War sovereign Soaring The Heavens 1877

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1877 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,877 :  เซี่ยจง ลัทธิอารามทมิฬ!

 

ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น ตัวตน ‘นักรบมังกร’ มีความพิเศษนัก

 

นั่นเพราะนักรบมังกรจะถือกำเนิดขึ้นมาได้ จำเป็นต้องมีมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บขึ้นไปอยู่เบื้องหลัง

 

และมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บขึ้นไปแต่ละตัว ชั่วชีวิตก็สามารถถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงให้มนุษย์ได้ครั้งเดียว

 

ด้วยเหตุนี้ทำให้เบื้องหลังของนักรบมังกร ล้วนมีมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บขึ้นไปอยู่เบื้องหลังเสมอ!

 

เบื้องหลังนักรบมังกร 7 กรงเล็บ ก็คือมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บ

 

เบื้องหลังนักรบมังกร 8 กรงเล็บ ก็คือมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ

 

เช่นนั้นเบื้องหลังนักรบมังกร 9 กรงเล็บ ก็คือมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ!

 

ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นักรบมังกร 7 กรงเล็บนั้นมีอยู่มากมาย ส่วนนักรบมังกร 8 กรงเล็บพบได้น้อยคน

 

ครั้งหนึ่งเคยมีคนลงมือสังหารนักรบมังกร 7 กรงเล็บ สุดท้ายก็ถูกมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บตามมาฆ่าล้างแค้น…

 

ในอดีตเคยมีคนหาญกล้า ฆ่าคนใกล้ชิดของนักรบมังกร 8 กรงเล็บ..สุดท้ายมันก็โดนมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บฆ่า!

 

บางคนเคยทำลายนิกาย,สำนักของนักรบมังกร 8 กรงเล็บ หากแต่ไม่ได้แตะต้องญาติสนิทมิตรสหายของนักรบมังกร 8 กรงเล็บ …แต่ทว่ามังกรเทพยดา 8 กรงเล็บก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อฆ่าผู้ลงมือแต่อย่างไร

 

บางคนเคยแย่งชิงยอดศาสตราเซียนจากนักรบมังกร มังกรเทพยดาก็ไม่ได้ลงมือล้างแค้นให้นักรบมังกรผู้นั้น

 

เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์เหล่านี้บ่งบอกได้ถึงเรื่องหนึ่ง…

 

ความคุ้มครองของมังกรเทพยดาที่มีให้นักรบมังกรนั้นก็มีขอบเขตเช่นกัน

 

ด้วยเหตุนี้ยอดฝีมือที่อันร้ายกาจที่บุกมาตำหนักเมฆาครามเพื่อชิงตราผนึกมารคนนี้ จึงไม่ได้ฆ่าต้วนหลิงเทียนเมื่อเห็นเขาแปลงกายเป็นนักรบมังกร

 

‘ไฉนเจ้าเด็กนี่มันถึงต้องเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บด้วย หากมันเป็นแค่นักรบมังกร 7 กรงเล็บ ข้าจะฆ่ามันให้ตาย! ข้าเซี่ยจง ไหนเลยจะกลัวมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บในภูมิภาคเบื้องบน!’

 

หลังจากรับตราผนึกมารมาจากมือต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนนาม เซี่ยจง ก็เหินร่างออกมาทันที มันคิดลงมือฆ่าล้างผู้คนในตำหนักเมฆาครามเพื่อระบายโทสะ!

 

จากที่มันคิด เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้หวาดกลัวมังกรเทพยดา 7 กรงเล็บแม้แต่น้อย

 

‘ตอนนี้แค่เพียงมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ ยังมิมีในดินแดนเทพยุทธ์ซียนเต๋า…แล้วมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บมาจากที่ใดกัน? ดูท่าเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนนี่กลายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้ สมควรเพราะได้รับสืบทอดมรดกที่มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเหลือทิ้งเอาไว้ตั้งแต่อดีต…มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บนั่นสมควรเยื้องย่างขึ้นสวรรค์ไปแล้ว! พลังฝีมือน่ากลัวจะสะท้านแดนดิน!’

 

แม้เซี่ยจงไม่แน่ใจว่ามังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่ว่าจะให้ความสำคัญกับต้วนหลิงเทียนมากหรือไม่ แต่มันไม่ก็กล้าเสี่ยง!

 

เพราะหากมันเสี่ยงแล้วเดิมพันผิด มันตายแน่นอน!

 

เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้เป็นมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ ตลอดชั่วชีวิตก็ถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงได้แค่ครั้งเดียว!

 

หากจะกล่าวว่ามังกรเทพยดานั่น คงไม่ให้ความสำคัญอะไรต้วนหลิงเทียนมาก เห็นทีว่าคงเป็นไปไม่ได้!

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่ได้ฆ่าต้วนหลิงเทียนและลงมือกับคนใกล้ชิดของต้วนหลิงเทียน

 

แน่นอนว่าการอดทนไม่ลงมือ ย่อมทำให้มันรู้สึกอึดอัดคับข้องใจ!

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเอง ในสายตาของเซี่ยจงพลันปรากฏร่างกลุ่มคนในชุดเกราะสีดำสนิทกลุ่มหนึ่ง ทำให้สองตามันลุกวาวขึ้นมาทันที

 

“ผู้ใด!?”

 

เมื่อเซี่ยจงเหินร่างเข้ามาหาโต้งๆ องครักษ์เกราะทมิฬกลุ่มดังกล่าวก็ตรวจพบได้ทันที หลังจากที่ตะโกนถามออกมาแล้ว ทั้งหมดก็กระจายกันปิดล้อมคนแปลกหน้าทันที

 

อย่างไรก็ตาม ไม่นานพวกมันก็พบว่า…

 

แม้ชายวัยกลางคนผู้นี้จะไม่แม้แต่กระดิกนิ้วอะไร หากแต่มวลอากาศรอบกายของพวกมันก็คล้ายจะบีบอัดหดตัว! โถมถันเข้ามาทุกทิศทาง บดขยี้ร่างของพวกมันอย่างไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน!

 

ปง! ปง! ปง!

 

 

เสียงระเบิดดังขึ้นเป็นชุด ร่างเหล่าองครักษ์เกราะทมิฬในสายตาเซี่ยจง ล้วนถูกพลังน่ากลัวระเบิดทำลายเป็นละอองโลหิตหมดสิ้น…

 

หลังฆ่าองครักษ์เกราะทมิฬไปหมู่นึง เซี่ยจงก็รู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย

 

“พวกสวะ! นี่ยังแค่เริ่มต้นเท่านั้น…”

 

เซี่ยจงหันมองไปซ้ายทีขวาที มุมปากแสยะยิ้มแววตาเผยความวิปลาศ คล้ายหากไม่ได้ฆ่าคนใจคงไม่สงบ!

 

“หยุดมือ!”

 

ตอนนี้เองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นแต่ไกล เป็นต้วนหรูเฟิงที่เหินร่างตามมาหมายหยุดเซี่ยจง

 

“เฮอะ! หากเจ้ามิใช่บิดาของต้วนหลิงเทียนนั่น เจ้าคงตายไปนานแล้วจ้าวตำหนักเมฆาคราม…เป็นแค่ผู้นำขุมพลังกึ่งชั้น 3 กลับหาญกล้าขึ้นเสียงต่อหน้าข้าเซี่ยจง?”

 

เซี่ยจงเหลือบมองต้วนหรูเฟิงด้วยสายตาเย็นชา กล่าวเย้ยหยันไปคำหนึ่ง

 

และทันใดนั้นเองความว่างเปล่าพลันสั่นสะเทือนขึ้นมา พลังไร้สภาพยากมองเห็นอันสุดไพศาลขุมหนึ่ง พุ่งซัดกระแทกร่างต้วนหรูเฟิงจนปลิดปลิวไปอีกครั้ง!

 

ต่อหน้าพลังอันมหาศาลนี้ต้วนหรูเฟิงไม่อาจต้านทานได้เลย

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเองคล้ายสังเกตเห็นบางสิ่ง ลูกตาของเซี่ยจงพลันหรี่ลงเผยประกายเย็นชาเรืองวาบ มือยกขึ้นสะบัดตบออกไปทันที

 

ปงงง!!

 

เสียงสนั่นกึกก้องจนความว่างเปล่าสะท้านสะเทือน ร่างหนึ่งถูกซัดกระเด็นเผยตัวออกจากการซุ่มซ่อนทันที

 

เป็นชายในชุดดำ

 

เนื่องจากเป็นชุดโม่งคลุมสีดำสนิท ทั้งมีผ้าปิดปากจึงยากจะมองเห็นรูปลักษณ์ได้ชัดเจน

 

“อั๊ค!”

 

อย่างไรก็ตามแต่ หลังถูกซัดจนเผยตัว ร่างในชุดโม่งดำก็กระอักโลหิตออกมา ผ้าปิดปากถึงกับชุ่มโชกไปด้วยเลือด!

 

“เยว่อู๋หยิ่ง”

 

เห็นฉากนี้ ต้วนหรูเฟิงที่ถูกซัดจนกระเด็นไปไกลก็หน้าเปลี่ยนสีไปทันที

 

เพราะผู้ที่ลอบโจมตีเซี่ยจงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ‘เยว่อู๋หยิ่ง’

 

เยว่อู๋หยิ่งนั้นเป็นตัวตนลึกลับดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหางของตำหนักเมฆาคราม

 

ตราบใดที่เป็นคนของตำหนักเมฆาคราม ย่อมรู้กันดีว่าเยว่อู๋หยิ่งคนนี้พบเห็นได้ยากยิ่งกว่าจ้าวตำหนักเสียอีก!

 

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เยว่อู๋หยิ่งผู้นี้เจนจัดในเรื่องการลอบสังหารนัก! ประหนึ่งปีศาจราตรีที่ลงมือในความมืดมิดสมชื่อ!!

(เยว่อู๋หยิ่ง = จันทร์ไร้เงา)

 

ถึงแม้พลังฝีมือของมันจะนับว่าด้อยกว่าต้วนหรูเฟิง หากแต่คนที่มันสังหารได้ ต้วนหรูเฟิงก็ไม่แน่ว่าจะสังหารได้!

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้กระทั่งเยว่อู๋หยิ่งยังไม่มีแม้แต่โอกาสจะลงมือ!

 

บอกให้รู้ได้ทันทีว่าพลังฝีมือของเซี่ยจงอยู่เหนือขอบเขตการสังหารของเยว่อู๋หยิ่งไปไกล!

 

‘ด้วยการลอบโจมตีของเยว่อู๋หยิ่งต่อให้เป็นเซียนนภาขั้นต้นก็ไม่อาจรอดพ้นชะตาตายตก หากถูกลอบสังหารโดยไม่รู้ตัว…แต่กับเซี่ยจงนั่นกระทั่งเยว่อู๋หยิ่งยังไม่ทันลงมืออะไรก็ถูกเปิดเผยตัว! หรือที่มันกล่าวว่ากระทั่งเซียนนภาสูงสุดยังไม่อาจฆ่ามันได้จะเป็นเรื่องจริง!’

 

มองเซี่ยจงอีกครั้งในแววตาต้วนหรูเฟิงยังเผยความหวาดกลัวชัดเจน ‘เช่นนั้นด่านพลังฝึกปรือของมันสมควรเหนือกว่าขอบเขตเซียนนภา!’

 

“ใต้เท้าเซี่ยจง…”

 

ในขณะที่เซี่ยจงเผยประกายเย็นเยียบคิดสังหารเยว่อู๋หยิ่งนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

 

พร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นก็มีร่างชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากฟากฟ้า

 

เซี่ยจงมองไปปราดเดียวก็จดจำได้ทันทีว่าชายชราผู้มาใหม่ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ผู้สังเกตการณ์ ของภูมิภาคเบื้องล่าง ยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภาที่ขุมพลังชั้น 1 ในภูมิภาคเบื้องบนส่งมา…

 

“มีอะไร?”

 

อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับผู้สังเกตการณ์สีหน้าของเซี่ยจงยังเฉยเมยไร้แยแส อันที่จริงหากสังเกตให้ชัดจะเห็นว่าเซี่ยจงยังเผยความรำคาญออกมาให้เห็น ราวกับไม่ได้เห็นชายชราอยู่ในสายตา!

 

อีกทั้งตัวชายชราเองพอถูกเซี่ยจงถามเสียงเย็น ทีท่าก็แลดูสงบเสงี่ยมเจียมตัวอย่างเห็นได้ชัด

 

มันยังไม่สงวนท่าทีได้หรือ?

 

เซี่ยจงที่อยู่เบื้องหน้ามันคนนี้ไม่เพียงจะมีพลังฝึกปรือเหนือมัน ขุมพลังเบื้องหลังอีกฝ่ายยังไม่ใช่อะไรที่มันจะตอแยล่วงเกินได้!

 

ถึงแม้ขุมพลังเบื้องหลังมันจะเป็นขุมพลังชั้น 1 ในภูมิภาคเบื้องบน แต่มันก็เป็นแค่อาวุโสฝ่ายนอกธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น หาไม่แล้วคงไม่ถูกส่งมาประจำการที่ภูมิภาคเบื้องล่างแบบนี้…

 

ทว่าเซี่ยจงที่อยู่เบื้องหน้าของมันนั้นเป็นถึงหนึ่งในอาวุโสระดับสูงของลัทธิอารามทมิฬ! 1 ใน 3 ลัทธิอันทรงพลังของภูมิภาคเบื้องบน แถมฐานะของอีกฝ่ายในลัทธิอารามทมิฬยังมิใช่ธรรมดาอีกด้วย!

 

เช่นนั้นไม่ต้องกล่าวถึงตัวมันด้วยซ้ำ กระทั่งเป็นผู้นำขุมพลังชั้น 1 ของมันยามพบเจอเซี่ยจง ยังต้องก้มหัวคารวะด้วยความสุภาพ…

 

“ใต้เท้าเซี่ยจง ‘กฏ’ ห้ามยอดฝีมือตั้งแต่ขอบเขตเซียนนภาขึ้นไปลงมือทำร้ายกระทั่งสังหารผู้ใดในภูมิภาคเบื้องล่างตามใจนั้น…ได้รับความเห็นชอบจาก 3 ลัทธิรวมถึงลัทธิของท่านด้วย เช่นนั้นมันจะดีหรือที่ท่านลงมือสังหารผู้คนเช่นนี้? ข้าน้อยเองก็ไม่ทราบจะอธิบายให้ท่านผู้นำฟังอย่างไร หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป…”

 

เผชิญหน้ากับเซี่ยจง ชายชราได้แต่ยิ้มกล่าวออกมาอย่างขื่นขม

 

“เหอะ!”

 

ได้ยินคำของผู้สังเกตการณ์เซี่ยจงพ่นลมดูแคลนออกคำหนึ่ง “หากมีใครกล้าลงโทษเจ้าว่าละเลยหน้าที่เพราะเหตุนี้ล่ะก็ เช่นนั้นเจ้าให้มันโผล่หัวมาลัทธิอารามทมิฬแล้วมาขอคำอธิบายกับข้า เซี่ยจง ผู้นี้เถอะ!”

 

ไปลัทธิอารามทมิฬ?

 

ขอคำอธิบายจากท่าน?

 

ผู้สังเกตการณ์ได้แต่เผยยิ้มขื่นขมออกมา เพราะเรื่องนี้เกรงว่าผู้นำขุมพลังชั้น 1 ของมันก็ไม่กล้าแม้แต่จะโผล่หน้าไปลัทธิอารามทมิฬด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับร้องหาคำอธิบายกับเซียจง!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เซี่ยจงเป็นผู้อาวุโสระดับสูงเลย…ลำพังแค่บิดาของมันที่เป็นถึง 1 ใน 4 ธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬก็ไม่กล้ามีใครล่วงเกินมันแล้ว!

 

ในลัทธิอารามทมิฬนั้น 4 ธรรมราชา หากเห็นพ้องต้องกันยังสามารถถอดถอนจ้าวลัทธิลงจากตำแหน่งได้!!

 

เช่นนั้นอำนาจและฐานะของมันสูงส่งเพียงใด เท่านี้ก็ทราบได้!

 

สายตาเซี่ยจงหันไปมองเยว่อู๋หยิ่งอย่างเหยียดหยามอีกครั้ง ค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มเย็นๆ “เจ้าสมควรมิใช่ญาติอันใดของต้วนหลิงเทียน…เช่นนั้นให้ข้าส่งเจ้าไปตามทางเถอะ!”

 

สิ้นคำเซี่ยจงสีหน้าต้วนหรูเฟิงก็เปลี่ยนไปทันที สีหน้าของเยว่อู๋หยิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าก็ซีดลงเช่นกัน

 

“เหอะๆ ตั้งแต่เมื่อใดกันที่อาวุโสของอารามทมิฬนิยมลงมาวางท่าอวดโอ่พลังอำนาจที่ภูมิภาคเบื้องล่างเช่นนี้…”

 

ทว่าในขณะที่เซี่ยจงกำลังจะลงมือสังหารเยว่อู๋หยิ่งนั้นเอง พลันมีเสียงอ่อนโยนหนึ่งดังขึ้นมาจากทุกทั่วสารทิศ

 

อย่างน้อยๆก็ดังขึ้นทุกสารทิศในหูคนอื่นยกเว้นเซี่ยจง

 

ส่วนด้านเซี่ยจง ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ มันหันขวับทั้งเงยหน้าขึ้นไปมองยังหมู่เมฆทิศเหนือทันที! ก่อนที่จะคำรามออกด้วยเสียงผสานสำนึกเทวะเข้มต่ำ “ผู้ใด!?”

 

ต้วนหรูเฟิงซึ่งแต่เดิมกลัวเกิดเรื่องกับเยว่อู๋หยิ่ง พอได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นสองตาพลันลุกวาวทันใด สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นยินดี ยังรีบหันไปมองตามทิศทางเดียวกันกับสายตาของเซี่ยจง!

 

ได้ยินเสียงนี้แม้ใบหน้าเยว่อู๋หยิ่งจะถูกปกปิดมิดชิดยากที่ใครจะมองเห็นได้ แต่หากใครสังเกตให้ดีจะพบว่าร่างมันสั่นสะท้านไปเบาๆเช่นกัน

 

ผู้สังเกตการณ์เองก็หันไปมองทางทิศเหนือ

 

สูงขึ้นไปบนฟ้า หลังเมฆก้อนหนึ่งปรากฏร่างๆหนึ่งลอยล่องอยู่อย่างสงบ

 

เป็นชายชราในชุดคลุมสีเทาอ่อน

 

เพียงชายชราลอยล่องอยู่เฉยๆกลับให้บรรยากาศดั่งเซียนอมตะ…

 

“ผู้เฒ่าพยากรณ์!”

 

เมื่อได้เห็นหน้าค่าตาของชายชราที่กล่าวคำเสียดสี สองตาของเซี่ยจงถึงกับลุกวาวขึ้นมาทันที ลมหายใจยังหอบถี่ หัวใจยังคล้ายจะเต้นรัวปานกลองศึก!

 

ชายชราที่ปรากฏกายมาปานเทพเซียนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นผู้สืบทอดนาม ความลับสวรรค์! ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้! ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นดั่งหนามยอกอกของลัทธิทั้ง 3 อีกด้วย!!

 

‘หากข้าฆ่าไอ้เฒ่าพยากรณ์นี่ได้แล้วเอาหัวมันกลับไปล่ะก็…โอกาสที่ข้าจะได้ขึ้นเป็นจ้าวลัทธิย่อมสูงขึ้นแน่!’

 

ยิ่งมาใจเซี่ยจงก็ยิ่งเต้นรัวขึ้น

 

“ผู้เฒ่าพยากรณ์ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากระทั่งเจ้าก็ถูกตราผนึกมารล่อลวงจนต้องโผล่หัวออกมาเช่นนี้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ตราผนึกมารได้ตกอยู่ในมือของข้าแล้ว…แต่ในเมื่อเจ้าโผล่หัวมาแล้ว ก็อย่าได้คิดจะจากไปง่ายๆ!!”

 

กล่าวจบคำร่างเซี่ยจงก็อันตรธานหายไปทันที!

 

อย่างน้อยๆผู้คนในที่นี้ไม่ว่าจะเป็น ต้วนหรูเฟิง หรือเยว่อู๋หยิ่ง ทั้งคู่ก็ไม่มีใครมองตามความเคลื่อนไหวของทันได้ทัน

 

แม้แต่ผู้สังเกตการณ์ที่ด่านพลังอยู่ในขอบเขตเซียนนภาแล้ว ก็แทบไม่อาจมองตามความเคลื่อนไหวของเซี่ยจงได้ทัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด