War sovereign Soaring The Heavens 1607

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1607 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,607 : ใจกังวลความคิดสับสน

 

ที่ฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงในเมืองหลวงนั้น โดยปกติแล้วจะมีชนชั้นรองประมุขประจำการอยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

 

เมื่อรวมกับถานชี และอาวุโสระดับสูง 2 คนที่มากับป๋ายลี่หง ทำให้ในฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงมียอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ 2 คน และครึ่งก้าวเซียนถึง 2 คน

 

หากแต่แม้จะเป็นครึ่งก้าวเซียน 2 คน และสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ 2 คนต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เขามี ตราผนึกมาร 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน ของรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ เขามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าสามารถเอาชนะพวกมันได้ด้วยพลังฝีมือส่วนตัวโดยไม่ต้องใช้ตราผนึกมาร!

 

ด้วยพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ รวมถึงความสามารถย่อยในขอบเขตสู่เซียนทั้งหลายที่มี ทำให้เขาแทบเป็นตัวตนอันไร้เทียมทานภายใต้ขอบเขตเซียน!

 

ภายในฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิง ในบ้านลานหลังหนึ่ง ปรากฏร่างป๋ายลี่หงเดินวนไปเวียนมาบนสนามหญ้า ด้วยความว้าวุ่นใจ “ป่านนี้ศิษย์น้องสมควรได้รับป้ายหยกบันทึกเสียงที่ข้าใช้ให้คนไปส่งแล้วใช่หรือไม่?”

 

ด้านป๋ายลี่หงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้แทรกซึมเข้ามาในฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงแห่งนี้แล้ว

 

ส่วนอีกด้านหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนที่ลอบเข้ามาในฐานปฏิบัติการได้อย่างลับๆ ก็จับตัวศิษย์นิกายคนหนึ่งที่เดินลาดตระเวนอยู่ พร้อมกล่าววาจาออกมาเสียงเย็น “ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวที่พึ่งมาถึงไม่นานอยู่ไหน พูด! ไม่งั้นเจ้าตาย!”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนเปล่งแสงเย็นพาลให้หนาวสะท้านไปถึงไขสันหลัง

 

สำหรับศิษย์นิกายแล้ว ต่อหน้าชายหนุ่มผู้นี้ มันก็เหมือนเด็กน้อยไร้เรี่ยวแรงและไร้กำลังจะต่อต้านขัดขืน ใครจะไปคิดไปฝันว่ามันต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้

 

“ยะ…อยู่ในลานขนาดใหญ่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ยะ…ยังมีต้นสน 100 ปีสูงใหญ่เป็นจุดสังเกต”

 

ศิษย์นิกายหยินหมิงให้ความร่วมมือแต่โดยดี

 

ด้านต้วนหลิงเทียนที่ได้รับทราบคำตอบแล้ว ก็สะบัดมือซัดศิษย์ดังกล่าวจนสลบ แต่ไม่ได้ลงมือฆ่ามันแต่อย่างไร

 

สาเหตุที่เขาไม่ฆ่ามันนั้น เพราะต่อให้มันไม่ตายแต่มันไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับเขาเลย แถมมันยังให้ความร่วมมือกับเขาแต่โดยดี

 

ต้วนหลิงเทียนมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ศิษย์คนนั้นกล่าว ไม่นานเขาก็แลเห็นต้นสนสูงใหญ่ อายุราวๆ 100 ปี เขายังสังเกตเห็นป๋ายลี่หงที่กำลังชักสีหน้าบึ้งตึงเดินวนไปเวียนมาในสนามหญ้าแทบจะทันที

 

“ศิษย์พี่!”

 

เมื่อเห็นร่างอันคุ้นเคยของป๋ายลี่หง ลูกตาของต้วนหลิงเทียนพลันส่องประกายจ้าขึ้นมา เร่งร้องทักออกไปอย่างไม่รอช้า

 

ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกของต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงก็หันขวับมาทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว

 

“ศิษย์น้อง!”

 

พอได้เห็นร่างต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ หากแต่เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมาคนเดียวก็ทำให้ป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะงุนงง “แล้วคนของตระกูลซือถูอยู่ที่ใด? ไฉนถึงไม่ได้มากับเจ้าเล่าศิษย์น้อง?”

 

“ปรมาจารย์ป๋ายลี่…ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าท่านจักมีศิษย์น้องด้วย!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หงพึ่งพบหน้ากันได้ไม่ทันไร เสียงไม่เป็นมิตรหนึ่งพลันดังขึ้นพร้อมกันกับที่ชายในชุดคลุมลมดำปรากฏตัวขึ้นมา

 

“ถานฉี เจ้าลอบจับตาดูข้างั้นเหรอ?”

 

เมื่อเห็นร่างที่ปรากฏตัวออกมา หน้าป๋ายลี่หงก็จมลงโดยพลัน กล่าวออกเสียงเย็น “ศิษย์น้องของข้าพึ่งมาพบข้าที่นี่เท่านั้น เจ้าคิดจะทำอะไร?”

 

“ศิษย์น้องท่านมาหาท่านหรือ?”

 

ได้ยินคำของป๋ายลี่หง ถานฉีพลันแสยะยิ้มกล่าว “ท่านปรมาจารย์ป๋ายลี่ ดูเหมือนว่าศิษย์น้องท่านจักแข็งแกร่งมิใช่ชั่ว ถึงกับลอบเขามาได้โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้…ยังเล็ดลอดสายตาศิษย์ที่ลาดตระเวณไปทั้งหมด!”

 

ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค สองตาถานฉีก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยประกายเย็นชา

 

ในเมื่ออยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็โผล่ขึ้นมาแบบนี้ ถานฉีย่อมเห็นเขาเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

 

“พลังฝีมือศิษย์น้องข้าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า เขาเพียงมาพบข้าที่เป็นศิษย์พี่เท่านั้น และจะจากไปทันที!”

 

ป๋ายลี่หงที่ไม่เห็นคนของตระกูลซือถูเร่งกล่าวออกมา แน่นอนว่ามันไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนต้องปะทะกับถานฉี เพราะอีกฝ่ายมีพลังฝึกปรือเหนือกว่ามันมาก

 

แน่นอนว่าหากต้องปะทะกับถานฉีจริงๆ มันก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย!

 

“ปรมาจารย์ป๋ายลี่ ในเมื่อศิษย์น้องท่านอุตส่าห์มาทั้งที ในเมื่อมาแล้วก็อยู่มันเสียที่นี่เลยเถอะ!”

 

ถานฉีหัวร่อออกมา

 

ในสายตาของมันในเมื่อชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้เป็นศิษย์น้องของป๋ายลี่หง หากมันจับตัวชายหนุ่มผู้นี้ได้ ต้องสามารถควบคุมป๋ายลี่หงได้ดีขึ้นแน่

 

“ถานฉี เจ้าอย่าได้บีบคั้นข้า!”

 

ป๋ายลี่หงคำรามออกเสียงดัง ก่อนที่จะวูบร่างไปบังขวางอยู่ด้านหน้าต้วนหลิงเทียน มองจ้องถานฉีอย่างเอาเรื่อง

 

ปราณแท้ยังเริ่มแผ่พุ่งออกมาทั่วร่าง อีกทั้งศาสตราเซียนที่จารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวไว้ถึง 3 อาคมก็ปรากฏขึ้นในมือ ป๋ายลี่หงยังยกอาวุธขึ้นมาชี้หน้าถานฉี คล้ายมันจะลงมือเต็มกำลังหากอีกฝ่ายกล้าทำอะไรต้วนหลิงเทียน!

 

ในขณะนี้ด้วยใจที่กังวลป๋ายลี่หงคล้ายจะลืมเลือนไปหมดสิ้น

 

ในตอนนี้ไม่เพียงต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือร้ายกาจ ยังร้ายกาจถึงขั้นเอาชนะ แม่นางเฟิ่ง แห่งนิกายอัคคีล่องลอยอันดับที่ 23 ในรายนามนภาลงได้…แน่นอนว่าพลังฝีมือที่แท้จริงของนางยังสามารถติดได้แม้แต่ 1 ใน 10!

 

“ปรามาจารย์ป๋ายลี่ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ท่านมิใช่คู่มือข้า…ถึงแม้ท่านจะรั้งข้าไว้ได้ แต่ท่านคิดหรือว่าศิษย์น้องของท่านจะหนีไปที่ใดได้?”

 

ถานฉีเผยยิ้มร่าออกมา

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ถานฉีกล่าวจบคำ ร่างชายชราในชุดคลุมลมดำ อีก 2 คนพลันปรากฏตัวขึ้น ทั้งคู่มองเขม็งไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้าย คล้ายพร้อมลงมือจัดการต้วนหลิงเทียนทันทีที่เขาคิดหนี

 

ชายชราทั้ง 2 คืออาวุโสระดับสูงของนิกายหยินหมิงที่ติดตามถานฉีมายังเมืองหลวง

 

แม้พลังฝึกปรือของพวกมันจะยังไม่ถึง ครึ่งก้าวเซียน แต่พวกมันก็ถือเป็นสูงสุดสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ และห่างอีกไม่มากก็จะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนแล้ว นับได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่จริงๆ!

 

เห็นภาพนี้หน้าป๋ายลี่หงก็เปลี่ยนสีไปทันใด

 

มันคิดว่าถึงแม้ตัวมันจะไม่อาจรับมือถานฉีได้ไหว แต่อย่างน้อยก็สามารถพัวพันอีกฝ่าย ซื้อเวลาให้ต้วนหลิงเทียนหลบหนีไปได้

 

อนิจจาดูท่าเรื่องนั้นจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

“ถานฉีหากวันนี้เจ้าไม่ปล่อยศิษย์น้องข้าไป ข้าจะไม่มีวันกลับไปนิกายหยินหมิงกับเจ้า!”

 

ป๋ายลี่หงกล่าวข่มขู่ออกมาเสียงเข้ม

 

“ปรมาจารย์ป๋ายลี่ นี่ท่านขู่ข้างั้นเหรอ”

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินวาจาข่มขู่ของป๋ายลี่หง ถานฉีพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวกับได้ฟังเรื่องตลกขบขันที่สุดในโลก

 

“เจ้าหัวเราะอะไร!?”

 

ใบหน้าป๋ายลี่หงมืดลงทันใด

 

“ปรมาจารย์ป๋ายลี่ เรื่องไม่กลับไปนิกายหยินหมิงข้าเชื่อว่าพลังฝีมือของท่านย่อมกระทำได้…อย่างไรก็ตามถึงท่านจะหลบหนีไปได้ แต่คิดจริงๆหรือว่าศิษย์น้องท่านจะรอด ยิ่งไปกว่านั้นหากข้าจำไม่ผิดยังมีอีกหลายคนที่ท่านห่วงใย อยู่ในนิกายหยินหมิง…หรือท่านไม่กลัวพวกมันตายตกแล้ว?”

 

ถานฉีหัวเราะออกมาดังร่าสีหน้าท่าทางเผยให้ห็นชัดว่า มันคิดว่าทุกสิ่งอยู่ในกำมือของมัน!

 

“เจ้า!”

 

ต้องกล่าวเลยว่าวาจานี้ของถานฉีจี้เข้าจุดอ่อนของป๋ายลี่หงทันที ทำให้มันรู้สึกไร้พลังขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

 

“รองประมุขถาน”

 

ครู่ต่อมาป๋ายลี่หงพลันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวออกอีกครั้ง”โปรดปล่อยศิษย์น้องของข้าไปเถอะ…ในนิกายหยินหมิงมีสหายของข้าอยู่มากมาย เจ้าไม่ต้องกังวลว่าข้าจะคิดหนีไปที่ใด ไม่จำเป็นต้องเพิ่มศิษย์น้องข้าไปอีกคนหรอก”

 

ทว่าน้ำเสียงป๋ายลี่หงคราวนี้ นับว่าอ่อนลงหลายส่วนนัก

 

เพื่อเห็นแก่ต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หงจึงยินดีกล่าวอ่อนข้อออกมาแบบนี้

 

“ฮ่าๆๆๆ!!”

 

ทว่าพอได้ยินวาจานี้ของป๋ายลี่หง ถานฉีพลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันที “ท่านปรมาจารย์ป๋ายลี่ นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่เห็นท่านถ่อมตัวถึงขนาดนี้ ที่แท้ฐานะศิษย์น้องในใจท่านกลับสูงนัก ยังสูงเสียยิ่งกว่าสหายที่เหลือทั้งหมดนั่นเสียอีก เช่นนี้ข้ายังจะปล่อยมันไปได้อย่างไร!!”

 

วาจาของถานฉีทำให้หน้าป๋ายลี่หงเปลี่ยนสีทันที มันรู้สึกราวกับได้ผลักไสศิษย์น้องของมันเข้าปากเสืออย่างไรอย่างนั้น

 

อย่างไรก็ตามมันไม่ทันได้ตระหนักเลย ว่าต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังของมันนั้นไม่ได้เผยอาการตื่นตระหนกอะไรแม้แต่น้อย คล้ายไม่ได้สนใจจะฟังคำของถานฉีด้วยซ้ำ อันที่จริงท่าทางก็คงจะไม่ได้ฟังจริงๆ!

 

ท่าทีเช่นนี้ เป็นไปได้แค่ 2 ทางเท่านั้น

 

หนึ่งคือต้วนหลิงเทียนหูหนวกและไม่มิทักษะในการอ่านริมฝีปากผู้คน

 

ทางที่ 2 คือ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เห็นถานฉีอยู่ในสายตาเลย…

 

สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วแน่นอนว่าไม่มีวันเป็นอย่างแรกไปได้

 

“รองประมุขถาน ข้าเกรงว่าเรื่องนี้เจ้าจะยังไม่รู้ แต่ศิษย์น้องของข้าคือแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ข้าแน่ใจว่าตระกูลซือถูย่อมล่วงรู้ถึงการมาเยือนที่นี่ของเขาแล้วแน่นอน หากเจ้ากล้าจับศิษย์น้องของข้า อย่าได้คิดว่าตระกูลซือถูจะปล่อยพวกเจ้าไป!”

 

ทันใดนั้นในใจป๋ายลี่หงคล้ายมีประกายไฟสว่างวาบ มันที่พึ่งนึกฐานะของต้วนหลิงเทียนออก เร่งยกมาขู่ข่มถานฉีทันที ยังไม่ลังเลอะไรขณะยกเอาตระกูลซือถูมากล่าวอ้าง

 

ตอนนี้ด้านป๋ายลี่หงที่ใจกังวลทำให้ความคิดสับสนนัก! ถึงกับลืมเลือนไปเสียสิ้นแล้ว ว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนนั้นร้ายกาจมากพอจะติด 1 ใน 10 อันดับรายนามนภาด้วยซ้ำ

 

ทว่าป่ายลี่หงลืมคิดถึงเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าคนอื่นจะลืมคิดเหมือนกับมันด้วย

 

พริบตานั้น อาวุโสทั้ง 2 ของนิกายหยินหมิงที่จ้องต้วนหลิงเทียนอย่าดุร้ายเมื่อครู่ กลับแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวทันที

 

ส่วนอีกด้าน ถานฉีที่ได้ยินคำของป๋ายลี่หง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน สีหน้ายังเริ่มซีดลง หันมองถามต้วนหลิงเทียนเสียงเข้มด้วยสงสัย “เจ้าคือต้วนหลิงเทียน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ที่เอาชนะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย และชิงอันดับที่ 23 ในรายนามนภามา?”

 

ต้องกล่าวเลยว่านามของต้วนหลิงเทียนมีอานุภาพสะกดข่มผู้คนไม่น้อย!

 

อย่างน้อยที่สุดก็ได้ผลกับถานฉี!

 

เพราะสุดท้ายแล้วแม้ถานฉีจะเป็นครึ่งก้าวเซียน หากแต่พลังฝือของมันยังไม่สูงพอที่จะติดอันดับในรายนามนภา!

 

และไม่นานถานฉีก็ได้พบว่า คล้ายต้วนหลิงเทียนจะไม่แยแสมันเลย!

 

จังหวะนี้ในใจของมันพลันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมา!

 

หลังจากที่รับทราบตัวตนของมันแล้ว แต่ยังยืนเหม่อลอยเช่นนี้ หากไม่ใช่ตัวโง่งม ก็เป็นเพราะไม่ได้กริ่งเกรงอะไรมันเลย!

 

แน่นอนว่าชายหนุ่มชุดม่วงนี่มิใช่อย่างแรกแน่นอน!

 

‘จริงสิ! ข้ากลับเลอะเลือนถึงเพียงนี้ได้อย่างไร! ศิษย์น้องเป็นสุดยอดฝีมือรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของประเทศฝูเฟิง! ยังเป็นยอดฝีมือในรายนามนภา แม้จะมีอันดับที่ 23 หากแต่พลังฝีมือที่แท้กลับมากพอจะติด 1 ใน 10 อันดับแรก!!’

 

ในที่สุดป๋ายลี่หงพึ่งตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ และนึกได้แล้วว่าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนมันร้ายกาจปานใด

 

จังหวะนี้ป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนผ่าวทั่วไปใบหน้า หันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มแหยๆ

 

มาตอนนี้มันรู้สึกว่ามันนั้นเหรอหราถึงเพียงใด…

 

ตอนนี้พลังฝีมือมันยังไม่อาจเทียบกับต้วนหลิงเทียนได้ด้วยซ้ำ แต่กลับมาออกตัวป้องกันอีกฝ่าย!

 

ยิ่งนึกถึงเรื่องก่อนหน้ามากเท่าไหร่ป๋ายลี่หงก็ยิ่งรู้สึกอับอายนัก! มันอยากจะขุดหลุมแล้วมุดดินหนีไปเสียบัดนี้!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด