War sovereign Soaring The Heavens 1654

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1654 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,654 : ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน หานเจิ้งเทียน!

 

หลังจากอาวุโสระดับสูงฝั่งหานซิ่นรวมตัวกันได้ 2 เค่อ สุดท้ายพวกมันก็ปลุกระดมอาวุโสทั้งหลายให้ไปกดดันผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจี!

 

ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีเป็นชายวัยกลางคนหน้าตาหล่อเข้มปานหยกเสลา สวมใส่ไว้ด้วยชุดคลุมสีเงิน ทั่วกายให้บรรยากาศน่าเกรงขามกลิ่นอายพลังไม่ใช่ชั่ว เพาะสร้างเป็นแรงกดดันขุมหนึ่ง!

 

ถึงแม้หานเค่อและอาวุโสอื่นๆจะมารวมตัวกดดันอีกฝ่าย แต่พอพวกมันเผชิญหน้ากับผู้นำจริงๆ ก็นิ่งไปไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!

 

หานเจิ้งเทียน ผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีมองไปยังหานเค่อและคนอื่นด้วยสายตาเย็นชา ก่อนถามออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “อาวุโสทั้งหลาย มิทราบลมอันใดหอบพวกท่านมาถึงนี่?”

 

ตอนนี้เองหานเค่อและคนอื่นๆถึงได้รู้สึกตัว

 

หานเค่อพลันก้าวออกมาคนแรกประสานมือพร้อมกล่าว “ท่านผู้นำ ในเมื่อนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกล่าวว่าจะตบแต่งคุณหนูใหญ่แล้ว…”

 

“อะไร? นี่พวกเจ้ารวมหัวกันมาโน้มน้าวให้ข้าเห็นชอบด้วยหรือไร?”

 

หานเจิ้งเทียนแค่นคำเย้ยเยาะออกมา ไม่คิดกล่าวด้วยวาจาดีๆอีกต่อไป

 

“ท่านผู้นำ พวกเรามิได้มาเพราะเรื่องนี้”

 

หานเค่อเร่งกล่าวสืบต่อ

 

ตอนนี้เองในใจของหานเค่อก็ลอบด่าทอผู้นำคนนี้ไม่น้อย

 

เรื่องนี้ใช่อะไรที่หานเจิ้งเทียนจะตัดสินใจโดยพลการได้หรือ? แม้หานเฉวี่ยไน่จะเป็นบุตรีคนเดียวของอีกฝ่ายก็ตาม…

 

เพราะนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องประกาศไปแล้วว่าจะแต่ง กระทั่งกำหนดวันงานและส่งบัตรเชิญไปยังแขกเหรื่อมากมายแล้วด้วย!

 

คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องตัดสินใจลงมือโดยเร็วเพราะรู้ดีว่าคฤหาสน์คลื่นขจีย่อมไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังไม่มีปัญญาปฏิเสธ!

 

ในสายตาหานเค่อก็เห็นตามนี้ด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้นหานเจิ้งเทียนจึงไร้สิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยเหตุผลส่วนตัวอีกต่อไป เว้นแต่ฝ่ายคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะยกเลิกเอง ไม่อย่างนั้นจะอย่างไรคุณหนูใหญ่คฤหาสน์คลื่นขจีก็ต้องแต่งกับนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!

 

“หืม? ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ?”

 

มาตอนนี้ฝั่งหานเจิ้งเทียนเริ่มอยากรู้อยากเห็นบ้างแล้ว

 

“ท่านผู้นำ…เมื่อมินานมานี้มีบุรุษแปลกหน้ามาหาคุณหนูใหญ่ แถมยังพักที่เรือนของคุณหนูใหญ่ร่วมเดือน…พวกเรากลัวว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงคุณหนูใหญ่…ท่านผู้นำช่วยไปกล่าวบอกคุณหนูใหญ่ให้นางพาบุรุษผู้นั้นไปพักเรือนหลังอื่นเถอะ…”

 

หานเค่ออธิบายถึงเจตนาการมาทันที

 

“หืม?”

 

เมื่อหานเจิ้งเทียนได้ยินสิ่งที่หานเค่อพูดก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง เพราะมันเองก็ไม่รู้เลยว่ามีบุรุษแปลกหน้ามาพักอยู่ที่เรือนของบุตรี!

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำของหานเค่อแล้ว หานเจิ้งเทียนอดที่จะเย้ยหยันกลับไปเสียไม่ได้ “ชื่อเสียง? บุตรีข้าเป็นเช่นไร บิดาเช่นข้ารู้ดีที่สุด! ข้าเชื่อในตัวบุตรีข้าว่ามิมีทางทำเรื่องอันใดให้เสื่อมเสียแน่!!”

 

“พวกเจ้ามิบอกมาให้ชัดเลยเล่า?! ว่าอยากให้ข้าไปหานางและเชิญให้สหายของนางที่เป็นบุรุษไปพักที่อื่นเพื่อมิให้เกิดเรื่องผิดใจกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง?”

 

วาจาประโยคหลังหานเจิ้งเทียนยังหัวเราะออกมาดังๆ จงใจเย้ยเยาะทุกคนอย่างเห็นได้ชัด

 

หากเป็นก่อนหน้านี้การที่หานเค่อและอาวุโสคนอื่นมากล่าววาจาถึงบุตรีมันทำนองนี้ล่ะก็ มันจะตบเสียให้หน้าสะบัดโดยไม่สนว่าหน้าไหนเป็นหน้าไหน!

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้สถานการณ์ของคฤหาสน์คลื่นขจีก็มิค่อยจะสู้ดีนัก มันไม่กล้าทำอะไรวู่วามแม้จะเป็นผู้นำคฤหาสน์ก็ตาม

 

หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆ แม้ไม่กล่าวอะไรออกมา แต่สีหน้าท่าทางก็เผยให้รู้ความนัยใจหมดสิ้น

 

“ข้าจะบอกพวกเจ้าอีกครั้ง…ต่อให้นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาสู่ขอถึงคฤหาสน์คลื่นขจี แต่ข้าก็ยังมิได้ตบปากรับคำอะไรมัน เพราะในฐานะบิดาข้ามีสิทธิ์เลือกลูกเขยของข้า!”

 

ทันใดนั้นแววตาที่หานเจิ้งเทียนใช้มองทั้งหมดก็แปรเปลี่ยน ยังคล้ายผู้พิทักษ์สวรรค์ที่กำลังพิโรธ พาลให้หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆกดดันไม่น้อย!

 

“ไสหัวไป!!”

 

ตวาดไล่ออกมาคำหนึ่ง กลิ่นอายพลังมหาศาลขุมหนึ่งพลันปะทุออก มวลอากาศเริ่มบิดเบือน!

 

ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!

 

……

 

ทันใดนั้นคลื่นลมที่ออกมาจากปากของหานเจิ้งเทียนก็คล้ายจะจับตัวมีสภาพ พุ่งซัดเข้าใส่หานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆ จนร่างเซถอยไปหลายก้าว!

 

หน้าหานเค่อและอาวุโสคนอื่นๆเปลี่ยนสีไปมาหลายรอบทันที หากแต่สุดท้ายพวกมันก็ได้แต่จากไปอย่างไม่กล้าพูดอะไร

 

สำหรับพวกมัน เรียกว่าได้กระทำตามหน้าที่เรียบร้อยแล้ว

 

สำหรับเรื่องที่หานเจิ้งเทียนตัดสินใจจะทำหลังจากนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมันอีก

 

“หานซิ่น!”

 

สองตาหานเจิ้งเทียนทอประกายสว่างจ้าขึ้นมาทันทีหลังจากที่ทุกคนจากไปหมดแล้ว แววตายังคล้ายจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน

 

ก่อนหน้านี้ก็เป็นหานซิ่นที่นำพานายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมา ยิ่งไปกว่านั้นยังเห็นด้วยกับข้อเสนออีกฝ่ายอย่างออกหน้าออกตา!

 

หลังจากที่มันรับทราบเรื่องนี้มันก็เร่งรุดไปหาหานซิ่นทันที ยังพยายามลงมือทุบตีหานซิ่นให้สาหัสด้วยซ้ำ เพราะพลังฝีมือของมันสูงกว่าเล็กน้อย

 

อนิจจาตอนนั้นเหล่าอาวุโสกว่า 8 ส่วนของคฤหาสน์คลื่นขจีกลับเข้าข้างหานซิ่น กระทั่งสนับสนุนการตัดสินใจของอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่อาจเล่นงานหานซิ่นได้อีก

 

ถึงแม้มันจะมีโมโหหานซิ่นไม่น้อย แต่มันก็โกรธตัวเองนัก เพราะตอนนี้ชะตาชีวิตบุตรีคนเดียวกับกลายเป็นมาเกี่ยวพันกับโชคชะตาของคฤหาสน์คลื่นขจี!

 

หากบุตรีมันเลือกไม่แต่งงาน น่ากลัวคฤหาสน์คลื่นขจีจะพบพานหายนะ!

 

แต่หากนางเลือกที่จะตบแต่งออกไป น่ากลัวว่าความสุขชั่วชีวิตของนางคงแหลกสลายไม่มีชิ้นดี ในฐานะบิดามันย่อมเสียใจไปชั่วชีวิตเพราะกระทั่งลูกสาวคนเดียวยังไม่สามารถปกป้องไว้ได้!

 

เนื่อจากหานซิ่นและอาวุโสกว่า 8 ส่วนตัดสินใจเช่นนั้น มันจึงตัดสินใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว!

 

มันจะให้ลูกสาวหลบหนีไปเสีย!

 

ไม่มีวันปล่อยให้ความสุขชั่วชีวิตของนางต้องถูกทำลายเช่นนี้เด็ดขาด!!

 

สำหรับเรื่องราวหนักหนาหลังจากนั้น ตัวมันในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีจะแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว กระทั่งไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะรอดชีวิตไปได้หลังให้บุตรีหนีไปแล้ว

 

มันยินดีตายเพื่อบุตรี!

 

อนิจจามันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าบุตรีอันเป็นแก้วตาดวงใจของมันกลับเลือกที่จะไม่จากไป นางยินดีสละซึ่งทุกอย่างกระทั่งความสุขชั่วชีวิต

 

ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาจึงไม่มีวินาทีไหนที่ใจมันสงบลง ยังครุ่นคิดหาหนทางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

 

เพราะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันไม่มีวันผลักลูกสาวตัวเองลงสู่กองไฟแน่นอน!

 

นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเป็นตัวดีอันใด? ไหนเลยยังไม่รู้ชื่อเสียงในด้านชั่วร้ายของอีกฝ่าย! หากลูกสาวของมันอยู่กับตัวบัดซบพรรค์นี้ ก็เสมือนทำลายชีวิตของนาง!

 

“ดูเหมือนจักมีแค่วิธีเดียวเท่านั้น…”

 

หานเจิ้งเทียนกล่าวรำพันออกมา

 

และวิธีที่ว่าก็คือลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง! ด้วยพลังฝีมือของมัน มันเชื่อว่าหากคิดลอบสังหารอีกฝ่ายจริงๆ ย่อมไม่ยากเย็นอะไร!!

 

‘คราบใดที่มันตายไปสักคน คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องย่อมยกเลิกงานแต่งเป็นธรรมชาติ…แต่มีหลายสิ่งนักที่ข้าต้องตระเตรียม หากข้าจะฆ่ามันต้องไม่ทิ้งร่องรอยอันใดให้สืบสาวมาถึงคฤหาสน์คลื่นขจีได้’

 

หานเจิ้งเทียนลอบกล่าวในใจ

 

‘ว่าแต่มีชายหนุ่มแปลกหน้ามาอยู่กับเฉวี่ยไน่หรือ? มิใช่นางปฏิเสธไม่พบใครหรือไร ไฉนถึงให้ใครไม่รู้มาอยู่ด้วยได้…บุรุษผู้นั้นที่แท้เป็นใครกันแน่?’

 

ด้วยความอยากรู้อยากเห็น หานเจิ้งเทียนจึงไปหาเฉวี่ยไน่ทันที

 

“ท่านพ่อ”

 

เมื่อเห็นหานเจิ้งเทียนมาหา หานเฉวี่ยไน่ก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย “พวกหานเค่อกับอาวุโสคนอื่นๆ มันไปกดดันท่านมาหรือ?”

 

“ยาโถวน้อยเจ้าฉลาดยิ่ง ดูเหมือนว่าที่แท้พวกมันจะมาหาเจ้าก่อนมาหาพ่อสินะ?”

 

ในแววตาหานเจิ้งเทียนเผยประกายเย็นเยือกวูบวาบขึ้นมา มันรย่อมเดาได้ทันทีว่าไม่พ้นหานเค่อและคนอื่นๆต้องมารังควาญลูกสาวมันแล้วเป็นแน่

 

“ท่านพ่อท่านคงมิได้มาหาข้าเพื่อโน้มน้าวอะไรข้าหรอกนะ…”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวถามออกมา หากแต่พอกล่าวถามจบคำนางก็บังเกิดความเสียใจทันที

 

บิดาของนางกระทั่งยินดีสละทุกสิ่งให้นางหนีไป แล้วจะมากล่าวให้นางขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกไปเพราะวาจาเหลวไหลของผู้อื่นได้อย่างไร?

 

“เด็กโง่…”

 

หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมา แน่นอนว่ามันรู้ดีว่าบุตรีมันมักกล่าววาจาตรงๆแถมปากไวไม่เกรงใจใคร มันจึงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

 

“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวขอโทษออกมาหน้าซึม

 

“เจ้าเป็นลูกสาวของพ่อยังจะมาขอโทษพ่อทำอะไร…อย่างไรก็ตามพ่อยังอยากรู้นักว่าใครกันที่ลูกสาวคนดีของพ่อถึงขั้นใจกว้างยอมให้อยู่ในบ้านด้วยเช่นนี้…ที่สำคัญยังอยู่มาเดือนนึงแล้ว”

 

กล่าวจบแล้ว สีหน้าท่าทางของหานเจิ้งเทียนก็เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมาอย่างออกหน้าออกตา

 

“ท่านพ่อ เขาคือพี่ใหญ่หลิงเทียนที่ข้าเคยกล่าวถึง”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน? สุดยอดอัจฉริยะหนุ่มจากทวีปมนุษย์ ต้วนหลิงเทียน?”

 

หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ

 

“อื้อ เป็นพี่ใหญ่เอง”

 

หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า

 

“แต่…มิใช่ว่าเขาหายตัวไปหลังสำนักจันทร์จรัสแสงล่มสลายรึ? ใยมาถึงที่นี่ได้เล่า?”

 

หานเจิ้งเทียนยังรู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ยังรู้ว่าอีกฝ่ายคืออัจฉริยะมากฝีมือที่สามารถบรรลุจุดสูงสุดในทวีปมนุษย์ได้ในเวลาอันสั้น ก่อนที่จะออกเดินทางมายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

กล่าวกันตามตรงมันยังบังเกิดความสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนผู้นี้นัก

 

น่าเสียดายที่บุตรีของมันไม่ได้พาอีกฝ่ายกลับมาด้วย หลังจากที่กลับมาจากการเดินทางครั้งล่าสุด

 

“ท่านพ่อ ท่านต้องสัญญากับข้าก่อน ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นท่านห้ามสร้างความลำบากใจให้พี่ใหญ่หลิงเทียนเด็ดขาด”

 

สีหน้าท่าทางหานเฉวี่ยไน่เปลี่ยนไปทันใด นางเข้ามากอดแขนหานเจิ้งเทียนทั้งกล่าวรบเร้าออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“ยาโถวน้อยเจ้าเป็นอะไร ใยแลดูขึงขังดุ้รายนักเล่า?”

 

หานเจิ้งเทียนส่ายหัวยิ้ม

 

“หากท่านพ่อไม่สัญญากับข้ามาก่อน ข้าไม่บอกท่านหรอก”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

นับว่าเป็นครั้งแรกเลยจริงๆ ที่หานเจิ้งเทียนเห็นบุตรีคนเดียวแลดูขึงขังจริงจังขนาดนี้ รอยยิ้มของมันจึงหายไปและพยักหน้ารับอย่างเป็นการเป็นงาน “เอาล่ะๆ ข้าสัญญากับเจ้า มิว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่สร้างปัญหาให้พี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้าเด็ดขาด!”

 

“ท่านต้องสัญญาว่า จะไม่แย่งสิ่งของที่พี่ใหญ่มีด้วย!!”

 

หานเฉวี่ยไน่กล่าวเพิ่มเติม

 

“ยาโถวน้อยนี่เห็นบิดาเป็นโจรลักขโมยไปแล้วหรือไร…สิ่งของอันใดจากทวีปมนุษย์ ที่พ่อในฐานะผู้นำคฤหาสน์คลื่นขจีจะอยากได้ถึงขั้นต้องแย่งชิง?”

 

หานเจิ้งเทียนส่ายหัวไปมาอย่างไม่เข้าใจจริงๆ

 

“ไม่รู้ล่ะ ท่านพ่อต้องสัญญามาก่อน”

 

อย่างไรก้ตามหานเฉวี่ยไน่ยังคงดื้อดิงอย่างเอาจริงเอาจัง

 

“ก็ได้ๆ พ่อสัญญากับเจ้า พ่อจะไม่แย่งชิงอะไรของพี่ใหญ่หลิงเทียนเจ้ามาแน่ ดีหรือไม่?”

 

แม้น้ำเสียงของหานเจิ้งเทียนจะเผยความจนปัญญาไม่น้อย แต่ในแววตายามมองไปยังหานเฉวี่ยไน่ก็เต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยน

 

เมื่อเห็นหานเจิ้งเทียนสัญญามาแล้ว หานเฉวี่ยไน่ก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นค่อยเล่าเรื่องของต้วนหลิงเทียนออกมา รวมถึงเรื่องตราผนึกมารด้วย

 

“อะไร! ตราผนึกมาร!?”

 

เรียกว่าพอได้ยินเรื่องนี้ ลูกตาของหานเจิ้งเทียนก็หดเล็กลงทันที

 

ถึงแม้ว่าหานเจิ้งเทียนจะแปลกใจกับทุกเรื่องที่บุตรีของมันเล่าออกมา แต่นับว่าทุกเรื่องราว..ถูกเรื่องของตราผนึกมารกลบเสียมิด!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด