War sovereign Soaring The Heavens 1704

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1704 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,704 : เคล็ดวิชามารระดับสูง!

 

ในฐานะผู้ติดตามดั่งสุนัขรับใช้ของฉีจิ้ง ชายหนุ่มหลังค่อมย่อมล่วงรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง

 

เรื่องที่ฉีจิ้งบำเพ็ญพลังด้วยเคล็ดวิชามารอย่าง มารกลืนหยิน นั้น ว่ายมองทั่วเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแล้ว นอกจากฉีจิ้งก็มีแค่มันเท่านั้นที่รู้

 

ตอนแรกมันคิดว่าการที่นายน้อยของมันตกตาย มันก็กลายเป็นไร้ที่พึ่ง…

 

แต่ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวกลับพลิกผันครั้งใหญ่!

 

ประการแรกคือผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกลับยืนยันว่านายน้อยของมันยังไม่ตาย หลังจากนั้นรองผู้นำที่มีอาวุโสก็กล่าวถึงเรื่องเคล็ดมารกลืนหยิน กระทั่งเคล็ดรวมวิญญาณที่แฝงอยู่ในเคล็ดวิชามารระดับสูงๆออกมา!

 

ทั้งหมดนั่นทำให้มันรู้ว่านายน้อยของมันยังไม่ตายจริงๆ!

 

เพราะที่นายน้อยฝึกฝนบำเพ็ญก็คือเคล็ดวิชา มารกลืนหยิน!

 

แน่นอนว่าเรื่องนี้ถึงแม้มันรู้ดี แต่มันก็ไม่กล้าปริปากกล่าวบอกผู้ใดเด็ดขาด!

 

นั่นเพราะมันได้กล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์ไปแล้ว ว่าจะไม่เปิดเผยความลับของนายน้อย

 

“ท่านผู้นำ ข้ามีบางเรื่องที่ต้องกล่าวบอกท่าน…”

 

อาวุโสหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีเสิ่น ในที่สุดก็มองผู้นำด้วยความจริงจังตัดสินใจกล่าวออกมาเสียงขรึม “ในระหว่างการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง นายน้อยได้เปิดเผยออกมาว่าเป็นผู้ฝึกมาร! กระทั่งข้าเองก็ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าที่แท้นายน้อยจะได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะบำเพ็ญสายมารระดับสูงมาเช่นนี้..”

 

เมื่อนึกถึงพลังฝีมือที่ฉีจิ้งเผยในการประลอง กอปรกับวาจาของรองผู้นำอาวุโสก็ทำให้ฉีเสิ่นคลายความสงสัยออกไปทันที

 

ที่แท้วาสนาปาฏิหาริย์ที่นายน้อยของมันเผชิญมา ก็คือเคล็ดบำเพ็ญพลังสายมารระดับสูง!

 

ยิ่งพอคิดถึงเรื่องที่ฉีจิ้งสามารถบ่มเพาะพลังจนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดจากขั้นต้นได้ในเวลาแค่ 1 ปี ใจฉีเสิ่นอดไม่ได้ที่จะสะท้านขึ้นมาอีกรอบ ‘เคล็ดวิชามารนั่นจะไม่ร้ายกาจไปหน่อยหรือ?’

 

อยู่ดีๆฉีเสิ่นกล่าวออกมาเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมทำให้ทุกผู้คนรู้สึกสนใจ และไม่ว่าจะฉีอี้เฉิงผู้นำหรืออาวุโสคนอื่นๆ ก็ชะงักไปด้วยความตกใจทันที

 

สุดท้ายเป็นฉีอี้เฉิงที่คืนสติก่อนใคร มันมองไปยังฉีเสิ่นค่อยกล่าวออกเสียงเข้ม “อาวุโสหลัก ที่แท้ในการประลองครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…ไม่ว่าจะเรื่องหลานชายท่านกับอัจฉริยะอีก 2 คนของเรา…และมันเกิดอะไรกับจิ้งเอ๋อของข้า ท่านจงเล่าออกมาให้หมด!”

 

ฉีอี้เฉิงย่อมหัวเสียไม่น้อย เรื่องที่บุตรชายตัวเองกลายเป็นฝึกมารแล้วแท้ๆแต่ตัวมันกลับไม่รู้

 

“ทราบแล้ว”

 

เผชิญหน้ากับสายตาเค้นความที่มองจี้มาของฉีอี้เฉิง ฉีเสิ่นไม่กล้าพิรี้พิไร เร่งกล่าวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในขณะประลองออกมาทันที

 

ตอนที่ทุกคนฟังถึงจังหวะที่จงกู้ฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง อาวุโสระดับสูงหลายคนอดไม่ได้ที่จะโมโห “จงกู้นั่นมันช่างกล้านัก! มันกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไรถึงได้หาญกล้าฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเรา! ท่านผู้นำ คฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมิอาจปล่อยให้จงกู้รอดมือไปได้!!”

 

วาจาท้ายประโยค ทั้งหลายยังหันไปมองย้ำกับฉีอี้เฉิง

 

“เรื่องนั้นมิจำเป็น…”

 

ทว่าฉีเสิ่นกลับส่ายหัวออกมาพร้อมกล่าว ดึงความสนใจของผู้คนไปอีกครั้งทันที และเมื่อเห็นว่าทุกคนหันมามองตัว ฉีเสิ่นจึงกล่าวสืบต่อ “หลังจากนั้นไม่นาน นายน้อยก็ลงมือฆ่าจงกู้ด้วยตัวเอง”

 

พอได้ยินเรื่องนี้ โทสะของเหล่าอาวุโสจึงคลายลงทันที

 

หากเป็นปกติ ตอนนี้พวกมันคงต้องกล่าวสรรเสริฐนายน้อยขึ้นมาแล้วแน่แท้

 

อย่างไรก็ตามพอพวกมันนึกถึงสภาพของฉีจิ้ง จึงไม่มีใครคิดจะกล่าวอะไรออก

 

“ว่าต่อไป”

 

ฉีอี้เฉิงกล่าวเร่ง

 

หลังจากนั้นฉีเสิ่นก็เล่าถึง ลี่เฟิง รวมทั้งเรื่องที่ลี่เฟิงฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไป 2 คน และหนึ่งในนั้นก็คือฉีค่ารหลานชายคนเดียวของมัน

 

ต้องกล่าวเลยว่าขณะเล่าใบหน้าฉีเสิ่นเผยความโศกเศร้าอาลัยไม่น้อย

 

ฉีค่านจะอย่างไรก็คือหลานชายที่มันฝากความหวังทั้งชีวิตเอาไว้

 

ครู่ต่อมาเพลิงแค้นในใจพลันปะทุออกมาอีกครั้ง ยากที่ฉีเสิ่นจะสงบลงได้อยู่นาน

 

“ลี่เฟิง ผู้ฝึกตนพเนจร?”

 

อาวุโสหลายคน รวมถึงฉีอี้เฉิงผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้แต่ขมวดคิ้ว “ข้ามิเคยได้ยินเรื่องราวของผู้ฝึกตนพเนจรนามลี่เฟิงมาก่อนเลย…แต่มันสามารถฆ่าฉีค่านที่บรรลุเซียนขัดเกลาได้ นั่นหมายความว่ามันมิได้อ่อนด้อยไปกว่าจงกู้แน่ๆ!”

 

“หึ! ลี่เฟงกล้าฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเรา นับว่ามันรนหาที่ตายแล้ว!”

 

“อย่าได้กังวล…นายน้อยสมควรฆ่าลี่เฟิงนั่นไปแล้วเช่นกัน”

 

“ถูก มิจำเป็นต้องไปสนใจคนตาย!”

 

……

 

ได้ยินวาจาเหล่านี้จากอาวุโสของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ทำให้สีหน้าของฉีเสิ่นกับคนที่พึ่งกลับมาจากหุบเขาหลิงหลงพร้อมมัน เผยความขื่นขมยากกล้ำกลืนทันที

 

“หืม?”

 

ในฐานะผุ้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ไหนเลยฉีอี้เฉิงจะเป็นชนชั้นต่ำทรามสายตาไม่เอาไหนได้ มันย่อมสังเกตเห็นอาการของพวกฉีเสิ่นที่ผิดแปลกไปได้ทันที ใจยังเต้นรัวขึ้นมา “อย่าได้บอกข้าเชียว ว่าการบาดเจ็บของจิ้งเอ๋อ มีส่วนเกี่ยวข้องกับลี่เฟิง?”

 

“ใช่”

 

ฉีเสิ่นพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวสืบต่อหลังถูกฉีอี้เฉินมองจ้องด้วยสายตาเยียบเย็น

 

ยังกล่าวบอกถึงวิธีสังหาร ที่ฉีจิ้งใช้ลงมือฆ่าหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อที่ผนึกกำลังร่วมมือกันออกมาชัดเจน

 

“อะไรนะ!? นายน้อยสามารถฆ่าหลวงจีนลายบุปผากับจิ้งชวีจื่อได้ ทั้งๆที่พวกมันกลุ้มรุม?”

 

พอได้ยินเรื่องนี้คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็แตกตื่นกันยกใหญ่

 

ต้องทราบด้วยว่าเรื่องที่ฉีเสิ่นเล่าออกมาก็คือ ทั้งหลวงจีนลายบุปผาและจิ้งชวีจื่อล้วนบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญกันแล้ว แต่กระนั้นทั้งคู่ที่ร่วมมือกันกลับถูกนายน้อยของพวกมันฆ่าตาย!

 

เหลือเชื่อนัก!

 

นี่คืออารมณ์ของพวกมันตอนนี้!

 

กระทั่งฉีอี้เฉิงเองก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง ด้วยไม่คิดว่าพลังฝีมือลูกชายของมันจะก้าวหน้ามหาศาลได้ถึงขนาดนี้ในเวลาเพียงแค่ปีเดียว

 

“นายน้อยเป็นผู้ฝึกมารที่บรรลุขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด…”

 

ทันทีที่ฉีเสิ่นกล่าวเล่าเรื่องนี้ออกมา ฉีอี้เฉิงและอาวุโสระดับสูงๆของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องถึงกับอุทานด้วยความตกตะลึง

 

เพียงปีเดียว จากเซียนขัดเกลาขั้นต้นเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด?

 

ช่างเป็นอะไรที่ร้ายกาจนัก!

 

“โชคดียิ่งนักที่จิ้งเอ๋อยังมิตาย…”

 

ตอนนี้ไม่เพียงฉีอี้เฉิงที่ยินดี คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องทั้งหมดล้วนยินดีกันนัก

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉีเสิ่น ที่เสมือนได้ยกภูเขาออกจากอก

 

เพราะเมื่อฉีจิ้งไม่ตาย นั่นหมายความว่ามันไม่ต้องโดนลงโทษเรื่องนี้!

 

ทว่าพอฉีเสิ่นกล่าวถึงเรื่องราวหลังจากนั้นออกมา ทุกผู้คนก็เงียบไปราวคนตาย

 

ผู้ฝึกตนพเนจร ลี่เฟิง ที่พวกมันไม่แม้แต่จะเคยได้ยินชื่อมาก่อน กลับเป็นเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังมีอายุไม่ถึง 40 ปี! พรสวรรค์ดังกล่าวน่ากลัวว่า ในประวัติศาสตร์ของภูมิภาคเบื้องของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายังไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน!

 

ทว่าตอนนี้กลับมาปรากฏที่เขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องพวกมัน!?

 

“ลี่เฟิงนั่นกลับมิรู้ว่าอันใดดีต่อตัว…!”

 

พอได้ฟังว่าลี่เฟิงปฏิเสธคำเชิญของฉีเสิ่น ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะฮึดฮัดทั้งด่าทอกันออกมา

 

อย่างไรก็ตามพอได้รู้เรื่องที่ลี่เฟิงเองก็ไม่ได้เข้าร่วมกับคฤหาสน์ข้ามฟ้ารวมถึงคฤหาสน์คลื่นคลั่ง อาการเหวี่ยงๆด้วยความไม่พอใจของทั้งหมดจึงพอได้ทุเลาลงมาบ้าง

 

“ในเมื่อลี่เฟิงมิอาจให้พวกเราใช้ประโยชน์อะไรมันได้…เช่นนั้นพวกเราสมควรฆ่ามันทิ้งเสีย!”

 

ประกายเยียบเย็นพุ่งลอดออกจากลูกตาฉีอี้เฉิง มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอำมหิต “มันฆ่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องเราไป 2 แถมยังทำร้ายจิ้งเอ๋อของข้าจนอาการสาหัส…หากมันไม่ตายข้าไม่มีวันสบายใจ!”

 

หลังจากนั้นฉีอี้เฉิงก็ให้ฉีเสิ่นวาดภาพเหมือนของลี่เฟิงออกมา และสั่งให้คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนำภาพนี้ไปทำซ้ำแจกจ่าย เพื่อค้นหาตัวลี่เฟิงและฆ่าทิ้ง!

 

อย่างไรก็ตามมันไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ลี่เฟิง นั้นเป็นเพียงชื่อปลอม

 

นอกจากนั้นใบหน้าในภาพวาดนั่นก็เป็นแค่ใบหน้าที่ปลุกปั้นปลอมแปลงขึ้นมาเท่านั้น กระทั่งจะใช้อีกครั้งหรือไม่…เจ้าตัวยังไม่รู้

 

ดังนั้นแล้วไม่ว่าคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะพยายามตามหาแค่ไหน พวกมันก็ไม่มีวันพบตัวลี่เฟิง!

 

ทันใดนั้นรองผู้นำชราคล้ายนึกอะไรออก สองตามันทอประกายขึ้นวาบหนึ่งกล่าวคำ “ท่านผู้นำตอนนี้นายน้อยบาดเจ็บสาหัสแทบตาย ยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวถึง 3 ปี…แล้วพวกเราสมควรจัดการเรื่องงานวิวาห์ระหว่างนายน้อยกับคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจี ที่จะมีขึ้นในอีก 1 เดือนหลังจากนี้เช่นไรดี…พวกเราต้องส่งสารไปบอกพวกมันหรือไม่?”

 

ทันใดนั้นทุกคนก็หันไปมองฉีอี้เฉิงทันที

 

เรื่องนี้พวกมันก็รู้

 

“ในเมื่อลูกข้าบาดเจ็บเช่นนี้ แน่นอนว่างานแต่ก็ต้องล้มเลิกไปเป็นธรรมชาติ…แต่มิจำเป็นที่พวกเราต้องลดตัวไปส่งสารให้ขุมพลังชั้น 5! ยิ่งไปกว่านั้นอีกมินานข่าวการตายของจิ้งเอ๋อสมควรแพร่ออกไปทั่วเขตอิทธิพลหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง กระทั่งมานานก็ต้องแพร่ไปถึงคฤหาสน์คลื่นขจี ถึงตอนนั้นพวกมันจะรู้กันเองว่าไฉนพวกเราไม่ไปรับตัวเจ้าสาว”

 

ฉีอี้เฉิงกล่าวออกด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

 

ในฐานะผู้นำขุมพลังชั้น 4 มันย่อมไม่เห็นหัวขุมพลังชั้น 5

 

“สมควรเป็นเช่นนั้น กระทั่งแขกเหรื่อที่พวกเราเชิญไป ก็คงทราบกันดีว่างานวิวาห์ล้มเลิกหลังได้รับทราบข่าวการตายของนายน้อย”

 

ฉีเสิ่นพยักหน้า

 

“ทุกคนที่อยู่ที่นี่ จงกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเสีย ว่าจักมิแพร่งพรายเรื่องที่ลูกข้ายังมีชีวิตรอดอยู่ออกไปเด็ดขาด! ให้ทั้งหมดคิดกันไปว่าจิ้งเอ๋อลูกข้าตายแล้ว!!”

 

ไม่นานเสียงเย็นเยียบของฉีอี้เฉิงก็ดังขึ้นขณะว่ายตามองทุกคนด้วยประกายตาคมกล้า!

 

ทั้งหมดไม่มีใครแปลกใจกับคำสั่งนี้ของฉีอี้เฉิน

 

จากสถานการณ์ของฉีจิ้ง

 

หากเรื่องที่มันยังไม่ตายแพร่ออกไป ต้องมีผู้คนฉุกคิดได้แน่ว่าต้องฝึกวิชามารระดับสูงอะไรสักอย่าง

 

ถึงตอนนั้นฉีจิ้งจะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน!

 

เคล็ดวิชามารระดับสูงที่ทำให้ผู้ฝึกก้าวหน้ารวดเร็วขนาดนี้ น่ากลัวว่ากระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 ก็ต้องสนใจ!

 

วันนี้คงเป็นวันที่ผู้คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่มีวันลืมเป็นแน่

 

เพราะทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง พลันได้ยินเสียงอัสนีสวรรค์ฟาดผ่าดั่งลั่นขึ้นมาจากฟ้าที่ห่างออกไปไม่ไกล! ยังดังเสียจนกระทั่งผู้ที่อยู่ขอบเขตเซียนยังแทบหูหนวก บางคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นโลหิตไหลออก

 

เพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่กล่าวคำสาบานพร้อมกันก็มีมากมายนัก แถมยังกล่าวพร้อมๆกัน ทำให้ตอนที่สวรรค์ตอบรับคำสาบานก็เป็นอะไรที่พร้อมกัน!

 

เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่องก็ค่อยๆแพร่กระจายอกทุกแห่งหน

 

“อะไร! นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ฉีจิ้ง ตกตายในการประลอง?”

 

เมื่อได้ยินข่าวนี้ อาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี ‘หานซิ่น’ ถึงกับชักสีหน้าดุร้ายออกมาทันที “นี่มิใช่หมายความว่า เฉวี่ยไน่ จะรอดตัวหรือไร?”

 

“ไม่!”

 

ไม่นานใบหน้าหานซิ่นก็คล้ายจะฉาบคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็ง ในแววตาเผยจิตสังหารอำมหิต “ไม่มีวันที่ข้าจะปล่อยให้นางรอดตัวไปได้ง่ายๆ! ในเมื่อมิอาจยืมมือฉีจิ้งทรมานนาง เช่นนั้นข้าก็ต้องจัดการกับนางด้วยตัวเอง!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด