War sovereign Soaring The Heavens 1614

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1614 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,614 : เฟิ่งหวู่เต้าตื่นเต้น

 

“ไม่มาหรือ?”

 

เมื่อเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะลังเล ด้วยไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกล่าวออกมาแบบนั้น

 

อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นใบหน้าเปี่ยมความมั่นใจของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็จำต้องเชื่อถือ

 

ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะสับสนและไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ก็ได้แต่ตามต้วนหลิงเทียนออกไปก่อน

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนนำพาพวกเฟิ่งหวู่เต้าไปแล้ว ทาสทั้งหลายที่ยืนอึนกันตาปริบๆ ค่อยได้สติกลับคืน

 

“ขะ…เขาคือ ท่านต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู!?”

 

แรงงานทาสบางคนเริ่มกล่าวออกมาด้วยความตกใจ

 

นั่นเพราะเมื่อครู่พวกมันอยู่ไม่ห่างจากกลุ่มต้วนหลิงเทียนสักเท่าไร จึงพอได้ยินบทสนทนาระหว่างต้วนหลิงเทียนกับพวกเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆมาบ้าง

 

“ดูเหมือนที่ลือกันจักมิผิดเพี้ยนแล้วจริงๆ ท่านต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูผู้นี้ นับเป็นยอดฝีมือในรายนามนภาจริงๆ”

 

ทาสคนอื่นๆเริ่มกล่าว

 

“ฮึ่ม! ท่านต้วนไม่เพียงแต่จะติดอันดับในรายนามนภา กระทั่งผู้ที่อยู่ในรายนามนภายังมีสูงต่ำ! ตอนนี้ท่านต้วนอยู่ในอันดับที่ 23 …”

 

“หากทว่าพลังฝีมือของท่านต้วนมิได้มีเพียงแค่อันดับที่ 23 แน่ เพราะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยเป็นที่ยอมรับกันว่าพลังฝีมือนั้นได้เข้าสู่ 10 อันดับแรกแล้ว!”

 

“พี่ชายท่านนี้กล่าวถูกแล้ว! พลังฝีมือของท่านต้วน คิดรับ 10 อันดับแรกในรายนามนภา มิใช่ปัญหาแต่น้อย!”

 

……

 

เหล่าทาสแรงงานเริ่มจับกลุ่มคุยกัน ตอนนี้ไม่มีผู้ใดคิดจะทำงานอีกต่อไป เพียงสนทนาจ้อเรื่องต้วนหลิงเทียนไม่หยุด

 

“ข้าล่ะคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าทาสกลุ่มนั้นจักมีสัมพันธ์กับท่านต้วนได้ ที่ท่านต้วนบุกมาฆ่าล้างสังหารคนของนิกายหยินหมิงครานี้เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อช่วยเหลือพวกมัน! น่าอิจฉายิ่งนัก!”

 

“เหอะๆ หยุดเพ้อฝันได้แล้ว อย่างเจ้ายังหวังจะได้รู้จักกับท่านต้วนอีกรึ!”

 

“จะว่าไป ตอนนี้ท่านต้วนก็ฆ่าล้างศิษย์นิกายหยินหมิงที่คุมเหมืองหมดสิ้นแล้วนี่นา…พวกเจ้าจะยืนสนทนากันอีกนานหรือไม่ หากยังไม่รีบหนีตอนนี้เดี๋ยวพวกหยินหมิงกลุ่มอื่นมันมา…ก็มิได้ตายดีหรอก”

 

……

 

พอมีทาสคนหนึ่งเปิดประเด็นถึงเรื่องนี้ วงสนทนาก็แตกโดยพลัน แต่ละคนเร่งรุดหลบหนีกันใหญ่

 

และไม่นานพวกมันก็พบว่า การหลบหนีไม่ได้เสี่ยงอันตรายใดๆ เพราะไม่มีศิษย์นิกายหยินหมิงกลุ่มไหนมาจัดการกับพวกมันเลย กระทั่งพอมองให้ดี…พวกมันยังพบว่าศิษย์นิกายหยินหมิงก็กำลังเร่งรุดหลบหนีหน้าตั้งเช่นกัน!

 

“เอ่อ…นั่นมันกลุ่มพวกอาวุโสไม่ใช่หรือ นี่มันเกิดอันใดขึ้นกัน? ไฉนพวกมันยังหนีไวกว่าพวกเราอีกเล่า!?”

 

ในเรื่องนี้เหล่าแรงงานทาสอดไม่ได้ที่จะงุนงง

 

อย่างไรก็ตามพวกมันไม่ได้ทราบเลย ว่าเหล่าศิษย์นิกายหยินหมิงได้เร่งรุดไปยังส่วนตะวันออกเพื่อรายงานเรื่องนี้ก่อนแล้ว ในตอนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่ากลุ่มศิษย์ที่เฝ้าเหมืองรวมถึงสังหารรองประมุขและอาวุโสครึ่งก้าวเซียนไป

 

อย่างไรก็ตามพอพวกมันมาถึงส่วนตะวันออก พวกมันก็พบว่าประมุขของพวกมันไม่อยู่ที่นั่น

 

ไม่เพียงแค่ประมุขไม่อยู่ แต่พวกมันยังพบร่างไร้ชีวิตของผู้อาวุโสสูงสุดที่กลายเป็นซากเนื้อเลอะเลือนคล้ายร่วงตกจากฟ้าสูงกองอยู่บนพื้น!

 

หลังจากที่เหล่าศิษย์เห็นศพ พวกมันก็ตื่นตระหนกแล้วรีบไปแจ้งเหล่าอาวุโสที่ยังเหลือทันที และทั้งหมดก็คิดว่าท่าไม่ดีแล้ว จึงรีบสละเรือนามนิกายหยินหมิง เร่งแยกย้ายกันหลบหนีทันทีด้วยกลัวเภทภัยที่จะมาถึงตัว

 

“ท่านผู้อาวุโสตกตายแล้ว กระทั่งท่านประมุขก็หายตัวไป…หากพวกเรายังอยู่จนยอดฝีมือที่สังหารทั้งคู่กลับมา มิใช่จะตกตายอนาถเช่นกันหรือ!?”

 

ไม้ใหญ่โค่นล้มฝูงลิงแตกฮือ สภาพนิกายหยินหมิงก็เป็นเช่นนี้

 

เรื่องราวพวกนี้แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดาที่จะไม่รู้ และเขาก็ไม่คิดจะสนใจด้วย เพียงนำพาพวกเฟิ่งหวู่เต้าไปพบป๋ายลี่หงที่จุดนัดพบ

 

“ศิษย์น้องต้วนนี่เจ้า…”

 

ป๋ายลี่หงที่รอคอยต้วนหลิงเทียนอยู่ ก็รู้สึกเสมือนเวลามันได้ผ่านไปอย่างเชื่องช้านัก แต่พอได้เห็นต้วนหลิงเทียนพาพวกเฟิ่งหวู่เต้าออกมา ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

 

ศิษย์น้องของมันร้ายกาจถึงขนาดนี้แล้วหรือ?

 

นอกจากนี้ ไฉนถึงสามารถเล็ดรอดหูตาของขอบเขตเซียนอย่างประมุขและอาวุโสสูงสุดมาได้?

 

แล้วทำไมประมุขนิกายกับอาวุโสสูงสุดถึงไม่ออกมาหยุดยั้งเอาไว้?

 

“หรือประมุขนิกายหยินหมิงกับอาวุโสสูงสุดจะพร้อมใจกันปิดด่านฝึกตนอยู่กัน ถึงเปิดโอกาสให้ศิษย์น้องช่วยเหลือทุกคนออกมาได้?”

 

สุดท้ายป๋ายลี่หงก็คิดได้ในทางนี้ทางเดียว

 

เกรงว่าเรื่องนี้ต่อให้ป๋ายลี่หงขบคิดจนหัวแทบแตก ก็คงยากที่มันจะล่วงรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

“ศิษย์พี่ พวกเรากลับบ้านกันเถอะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวทักป๋ายลี่หงด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะสะบัดมือครั้งหนึ่ง ปรากฏเป็นพลังไร้สภาพโอบหุ้มพวกเฟิ่งหวู่เต้าเอาไว้ แล้วพาเหินบินไปยังเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงทันที!

 

ระหว่างเดินทางกลับ ป๋ายลี่หงก็อดถามออกมาไม่ได้ “ศิษย์น้อง แล้วประมุขนิกายกับอาวุโสสูงสุดนั่น มิได้ปรากฏตัวออกมาหรือ?”

 

วาจานี้ของป๋ายลี่หงทำให้สายตาของพวกเฟิ่งหวู่เต้าหันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนเช่นกัน

 

ในเรื่องนี้ทุกคนก็ประหลาดใจอยู่ไม่น้อย

 

นั่นเพราะมันเกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ที่จริงประมุขนิกายและอาวุโสสูงสุดสมควรออกมาจัดการเรื่องราวแล้ว แต่นี่พวกมันไม่เห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวออกมาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ พาลให้ทุกคนแปลกประหลาดใจไม่น้อย

 

หากมีสิ่งใดผิดปกติสมควรมีภูตผีปีศาจ!

 

พวกมันเชื่อว่าต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น โดยที่พวกมันไม่รู้เป็นแน่

 

“มันหนีไปแล้วน่ะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอ

 

หนีไปแล้ว?

 

และวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้ป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ งงเข้าไปกันใหญ่

 

“อาวุโสสูงสุดมันตายคามือข้า ส่วนประมุขนิกายหยินหมิงก็เร่งรุดหลบหนีไปแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวเล่าออกมา พอหวนคิดถึงเรื่องที่อี้เฟิงหลบหนีไปได้ คิ้วเขาก็ขมวดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

 

หากพวกมันทั้งคู่ตกตายเรื่องราวในวันนี้คงจบลงด้วยดีอย่างสมบูรณ์แบบ

 

หากแต่อี้เฟิงหลบหนีไปได้แบบนี้ มันจึงกลายเป็นภัยซ่อนเร้นทันที!

 

ถึงแม้ว่าในเร็วๆนี้ ‘ภัยซ่อนเร้น’ คงไม่ปรากฏออกมาโดยง่าย แต่เขาก็ไม่ทราบจริงๆว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างหากเรื่องที่เขามีตราผนึกมารแพร่กระจายออกไป

 

ป๋ายลี่หงกับเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆนั้นไมทันสังเกตเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมของต้วนหลิงเทียน เพราะพวกมันอึ้งค้างจนคล้ายจะกลายเป็นหินตั้งแต่ได้ฟังเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาแล้ว

 

กระทั่งป๋ายลี่หงที่เหินบินอยู่ถึงกับหยุดลงทันที

 

ต้วนหลิงเทียนที่เห็นดังนั้น ก็ใช้พลังประคองร่างพวกเฟิ่งหวู่เต้าให้หยุดลงด้วย

 

“ตะ…ต้วนหลิงเทียนนี่เจ้าทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้วงั้นเหรอ?!”

 

เฉินเฉ่าช่วยโพล่งถามออกมาด้วยความตกตะลึง

 

“เจ้ามันสัตว์ประหลาดจากฟ้ารึไงหา?!”

 

หนานกงยี่ยังมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอึ้งเหวอปานเห็นผี

 

ลูกตาเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ก็เผยอาการตกตะลึงไม่ต่างกัน

 

ตอนแรกที่พวกมันรับทราบว่าต้วนหลิงเทียนก็คือ ปรมาจารย์ต้วน แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู พวกมันก็ตกใจแทบตายแล้ว!

 

เพียงเวลาแค่ไม่นานต้วนหลิงเทียนกลับมีพลังสามารถเอาชนะแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยได้ ถึงขั้นติดอันดับในรายนามนภาแบบนี้…

 

ในความเห็นของพวกมัน เรื่องราวเหล่านี้ก็เหลือเชื่อจะแย่อยู่แล้ว

 

แต่พวกมันไม่คิดเลย ว่าคำเหลือเชื่อยังคล้ายจะน้อยไป!

 

ต้วนหลิงเทียนกลับกล่าวว่า ได้ฆ่าอาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิง…

 

พวกมันไหนเลยไม่รู้ว่า นั่นคือตัวตนอันทรงพลังในขอบเขตเซียน!

 

การที่พวกมันได้อยู่ในนิกายหยินหมิงมาพักหนึ่ง แม้จะเป็นแค่ทาสใช้แรงงาน แต่พวกมันก็รู้ดีว่านิกายหยินหมิงมียอดฝีมือขอบเขตเซียนอยู่ 2 คน

 

ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนว่า ขอบเขตเซียนทั้ง 2 หนึ่งตายคามือ อีกหนึ่งหลบหนี?

 

อีกทั้งต้วนหลิงเทียนกล่าวไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่ามาเพียงลำพัง ไม่ได้นำพาคนของตระกูลซือถูมาด้วย…ไม่ใช่หมายความว่าอี้เฟิงหลบหนีไปเพราะต้วนหลิงเทียนหรอกหรือ?

 

จะไม่ให้พวกมันตกใจเมื่อได้รู้ความจริงอันน่าเหลือเชื่อนี้ได้อย่างไร?

 

“ศิษย์น้อง…มิใช่ก่อนหน้าเจ้าบอกข้าหรือ ว่าเจ้ายังมิได้ทะลวงถึงขอบเขตเซียน?”

 

ไม่นานป๋ายลี่หงก็กลับมารู้สึกตัว เร่งถามออกมาด้วยใบหน้าฉงนใจ

 

ขณะเดียวกันสายตาของเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ก็หันมาจับจ้องที่ต้วนหลิงเทียนด้ยความสนใจ ด้วยอยากรู้นักว่าต้วนหลิงเทียนจะตอบว่าอะไร

 

“ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้หลอกลวงท่าน ข้ายังไม่ทะลวงถึงขอบเขตเซียนจริงๆ”

 

ต่อหน้าสายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมา “สำหรับเรื่องที่ข้าฆ่าอาวุโสสูงสุดของนิกายหยินหมิง และทำให้ประมุขอย่างอีเฟิงหลบหนีไปด้วยความหวาดกลัว เพราะข้าใช้กลวิธีพิเศษบางประการ”

 

กลวิธีพิเศษ?

 

ทุกคนย่อมทราบดี ว่าที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเช่นนี้ เพราะหมายความว่าเขาไม่สะดวกที่จะกล่าวถึง

 

“ยังมิทันบรรลุขอบเขตเซียน…เจ้ากลับสังหารขอบเขตเซียนคนหนึ่ง แถมทำให้อีกคนหวาดกลัวจนหลบหนีได้อีก…ข้าไม่รู้จะพูดอย่างไรกับเจ้าแล้วศิษย์น้อง”

 

ป๋ายลี่หงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

 

แน่นอนว่ามันย่อมเชื่อคำพูดของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่คลางแคลงสงสัย

 

ป๋ายลี่หงตกตะลึง พวกเฟิ่งหวู่เต้าก็อึ้งไปไม่ต่าง

 

ป๋ายลี่หงที่ได้เห็นการเติบโตของต้วนหลิงเทียนที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังตกใจขนาดนี้ แล้วพวกเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆที่เห็นต้วนหลิงเทียนเดินทางออกจากทวีปเมฆาล่องกับตาจะไม่ให้ตกใจได้อย่างไรไหว เพราะกล่าวได้ว่าพวกมันก็เห็นทุกย่างก้าว ในการเติบโตของต้วนหลิงเทียน

 

มาวันนี้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนได้ก้าวล้ำนำหน้าพวกมันไปไกลแสนไกลแล้ว

 

“ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าทวีปเมฆาล่องของเราจะเพาะสร้างตัวประหลาดผิดมนุษย์อย่างเจ้าต้วนมันได้…”

 

เฉินเฉ่าช่วยระบายลมหายใจออกมาพร้อมกล่าวรำพัน

 

เรื่องนี้เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆล้วนเห็นด้วยกับวาจาของมันหมดสิ้น

 

“จริงสิลุงเฟิ่ง”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะกล่าวถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ เพียงมองเฟิ่งหวู่เต้าพร้อมกล่าวเปลี่ยนเรื่องทันที “ข้าพบเทียนหวู่แล้ว”

 

พบเทียนหวู่แล้ว!!

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวคำนี้ออกมา ไม่ใช่เฟิ่งหวู่เต้าคนเดียวที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยความตื่นเต้น ป๋ายลี่หงและซื่อหม่าฉางฟงรวมถึงคนอื่นๆ ก็เช่นกัน

 

เฟิ่งเทียนหวู่ ไม่ใช่นามแปลกหูสำหรับป่ายลี่หงแต่อย่างไร

 

เป็นนั่นคือสตรีที่ศิษย์น้องของมันได้ขอแรงให้มันช่วยใช้สายสัมพันธ์ทั้งหลายตามหาตัว และสตรีนางนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับศิษย์น้องของมัน…มาจากทวีปเมฆาล่อง! ทั้งยังเป็นบุตรีของเฟิ่งหวู่เต้าอีกด้วย!

 

ซื่อหม่าฉางฟงและคนอื่นๆก็ไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับนามเทียนหวู่

 

อย่างน้อยที่สุดทุกคนก็รู้ดีว่านั่นคือบุตรีของเฟิ่งหวู่เต้า อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันซับซ้อนไม่ชัดเจนกับต้วนหลิงเทียนอีกด้วย

 

หลังที่ได้ทราบว่าต้วนหลิงเทียนพบตัวเฟิ่งเทียนหวู่แล้ว คนอื่นๆก็รู้สึกยินดีกับเฟิ่งหวู่เต้านัก

 

“พี่เฟิ่ง ข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย!”

 

ซื่อหม่าฉางฟงเป็นคนแรกที่เริ่มประสานมือกล่าวออกด้วยรอยยิ้มยินดี มันอยู่กับเฟิ่งหวู่เต้ามานานหลังจากต้วนหลิงเทียนไปรับตัวมา จนวันนี้นับได้ว่าเป็นสหายสนิทกันแล้ว

 

“ขอแสดงความยินดีด้วยลุงเฟิ่ง”

 

เฉินเฉ่าช่วยคู่แฝดหนานกงเองก็ประสานมือแสดงความยินดีกับเฟิ่งหวู่เต้าด้วยเช่นกัน

 

“แม่นางเทียนหวู่!”

 

ไม่เพียงแต่ฉงเฉวียนกับโฉดคลุมทองจะรู้จักเฟิ่งเทียนหวู่ แต่ทั้งคู่ยังได้ใช้เวลาอยู่กับเฟิ่งเทียนหวู่มาพักหนึ่ง สองตาพวกมันส่องสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อทราบว่านายน้อยของพวกมันพบเจอนางแล้ว

 

“เทียนหวู่…ตอนนี้นางอยู่ที่ใดหรือ รึว่าอยู่ที่ตระกูลซือถูแล้ว?”

 

เฟิ่งหวู่เต้ามองถามต้วนหลิงเทียนทันที ลมหายใจยังถี่ขึ้นไม่น้อย

 

“เปล่า”

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว

 

“มิได้อยู่หรือ?”

 

เฟิ่งหวู่เต้าขมวดคิ้ว

 

“อ่า”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “นี่เพราะอาจารย์ของนางไม่ยอมให้นางออกไปไหน…หากนางยังไม่บรรลุขอบเขตเซียน ตอนนี้นางจึงยังคงบ่มเพาะอยู่ที่นิกายของนาง หลังจากที่พวกเรากลับไปถึงตระกูลซือถูแล้ว ข้าจะพาลุงเฟิ่งไปพบเทียนหวู่เอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด