War sovereign Soaring The Heavens 1697

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1697 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,697 : จุติมังกรวายุ!

 

ต้วนหลิงเทียนที่เสือกกระบี่พุ่งทะยานเข้าไปในพายุพลังแน่นอนว่าไม่ได้ตกตาย!

 

ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั่วร่างกายของเขาพลันมีม่านพลังกระบี่ไร้สภาพฉาบคลุมเอาไว้ ปกป้องกำบังจนไร้สิ่งใดกล้ำกรายเข้ามาได้!

 

แม้พายุพลังจะมีอานุภาพทำลายล้างไม่ใช่ชั่ว หากแต่พลังอำนาจที่ถาโถมเข้ามาก็เพียงทำให้ม่านพลังกระบี่ดังกล่าวสั่นสะเทือนไปเท่านั้น ไม่อาจทำลายมันได้!!

 

ม่านพลังกระบี่นี้ก็เป็นพลังอำนาจที่ได้มาจากการบรรลุขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่ เงากระบี่สัมพันธ์ใจ! แถมตอนเขาใช้มันผสานเข้ากับปราณสุริยันแรกกำเนิด พลังกระบี่ขุมนี้กลับครอบงำปราณสุริยันแรกกำเนิดเอาไว้! จนทำให้ยามเขาเปิดใช้ยากที่จะมีใครสัมผัสถึงกลิ่นอายปราณสุริยันแรกกำเนิดจากร่างเขาได้!!

 

โดยปกติแล้ว มีเพียงพลังงานที่มีอานุภาพสูงล้ำกว่าเท่านั้น ถึงจะมีอำนาจมากพอครอบคลุมพลังงานอื่นๆได้สมบูรณ์แบบนี้!

 

เพียงเท่านี้ก็ชี้ชัดว่าพลังงานที่ก่อเกิดจาก ขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่มันไม่ธรรมดาถึงเพียงใด!

 

และนี่คือบ่อเกิด ‘ความมั่นใจ’ ของต้วนหลิงเทียน!

 

ความมั่นใจที่ว่า ก็คือความมั่นใจว่าเขาสามารถฆ่าฉีจิ้งได้!

 

หากยอดใจกระบี่ของเขายังไม่บรรลุขอบเขตที่ 2 ต้วนหลิงเทียนยังไม่มั่นใจว่าเขาจะฆ่าฉีจิ้งได้แน่ๆ เพราะสุดท้ายแล้วฉีจิ้งมันก็เป็นถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ทั้งยังเป็นผู้ฝึกมารอีก!!

 

หากยอดใจกระบี่ไม่ก้าวหน้าล่ะก็ ไม่ต้องกล่าวถึงผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเลย กระทั่งผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญต้วนหลิงเทียนก็ไม่แน่ใจว่าจะฆ่าให้ตายได้หรือไม่ อย่างน้อยๆก็คงทำได้แค่เสมอแต่ไม่พ่าย

 

ด้วยเหตุนี้การที่ต้วนหลิงเทียนสามารถบรรลุขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ได้ ก็เสมือนฝนที่ตกลงมายามแล้งจริงๆ!

 

ด้วยกระบี่สีทองในมือที่ก่อเกิดจากหมื่นกระบี่รวมหนึ่งของเขตแดนหมื่นกระบี่ ผสานกับขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ร่างต้วนหลิงเทียนก็เสมือนรวมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่ในมือ จนกระบี่ในมือเสมือนอวัยวะส่วนหนึ่งบนร่าง!

 

เพียงใจคิดกระบี่จี้ถึง!

 

ซู่มมม!!!

 

ต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะลวงฝ่าพายุพลังมาโดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร พลันรั้งกระบี่เข้าหาตัวเล็กน้อยค่อยเสือกแทงออกไปอีกครา!

 

ทันใดนั้นเอง กระบี่สีทองพลันปะทุแสงพลังเรืองสว่างขึ้นมาอีกรอบ!!

 

ขณะเดียวกันความเร็วในการพุ่งทะยานของต้วนหลิงเทียนก็ปะทุสูงขึ้นปานจุดระเบิด! คนทะลวงฝ่าพายุพลังของฉีจิ้งออกไปคล้ายแหวกอากาศว่างเปล่า! ปลายกระบี่เปี่ยมจิตสังหารจี้ตรงไปยังฉีจิ้ง!!

 

กล่าวให้ชัดมันจี้แทงไปยังหว่างคิ้วของฉีจิ้ง!!

 

“เร็วยิ่ง!!”

 

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นเริ่นจง หลิวหงกวง หรือฉีเสิ่นก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก

 

พวกมันพลันค้นพบถึงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อประการหนึ่ง ความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกในตอนนี้ ไม่ใช่ความเร็วที่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญจะบรรลุถึงได้ “ทะ…ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วเช่นกัน!?”

 

พอปรากฏความคิดนี้ขึ้นมาในใจ ทั้ง 3 อดไม่ได้ที่จะหนาวสะท้านจับไขสันหลัง หัวใจยังเต้นถี่รัวขึ้นมาอย่างยากจะห้าม ยังรุนแรงเสียจนแทบกระดอนออกนอกอก

 

เป็นยอดฝีมือที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดอีกคน!!

 

ได้พบข้อเท็จจริงอันน่าตื่นตระหนกนี้ ยังไม่ให้พวกมันตกตะลึงได้อย่างไรไหว!

 

โดยเฉพาะเริ่นจงกับหลิวหงกวง ตอนนี้ลูกตาของพวกมันแทบจะยิงพุ่งลำแสงความร้อนออกมาเสียให้ได้! ต่างหันมามองหน้าสบตากันทันใด ยังเห็นแววตาดุร้ายเอาเรื่อง เผยให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังไม่คิดยอมแพ้!!

 

หลังจากที่ได้เห็นพลังสามารถอันน่ากลัวนี้ของต้วนหลิงเทียนแล้ว พวกมันตัดสินใจแน่วแน่นัก วันนี้ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ต้องรับตัวต้วนหลิงเทียนมาเข้าร่วมขุมพลังของมันให้ได้!!

 

อัจฉริยะระดับนี้ น่ากลัวต่อให้เป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 ก็ไม่มี!!

 

เพราะตั้งแต่พวกมันเกิดมาจนอายุปูนนี้ พวกมันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ เคยมีอัจฉริยะที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดได้ทั้งๆที่อายุไม่ถึง 40 ปี!

 

และมาตอนนี้ในที่สุดพวกมันก็เข้าใจได้เสียที ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้เพิกเฉยคำเตือนด้วยความหวังดีของพวกมัน แล้วรั้นจะสู้ประมือกับฉีจิ้งให้ได้!

 

ที่แท้อีกฝ่ายก็เป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกัน แล้วใยต้องหวาดกลัวฉีจิ้งด้วย!?

 

“นายน้อย! ท่านระวังตัวด้วย! เจ้านั่นมันเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นเดียวกับท่าน!!”

 

ตอนนี้เองฉีเสิ่นเร่งส่งเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดไปกล่าวเตือนฉีจิ้งอย่างร้อนใจ

 

ถึงแม้มันจะไม่ค่อยชอบฉีจิ้งสักเท่าไหร่ แต่อย่างไรในการประลองครั้งนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือชีวิตของฉีจิ้ง มันต้องระวังเรื่องนี้ให้มาก!

 

เพราะหากฉีจิ้งพลาดพลั้งตกตายไป พอมันกลับไปคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมิแคล้วทุกปัญหาจะถล่มลงมาที่หัวมันแน่แท้ มันไม่พ้นถูกลงโทษอย่างรุนแรง กระทั่งถูกลงทัณฑ์เป็นเวลาร้อยปีก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้!!

 

เพราะสุดท้ายมันคือผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลอัจฉริยะและคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องครั้งนี้!

 

แถมฉีจิ้งในตอนนี้ก็ไม่ใช่ฉีจิ้งคนเก่า อีกฝ่ายไม่ใช่นายน้อยเสเพลที่หมกมุ่นตัณหาแต่พลังฝึกปรือไม่เอาไหนอีกต่อไป!

 

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ฉีจิ้งบรรลุถึงเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว ทั้งยังมีอายุไม่ถึง 50 ปี! นี่หมายความว่าอีกฝ่ายมีคุณสมบัติมากเกินพอที่จะนำพาคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องให้หวนคืนสู่ความรุ่งโรจน์! ยังมีความหวังเรื่องกลับไปเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 มากขึ้นหลายส่วน!!

 

ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ขุมพลังกึ่งชั้น 3 คือ มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่ทรงพลังอำนาจอย่างแท้จริง!!

 

ไม่เพียงแต่จะครอบครองสายแร่หินเซียน ทั้งจุดชีพจรวิญญาณที่ดีที่สุด ยังมี ‘แดนลับเซียน’ ซึ่งเป็นพื้นที่ลับอันมีค่ามากที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอีกด้วย!

 

แดนลับเซียนนั้น…เป็นพื้นที่ลับที่สามารถส่งเสริมอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์ให้ทะยานขึ้นฟ้าได้ง่ายๆ ด้านในนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรบ่มเพาะ อีกทั้งยังมีสรรพวิชาลี้ลับรวมถึงสิ่งดีๆอีกมากมาย!

 

การยกระดับเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3 เป็นความฝันของขุมพลังชั้น 4 ทั้งมวล!

 

แน่นอนว่าความฝันนี้ยากจะกระทำให้เป็นจริงนัก ทว่าแม้มันจะยากเย็นแสนเข็ญเพียงใด เหล่าขุมพลังชั้น 4 ก็ไม่เคยถอดใจยอมแพ้เรื่องยกระดับเลย!

 

ทรัพยากรบ่มเพาะจำพวกหินเซียนอะไรนั้นสามารถมองข้ามได้ ทว่าแดนลับเซียนนั้น…เป็นดั่งรากฐานสำคัญของขุมพลังกึ่งชั้น 3! เป็นสิ่งที่ขุมพลังชั้น 4 ไม่อาจมีในครอบครอง!!

 

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แดนลับเซียน ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า แหล่งเพาะสร้างอัจฉริยะ!

 

“เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!!”

 

อันที่จริงแม้ฉีเสิ่นจะไม่กล่าวเตือน แต่ฉีจิ้งก็รู้ได้ทันทีว่าลี่เฟิงที่กำลังพุ่งทะยานเข้ามา สมควรบรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด!

 

เพราะลี่เฟิงที่ทะยานกระบี่จี้เข้ามานั้น ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากพายุพลังของมันเลย เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่เซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญแน่!!

 

ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อร่วมมือกันยังไม่อาจต้านทานพายุพลังของมันได้!

 

“เหอะ!!”

 

ฉีจิ้งเห็นคนกระบี่พุ่งมาปานดาวหางแค่นเสียงเย็นคำหนึ่ง ทันใดนั้นเขตแดนมหาพายุของมันก็หดตัวลงอย่างไว มวลพลังมหาศาลควบรวมก่อเกิดเป็นพายุพลังอีกลูกหนึ่งเบื้องหน้าของมัน! แถมพายุพลังลูกนี้ยังบีบอัดจนมีขนาดเล็กลงเหลือเพียงสูงเท่ามัน 2 คนเท่านั้น!

 

อย่างไรก็ตามแม้ขนาดมันจะเล็กลง แต่พลังงานที่อัดแน่นอยู่ในนั้นก็ไม่ใช่ชั่วเลย!!

 

ต้วนหลิงเทียนที่ถือกระบี่สีทอง 3 ฉื่อหลังทะลวงผ่านพายุพลังลูกใหญ่มาได้ เขาก็เข้าปะทะกับพายุพลังลูกเล็กที่ฉีจิ้งควบรวมใหม่แล้วซัดออกมาทันที และเสี้ยวพริบตาที่ปะทะเขาก็สัมผัสได้ถึงปราณมารมหาศาลที่ควบแน่นอยู่ในนั้น ปราณมารที่ว่ายังเริ่มกลืนกินพลังปราณสุริยันแรกกำเนิดในกระบี่สีทองของเขา!!

 

นอกจากนี้อานุภาพพลังป่นทำลายในพายุขนาดเล็กที่ว่า ก็เริ่มส่งผลต่อม่านพลังปราณกระบี่ที่ฉาบคลุมกายเขาไว้แล้วเช่นกัน!!

 

“จุติมังกรวายุ!!”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจกับอานุภาพของพายุพลังลูกนี้ ฉีจิ้งพลันตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ทันใดนั้นพายุพลังที่เขากำลังปะทะหักหาญอยู่พลันเริ่มบิดๆเบี้ยวๆ เริ่มก่อลักษณ์มังกรวายุ!

 

ทันทีที่มังกรวายุก่อเกิด กลิ่นอายพลังเชือดเฉือนจากสายลมรอบกายมันก็กลายเป็นดุร้ายน่ากลัวขึ้นหลายส่วน เพียงขยับเล็กน้อยบรรยากาศก็คล้ายจะถูกฉีกกระชาก!!

 

และทันทีที่พายุพลังเปลี่ยนลักษณ์ไปเป็นมังกรวายุ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ากระบี่ 3 ฉื่อสีทองของเขาไม่ได้ถูกพลังปะทะเคี่ยวกรำอีกต่อไป

 

หากทว่าแม้กระบี่ของเขาจะไร้แรงต้านทานอะไรจนเป็นอิสระแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะเสือกกระบี่พุ่งเข้าไปแทงฉีจิ้งต่อ!

 

สองตาเขาหยีลงคล้ายค้นพบอะไรบางอย่าง ร่างพลันพุกถอยออกไปฉับไวปานเส้นสายอัสนี!

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่เขาปะทุพลังฉากร่างถอยกลับ มังกรวายุที่ก่อเกิดจากพายุพลังน่ากลัวดังกล่าว ก็สะบัดหางฟาดตบลงมายังจุดที่ต้วนหลิงเทียนอยู่ก่อนหน้า!!

 

ทันใดนั้นความว่างพลันสะท้านสะเทือนทันใด!

 

ปงงง!!

 

เสียงสนั่นปานฟ้าระเบิดดังออก คลื่นลมรุนแรงปานใต้ฝุ่นซัดกวาดออกไปโดยรอบ!

 

ลำพังคลื่นอากาศที่กวาดกระแทกซัดออกมา จนก่อให้เกิดลมแรงปานใต้ฝุ่นเข้าก็บอกให้ทุกผู้คนทราบดีว่าการโจมตีของมังกรวายุเมื่อครู่มันรุนแรงถึงเพียงใด!!

 

ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่ฉากหลบออกมาก่อนหน้าก็อดไม่ได้ที่จะเผยความกริ่งเกรง ‘ฉีจิ้งมันฝึกวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีโดดเด่นจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้วงั้นรึ…พลังทำลายนับว่าน่ากลัวไม่เบา’

 

นี่เป็นสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดเดาในใจ

 

และต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ถูกต้อง วรยุทธ์เซียนที่ฉีจิ้งฝึกปรือ ก็คือ จุติมังกรวายุ เป็นวรยุทธ์เซียนสายจู่โจมระดับปฐพีโดดเด่น นอกจากนี้ยังเป็น 1 ใน 3 วรยุทธ์เซียนที่มีพลังอำนาจสูงสุดของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอีกด้วย เป็นวรยุทธ์เซียนระดับเดียวกับ หยวนปะทุทลายว่างเปล่า ของฉีค่าน!

 

“ฮึ่ม! หนีไวนักนะ!!”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนสามารถหลบการโจมตีของมันได้ ฉีจิ้งพลันแค่นเสียงเย็นออกมา

 

อย่างไรก็ตามสายตาที่มันใช้มองมายังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ยังต่างออกไปจากเดิมนัก

 

หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูถูกล่ะก็ มาตอนนี้ในสายตามันไม่เหลือความดูถูกอะไรอีก

 

ความจริงจังเข้ามาแทนที่แววตาดูแคลนไปหมดสิ้น!

 

เพราะตอนนี้มันไม่อาจไม่จริงจัง!!

 

ก่อนหน้านี้เพราะมันไม่ทราบถึงพลังฝีมือที่แท้จริงของลี่เฟิง แต่ตอนนี้มันพบแล้ว ว่าพลังฝีมือของลี่เฟิงดูเหมือนจะไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน แถมยังบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเหมือนกันอีกด้วย!

 

แน่นอนมันยังเห็นอีกว่าแม้ลี่เฟิงจะบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด แต่ก็สมควรพึ่งทะลวงผ่านมาเหมือนมัน!

 

เช่นนั้นถึงในสายตาของมันจะเต็มไปด้วยความจริงจัง แต่ก็ไม่คิดจะล่าถอยแต่อย่างไร

 

การที่คู่ต่อสู้มีพลังฝึกปรือทัดเทียมกัน ได้กระตุ้นความอยากเอาชนะของมันขึ้นมา!

 

ในขณะเดียวกัน ผู้ชมโดยรอบก็กลับมาสู่ความรู้สึกอีกครั้ง พวกมันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับเห็นผี “มะ…ไม่จริงน่า ละ…ลี่เฟิงกลับแข็งแกร่งขนาดนี้?”

 

“ในแง่พลังฝีมือที่พึ่งเผยออก รวมถึงการหลบหลีกกระบวนท่าของฉีจิ้งเมื่อครู่…กว่า 9 ส่วนสมควรบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วไม่ผิดแน่”

 

“สวรรค์! อายุยังมิถึง 40 แต่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเนี่ยนะ! ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรากระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 ยังไม่มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้เลยมิใช่หรือไร?!”

 

“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนกล้ารับคำท้าฉีจิ้ง ที่แท้ก็มิใช่เป็นเพราะวู่วาม แต่เป็นเพราะมีความมั่นใจจริงๆ!”

 

“แต่แม้จะเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเหมือนกัน…หากตัดสินจากการปะทะกันเมื่อครู่ ดูเหมือนพลังฝีมือของลี่เฟิงจะด้อยกว่าฉีจิ้งเล็กน้อยใช่หรือไม่?”

 

“อืม ข้าเองก็คิดว่าลี่เฟิงอ่อนด้อยกว่าฉีจิ้งเล็กน้อยเช่นกัน…หาไม่แล้วใยต้องหลบหนีทั้งที่เร่งเร้าสภาวะมาถึงขนาดนั้น?”

 

……

 

ผู้ชมเริ่มระเบิดคำสนทนากันอย่างตื่นตระหนก ทุกหัวข้อล้วนมีคำว่า ลี่เฟิง ชื่อปลอมที่ต้วนหลิงเทียนใช้

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนอีกครั้ง

 

“สหายน้อยลี่เฟิง หากเจ้ามิมั่นใจว่าจะต้านรับฉีจิ้งได้ไหวอีกต่อไป เพียงเร่งกล่าวคำยอมแพ้ออกมา…ตราบใดที่เจ้ากล่าวยอมแพ้ข้าจะรีบช่วยเจ้าทันที!”

 

ตอนนี้เองพลันมีเสียงผ่านปราณแรกกำเนิดส่งตรงถึงหูเขา และเขาย่อมระบุได้ทันทีว่าเป็นเริ่นจงรองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้า!

 

และหลังจากเสียงเริ่นจงดังขึ้นไม่ทันไร เสียงของหลิวหงกวงก็ดังตามมาติดๆ

 

เนื้อหาของเสียงที่ส่งมาก็เหมือนๆกัน

 

ถึงแม้เขาจะรู้ดีแก่ใจว่าที่ทั้งคู่แลดูเอาอกเอาใจและพยายามช่วยเขาขนาดนี้เป็นเพราะอยากสร้างความประทับใจหมายให้เขาเข้าร่วมขุมพลัง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ตอบขอบคุณกลับไปอย่างมีมารยาท

 

ขณะเดียวกัน ลูกตาของเขาก็หันไปมองจ้องที่ฉีจิ้ง ก่อนที่จะปริปากกล่าวออกมาเสียงเรียบ “นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง นับว่าแข็งแกร่งเหนือคำร่ำลือเสียอีก…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด