War sovereign Soaring The Heavens 1608

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1608 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,608 : กระบี่เหินปลิดหัว!

 

ความคิดในใจของป๋ายลี่หงแน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่รู้

 

แต่ถึงเขาจะรู้เขาก็ไม่คิดจะว่าอะไรป๋ายลี่หงสักคำ นั่นเพราะทั้งหมดเป็นป๋ายลี่หงที่ห่วงใยเขามากเท่านั้น เขาจะยิ่งซาบซึ้งตื้นตันเพราะความห่วงใยนี้ของป๋ายลี่หงเสียมากกว่า คงไม่คิดว่ามันน่าขันแม้แต่น้อย

 

“แล้วอีกคนนั่น เมื่อไหร่จะออกมาเสียที?”

 

ในขณะที่ถานฉีและอาวุโสทั้ง 2 ของนิกายหยินหมิงกำลังจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนอย่างระวัง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็หันไปเหลือบมองทิศทางหนึ่ง พร้อมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

ทันใดนั้นทุกสายตาไม่เว้นถานฉีก็หันมองตามต้วนหลิงเทียนไปอย่างพร้อมเพรียง

 

ถึงแม้พวกมันจะไม่เห็นใครสักคนก็ตาม…

 

“สมแล้วที่เป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู! สมคำร่ำลือนัก!!”

 

แต่ทว่าทันใดนั้นเอง พลันปรากฏร่างหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังรั้วกั้นลาน มันค่อยๆย่างเท้าเดินเข้ามาในลานอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

มองไปเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ใบหน้าได้รูปปานหยกเสลา หากแต่มีไฝเม็ดเขื่องอยู่ตรงหว่างคิ้วเป็นจุดเด่น ท่วงท่าแลดูสงบขณะก้าวเท้าเดินตัดลานมาทางต้วนหลิงเทียน

 

“โจวชู!”

 

เมื่อเห็นร่างชายวัยกลางคนผู้นี้ สองตาของถานฉีก็ทอแสงสว่างจ้าขึ้นมาทันที ชายวัยกลางคนผู้นี้ก็คือ โจวชู หัวหน้าผู้ดูแลควบคุมฐานปฏิบัติการณ์ของนิกายหยินหมิงประจำเมืองหลวงฝูเฟิง อีกฝ่ายยังเป็นรองประมุขเช่นเดียวกันกับมัน!

 

ทว่าทางด้านโจวชูนั้นกลับเป็นยอดฝีมือในรายนามนภา!

 

อย่างไรก็ตาม อันดับในรายนามนภาของโจวชูตอนนี้กลับเทียบต้วนหลิงเทียนที่อยู่อันดับที่ 23 ไม่ได้ เพราะมันอยู่ในอันดับที่ 30..

 

แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพลังฝีมือของโจวชูอ่อนด้อยกว่าต้วนหลิงเทียน เพราะอันดับที่ 30 นี่ของโจวชู ไม่มีใครท้าทายสั่นคลอนได้มานับสิบปีแล้ว

 

และในสิบปีที่ผ่านมา คนของประเทศฝูเฟิงก็สับสนไม่น้อยว่าไฉนโจวชูไม่ช่วงชิงอันดับที่สูงกว่า เพราะในสายตาของพวกมัน กระทั่งคนที่เคยอ่อนด้อยกว่าโจวชูในอดีตก็สามารถเข้าสู่ 10 อันดับแรกของนายนามนภาได้กันหมดแล้ว…

 

หากแต่โจวชูยังไม่เลื่อนอันดับแต่อย่างไร คล้ายจะพึงพอใจกับอันดับที่ 30 ในรายนามนภา

 

มีเพียงไม่กี่คนของนิกายหยินหมิงเท่านั้นที่ล่วงรู้เหตุผลการกระทำดังกล่าวของโจวชู ไม่ใช่ว่ามันอยากรั้งอยู่ในอันดับ 30 ตลอดไป แต่มันกำลังบ่มเพาะฝึกปรือยกระดับฝีมือ เพื่อให้มันสามารถทะยานขึ้นสู่ 3 อันดับแรกในรายนามนภาในครั้งเดียว!

 

สำหรับโจวชูแล้ว เรื่องนี้นับเป็นเกียรติยศ!

 

และนับเป็นโอกาสในการสร้างชื่อเสียงอีกด้วย!!

 

ถึงตอนนั้นทุกคนจะกล่าวกันว่า รองประมุขนิกายหยินหมิง สามารถทะยานขึ้นมาจากอันดับที่ 30 ในรายนามนภาจนบรรลุถึง 3 อันดับแรกในคราวเดียว!

 

ภายใต้ชื่อเสียงนี้ ผู้คนย่อมสนใจและอยากเข้าร่วมนิกายหยินหมิงกันมากขึ้นแน่ๆ

 

ถานฉีที่เป็นรองประมุขของนิกายหยินหมิงเช่นกัน ก็ย่อมได้รับทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว

 

มันยังถึงกับคิดว่าพลังฝีมือของโจวชูเหนือล้ำกว่าแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยมานานปี!

 

นอกจากนี้มันเชื่อมั่นว่าด้วยพลังฝีมือในปัจจุบันของโจวชู ย่อมไม่ต้อยต่ำไปกว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูที่เอาชนะแม่นางเฟิ่งมาได้แน่นอน!

 

ดังนั้นหลังจากที่มันเห็นโจวชูปรากฏกาย มันก็ทำท่าราวกับพบพานพระผู้ช่วย!

 

ตั้งแต่ที่โจวชูปรากฏตัวออกมาต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมันเลย เพียงหันไปมองกล่าวกับป๋ายลี่หงด้วยรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ ท่านพาข้าไปนิกายหยินหมิงเถอะ พวกเราจะได้รับตัวพวกลุงเฟิ่งและคนอื่นๆมาที่เมืองหลวงกัน”

 

ในวาจา คล้ายต้วนหลิงเทียนไม่เห็นหัวโจวชู ถานฉีและคนอื่นๆแม้แต่น้อย !

 

จังหวะนี้ใบหน้าของถานฉีอดไม่ได้ที่จะมืดคล้ำ มันพึ่งเคยถูกผู้ที่ไม่ใช่เซียนเมินเฉยกันถึงขนาดนี้!

 

ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นยอดฝีมือในรายนามนภา แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเย้ยออกมา “ถึงแม้เจ้าจะเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู แต่คิดว่าจะร้องขอผู้คนจากนิกายหยินหมิงก็ร้องขอกันได้ง่ายๆงั้นเหรอ!?”

 

หากเป็นขุมพลังชั้น 7 ขุมอื่นๆที่มีพลังอำนาจทัดเทียมได้กับตระกูลซือถู พวกมันอาจจะหวาดกลัวแล้วจริงๆ

 

หากแต่กับตระกูลซือถู พวกมันไม่กลัวเลย!

 

เพราะพวกมันมีความสัมพันธ์กับตระกูลซือถูในระดับหนึ่ง!

 

ในสายตาของมัน ต่อให้ตระกูลซือถูจะรู้ว่าสหายของต้วนหลิงเทียนถูกนิกายหยินหมิงมันจับขังเอาไว้ ทางตระกูลก็ไม่มีทางสอดมือเขามาช่วยเหลือแน่!

 

ตอนนี้เองหน้าของโจวชูก็ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก!

 

มันที่เป็นถึงรองประมุขนิกายหยินหมิง อาวุโสระดับสูงสุดในนิกายหยินหมิง มันย่อมมีความภาคภูมิใจเป็นธรรมดา หากแต่ต้วนหลิงเทียนกลับไม่เห็นหัวมัน! ทำให้มันมีโมโหนัก ลูกตายังเผยประกายดุร้ายเอ่อล้นไปด้วยจิตสังหารปราณแท้เริ่มแผ่ซ่านออกมา ทั้งปราณมารยังหลั่งไหลออกมาพาลให้บรรยากาศเย็นลงทันตา!!

 

“ใครคิดจะร้องขอผู้คนจากนิกายหยินหมิงของพวกเจ้ากัน?”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบคำของถานฉีแทบจะทันที ยังกล่าวออกด้วยความดูแคลน “กับอีแค่พวกสัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้ไม่กี่ตัวของนิกายหยินหมิง ยากนักหรือที่จะกำจัดพวกมันให้พ้นทาง?”

 

สัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้ไม่กี่ตัวในนิกายหยินหมิง?

 

วาจาของต้วนหลิงเทียนคล้ายเหล็กไนผึ้งก็ไม่ปาน ไม่เพียงแต่ทำให้ถานฉีหน้าเปลี่ยนสี กระทั่งโจวชูและอาวุโสอีก 2 คนตอนนี้ก็โมโหต้วนหลิงเทียนจนควันแทบออกหู ต่างถลึงตามองต้วนหลิงเทียนด้วยความดุร้ายทั้งสิ้น

 

“รนหาที่ตาย!!”

 

ถานฉีตะโกนออกมาอย่างดุร้าย หากแต่มันไม่ได้ลงมือเองแต่อย่างไร เพียงหันมองไปทางโจวชู…

 

ถึงแม้ว่ามันจะโมโหมากเพียงใด แต่มันก็ไม่ใช่ไร้สมอง!

 

ด้วยตัวตนของต้วนหลิงเทียน หากคิดเอาชนะอีกฝ่ายด้วยเล่ห์ยังพอมีทาง แต่จะให้มันประมือกับอีกฝ่ายตรงๆคงเป็นไปไม่ได้เลย!

 

“โอหังนัก! เจ้าคิดว่าตัวเจ้ามันไร้เทียมทานนักหรือหลังจากที่เอาชนะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยและชิงอันดับในรายนามนภาของนางมาได้?”

 

โจวชูย่ำเท้าออกมาอีกก้าวหนึ่ง ปราณมารค่อยๆห้อมล้อมเวียนวนทั่วกาย ไอปราณที่เอ่อล้นออกมายังคล้ายมีดแหลมปานจะพุ่งไปแทงต้วนหลิงเทียน

 

“ไร้เทียมทานคำนี้ข้าไม่กล้าพูด…แต่กับพวกสัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้แค่ไม่กี่ตัวของนิกายหยินหมิง ข้าจัดการได้ไม่ยาก”

 

ใบหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมยไร้แยแส กล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบนัก

 

“หาที่ตาย!!”

 

ในที่สุดโจวชูก็ไม่อาจทนไหว กลิ่นอายพลังพวยพุ่งออก ปราณมารยังทะลักออกมาอย่างท่วมท้น

 

ทันใดนั้นเองพื้นที่ในรัศมี 100 หมี่จากตัวมันเริ่มเย็นลงในฉับพลันคล้ายจะผนึกแช่ได้ทุกสิ่ง เป็นปราณแท้ก่อเขตแดนของโจวชู!

 

ในขณะที่เขตแดนกำลังก่อตัว เหนือขึ้นไปจากร่างโจวชูก็มีสัตว์ร้ายตัวเขื่อง พร้อมขวานขนาดใหญ่มหึมาเปล่งพลังคมกล้าเสียดฟ้าก่อลักษณ์ขึ้น

 

สัตว์ร้ายอันบังเกิดจากปราณแท้ควบแน่นจนมีสภาพ พุ่งเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนพร้อมอ้าปากกระหายเลือดออกกว้างปานจะกลืนกินต้วนหลิงเทียนในหนึ่งคำ

 

ขวานมหึมายังฟาดผ่าลงมาด้วยสภาวะแยกฟ้า ปานจะผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็น 2 เสี่ยง!

 

หากแต่แม้จะเผชิญหน้ากับพลังอันดุร้ายของโจวชู หน้าต้วนหลิงเทียนยังคงเฉยเมยไร้อารมณ์!

 

“ทำลาย…”

 

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันเอ่ยคำออกอย่างไร้แยแส

 

พริบตานั้นความว่างในอาณารัศมี 100 หมี่จากตัวต้วนหลิงเทียน คล้ายจะถูกฉีกกระชาก! สนามพลังคมกล้าขุมหนึ่งปะทุออก!

 

เร็วปานอัสนีวาบฟ้า กระบี่พลังมีสภาพหมื่นเล่มพลันปรากฏในสนามพลังอันน่ากลัวนั่น!

 

เป็นเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขา!

 

กระบี่ทั้งหมื่นเล่มไม่เพียงเปี่ยมไปด้วยอำนาจทำลายอันน่ากลัว ความเร็วของพวกมันยังเหนือล้ำยิ่งกว่าเขตแดนใดๆ

 

ก่อนที่เขตแดนของโจวชูจะปรากฏลักษณ์เต็มพลัง เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนพลันก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังบดขยี้เขตแดนของโจวชูจนพินาศสิ้นในพริบตา!

 

“เป็นไปมิได้!!”

 

เห็นฉากนี้ ม่านตาโจวชูพลันหดเล็กลงด้วยความตื่นตระหนก ใบหน้ายังเผยความตกใจเหลือเชื่อ!

 

ถึงแม้มันจะเคยได้ยินพลังอำนาจของเขตแดนต้วนหลิงเทียนว่ามีอานุภาพทำลายมหาศาล หากแต่มันคิดว่าสมควรเป็นเขตแดนแม่นางเฟิ่งที่อ่อนแอเอง ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน ที่แท้จะทรงพลังถึงขั้นนี้!

 

จังหวะนี้มันรู้สึกยากจะยอมรับความจริงได้!

 

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

……

 

ในขณะที่โจวชูกำลังตื่นตระหนก ต้วนหลิงเทียนใช้เพียงหนึ่งห้วงคิด กระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มพลันก่อตัวเป็นสายธารกระบี่ปานมังกร พวกมันแยกออกเป็น 2 สาย พุ่งทะลวงทำลายสัตว์ปราณ และศาสตราปราณของโจวชูจนแหลกสลายหายไปในอากาศ!!

 

“นี่มัน…”

 

เห็นฉากทำลายล้างอันเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่เหนือชั้นกว่า ถานฉีและอาวุโสทั้ง 2 ของนิกายหยินหมิง ถึงกับเผยอาการตื่นตะลึง สองตาเบิกโพลง ใบหน้าคล้ายไม่อาจทำใจเชื่อเรื่องราวได้

 

ถึงแม้พวกมันจะเคยได้ยินคำร่ำลือของต้วนหลิงเทียนมาแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าจะร้ายกาจขนาดนี้!

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถานฉีที่รู้พลังฝีมือของโจวชูดีว่าแกร่งกล้าสามารถเพียงใด หากแต่กลับกลายเป็นตัวอ่อนแอที่ไม่อาจต้านทานได้แม้แต่น้อยต่อหน้าการลงมือของต้วนหลิงเทียน นี่ทำให้มันไม่อาจยอมรับได้จริงๆ!

 

ทั้ง 4 ยังไม่ทันได้ตอบสนองต่อเรื่องราวอะไร กระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มก็พุ่งมาควบรวมใต้เท้าของต้วนหลิงเทียน หมื่นกระบี่พลันรวมเป็นหนึ่ง บังเกิดเป็นกระบี่พลังมีสภาพเล่มเขื่องที่ไม่ต่างใดจากกระบี่จริงๆ คลื่นพลังกระบี่กำจายออกมา พาลให้บรรยากาศรอบๆกระบี่คล้ายบิดเบือน ยังแลเหมือนจะพังทลายลงได้ทุกเวลา!

 

โจวชูร่างสะท้านไปทันใด มันไม่ใช่ตัวโง่งมที่จะไม่ทราบว่าอานุภาพกระบี่ใต้เท้าต้วนหลิงเทียนมีพลังอำนาจระดับใด!

 

และแม้มันไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนจะใช้ออกด้วยวรยุทธ์เซียนอะไร ทว่ากลิ่นอายพลังที่ยิ่งมาก็ยิ่งคมกล้าเสียดแทง ยังส่งเสียงกู่ร้องดังวิ้งๆ ให้มันสัมผัสได้ว่าการโจมตีที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะปลดปล่อยออกมา มันรับไม่ได้! ยังไร้ซึ่งหนทางจะต้านรับ!!

 

“หนี!!”

 

จังหวะนี้โจวชูหลงเหลือเพียงความคิดเดียวในใจ และมันยังลงมือกระทำทันที!

 

ต่อหน้าภัยคุกคามถึงชีวิต มันไม่กล้าคิดอะไรฟุ้งซ่านให้มากความ พลังชั่วชีวิตปะทุออก เร่งพุ่งร่างขึ้นฟ้าหลบหนีไปทันที!

 

“ท่านรองประมุขโจว คิดหนีหรือ?”

 

อาวุโสทั้ง 2 ของนิกายหยินหมิงถึงกับอื้ออึงเมื่อเห็นภาพดังกล่าว

 

ฟั่บ!

 

ทันใดนั้นเองเสียงกระบี่แหวกอากาศพลันดังขึ้น ถานฉีกับอาวุโสทั้ง 2 รวมถึงป๋ายลี่หงที่พึ่งได้ยินเสียงหอนของกระบี่ได้ไม่ทันไร กระบี่พลังมีสภาพเล่มเขื่องทั้งต้วนหลิงเทียนก็ได้อันตรธานหายไปแล้ว!

 

ในบรรดาทั้ง 4 คน มีเพียงถานฉีเท่านั้นที่พอแลเห็นความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนได้รางๆ!

 

ร่างต้วนหลิงเทียนยืนเหยียบอยู่บนกระบี่พลังเล่มเขื่อง กระบี่เหินคนท่อง! พริบตาก็พุ่งแซงร่างโจวชูที่กำลังหลบหนี และขณะพุ่งเลยผ่านร่าง กระบี่พลังยังปลิดหัวของมันออกไปได้อย่างง่ายดาย!!

 

ภาพเรื่องราวทั้งหมดอุบัติขึ้นฉับไวนัก กระทั่งร่างต้วนหลิงเทียนที่เหินกระบี่ปลิดหัวโจวชูจนพุ่งเลยไปหลายช่วงตัวแล้ว โลหิตของโจวชูยังไม่ทันได้ไหลออกมาด้วยซ้ำ!

 

จนกระทั่งกระบี่ผ่านไปไกลจากร่าง ร่างไร้หัวนั่นถึงค่อยพ่นโลหิตออกมาดั่งน้ำพุ ประหนึ่งบุปผาสีเลือดเบ่งบานกลางหาว บังเกิดเป็นความงามคลุ้งกลิ่นคาวเลือดประการหนึ่ง!

 

โจวชูตกตายแล้ว…!

 

ครู่ต่อมาป๋ายลี่หง ถานฉีและอาวุโสอีก 2 คน ได้แต่จับจ้องร่างในชุดสีม่วงที่เหินกระบี่บินย้อนกลับมา คนยืนสงบนิ่งบนกระบี่บิน สองมือไพร่หลังปรายตามองลงมาอย่างไร้แยแส…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด