War sovereign Soaring The Heavens 1755

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1755 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,755 : อันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ

 

ใช่!

 

หากหลิงเทียนคุกเข่าขอขมาจ้าวจี้ต่อหน้าผู้คนในวันนี้อย่างไร้เกียรติ เรื่องนี้สมควรแพร่ไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับแน่นอน!

 

ภายใต้ความอัปยศเช่นนี้ ให้พรสวรรค์ต้วนหลิงเทียนสูงส่งเพียงใด ก็ไม่คิดมีใครดูดีมันอีก!!

 

ต่อให้จ้าวตำหนักคิดรับมันเป็นศิษย์ ทว่าพอได้ทราบเรื่องในวันนี้ ไม่ 10 ก็ต้องมี 9 ที่คิดเปลี่ยนใจไม่รับมันเป็นศิษย์!!

 

จังหวะนี้ในใจของจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูคล้ายกระจ่างแจ้ง

 

พวกมันไม่สนใจคำของหวังพีอีกต่อไป

 

เมื่อเห็นว่าจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถู กลับมาเผยแววตาดุร้ายอีกรอบ หวังพีอดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย เพราะมันรู้ได้ทันทีว่าทั้งคู่ไม่หวาดกลัวเรื่องที่มันพึ่งกล่าวไป จึงเร่งกล่าวออกมาอีกรอบ “จ้าวไป๋ฉวี่ จ้าวเฮยถู ข้ารู้ว่าพวกเจ้าคิดทำตามใจจ้าวจี้…แต่พวกเจ้าต้องการแบกรับความเสี่ยงนี้หรือ?”

 

“หวังพี อย่าได้คิดขู่ให้พวกเรากลัวเสียให้ยาก!”

 

จ้าวไป๋ฉวี่กล่าวเย้ยออกมา “หากวันนี้หลิงเทียนมันคุกเข่าขอขมาน้องเล็กพวกเรา และเรื่องนี้แพร่ออกไปทั่วตำหนักฟ้าลี้ลับ…เจ้าคิดว่าจ้าวตำหนักยังจะสนใจรับมันตัวขี้ขลาดอย่างมันเป็นศิษย์อีกงั้นเหรอ?”

 

หวังพีไม่คิดเลยว่าจ้าวไป๋ฉวี่จะคิดเรื่องนี้ได้ สีหน้าของมันแปรเปลี่ยนไปทันที “เจ้าคิดว่าศิษย์น้องหลิงเทียนจะคุกเข่าขอขมาจ้าวจี้งั้นเหรอ ฝันละเมอของตัวโง่งม!”

 

“ฝันละเมอของตัวโง่งมหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าจักได้รู้!”

 

จ้าวไป๋ฉวี่กล่าวเย้ยออกอีกรอบ “หวังพีข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าได้ร่วมจมปลักไปกับบ่อโคลนนี้เลย เจ้าควรรู้ดีว่าผลที่ตามมาจากการล่วงเกินพวกเราตระกูลจ้าวเป็นเช่นไร…ถึงแม้ว่าอาจารย์ของจ้าวจะเป็นรองจ้าววังนภาเซียวยี่ ก็มิแน่ว่าจะช่วยเจ้าได้!”

 

ขู่!

 

ขู่กันซึ่งๆหน้า!

 

เจอคำขู่ซึ่งๆหน้าของจ้าวไป๋ฉวี่ หน้าหวังพีเปลี่ยนสีทันที เพราะมันรู้ดีว่านี่เป็นความจริง!

 

ด้วยฐานะของผู้พิทักษ์กับรองจ้าวตำหนัก กล่าวได้ว่าตระกูลจ้าวสามารถใช้หนึ่งมือปิดฟ้า! ใครที่ล่วงเกินสกุลจ้าวล้วนไม่มีจุดจบอันดีสักราย!

 

“หวังพี เจ้าคิดเรื่องนี้ให้ดีเถอะ…เจ้าเต็มใจจะบาดหมางกับพวกเรา เพราะคิดช่วยเหลือศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าวังนภามาได้ไม่กี่เดือนจริงๆ?”

 

จ้าวเฮยถูมองเหยียดหวังพีพร้อมกล่าวเย้ย

 

“ศิษย์พี่หวังพี เรื่องนี้ไม่มีใดเกี่ยวกับท่านเลย ท่านไม่จำเป็นต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับคนอื่นเพราะข้าหหรอก”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนข้างหวังพีพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าขอบคุณในความหวังดีของศิษย์พี่ที่คิดยืนหยัดช่วยข้า…แต่เรื่องหลังจากนี้ขอให้ศิษย์พี่หวังพีถอยออกไปดูชมให้สบายใจเถอะ…ข้าจัดการเอง”

 

กล่าวถึงประโยคนี้ต้วนหลิงเทียนยังแย้มยิ้มให้หวังพีด้วยความมั่นใจ

 

อย่างไรก็ตามเห็นรอยยิ้มนี้ของต้วนหลิงเทียน ยิ่งทำให้หวังพีหน้าเบี้ยว เพราะมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนพยายามแสร้งฝืนยิ้มเปี่ยมความมั่นใจเพื่อกลบเกลื่อนความหวาดกลัว

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นไร! หรือคิดว่าข้าเป็นคนที่สามารถละทิ้งสหายเพื่อหลบหนีเอาตัวรอด?”

 

หวังพีกล่าวออกด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ในวาจาเผยเจตนาชัดเจน มันคิดร่วมหัวจมท้ายไปพร้อมต้วนหลิงเทียนแล้ว

 

“ข้าด้วย!”

 

หวางเฟยเซวียนเองก็คิดสู้ด้วยเช่นกัน ทว่านางไม่อาจก้าวเข้าไปเคียงข้างต้วนหลิงเทียนได้ เพราะถูกพลังไร้สภาพอันอ่อนโยนขุมหนึ่งผลักออก!

 

“เจ้าทึ่ม เจ้าทำอะไร! ปล่อยข้านะ!!”

 

ต้วนหลิงเทียนหันกลับมามองหวางเฟยเซวียนที่กำลังฮึดฮัดขัดใจ อดส่ายหน้าออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่านางดื้อรั้นเพียงใด “เจ้าดูเฉยๆเถอะ กับอีแค่อริยะเซียนขั้นต้นสองคนเจ้าจะอะไรมากมาย…”

 

ได้ยินวาจานี้หวางเฟยเซวียนที่แกว่งดาบหมายทำลายพลังไร้สภาพก็ถึงกับอึ้งไปตาปริบๆ ยังกับถูกอัสนีบาตยามแล้งฟาดลงกลางหัว

 

แค่อริยะเซียนขั้นต้น? พี่ท่านใช้คำว่าแค่?

 

หากเป็นเซียนขัดเกลาขั้นยิ่งใหญ่คนอื่นกล่าววาจาเช่นนี้ออกมา หวางเฟยเซวียนคงโพล่งด่าว่าขี้โม้ออกมาแล้ว

 

ทว่าวาจานี้ยามดังออกจากปากต้วนหลิงเทียน กลับให้รสชาติแปลกประหลาดนัก

 

แม้นางจะได้รู้จักกับต้วนหลิงเทียนไม่นาง กระทั่งกล่าวไปเจอหน้ากันก็แค่ไม่กี่วันด้วยซ้ำ แต่นางพอจะรู้นิสัยของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง ว่าหากอีกฝ่ายไม่มั่นใจคงไม่กล่าวคำพวกนี้ออกมา

 

‘เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดเอาชนะอริยะเซียนขั้นต้นได้หรือ….’

 

อย่างไรก็ตามหวางเฟยเซวียนยังรู้สึกผิดท่าอยู่บ้าง เพราะเรื่องพรรค์นี้มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?

 

ทว่าพอเห็นแววตาฉายความมั่นใจเต็มเปี่ยมของต้วนหลิงเทียน นางก็รู้สึกพูดไม่ออก ไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว

 

เมื่อเห็นว่าหวางเฟยเซวียนเก็บดาบและไปยืดกอดอกหน้าบึ้ง ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะเบาๆด้วยรู้ว่าหวางเฟยเซวียนไม่คิดดื้อรั้นอีกแล้ว จึงหันกลับมามองหวังพีอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม “พี่หวังข้ารู้ดีว่าท่านหวังดีและใจถึง…แต่กับอีแค่อริยะเซียนปลายแถวในรายนามฟ้าลี้ลับอย่างพวกมัน ไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลย…”

 

อริยะเซียนปลายแถวในรายนามฟ้าลี้ลับ?

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจานี้ออกมา ผู้คนก็เงียบไปเป็นคนตาย

 

หากวาจานี้ดังออกจากปากอันดับต้นๆในรายนามฟ้าลี้ลับ ผู้คนคงไม่คิดว่ามันแปลกอะไร

 

ปัญหาคือผู้ที่กล่าวกลับเป็นศิษย์ใหม่วังนภาที่ไม่แม้แต่จะติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับเนี่ยสิ! ทำให้พวกมันรู้สึกพิลึกพิลั่นอย่างบอกไม่ถูก!

 

“ดี! ดีมาก!”

 

จ้าวจี้เป็นคนแรกที่คืนสติ มันกล่าวเย้ยออกมาทันใด “ศิษย์ใหม่ที่ไม่แม้แต่จะติดอันดับในรายนามฟ้าลี้ลับ กลับกล้ากล่าววาจาดูแคลนศิษย์ในรายนามฟ้าลี้ลับ โอหังอันใดเช่นนี้!!”

 

“พี่ไป๋ฉวี่ พี่เฮยถู ในเมื่อมันไม่เห็นพวกท่านอยู่ในสายตา เช่นนั้นก็ไปทำให้มันรับทราบเถอะ ว่าไฉนบุปผาถึงมีสีแดง! หลังจากนั้นค่อยลากมันมาคุกเข่าขอขมาข้า!!”

 

จ้าวจี้หันไปมองจ้าวไป๋ฉวี่กับจ้าวเฮยถูกล่าวออกเสียงเหี้ยม

 

“น้องเล็กเจ้ามั่นใจได้ หลังจากที่ข้าทำให้มันร่ำร้องขอความเมตตาแล้ว..ข้าจะลากมันมาคุกเข่าขอขมาต่อหน้าเจ้า”

 

จ้าวเฮยถูแลบลิ้นเรียริมฝีปากแห้งผากด้วยรอยยิ้มอำมหิต แววตาดุร้ายของมันมองเขม็งไปยังร่างต้วนหลิงเทียน “ไอหนูข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากไหน! แต่เจ้าคิดหรือว่าหลังเข้าวังนภามาได้ไม่ทันไร แค่เอาชนะพี่น้องสกุลลั่วที่ร่วมมือกันได้เข้าหน่อย เจ้าก็คิดว่าด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นยิ่งใหญ่ของเจ้ามันไร้เทียมทานแล้ว?”

 

ก่อนที่จะมาที่นี่จ้าวเฮยถูได้ยินเรื่องทั้งหมดจากผู้ติดตามของจ้าวจี้แล้ว

 

จ้าวเฮยถูเองก็เคยเป็นคนของวังนภา มันย่อมรู้เรื่องพี่น้องสกุลลั่วดี

 

ฟุ่บ!

 

ทันทีที่กล่าวจบคำร่างจ้าวเฮยถูก็แปรเปลี่ยนไปคล้ายใต้ฝุ่น พริบตาก็อยู่ตรงหน้าต้วนหลิงเทียนและกำลังจะลงมือ

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

ตอนนี้เองเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไวพลันดังขึ้นสองเสียง!

 

หนึ่งในนั้นมาจากร่างหวังพีที่พุ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงสุด หยุดตั้งท่าอยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน และคิดช่วยเขาจัดการจ้าวเฮยถู!

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีความมั่นใจ แต่หวังพีคิดว่าต้วนหลิงเทียนพยายามปลอบใจมัน และไม่คิดว่าพลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดของต้วนหลิงเทียนจะทำอะไรอริยะเซียนขั้นต้นได้…หากมันไม่ช่วยอีกฝ่ายสามารถสยบต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย!

 

อย่างไรก็ตามหวังพีว่าเร็วแล้ว กลับมีคนที่รวดเร็วกว่ามัน!

 

เมื่อพบว่ามีอีกร่างหนึ่งที่มาหยุดขวางเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทั้งยังอยู่หน้ามัน หวังพีก็อดไม้ได้ที่จะตะลึง!

 

ชายที่ปรากฏเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนคราวนี้ เป็นชายหนุ่มแลดูแข็งแกร่ง คิ้วเข้มดั่งดาบ หน้าตาแม้ไม่ได้หล่อเหลาอะไรมากมาย แต่ให้ความรู้สึกสง่างามน่าเกรงขาม!

 

บรรยากาศรอบกายให้ความรู้สึกเข้มแข็งนัก!

 

“ศิษย์พี่กู่ลี่!!”

 

เห็นชายหนุ่มที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนคนนี้ สีหน้าจ้าวเฮยถูเปลี่ยนไปทันใด ในแววตายังเผยความหวาดกลัวออกมา “ท่าน…ท่านรู้จักหลิงเทียนด้วยหรือ?”

 

“กู่ลี่?”

 

ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็งุนงงไม่น้อยเพราะเขาสัมผัสได้ถึงการมาของใครบางคนแต่แรก พอเห็นถึงร่างที่ปรากฏเบื้องหน้าเขาก็สงสัย เพราะเขาจำได้ว่าไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายมาก่อน แล้วไฉนคนแปลกหน้าถึงมาช่วยเขาได้?

 

พอได้ยินเสียงเรียกของจ้าวเฮยถู เขาจึงได้รู้ว่าผู้มาชื่อ กู่ลี่

 

“ศะ…ศิษย์พี่กู่ลี่”

 

เห็นชายหนุ่มเข้มแข็งที่ปรากฏตัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน และปกป้องต้วนหลิงเทียนเอาไว้ด้านหลังคราวนี้ แม้แต่จ้าวไป๋ฉวี่ก็หน้าซีด…

 

“ศิษย์พี่กู่ลี่!”

 

“ศิษย์พี่กู่ลี่!”

 

……

 

ตอนนี้เองเหล่าศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับ รวมถึงหวังพีก็โค้งคำนับกู่ลี่ด้วยเคารพ

 

สำหรับศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับแล้วยามพวกมันเจอกู่ลี่พวกมันยังให้ความเคารพมากกว่ารองจ้าววังนภาอย่างเซียวยี่เสียอีก!

 

เห็นฉากนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง เพราะไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มที่มาช่วยเขาคนนี้ จะมีฐานะสูงส่งในสายตาศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับขนาดนี้

 

เขามองเห็นเรื่องนี้ได้ชัดเจน จากเรื่องที่ศิษย์ทั้งหมดล้วนโค้งคำนับให้อีกฝ่ายด้วยความเคารพ!

 

“บัดซบ! สารเลวนั่นมันไปรู้จักกับกู่ลี่ได้อย่างไร!?”

 

เห็นภาพนี้สีหน้าจ้าวจี้เหยเกไปทันที!

 

ถึงแม้จ้าวจี้จะถูกเรียกว่า ชนรุ่นหลังที่ทรงอำนาจมากที่สุดในตำหนักฟ้าลี้ลับ แต่นั่นเป็นชื่อเรียกที่ผู้อื่นตั้งให้เพราะภูมิหลังของมัน ปู่มันเป็น 1 ใน 2 ผู้พิทักษ์ บิดาเป็นรองจ้าวตำหนัก

 

อย่างไรก็ตามในตำหนักฟ้าลี้ลับยังมีรุ่นหลังที่มันเองก็ยังหวาดกลัว

 

และคนผู้นั้นคือ กู่ลี่!

 

เพราะกู่ลี่นั้นเป็นบุตรชายของผู้พิทักษ์อีกคน! และอาศัยความจริงที่ผู้พิทักษ์คนนั้นมีกู่ลี่เป็นบุตรชายเพียงคนเดียว ทำให้ตามใจกู่ลี่มาก ตราบใดที่อยู่ในขอบเขตอำนาจของ ล้วนยินดีทำทุกสิ่งเพื่อบุตรชาย!

 

และกู่ลี่ก็ไม่ทำให้ผู้พิทักษ์คนนั้นผิดหวังเลย เพราะมันคืออัจฉริยะที่ปรากฏตัวขึ้นมาในรอบ 100 ปีของตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะมา

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัว พรสวรรค์ที่เผยออกนับว่าเหนือกว่ากู่ลี่ จึงกล่าวได้ว่าเขารับสืบทอดนามอันทรงเกียรตินั้นมาจากกู่ลี่ กลายเป็นอัจฉริยะอันดับ 1 ทันที…

 

กู่ลี่นั้นอายุ 50 ต้นๆเท่านั้น อย่างไรก็ตามพลังฝึกปรือของมันบรรลุถึงอริยะเซียนขั้นสูงสุด!

 

นอกจากนี้ในตำหนักฟ้าลี้ลับ กู่ลี่ยังคืออันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ!

 

ในตำหนักฟ้าลี้ลับ ตราบใดที่ศิษย์ทะลวงผ่านขอบเขตอริยะเซียนเข้าสู่ขอบเขตเซียนมนุษย์ ก็จะถูกลบออกจากรายนามฟ้าลี้ลับ และกลายเป็นผู้อาวุโส

 

กู่ลี่ที่ครองอันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ หมายความว่าในตำหนักฟ้าลี้ลับแห่งนี้มันไม่แพ้ผู้ใดใต้ขอบเขตเซียนมนุษย์!

 

“ศิษย์พี่กู่ลี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

 

“ข้าไม่รู้เลย”

 

“จากที่เห็น ดูเหมือนศิษย์พี่กู่ลี่จะมาช่วยหลิงเทียนนะ?”

 

“ที่แท้หลิงเทียนรู้จักกันกับศิษย์พี่กู่ลี่นี่เอง…กลับมีไพ่ลับนี้ถืออยู่ในมือ ถึงว่าล่ะกลับแลดูสงบใจนัก”

 

……

 

ศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับรอบๆเหมารวมไปว่าที่ต้วนหลิงเทียนแลดูสงบใจอยู่ได้นั้น ที่แท้เพราะมีกู่ลี่หนุนหลัง และอีกฝ่ายต้องปรากฏตัวออมกาช่วยเหลือนี่เอง

 

ได้ยินวาจากระซิบกระซาบโดยรอบต้วนหลิงเทียนถึงกับพูดไม่ออก

 

ก่อนหน้านี้เขาไม่เพียงไม่รู้จักกู่ลี่ แต่เขายังไม่เคยได้ยินใครพูดถึงชื่อกู่ลี่มาก่อนด้วยซ้ำ…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด