียนย่อมเอาชนะอีกฝ่ายได้แน่!”

 

“กู่มี่แห่งตำหนักเมฆาครามนับว่าร้ายกาจนัก! แต่หากมันคิดเอาชนะการร่วมมือกันระหว่างอาวุโสชิงเหยียนกับอาวุโสสื่อชิงนับว่าไม่มีทาง!”

 

……

 

หลังจากการปรากฏตัวของมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บอีกตัว คนในเผ่าพันธุ์มังกรกลายเป็นตื่นเต้นคึกคักเปี่ยมล้นไปด้วยความฮึกเหิมทันที ทั้งหมดเฝ้าจับจ้องมองเรื่องราวกลางหาวอย่างใจจดจ่อด้วยกลัวจะพลาดชมดูสิ่งดีๆ

 

มังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บ 2 ตัวกลุ้มรุมกู่มี่แห่งตำหนักเมฆาคราม! เรื่องนี้ไม่ได้มีให้ดูชมกันง่ายๆ!!

 

ส่วนอีกด้านนั้น ทางกู่มี่เมื่อเห็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บโผล่มาอีกตัว สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย

 

“เหอะ!”

 

และในขณะที่คนของเผ่าพันธุ์มังกรกำลังคาดหวังจะได้ดูการต่อสู้ระหว่างกู่มี่กับผู้อาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้ง 2 ต้วนหรูเฟิงพลันแค่นเสียงออกมาคำหนึ่ง!

 

ทว่าเพียงหนึ่งคำที่สบถออกนี้ ทำให้เผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมดรู้สึกหนาวสะท้านจับไขสันหลัง!

 

และวินาทีต่อมาพวกมันก็ได้แลเห็นฉากที่จะต้องจดจำไปจนวันตาย!

 

ต่างเห็นว่า ชายวัยกลางคนที่มาพร้อมกู่มี่ เพียงยกมือขึ้นอย่างไร้เรื่องราวเท่านั้น แต่ความว่างเหนือฟ้าทั้งมวลคล้ายจะล่มสลาย กระทั่งพื้นที่มิติยังคล้ายจะปริแตกออก!

 

เปรี๊ยง!!

 

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งพลันดังสนั่นลั่นมาปานฟ้าระเบิด! ทั้งเผ่าพันธุ์มังกรไม่อาจมองได้ทันจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าร่างมังกรอาวุโสทั้ง 2 กลับเสมือนถูกพลังมหาศาลขุมหนึ่งซัดกระเด็นปลิดปลิวไปทางขุนเขาลูกหนึ่งอย่างไม่อาจต่อต้าน!!

 

ตูม!! ครืนนน ครืนนน!!

 

ขุนเขาลูกนั้นมิอาจทานทนรับได้ไหว จึงถล่มทลายลงมาทันใด! แผ่นดินไหวครั้งใหญ่อุบัติขึ้นอีกครา ฝุ่นธุลีคละคลุ้งปลิวว่อนย้อมฟ้าให้หมองเทา!!

 

“อั๊คค!!”

 

ยิ่งชิงเหยียนที่แต่เดิมก็บาดเจ็บเป็นทุนอาการของมันยิ่งสาหัสนัก โลหิตกระอักออกปากเป็นลิ่มก้อนแล้วก้อนเล่าอย่างไม่อาจห้าม!

 

ส่วนมังกรเทพยาดาสีม่วงที่พึ่งมาใหม่ ก็ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่ากัน

 

“ทะ…ท่านคือจ้าวตำหนักเมฆาคราม!?”

 

เมื่อเห็นชายชราที่คาดว่าน่าจะเป็นกู่มี่ให้ความเคารพชายวัยกลางคนผู้นี้และลอยร่างประกบด้านหลังอย่างเรียบๆร้อยๆ มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บได้แต่เผยแววตาหวาดหวั่น กล่าวถามออกมาเสียงสั่น

 

ในสายตาของนางมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้กู่มี่ยินดีติดสอยห้อยตามด้วยความเคารพแบบนี้

 

ถึงแม้นางเองก็ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุแต่นางสัมผัสได้ชัดว่า…การมาเยือนเผ่ามังกรของจ้าวตำหนักเมฆาครามนี้สมควรร้ายมากกว่าดี…!

 

“หากกล้าขยับวุ่นวายอะไรต่อหน้าข้าอีก ตาย!”

 

ใบหน้าของต้วนหรูเฟิงยังคงสงบไร้อารมณ์ อย่างไรก็ตามยามมองไปยังมังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ ในลูกตาเผยประกายเย็นยะเยือกชวนให้ใจของมังกรเทพยาดาสีม่วงสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ นางไม่กล้าสงสัยในวาจาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย จึงนอนหมอบฟุบอยู่บนพื้นแน่นิ่งแต่โดยดี

 

“จะ…จ้าวตำหนักเมฆาคราม!?”

 

ได้ยินคำของมังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ มังกรเทพยาดาสีเขียว ชิงเหยียนที่บาดเจ็บสาหัสยิ่งหน้าซีดไปกันใหญ่!

 

จ้าวตำหนักเมฆาคราม! เสียงคำร่ำลือกล่าวกันหนาหู..ว่ามีพลังอำนาจทัดเทียมกับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมัน!

 

ทว่ามันกลับกล้าเผชิญหน้ากับตัวตนระดับนั้นด้วยท่าทางถือดี?

 

จังหวะนี้มันอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความอับอาย ใคร่เอาหน้ามุดแทรกปฐพีหนีหายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด!

 

“จะ…จ้าวตำหนักเมฆาคราม!!”

 

ตอนนี้สีหน้าของเผ่าพันธุ์มังกรทั้งมวลที่ออกมาติดตามสถานการณ์วุ่นวายก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที!

 

ถึงแม้หลายคนจะเป็นสมาชิกรุ่นเยาว์ในเผ่าพันธุ์มังกร และไม่ค่อยได้ออกไปยังโลกภายนอก แต่พวกมันก็เคยได้ยินกิตติศัพท์ของตำหนักเมฆาครามมาก่อน… นั่นคือขุมพลังที่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมันทั้งเผ่าพันธุ์!

 

และนายเหนือผู้ยิ่งใหญ่ที่ปกครองตำหนักเมฆาครามนั้น ก็คือตัวตนที่มีพลังอำนาจทัดเทียมกับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของพวกมัน!!

 

พอตระหนักได้ถึงความจริง ว่าตอนนี้พวกมันกำลังพบพานกับตัวตนอันใด สองขาของพวกมันรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ยังเริ่มสั่นไหวไปแทบยืนไม่อยู่!

 

มังกรเทพยาดา 4 กรงเล็บที่กล่าววาจาเสียงดังปลุกเร้าก่อนหน้าทั้งหมด ตอนนี้ล้วนเงียบกริบ สงบปากสงบคำไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจแรง!

 

ล้อกันเล่นหรือไร!

 

ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของพวกมันยามนี้คือจ้าวตำหนักเมฆาคราม!

 

ต่อให้อีกฝ่ายฆ่าพวกมันทิ้งด้วยความไม่สบอารมณ์ เผ่าพันธุ์มังกรก็ไม่มีวันเรียกร้องหาความเป็นธรรมอะไรให้พวกมันเด็ดขาด!

 

ทันทีที่ต้วนหรูเฟิงลงมือสยบมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บทั้ง 2 ตัวจนหมอบแน่นิ่งไป เผ่าพันธุ์มังกรที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจทั้งหมด ก็กลับกลายเป็นเรียบๆร้อยๆ ราวเด็กน้อยแสนเชื่อฟัง ไม่กล้าหืออืออะไรอีก…

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหรูเฟิงจึงเดินทางเข้าไปยังส่วนลึกของเผ่ามังกรอย่างสะดวก

 

“เกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตจนเสียงดังเอิกเกริกเพียงนี้ ไฉนท่านผู้นำยังมิออกมาอีก!”

 

“ไม่เพียงแต่ท่านผู้นำ…กระทั่งผู้อาวุโสมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บคนอื่นๆ ก็มิได้ออกมาเลย”

 

……

 

สมาชิกในเผ่าพันธุ์มังกรเริ่มหวั่นใจ ด้วยไม่ทราบว่านี่มันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นกันแน่ หรือวันนี้จะถึงวาระของเผ่าพันธุ์มังกรแล้ว?

 

เพราะพวกมันย่อมตระหนักได้ ว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามไม่ได้มาดี!

 

แถมตอนนี้ผู้อาวุโสอันเป็นมังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บที่เหลือของพวกมัน ที่เป็นดั่งเสาหลักผู้พิทักษ์เผ่าพันธุ์มังกร ยังไม่แม้แต่จะออกมาช่วยเหลือ! ทั้งหมดจึงหวาดกลัวเสียขวัญ ใจตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก!!

 

“พวกเจ้าอย่าพึ่งตื่นตระหนกกระวนกระวายใจไป…เหล่าผู้อาวุโสและท่านผู้นำ ต้องกำลังหารือกันเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์อยู่เป็นแน่!”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงกับกู่มี่ลอยร่างหายไปจากสายตาแล้ว อาวุโสของเผ่าพันธุ์มังกรที่สงบปากเมื่อครู่ ก็เร่งกล่าวปลอบขวัญรุ่นเยาว์ในเผ่าพันธุ์ทันที

 

“ถึงแม้ต้วนหรูเฟิง จ้าวตำหนักเมฆาครามผู้นั้นจักร้ายกาจ แต่ข้าเชื่อว่าด้วยพลังฝีมือของท่านผู้นำ ก็มิจำเป็นต้องกลัวมันแต่อย่างไร! เช่นนั้นพวกเจ้าวางใจได้เรื่องที่พวกเจ้ากลัวไม่มีวันเกิดขึ้น!!”

 

มังกรเทพยาดาสีม่วง 5 กรงเล็บ สื่อชิงหวนคืนสู่รูปลักษณ์มนุษย์ของนาง..หญิงชรา เร่งกล่าวออกด้วยน้ำเสียงมั่นใจปลอบขวัญทั้งหมดอีกคน

 

ด้วยมีคำของอาวุโส 4 กรงเล็บ และวาจามั่นใจของอาวุโส 5 กรงเล็บ คนเผ่าพันธุ์มังกรที่กำลังตื่นตระหนก ก็พอได้สงบใจลงบ้าง

 

“ข้าเจอตัวมันแล้ว!”

 

ในขณะที่มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของเผ่าพันธุ์มังกร ในที่สุดกู่มี่ที่แผ่สำนึกเทวะออกไปเป็นวงกว้าง ก็พบเจอตัวตี้จิ่วเสียที!

 

มันยังพบว่า ตี้จิ่ว กำลังปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่!

 

อาจเป็นเพราะตี้จิ่วมันปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ จึงไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไร และไม่ได้ปรากฏตัวออกมาตอนเกิดเรื่องวุ่นวาย

 

ตี้จิ่วนั้นกล่าวไปน่าสงสารไม่น้อย เพราะตอนนี้มันกำลังบ่มเพาะพลังถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออันสำคัญ แต่อยู่ดีๆมันก็ถูกสำนึกเทวะแผ่พุ่งมาตรวจสอบ จนเสียสมาธิ!

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ และมีสายเลือดสูงส่งในเผ่าพันธุ์มังกร แต่อย่างไรมันก็ยังไม่เติบโตเต็มที่ พลังอำนาจของมันยังนับว่าอ่อนด้อยกว่ามังกรเทพยาดา 5 กรงเล็บตัวอื่นๆ กระทั่งอ่อนด้อยกว่าชิงเหยียนด้วยซ้ำ…และกระทั่งชิงเหยียนยังไม่อาจรับมือกู่มี่ไหว ตี้จิ่วย่อมไม่มีปัญญาต้านทานกู่มี่แม้แต่น้อย!

 

“อาวุโสกู่มี่ นี่ท่านมาได้อย่างไร แล้วไฉนทำกับข้าแบบนี้!?”

 

ตี้จิ่วที่ถูกขัดจังหวะในช่วงสำคัญ ย่อมตื่นจากภวังค์บ่มเพาะด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แต่เมื่อมันเห็นว่าผู้ที่รบกวนมันกลับเป็นกู่มี่ มันก็ได้แต่พยายามระงับโทสะเอาไว้ กล่าวถามออกไปเสียงเข้ม

 

“เจ้าตัวดี! เจ้ายังไม่รู้อีกหรือว่าทำบัดซบอะไรลงไป!!”

 

กู่มี่แค่นคำเย็นชาออกไป ก่อนที่จะตบหน้าตี้จิ่วฉาดๆ ซ้ายทีขวาทีจนหน้ามันบวมเป็นหัวหมู กระทั่งแววตายังเลื่อนลอยไปพักหนึ่ง…

 

“กู่มี่!!”

 

ด้วยความที่มันเองก็เป็นถึงมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ มันย่อมเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรี พออยู่ดีๆมาถูกกู่มี่ตบเอาๆอย่างไม่รู้เรื่องราว มันย่อมหัวร้อนขั้นสุด จังหวะนี้มันไม่สนว่ากู่มี่จะร้ายกาจปานใด เร่งคืนร่างที่แท้จริงแล้วสู้กับกู่มี่สุดใจ!

 

อนิจจาด้วยพลังของมันก็เสมือนเอาไข่ไปกระทบหินแท้ๆ…ไม่อาจทำอะไรกู่มี่ได้เลย สุดท้ายก็ถูกกู่มี่ทุบตีกระทืบจนย่ำแย่สาหัส…

 

หลังจากที่กู่มี่ทุบตีจนตี้จิ่วจนปางตาย ร่างตี้จิ่วก็หวนคืนสู่รูปลักษณ์มนุษย์อีกครั้ง ยังถูกกู่มี่ใช้พลังสะกดหอบหิ้วมาราวหมูหมา ลากคอมาส่งมอบให้ต้วนหรูเฟิง!

 

ในระหว่างนี้ตี้จิ่วไม่ได้สิ้นสติไปแต่อย่างไร มันได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนต่อความอัปยศอดสู ได้แต่ถลึงตามองอย่างคับแค้น!

 

เกิดมาชั่วชีวิตมันไม่เคยถูกใครทุบตีทำร้ายจนสิ้นสภาพเช่นนี้มาก่อนเลย!

 

มันลอบสาบานในใจเป็นมั่นเหมาะ! ถ้าชีวิตนี้มันไม่อาจฆ่ากู่มี่ล้างอัปยศให้ตัวได้ มันไม่ขอเป็นมังกร!!

 

“เจ้าน่ะเหรอ ตี้จิ่ว?”

 

ต้วนหรูเฟิงมองร่างอนาถาปานสุนัขใกล้ตายในมือกู่มี่ พร้อมถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

“เจ้าเป็นใคร!?”

 

หลังถูกกู่มี่ควบคุมตัวไว้ ตี้จิ่วก็พยายามสะกดกลั้นอารมณ์เต็มที่ ทว่ามาถูกใครก็ไม่รู้กล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาทั้งมองมาราวกับมันไม่ได้เป็นตัวอะไร มันก็ไม่อาจระงับโทสะในใจไหว โพล่งถามออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด ปานจะระเบิดอารมณ์คับแค้นทั้งมวลใส่ต้วนหรูเฟิง

 

ผัวะ!!

 

และเมื่อตี้จิ่วโพล่งคำถามนี้ออกมา ก็คล้ายจุดชนวนอารมณ์! กู่มี่ที่เคารพต้วนหรูเฟิงยิ่งกว่าสิ่งใด มีโมโหจนมือสะบัดฟาดไปปานฟ้าผ่าตบหน้าตี้จิ่วอย่างแรงจนฟันกรามร่วงกระเด็น “เจ้ามันช่างกล้านักนะตี้จิ่ว! ถึงขั้นกล้าโอหังหยาบคายใส่ท่านจ้าวตำหนักเมฆาคราม! เจ้าเบื่อชีวิตสุนัขของเจ้ามากหรือไร!?”

 

“จะ..จ้าวตำหนักเมฆาครามหรือ!?”

 

เป็นอีกครั้งที่กู่มี่ตบหน้ามันดังฉาด ทำให้ใจตี้จิ่วรู้สึกคับแค้นอับอายนัก ทว่ามันไม่ทันจะตอบโต้อะไรพอได้ฟังคำที่กู่มี่ตวาดออกมา หน้ามันก็เสียไปทันที!

 

จ้าวตำหนักเมฆาครามคือตัวตนที่เทียบเท่าผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรของมัน!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงพลังฝีมือของตี้จิ่วในตอนนี้ แต่ต่อให้เติบโตเต็มที่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของจ้าวตำหนักเมฆาครามได้!!

 

และสิ่งที่สำคัญที่สุด มันเคยได้ยินวีรกรรมอันน่าทึ่งของจ้าวตำหนกเมฆาครามผู้นี้มาแล้ว มันรู้ดีว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามผู้นี้ทรงพลังแข็งกล้าอย่างแท้จริง พลังฝีมือนับว่าเหนือกว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามคนก่อนหลายขุม!

 

อีกทั้งยังกล่าวกันหนาหูว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามคนใหม่ ยังมีอายุไม่ถึง 100 ปีด้วยซ้ำ!!

 

อายุยังไม่ถึง 100 ปี แต่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับผู้นำเผ่าพันธุ์มังกร…นี่มันตัวตนอันใด? ตี้จิ่วไหนเลยจะไม่รู้เรื่องนี้!!

 

“ทะ…ท่านจ้าวตำหนัก ท่านมาหาข้าหรือ?”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบอารมณ์ ตี้จิ่วกล่าวถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงผิดหูผิดตา

 

หลังจากทีแลเห็นแววตาเย็นเยียบของจ้าวตำหนักเมฆาคราม ใจตี้จิ่วก็หนาวสะท้านขึ้นมาทันใด นอกจากนี้มันทราบแล้วว่าไฉนกู่มี่ถึงได้มีโมโหนัก และอีกฝ่ายกลับแลดูเรียบๆร้อยๆยามอยู่ใกล้ชายวัยกลางคนผู้นี้ ที่แท้คือจ้าวตำหนักเมฆาครามนี่เอง…

 

อย่างไรก็ตามมันอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอย่างหนัก เพราะเท่าที่มันจำได้…ตัวมันไม่เคยไปมีเรื่องราวบาดหมางหรือสร้างความไม่พอใจอะไรให้จ้าวตำหนักเมฆาครามมาก่อนเลย แล้วไฉนจ้าวตำหนักเมฆาครามถึงได้มองมันราวกับศัตรูที่ต้องฆ่าให้ตายแบบนี้ได้?

 

“ทะ…ท่านจ้าวตำหนัก…ระหว่างเราใช่มีเรื่องเข้าใจผิดอันใดกันหรือไม่?”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหรูเฟิงยังไม่กล่าวคำอะไร ตี้จิ่วยิ่งกระวนกระวายใจกล่าวถามออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ

 

กับ กู่มี่ มันไม่กลัว

 

เพราะหากให้เวลามันได้เติบโต พลังฝีมือมันย่อมก้าวข้ามกู่มี่ไปได้แน่ๆ อย่างคำที่ว่า “ลูกผู้ชาย ล้างแค้นสิบปีไม่สาย”

 

อย่างไรก็ตามหากเป็นจ้าวตำหนักเมฆาคราม มันไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย!

 

“เรื่องเข้าใจผิด?”

 

ต้วนหรูเฟิงหัวเราะเยาะ “เจ้าเกือบฆ่าลูกชายคนเดียวของข้า…เจ้ายังกล้าถามว่ามีเรื่องเข้าใจผิด?”

 

เปรี๊ยง!!

 

วาจาเฉยเมยของต้วนหรูเฟิงยามเข้าหูตี้จิ่ว ยังรู้สึกเสมือนดังก้องปานฟ้าร้อง มันถึงกับตกตะลึงจนขวัญหนีดีฝ่อ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด