War sovereign Soaring The Heavens 1760

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1760 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,760 : รองจ้าวตำหนัก จ้าวเติง!

 

“เรื่องนี้สำคัญใหญ่หลวง พ่อต้องไปรายงานท่านจ้าวตำหนักทันที!”

 

กู่ซืออวิ๋นกล่าวออกเสียงเข้ม “ลี่เอ๋อ เจ้าตามพ่อไปพบท่านจ้าวตำหนัก!”

 

“ได้ท่านพ่อ”

 

กู่ลี่ตอบรับ ก่อนที่จะเหินร่างตามบิดาไปหาจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับทันที

 

ส่วนอีกด้านในเวลาเดียวกันนั้น จ้าวจี้ ก็กลับมาถึงตำหนักหลักฟ้าลี้ลับ เร่งรุดเข้าพบบิดาทันที

 

“ท่านพ่อ สารเลวนั่นมันข่มเหงรังแกผู้คนเกินไป!!”

 

จ้าวจี้มองชายวัยกลางคนเบื้องหน้าด้วยความละอายทั้งคับแค้น เพลิงโทสะในหัวใจของมันลุกโชนออกมาจ้าให้เห้นในแววตา “ศิษย์ใหม่หลิงเทียนนั่นมันกล้าตบหน้าข้าต่อหน้าผู้คนมากมาย…ท่านพ่อ มันไม่เพียงไม่เห็นหัวข้าเท่านั้น มันยังไม่เห็นหัวท่านด้วย!!”

 

ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงินอ่อน ผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายจ้าวจี้ 5-6 ส่วนที่รับฟังอยู่คนนี้ไม่ใช่ใครอื่น…มันคือจ้าวเติง รองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ!

 

“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

 

จ้าวเติงนั้นเป็นพวกที่เข้าข้างบุตรชายโดยที่ไม่สนว่าบุตรชายของมันจะทำผิดหรือถูก เพราะจ้าวจี้คือบุตรชายแท้ๆคนเดียวของมัน พอได้ฟังคำโวยวายของบุตรชายว่าโดนรังแกมาเช่นนี้ ทำให้มันอดมีโทสะขึ้นมาไม่ได้!

 

เมื่อเห็นว่าบิดามีโทสะขึ้นมาแล้ว ในจ้าวจี้ก็เต้นรัวขึ้นมาด้วยความยินดี

 

มันรู้ดีว่าตราบใดที่บิดามันมีโทสะ บิดามันต้องออกหน้าจัดการเรื่องราวให้มันแน่!

 

เช่นนั้นจ้าวจี้จึงเร่งกล่าวเรื่องราวที่มันพบเจอมาวันนี้ มันไม่ได้ปรุงแต่งเรื่องราวอะไรเลย คล้ายไม่คิดสร้างภาพอะไรทั้งสิ้น

 

แน่นอนว่ามันไม่จำเป็นต้องแต่งเรื่องราวอะไรให้วุ่นวาย เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้พูดความจริงบิดาก็ยังต้องไปล้างแค้นให้มัน…ในสายตาของบิดาต่อให้มันไปฆ่าใครตายมา บิดามันก็ต้องไปตามเช็ดก้นให้มันอยู่ดี!

 

“หืม? กู่ลี่ไม่รู้จักเจ้านั่นมาก่อน แต่กลับช่วยมันงั้นเหรอ?”

 

หลังได้ฟังเรื่องราวจากปากจ้าวจี้ สีหน้าจ้าวเติงก็เริ่มมืดดำลงทันที

 

หากเป็นศิษย์ตำหนักฟ้าลี้ลับคนอื่น มันคงเร่งสั่งให้ศิษย์ของมันไปสั่งสอนบทเรียนอีกฝ่ายทันที

 

ทว่าคนๆนั้นกลับเป็นกู่ลี่!

 

กู่ลี่ไม่เพียงแต่เป็นอันดับ 1 ในรายนามฟ้าลี้ลับ ยังเป็นบุตรชายคนเดียวของกู่ซืออวิ๋น 1 ใน 2 อาวุโสผู้พิทักษ์ของตำหนักฟ้าลี้ลับ

 

กู่ซืออวิ๋นมีลูกตอนชรามากแล้ว แถมกู่ลี่ยังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของมัน จ้าวเติงจึงรู้ดีว่าอีกฝ่ายรักถนอมกู่ลี่มากเพียงใด

 

หากมันกล้าส่งใครไปเล่นงานกู่ลี่ น่ากลัวว่ากู่ซืออวิ๋นคงมาอาละวาดถึงที่ ทุบตีมันเละเทะแน่!

 

ถึงแม้มันจะเป็นชนชั้นรองจ้าวตำหนัก แต่พลังฝีมือย่อมไม่สู้กู่ซืออวิ๋น เรียกว่าด้อยกว่ากันมากนัก!

 

กู่ซืออวิ๋นมีพลังฝีมือระดับเดียวกันกับบิดาของมัน!

 

“กู่ลี่ไม่มีทางที่จะไม่รู้จักมัน!”

 

จ้าวจี้กล่าวออกด้วยโทสะ “ท่านพ่อท่านลองคิดดู หากกู่ลี่มันไม่รู้จักสารเลวหลิงเทียนนั่นจริงๆ มันจะกล้าออกหน้าอย่างไร้เหตุผลได้อย่างไร? ถึงปากมันจะบอกไม่รู้จักหลิงเทียนมาก่อนและช่วยหลิงเทียนเพราะถูกชะตาจริง…แต่ไฉนหลิงเทียนนั่นมันถึงกล้าตบหน้าข้าต่อหน้าผู้คนเช่นนั้นเล่า!”

 

“และท่านต้องทราบด้วยว่าตอนนั้นไม่เพียงแต่ข้า แต่ยังมีพี่ไป๋ฉวี่กับพี่เฮยถูอยู่ ทว่าหลิงเทียนนั่นมันยังสงบไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย…มันก็แค่เซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ไฉนยังสงบต่อหน้าชนชั้นอริยะเซียนได้หากไร้ผู้คนช่วยเหลือ?”

 

จ้าวจี้กล่าวฟ้องออกมาน้ำลายแตกฟอง ยิ่งมาท่าทางของมันยิ่งมีโมโหนัก

 

“จี้เอ๋อ…”

 

จ้าวเติงมองจ้าวจี้ที่กำลังโมโหค่อยกล่าวเสียงอ่อน “เจ้าเองก็รู้ดีว่าใครหนุนหลังกู่ลี่…กระทั่งพ่อเองก็ไม่อาจแตะต้องมันได้”

 

“ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้ารู้”

 

จ้าวจี้พยักหน้ารับด้วยความโกรธแค้น “ท่านแตะต้องกู่ลี่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรอย่างไรเสียบิดามันก็คืออาวุโสผู้พิทักษ์กู่ แต่พอข้าคิดว่าหลิงเทียนบัดซบนั่นมันรอดตัวไปได้ ข้าไม่อาจทนไหว! พรสวรรค์มันร้ายกาจแล้วอย่างไร? วันนี้มันยังไร้ฐานะแท้ๆ แล้วหากวันหน้ามันมีฐานะเล่า จะไม่โอหังมากกว่านี้เหรอ?!”

 

“แถมขนาดวันนี้มันมิมีฐานะอันใดมันยังกล้าตบหน้าข้าต่อหน้าผู้คน…ต่อไปวันหน้ามิใช่ว่ามันจะกล้าเหยียบหัวข้าเลยหรอ?”

 

กล่าวถึงจุดนี้จ้าวจี้พลันหันไปมองบิดาพร้อมกล่าวออกด้วยความกังวล “ท่านพ่อ ท่านบอกข้าทีตอนนี้ท่านจ้าวตำหนักใช่สนใจมันแล้วหรือไม่? หากมันเป็นศิษย์ของท่านจ้าวตำหนัก ไม่เพียงแต่มันจะเหนือกว่าข้าในแง่พลังฝีมือ กระทั่งฐานะมันยังจะกดหัวข้าอีก!!”

 

“ด้วยทีท่าของมันวันนี้ หากมันมีอำนาจเหนือข้าเมื่อใดวันนั้นข้าคงไม่อาจอยู่ที่ตำหนักฟ้าลี้ลับได้แล้ว”

 

กล่าวถึงประโยคนี้สีหน้าของจ้าวจี้ก็เผยความอับจนหนทางออกมา ยังก้มหน้าลงอย่างเซื่องซึม

 

จ้าวเติงย่อมไม่ทันสังเกตเห็นว่าในขณะที่จ้าวจี้ก้มหน้าลงไป ในแววตาของมันเผยประกายเจ้าเล่ห์ออกมา

 

“ฮึ่ม!!”

 

ได้ยินวาจาเสียงอ่อนสะทกสะท้อนทั้งได้เห็นท่าทางอับจนหนทางของบุตรชายคนเดียว สีหน้าจ้าวเติงพลันเย็นลงปานมีชั้นน้ำแข็งเคลือบ “เป็นแค่ศิษย์ใหม่วังนภาแท้ๆแต่ช่างเหิมเกริมนัก…หากมีอำนาจมิใช่จะโอหังยิ่งกว่านี้งั้นเหรอ!?”

 

“ท่านพ่อ ข้าไม่อยากถูกบีบให้ออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับนะ”

 

จ้าวจี้เงยหน้าขึ้นมา ในววตาพลันคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำใสๆ แลดูน่าเวทนาสงสารนัก หากแต่อีกมุมก็แลดูอุบาทว์ลูกนัยน์ตาพิกล ที่ชายวัยย่าง 40 มาร่ำไห้ฟ้องบิดาเช่นนี้…

 

“จี้เอ๋อ เจ้าอย่าได้ห่วงไป ในเมื่อหลิงเทียนนั่นมันมีตาแต่ไร้แววหาญกล้าต่อต้านเจ้า พ่อย่อมไม่คิดนิ่งดูดาย…แต่อย่างไรเสียพรสวรรค์ของหลิงเทียนนั่นก็สูงล้ำจนน่ากลัวจริงๆ หากต้องฆ่าทิ้งไปนับเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงนัก…”

 

วาจาท้ายประโยคยามกล่าวออก สีหน้าของจ้าวเติงยังเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“ท่านพ่อ!”

 

ได้ยินจ้าวเติงกล่าวออกแบบนั้น ใจจ้าวจี้เต้นผิดจังหวะไปทันที

 

เพราะฟังจากน้ำเสียงบิดาของมันแล้ว คล้ายไม่อยากทำร้ายหลิงเทียนล้างแค้นให้มันเลย จะไม่ให้มันไม่ร้อนใจได้อย่างไร!?

 

“จี้เอ๋ออย่าได้กังวลไป ในเมื่อมันกล้าทำร้ายเจ้าที่เป็นสายเลือดเดียวของตระกูลจ้าวเรา พ่อกับปู่แม้ชมชอบอัจฉริยะ แต่ย่อมไม่คิดนิ่งดูดายแน่! ให้มันมีพรสวรรค์มากมายเพียงใดแล้วจะอย่างไร ตระกูลจ้าวเราก็มิใช่จะให้ใครมาหยามกันง่ายๆ…อัจฉริยะเช่นนี้หากไม่สยบเข้าร่วมกับตระกูลจ้าวเรา ก็นับเป็นหอกข้างแคร่ของพวกเรา!!”

 

กล่าวถึงจุดนี้แววตาจ้าวเติงพลันเปล่งประกายเย็นเยือกออกมา “หอกข้างแคร่เช่นนี้จำต้องกำจัดทิ้งเสีย! ไม่อาจปล่อยให้มันเติบโตได้!!”

 

พอได้ยินวาจานี้ของจ้าวเติง จ้าวจี้จึงค่อยวางใจ

 

ในที่สุดเรื่องราวก็ลุกลามไปในทิศทางที่มันต้องการ

 

“ท่านพ่อ ท่านยังไม่ตอบข้าเลย”

 

ทันใดนั้นจ้าวจี้คล้ายนึกอะไรได้ออก เร่งกล่าวถามบิดาออกมาอีกครั้ง “ท่านจ้าวตำหนักใช่สนใจพรสวรรค์ของมัน และคิดรับมันเป็นศิษย์จริงหรือไม่?”

 

“จี้เอ๋อ บิดาไม่คิดหลอกเจ้า…มีโอกาสมากกว่า 8 ส่วนที่จ้าวตำหนักจะรับหลิงเทียนนั่นไปเป็นศิษย์ส่วนตัว และเรื่องนี้ท่านจ้าวตำหนักคิดจะประกาศในวันที่พวกเจ้าออกมาจากแดนลับเซียน อันที่จริง…กระทั่งอาจรับมันเป็นศิษย์ปิดสำนักด้วยซ้ำ!”

 

จ้าวเติงกล่าวออกเสียงขรึม

 

“อะไร! ศิษย์ปิดสำนัก!?”

 

วาจานี้ยามดังเข้าหูจ้าวจี้ ไม่ต่างใดจากอัสนีบาตฟาดลงยามแล้งที่ไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อน พาลให้หนังศีรษะของมันด้านชาขึ้นมา…

 

ศิษย์ส่วนตัว กับศิษย์ปิดสำนักต่างกันเพียงใด มันย่อมรู้ดี!

 

“ไม่! ท่านพ่อ! ท่านปล่อยให้มันเป็นศิษย์ปิดสำนักของท่านจ้าวตำหนักไม่ได้นะ!!”

 

ตอนนี้จ้าวจี้รู้สึกกังวลใจอย่างหนัก!

 

มันย่อมจินตนาการออกได้เลยว่าหากต้วนหลิงเทียนได้เป็นศิษย์ปิดสำนักของจ้าวตำหนักจริงจะเป็นอย่างไร ชื่อรุ่นหลังที่ทรงอำนาจมากที่สุดน่ากลัวต้องเปลี่ยนคนแล้ว!

 

นอกจากนี้ด้วยความขัดแย้งระหว่างมันกับหลิงเทียน อีกฝ่ายจะปล่อยมันไปง่ายๆหรือ?

 

“จี้เอ๋อ เจ้าไม่ต้องห่วง”

 

“เรื่องหลิงเทียนจะเป็นศิษย์ส่วนตัวหรือศิษย์ปิดสำนักยังมิมีใดแน่นอน สุดท้ายล้วนต้องดูวันที่ออกจากแดนลับเซียนเสียก่อน…ตอนนี้เจ้าไปตามศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้ามาพบพ่อก่อนเถอะ พ่อมีแผนแล้ว”

 

“ได้ท่านพ่อ!”

 

แม้จ้าวจี้ไม่รู้ว่าบิดามีแผนอย่างไร แต่มันก็รีบไปตามศิษย์พี่ใหญ่ของมันอย่างเชื่อฟัง

 

ศิษย์พี่ใหญ่ของจ้าวจี้ที่ว่านี้ ก็คือศิษย์คนโตของจ้าวเติง อีกฝ่ายยังเป็นอันดับ 3 ในรายนามฟ้าลี้ลับ และเช่นเดียวกันกับกู่ลี่ มันเป็นอริยะเซียนขั้นสูงสุด!

 

แต่ถึงแม้มันจะมีด่านพลังฝึกปรือเดียวกันกับกู่ลี่ ทว่าพลังฝีมือทั้งความสามารถของมันกลับด้อยกว่ากู่ลี่มาก

 

และศิษย์พี่ใหญ่ของจ้าวจี้ผู้นี้ก็เรียกว่า เว่ยเหว่ย แลดูเป็นชายวัยกลางคนร่างเตี้ยหากแต่กำยำ ดวงตากระจ่างเผยประกายคมกล้า คิ้วหนาแลดูองอาจน่าประทับใจไม่น้อย

 

“น้องเล็ก…ท่านอาจารย์เรียกหาข้าหรือ?”

 

พอรู้ว่าจ้าวเติงกำลังเรียกหามันอยู่ เว่ยเหว่ยย่อมไม่กล้ารอช้า มันหยุดบ่มเพาะพลังและติดตามจ้ามจี้ไปหาจ้าวเติงทันที ระหว่างเดินทางยังกล่าวถามจ้าวจี้ออกมา “น้องเล็กแล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าไฉนท่านอาจารย์ถึงเรียกหาข้า?”

 

“พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าที่ท่านพ่อเรียกท่าน เพราะคิดให้ท่านลงมือล้างแค้นคนที่มารังแกข้า”

 

จ้าวจี้ตอบ

 

“หืม? เกิดอันใดขึ้น?”

 

หน้าเว่ยเหว่ยจมลงทันใด ในแววตาเผยประกายโทสะขึ้น มันไม่คิดเลยว่ามีคนกล้ารังแกน้องเล็กของมัน ช่างกล้านัก!!

 

เว่ยเหว่ยในฐานะศิษย์คนโต มันย่อมรักและเคารพจ้าวเติงมากกว่าใคร กระทั่งยังเข้าขั้นเห็นจ้าวเติงเป็นดั่งเทพเจ้าไปแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้มันเองก็รักและเอ็นดูลูกชายคนเดียวของจ้าวเติงเช่นกัน ยังเห็นเหมือนน้องชายคนเล็กที่มันต้องคอยปกป้อง

 

พอมาได้ยินว่าน้องชายคนเล็กของมันถูกคนรังแก จะไม่ให้มันมีโทสะได้อย่างไรไหว!

 

หลังจากได้ฟังเรื่องเล่าจากปากจ้าวจี้ สีหน้าเว่ยเหว่ยเปลี่ยนเป็นมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก “หลิงเทียนงั้นเหรอ ข้าเคยได้ยินมาบ้าง…ข้าหลงคิดว่าอัจฉริยะเช่นมันสมควรเป็นแบบอย่างอันดีให้เหล่าศิษย์ในตำหนักฟ้าลี้ลับ แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้มันจะหยิ่งยโสจองหอง! คนเช่นนี้เติบโตไป ใช่ว่าจะเป็นผลดีกับคำหนักฟ้าลี้ลับเรา!!”

 

“อย่างไรเสียกูลี่นั่นกระทั่งปกป้องมันออกหน้าเช่นนี้ ท่าทางสัมพันธ์ของพวกมันต้องไม่ธรรมดาแน่…หากมีกู่ลี่อยู่ข้าเกรงว่าคงไม่ง่ายที่จะทำอะไรมัน”

 

ถึงแม้เว่ยเหว่ยอยากสั่งสอนหลิงเทียนเพื่อน้องเล็กมันเพียงใด

 

แต่หากหลิงเทียนได้รับความคุ้มครองจากกู่ลี่ มันก็ไม่อาจลงมือกับหลิงเทียนได้ เพราะมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่ลี่!

 

“พี่ใหญ่ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับท่าน…แต่ท่านพ่อให้ข้ามาตามท่านไปพบ เช่นนั้นท่านพ่อสมควรมีแผนบางอย่าง”

 

เรื่องที่เว่ยเหว่ยกล่าวออกจ้าวจี้เองก็คิดได้แต่แรก แต่มันก็ยังเลือกที่จะเชื่อบิดา

 

“ข้าเองก็เชื่อว่าท่านอาจารย์สมควรมีทาง!”

 

เว่ยเหว่ยพยักหน้า มันเองก็เชื่อใจอาจารย์ของมันอย่างไร้เงื่อนไข

 

“ท่านอาจารย์..”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเว่ยเหว่ยกับจ้าวจี้กลับมาถึง พอมันคำนับจ้าวเติงเสร็จไม่ทันที่จะได้กล่าวอะไรต่อ พลันมีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก

 

“ท่านรองจ้าวตำหนัก ท่านจ้าวตำหนักให้ท่านรีบไปพบทันที”

 

เสียงดังกล่าวยังรีบร้อนไม่น้อย

 

เพียงฟังจากน้ำเสียงรีบร้อนนี้ จ้าวเติงก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่สมควรเป็นเหตุฉุกเฉิน! มันจึงรีบออกไปทันที!!

 

ทว่าก่อนที่มันจะออกไป มันไม่ลืมหันมามองกล่าวกับเว่ยเหว่ยและจ้าวจี้ “เหว่ยเอ้อ จี้เอ๋อ พวกเจ้ารอข้ากลับมาอยู่ที่นี่…ข้าไปเข้าพบท่านจ้าวตำหนักก่อน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด