War sovereign Soaring The Heavens 1657

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1657 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,657 : สหายจากขุมพลังกึ่งชั้น 3!

 

“ใช่”

 

หานเจิ้งเทียนพยักหน้า “รายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เพราะมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่มีอายุต่ำกว่า 50 ปีเท่านั้น ที่จักสามารถเข้าร่วมการประลองได้…เช่นนั้นทุกคนล้วนมีโอกาสแค่ครั้งเดียวตลอดชั่วชีวิตในการเข้าร่วม!”

 

“อีกทั้งรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องจักมีเพียง 10 อันดับเท่านั้น…ผู้ที่เข้าร่วมประลองจะได้รับการจัดอันดับตามพลังฝีมืออย่างเข้มงวด และเกียรติยศนี้จักดำรงอยู่ต่อไปอีก 50 ปี นั่นทำให้รายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง มีความหมายต่อคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนัก!”

 

หานเจิ้งเทียนทยอยกล่าวออกมาเรื่อยๆ

 

ต้วนหลิงเทียนตกใจเล็กน้อย

 

หลังจากที่หานเจิ้งเทียนกล่าวเล่าออกมา เขาก็พอมีความเข้าใจในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องนี่ขึ้นมาบ้างแล้ว

 

ในขณะเดียวกันเขาก็เข้าใจถึงความสำคัญของมันทันที และไฉนนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องถึงต้องเข้าร่วม เพราะนี่จะเป็นเกียรติยศสูงสุดในเขตอิทธิพลคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง

 

“นั่นเป็นเพราะรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง จักแสดงถึงรุ่นเยาว์ที่มีพลังฝีมือกล้าแข็งที่สุด! กระทั่งขุมพลังชั้น 4 อย่างคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไม่น้อย…เพราะมีเพียงศิษย์สาวกของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่ติดอันดับในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องเท่านั้นถึงจักมีสิทธิ์ชิงตำแหน่งผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!”

 

หานเจิ้งเทียนยังคงร่ายยาวออกมา “ผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องคนปัจจุบันแน่นอนว่าคิดส่งมอบตำแหน่งผู้นำให้บุตรชายสืบทอด…เช่นนั้นแล้วนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็จำต้องติด 10 อันดับในรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องให้ได้ หาไม่แล้วมันย่อมถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับตำแหน่งผู้นำคนต่อไป!”

 

“อย่างไรก็ตาม ตัวบัดซบอย่างนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่มักมากในกามชมชอบย่ำยีสตรีเป็นดั่งของเล่นนั้น ก็มีเรื่องหนึ่งที่ต้องยอมรับ…มันกลับเป็นอัจฉริยะในวิถียุทธ์! ถึงแม้อาจจะยากที่มันจักได้รับอันดับ 1 แต่ด้วยพลังฝีมือของมันคิดติด 1 ใน 3 อันดับแรกคงมิยากเย็นเกินไป!”

 

หานเจิ้งเทียนกล่าวออกมาหน้าเคร่ง

 

“ลุงหานท่านกล่าวเรื่องการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องขึ้นมา…หรือการประลองครั้งนี้จะดำเนินไปในรูปแบบการประลองเป็นตาย?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเย็นเยียบขึ้นมาโดยพลัน กล่าวถามออกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

เขาเชื่อว่าหานเจิ้งเทียนคงไม่กล่าวถึงการประลองนี้ขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลหลังจากที่เขาถามไปว่ามีวิธีไหนช่วยหานเฉวี่ยไน่ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคฤหาสน์คลื่นขจี

 

“ประมาณนั้น”

 

หานเจิ้งเทียนพยักหน้า “การประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบเป็นการประลองถึงตาย นี่เป็นกฏที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง…กฏนี้ถูกสร้างขึ้นให้ผู้ที่เข้าร่วมการประลองต้องพยายามต่อสู้สุดฝีมือ เพราะหากพลังฝีมืออ่อนด้อยและคู่ต่อสู้ไร้เมตตา ก็เหลือเพียงหนทางตายสถานเดียว!”

 

“ดังนั้นหากมีผู้ใดฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้ในการประลองดังกล่าว..ก็ถือว่ามิได้มีใดเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์คลื่นขจี แถมงานแต่งของหานเฉวี่ยไน่ก็จะถูกยกเลิกไปโดยอัตโนมัติ?”

 

สองตาต้วนหลิงเทียนทอแสงสว่างเจิดจ้าออกมาทันที

 

“เป็นเช่นนั้น”

 

หานเจิ้งเทียนพยักหน้ารับ หากแต่กลับเผยรอยยิ้มเจื่อนๆออกมาอีกครั้ง “อย่างไรก็ตามถึงแม้ในบรรดาผู้เข้าประลองจักมี 1-2 คนที่มีพลังฝีมือสูงพอจะสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้ แต่ทั้งคู่คงไม่ลงมือสังหารมัน เพื่อเป็นการไว้หน้าคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ส่วนคนอื่นๆน่ากลัวว่าจะไม่ใช่คู่มือของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง”

 

เพราะเหตุผลข้อนี้หานเจิ้งเทียนจึงคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในการประลอง

 

เหตุผลที่มันกล่าวบอกเรื่อง รายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องออกมารวมถึงการประลองจัดอันดับดังกล่าว ก็เพื่อย้ำเตือนให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ชัดเจน ว่าไร้หนทางอื่นใดในการช่วยเหลือหานเฉวี่ยไน่ออกจากทะเลเพลิงแล้วจริงๆนอกจากไปลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง!

 

“ลุงหาน ท่านรู้หรือไม่ว่าพลังฝึกปรือของนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องสูงแค่ไหน?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม

 

“มันอยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลา”

 

หานเจิ้งเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เมื่อหลายปีที่แล้วข้าได้ยินว่ามันสามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาได้สำเร็จ…เนื่องจากใกล้ถึงการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบเต็มที ข้าเชื่อว่าผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องต้องมอบทรัพยากรบ่มเพาะที่ดีที่สุดให้มันเป็นแน่….เช่นนั้นจึงมิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้ทันวันงานประลอง”

 

“เซียนขัดเกลาขั้นกลาง?”

 

ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้ว

 

เท่าที่เขารู้มา ต่อให้เป็นขุมพลังชั้น 6 แต่ผู้ที่มีฝีมือร้ายกาจที่สุด ก็ยังอยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลา..

 

ทว่านายน้อยของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่ยังวัยไม่ครบ 50 ปีที กลับอาจบรรลุถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้ว?

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักได้ถึงอิทธิพลและความน่ากลัวของขุมพลังชั้น 4

 

“มิฉะนั้นข้าคงไม่กล่าวบอกเจ้าแต่แรกว่ามันสมควรติด 1 ใน 3 ของรายนามสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง”

 

หานเจิ้งเทียนเผยยิ้มออกมาอย่างขื่นขม

 

“ลุงหาน การที่จะเข้าร่วมงานประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นอกจากข้อจำกัดเรื่องอายุน้อยกว่า 50 ปีแล้ว ยังมีข้อจำกัดอื่นใดอีกหรือไม่ ตัวอย่างเช่นหากเป็นคนที่ไม่ได้มาจากขุมพลังใดๆในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง จะยังสามารถเข้าร่วมงานประลองได้อีกไหม?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมา

 

“ในทางทฤษฎีแล้วขอเพียงอายุต่ำกว่า 50 ปีสมควรเข้าร่วมประลองได้…แต่กล่าวกันตามตรง แต่ละขุมพลังชั้น 4 เองก็มีการจัดการประลองคล้ายๆกันนี้ขึ้น เพียงแค่ต่างกันของเรื่องเวลาจัด จึงมิค่อยมียอดฝีมือจากเขตอิทธิพลอื่นมาเข้าร่วมกันสักเท่าไหร่”

 

หานเจิ้งเทียนกล่าว

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า หากแต่ลึกลงไปในแววตาบังเกิดรังสีอำมหิตทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่งอย่างยากที่ใครจะสังเกตเห็น

 

“ลุงหาน…ท่านเชื่อในตัวข้าหรือไม่?”

 

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันเงยหน้าขึ้นมากล่าวถามหานเจิ้งเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง

 

หานเจิ้งเทียนถึงกับชะงักงันไปเพราะสายตาคมกล้าจริงจังนี้ของต้วนหลิงเทียน และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่มันกลับพยักหน้ารับต้วนหลิงเทียนที่มองจ้องมาอย่างไม่รู้ตัว “ถึงแม้ว่านี่จักเป็นครั้งแรกที่พวกเราพบกัน แต่ข้าได้ยินเฉวี่ยไน่กล่าวถึงเจ้าหลายครั้งแล้ว ข้าจึงได้รู้ว่าเจ้าเป็นคนที่น่าเชื่อถือ เช่นนั้นข้าจึงเชื่อเจ้า”

 

“ขอบคุณท่านลุงหานที่เชื่อในตัวข้า”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวขอบคุณ ก่อนที่จะพูดต่อ “ลุงหานหลังจากที่ข้ามาถึงดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้ไม่นาน ก็มีวาสนาได้คบหากับสหายผู้หนึ่งโดยบังเอิญ และสหายผู้นี้ยังมีอายุไม่ได้มากมายไปกว่าข้าสักเท่าไร หากแต่วันที่พบกันพลังฝีมือของเขากลับเหนือล้ำอย่างที่ข้าทาบไม่ติด…และหลายปีที่แล้วเขากล่าวบอกข้าไว้ว่า ขอบเขตที่เขาบรรลุถึงก็คือเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด…ตอนนี้ก็ผ่านมาหลานปีดีดัก…”

 

“พลังฝีมือของเขาสมควรบรรลุถึงเซียนขัดเกลาแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับหานเจิ้งเทียนด้วยประกายตาเฉียบคม “ข้าคิดที่จะออกไปตามหาตัวสหายนี้ ตามเบาะแสที่เขาทิ้งไว้ให้ข้า…และขอให้เขาฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนั้นทิ้งไปเสียระหว่างการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง!!”

 

เปรี๊ยง!!

 

วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนประหนึ่งอัสนียามแล้งฟาดผ่าลงกลางกระหม่อมของหานเจิ้งเทียนอย่างจัง พาลให้หนังศีรษะด้านชา คนอื้ออึง!

 

สำหรับมันแล้วนี่นับเป็นเรื่องราวที่สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่จริงๆ!!

 

“เสี่ยวเทียน…จะ เจ้ามั่นใจหรือ?”

 

อย่างที่เคยกล่าวไปว่ามันไม่สงสัยในคำพูดของต้วนหลิงเทียน ที่ถามคำถามนี้หมายถึงว่าสหายของต้วนหลิงเทียนที่ว่า มีพลังฝีมือสูงส่งถึงขั้นนั้นหรือไม่?

 

“ลุงหานเขาเพียงมีอายุมากกว่าข้าแค่ไม่กี่เดือน…หลังผ่านมาหลายปีแบบนี้ เขาต้องทะลวงผ่านเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดไปถึงเซียนขัดเกลาขั้นต้นได้นานแล้วแน่ๆ เรื่องที่จะทะลวงไปถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

 

ด้วยวาจายืนยันนี้ของเขา ทำให้สองตาหานเจิ้งเทียนคล้ายเปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง มันสัมผัสได้ถึงความหวังอีกครา!

 

กล่าวกันตามความสัตย์จริง ถึงแม้ว่ามันตัดสินใจจะไปลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องด้วยตัวเองไปแล้ว แต่นั่นเป็นทางเลือกสุดท้ายของมันแล้วจริงๆ

 

หากมีหนทางอื่นใดที่สามารถแก้ไขปัญหาให้บุตรีของมันได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคฤหาสน์คลื่นขจี มันก็ยินดีที่จะลอง นอกจากนี้นี่ยังเป็นหนทางที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเสนอออกมาด้วยตัวเอง!

 

อย่างที่มันได้กล่าวไปก่อนหน้า แม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่มันได้พบพานกับต้วนหลิงเทียน แต่มันก็สามารถบอกได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่น่าเชื่อถือ!

 

เช่นนั้นมันจึงไม่คิดสงสัยในวาจาของต้วนหลิงเทียน

 

“อ่าจริงสิ ข้าเกือบลืมไป…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง ทว่าเพียงเกริ่นขึ้นมาแล้วก็หยุดไปครู่หนึ่งเพื่อให้หานเจิ้งเทียนสงสัยใคร่รู้ และพอเห็นว่าสามารถกระตุ้นความสนใจของหานเจิ้งเทียนได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะทันที “ข้ายังสงสัยอีกด้วยว่าสหายของข้าผู้นี้ น่าจะเป็นคนที่มาจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…เพราะข้าพบว่าอีกฝ่ายคล้ายหยิบหินเซียนระดับ 3 ออกมาจับจ่ายใช้สอยได้อย่างไม่เสียดาย”

 

ขุมพลังกึ่งชั้น 3!

 

ต้องกล่าวเลยว่าวาจาประโยคนี้ของต้วนหลิงเทียน ทำให้หานเจิ้งเทียนถึงกับตกตะลึงไปอีกรอบ!

 

ในระดับหนึ่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 นั้นแม้จะยังจัดอยู่ในขุมพลังชั้น 4 แต่มันก็เหนือกว่าขุมพลังชั้น 4 ทั่วไปหลายขุม!

 

คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแม้จะเป็นขุมพลังชั้น 4 แต่ก็เป็นขุมพลังชั้น 4 ทั่วๆไป!

 

หากเทียบกับขุมพลังกึ่งชั้น 3 แล้ว ยังนับว่าด้อยกว่ากันมาก

 

ขุมพลังกึ่งชั้น 3 มีทรัพยากรบ่มเพาะเหนือล้ำยิ่งกว่าขุมพลังชั้น 4 มากนัก! อีกทั้งสายแร่หินเซียน และจุดชีพจรวิญญาณฟ้าดิน ก็เป็นอะไรที่ล้ำค่าที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า เพราะมันสามารถผลิตหินเซียนระดับ 3 ออกมาได้เป็นจำนวนมาก!

 

“เจ้าสามารถหาเขาพบแล้วจักขอให้ช่วยเหลือเรื่องนี้ได้จริงหรือ?”

 

หานเจิ้งเทียนมองต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง เร่งกล่าวถามออกมาอย่างร้อนใจนัก มันเสียอาการไปหมดสิ้นแล้ว!

 

เรียกว่าการทำให้ผู้นำขุมพลังชั้น 5 เช่นมันเสียอาการได้ถึงเพียงนี้ ก็บอกได้เลยว่าวาจาของต้วนหลิงเทียนสร้างความตื่นตระหนกให้มันขนาดไหน

 

“ลุงหานเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความสุขชั่วชีวิตของเฉวี่ยไน่ ข้าไม่กล้ากล่าวล้อเล่นเด็ดขาด!”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจังเคร่งขรึม

 

“นอกจากนี้ก็ไม่มีปัญหาที่ท่านจะลองเชื่อข้าสักครั้งนี่นา เพราะยังไม่สายเกินไปที่ท่านจะไปลอบสังหารนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง หลังจบการประลองจัดอันดับสุดยอดนักรบของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องใช่หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง

 

“เสี่ยวเทียน หากเจ้าเชิญสหายของเจ้ามาฆ่านายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในระหว่างการประลองสุดยอดนักรบนั่นได้ล่ะก็…ลุงหานถือว่าติดหนี้บุญคุณเจ้าใหญ่หลวงแล้ว!!”

 

หานเจิ้งเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ลุงหานท่านเกรงใจไปแล้ว เป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าต้องช่วยเหลือเฉวี่ยไน่ยามนางเดือดร้อน เพราะก่อนหน้านี้เฉวี่ยไน่ได้ช่วยเหลือข้าเอาไว้มากมายนัก ข้าเองก็เห็นนางเป็นน้องสาวแท้ๆมาหลายปีแล้ว ข้าไม่เคยคิดต้องการอะไรตอบแทนเพราะช่วยเหลือน้องสาวของข้าหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนเองก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจเช่นกัน

 

“อ่า เป็นข้าเลอะเลือนไปแล้วจริงๆ”

 

หานเจิ้งเทียนพยักหน้า

 

หลังจากนั้นสักพักหานเจิ้งเทียนก็จากไป และหานเฉวี่ยไน่ก็เร่งวูบร่างมาปรากฏเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนทันที “พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านคุยอันใดกับท่านพ่ออยู่นานสองนานหรือ?”

 

“ข้าก็ไม่ได้คุยอะไรมากหรอก แค่หารือกับบิดาเจ้าว่าพวกเราจะช่วยเจ้าให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้อย่างไร”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบหานเฉวี่ยไน่ออกไปตามตรง สายตาน้ำเสียงยังอ่อนโยนเหมือนนางเป็นน้องสาวตัวน้อยในวันวาน

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน เรื่องนี้มิง่ายเลย…”

 

หานเฉวี่ยไน่ได้ยินพลันเผยยิ้มแห้งๆออกมาด้วยความขมใจ อันที่จริงนางเองก็ทำใจรับชะตากรรมไว้บ้างแล้ว…

 

เพื่อบิดาของนาง และเพื่อคฤหาสน์คลื่นขจีแห่งนี้ นางยินดีเสียสละตัวเอง

 

“ง่ายหรือไม่ง่ายเจ้าต้องรอดู…เฉวี่ยไน่ พี่ใหญ่หลิงเทียนจะจากไปสักพัก เพื่อไปจัดการธุระสำคัญบางอย่าง เจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้ทำอะไรวู่วามเข้าใจหรือไม่? บางทีวันที่พวกเราพบกันอีกครั้ง ปัญหานี้ของเจ้าอาจมีทางออกแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหานเฉวี่ยไน่ด้วยสายตาเอ็นดู

 

“พี่ใหญ่หลิงเทียน ท่านจะไปแล้วหรือ?”

 

สีหน้าหานเฉวี่ยไน่เปลี่ยนไปทันใด นางเม้มปากกล่าวออกมาด้วยความไม่ยินยอม “พี่ใหญ่หลิงเทียนท่านอยู่ให้นานกว่านี้ไม่ได้หรือข้า…ข้า…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด