War sovereign Soaring The Heavens 1879

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1879 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,879 : ญาติสนิทมิตรสหายในแดนไกล

 

ผู้คนในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า สุดที่จะคาดคิดได้แล้วจริงๆ

 

พวกมันพึ่งได้รับทราบเรื่องราวว่าต้วนหลิงเทียนผู้ที่มีโชคได้ครอบครองตราผนึกมารนั้นเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามได้ไม่ทันไร ก็ได้รับทราบข่าวว่ามียอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนบุกมาช่วงชิงไปเสียแล้ว!

 

“หากนายน้อยตำหนักเมฆาครามมิเปิดเผยตัวตนออกมา คงไม่ถูกยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนนั่นบุกลงมาชิงตราผนึกมารไปดื้อๆเช่นนี้…”

 

“ตัวตนของนายน้อยล้วนถูกบีบให้เปิดเผยจากสัญญา 5 ปีแท้ๆ…ข้าว่าโอกาสในการเข้าสระชำระมังกรอันเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรอะไรนั่น ยังมิอาจเทียบได้กับการมีตราผนึกมารไว้ในครอบครองแม้แต่น้อย”

 

“นั่นสิ! หากเป็นข้าล่ะก็ ข้าไม่มีทางไปเผ่ามังกรเพื่อทำตามสัญญาประลอง 5 ปีอะไรนั่นหรอก สู้เก็บตัวแล้วถือครองตราผนึกมารเอาไว้ใช้เองดีกว่า!”

 

“บางทีตอนนี้นายน้อยตำหนักเมฆาครามคงมิพ้นร่ำไห้เสียใจอยู่เป็นแน่…”

 

……

 

ผู้คนมากมายในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต้าล้วนตื่นตาตื่นใจกับเรื่องนี้นัก หัวข้อสนทนาในเหลาอาหารร้านรวงล้วนมีแต่เรื่องต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น

 

ข่าวแพร่สะพัดออกมาทุกแห่งหนแบบนี้ ตลาดมืดหยินชานเองก็ย่อมได้รับทราบเช่นกัน

 

“เร็วขนาดนี้เชียว?”

 

ได้ยินเรื่องนี้ผู้นำตลาดมืดตู้กูอดไม่ได้ที่จะโค้งคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ มันไม่ได้แปลกใจเรื่องที่ตราผนึกมารถูกช่วงชิงแต่อย่างไร กลับเป็นเรื่องที่ถูกช่วงชิงไปอย่างรวดเร็วต่างหาก!

 

ตั้งแต่แรกมันก็รู้แล้วว่าลองต้วนหลิงเทียนเปิดเผยตัวตนออกมาเพื่อประลองตามสัญญา 5 ปีที่เผ่ามังกรแบบนั้น ตราผนึกมารในมือก็ยากจะถือครองเอาไว้ได้อีกนาน…

 

ด้วยเหตุนี้เอง มันถึงไม่มีความอยากได้อะไรในตราผนึกมารสักนิด

 

เพราะมันรู้ดีว่าต่อให้เป็นมัน ก็คงยากจะเก็บตราผนึกมารไว้กับตัวได้นาน…

 

ต่อให้มันเป็น ‘ตู้กูเหนือ’ ผู้นำตลาดมืดหยินชานที่ยิ่งใหญ่ 1 ใน 2 สุดยอดฝีมือที่ร้ายกาจที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างแล้วจะอย่างไร? ต่อหน้ายอดฝีมือของภูมิภาคเบื้องบน มันยังไม่คู่ควรให้กล่าวถึง!

 

“สมน้ำหน้ามันแล้ว!”

 

คนเผ่ามังกรที่ได้รับทราบข่าวนี้เช่นกัน บรรดาอาวุโสทั้งหลายนอกจากตี้ชานที่ยังคงนิ่งเงียบ ทุกคนล้วนเฮฮาออกมาหน้าระรื่นทันที กระทั่งเฉวี่ยฉานอาวุโสคุมกฏที่มักมีมาดขรึมก็ยังยิ้มร่าให้เห็นฟันเหลือง ทั้งหมดมีความสุขกับคราวเคราะห์ของต้วนหลิงเทียนนัก!

 

พวกมันเกลียดชายหนุ่มที่สังหารว่าที่ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรอย่างตี้จิ่วเข้าไส้! ยังเกลียดที่อีกฝ่ายช่วงชิงสิทธิ์ในการเข้าสระชำระมังกร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จะเปิดออกทุกๆ 5,000 ปีไปดื้อๆแบบนี้!!

 

“ดูเหมือนว่าต้วนหลิงเทียนคงถูกยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนสั่งสอนบทเรียนอันดี จนซึ้งไปถึงทรวงแล้วเป็นแน่!”

 

“สมควรเป็นเช่นนั้น! แต่ช่างน่าเสียดายยิ่งนักที่มันยังมีลมหายใจอยู่!”

 

“อาจเป็นเพราะยามพบเจอยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบน มันละทิ้งศักดิ์ศรียอมคุกเข่าร้องขอชีวิตหรือไม่? เผลอๆอาจเป็นมันที่รีบประเคนมอบตราผนึกมารไปให้ด้วยสองมือด้วยซ้ำ!”

 

……

 

วาจาถากถางสมน้ำหน้า ทับถมซ้ำเติมมากมายถูกพ่นออกจากอาวุโสเผ่าพันุ์มังกรไม่ขาดปาก ทั้งหมดหรรษากับการล้อต้วนหลิงเทียนนัก!

 

ข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไปฉับไวดั่งไฟลามทุ่ง ยังไวยิ่งกว่าเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยตัวตนในวันประลองสัญญา 5 ปีหลายเท่าตัว! พริบตาเดียวก็รู้กันไปทั่วภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว!!

 

ณ ประเทศฝูเฟิง…ประเทศที่อยู่ไกลห่าง อันเป็นขุมพลังชั้น 6…ตั้งแต่ได้รับทราบข่าวว่าต้วนหลิงเทียนที่โชคดีได้รับตราผนึกมารไปครอบครองนั้น ที่แท้เป็นถึงนายน้อยของตำหนักเมฆาคราม! ตระกูลซือถูก็ถูกผู้คนมากหน้าหลายตาแห่กันมาเยี่ยมเยียนจนธรณีประตูใหญ่แทบทรุด!!

 

กระทั่งคนของราชวงศ์เองก็กุลีกจอแห่กันมาแทบไม่ทัน!

 

แน่นอนว่าที่พวกมันมาเยี่ยมเยียนเช่นนี้หาได้มาเข้าพบผู้นำตระกูลซือถูหรือกระทั่งนายน้อยของตระกูลซือถูไม่!

 

คนที่พวกมันเร่งรุดมาเยี่ยมเยียนขอพบ ล้วนแล้วแต่เป็นนรู้จักของต้วนหลิงเทียนที่เขายึดถือเป็นดั่งญาติสนิทมิตรสหายอันประเสริฐ

 

อาธิเช่นป๋ายลี่หงและเฟิ่งหวู่เต้า

 

เรียกว่าตลอดทั้งวันหลังจากที่ได้รับทราบข่าว พวกป๋ายลี่หงเฟิ่งหวู่เต้า กระทั่งสหายรุ่นเดียวกับต้วนหลิงเทียนทั้งหลาย รับการคารวะกันมือเป็นระวิง ยังไม่ทราบว่าต่างรับสุราคารวะไปแล้วกี่จอก

 

เรียกว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกมันจำต้องพบปะแขกเหรื่อเพื่อสังสรรค์กันไม่หยุด

 

“ต้วนหลิงเทียนนี่จริงๆเลย! มักทำเรื่องเหลือเชื่อให้พวกเราตกใจตลอด แถมคราวนี้ทุกเรื่องที่ทำนับว่า ‘ขู่ขวัญ’ พวกเราแทบตายแล้ว! ไม่ใช่แค่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ กระทั่งยังฆ่าตี้จิ่วที่บรรลุถึงเซียนปฐพีได้…ยังมิวายกลายเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามนั่นไปอีก! โอยเพราะมันแท้ๆผู้คนถึงได้แห่กันมาวุ่นวายมิหยุด…ของขวัญสุราคารวะข้ามิว่า แต่ดรุณีน้อยพวกนั้นมันอะไรกัน! นี่พวกมันเห็นข้าเป็นม้าพ่อพันธุ์รึไรถึงได้พยายามยัดเยียดมาทีเป็นสิบๆคน!!”

 

หนานกงยี่ที่นั่งๆนอนๆอยู่บนตั่งเหยียดแขนขาออกมาอย่างเกียจคร้าน กล่าวบ่นออกมาทำลายความเงียบในห้องโถงใหญ่ ที่ทุกคนมารวมตัวกันหลังผ่านมรสุม ‘ต้อนรับแขกเหรื่อ’ มาทั้งวัน

 

“ต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ ฆ่าตี้จิ่ว ทั้งได้กลายเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม ล้วนเป็นเรื่องดีทั้งนั้น พวกเราสมควรยินดีกับเขา…เจ้ายังบ่นอะไร แถมเจ้าเองก็เหล่มองแม่นางน้อยพวกนั้นมิวางตามิใช่หรือ…”

 

หนานกงเฉินเหลือบมองหนานกงยี่ด้วยสายตาระอา กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

 

ตอนนี้หนานกงเฉินนับว่าเปลี่ยนไปจากในอดีตมาก…หาได้ปั้นหน้าเย็นชาตลอดเวลาอีกต่อไปไม่! เริ่มมีสีหน้าเบื่อหน่าย รำคาญให้เห็นบ้างแล้ว…

 

และอย่างน้อยๆมันก็ไม่กล่าววาจาแค่คำสองคำอีกต่อไป

 

“ถูกของเจ้าเฉิน…พวกเราสมควรยินดีกับเจ้าต้วนมันถึงจะถูก! สหายยี่หากเจ้าว่างจนบ่นถึงเจ้าต้วนได้…เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าออกไปรับหน้าแขกคนเดียวเป็นไง”

 

เฉินเฉ่าช่วยกล่าวกับหนานกงยี่พร้อมหัวเราะ

 

“รับแขกคนเดียวกับผีสิ! ข้าก็แค่พูดไปยังงั้นเอง…”

 

หนานกงยี่เบ้ปากมองหนานกงเฉินกับเฉินเฉ่าช่วยไปมา ค่อยถอนหายใจกล่าว “จนถึงตอนนี้ข้ายังรู้สึกทึ่งไม่หาย ข้าเองก็ชินกับด่านพลังที่ก้าวหน้าว่องไวเหมือนตัวประหลาดของเจ้าต้วนมันแล้ว ทะลวงถึงเซียนมนุษย์ได้ข้าก็ไม่แปลกใจอะไรมากมาย แต่คราวนี้เรื่องราวอื่นๆมันตะลึงโลกเกินไป! กลายเป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามเนี่ยนะ!!”

 

“แล้วที่สำคัญคัญคือเจ้าต้วนมันไปทำอีท่าไหนกันแน่ถึงได้เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาคราม…พวกเจ้าก็รู้ว่าตำหนักเมฆาครามเป็นอะไร นั่นมัน 1 ใน 2 ขุมพลังที่ร้ายกาจที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างนี้! แต่เจ้าต้วนไม่เพียงเป็นศิษย์ของตำหนักเมฆาครามนั่น มันเป็นถึงนายน้อย! นายน้อยเชียวนะ!!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคเสียงกลายเป็นสั่นไปเล็กน้อย เพราะจนถึงตอนนี้หนานกงยี่ยังรู้สึกเสมือนราวกับอยู่ในฝัน!

 

ในสายตาของมันเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทำคราวนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป เป็นไปไม่ได้จนเกินไป…

 

“นั่นน่ะสิ ข้าเองก็ไม่เห็นจะเคยได้ยินเจ้าต้วนมันบอกเลย ว่าบิดาของมันเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาคราม…”

 

เฉินเฉ่าช่วยเผยยิ้มขื่นขมออกมา ก่อนจะรินสุราแล้วยกซดหมดจอกปานน้ำเปล่า

 

“บางทีต้วนหลิงเทียนคงมิรู้ว่าบิดาคือจ้าวตำหนักเมฆาคราม ก่อนหน้านี้พวกเจ้ามิได้ยินหรือ…หนึ่งในเหตุผลการมาดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของต้วนหลิงเทียนคือตามหาบิดามารดา?”

 

หนานกงเฉินกล่าวเสียงเรียบ หนานกงยี่ได้ยินก็กล่าวต่อทันที “นั่นสินะ…ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าตอนที่เจ้าต้วนมันรู้ว่าที่แท้บิดาเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาคราม มันจะทำหน้าอย่างไร! อย่างไรเสียตำหนักเมฆาครามก็ไม่ใช่ขุมพลังไก่กา แต่เป็นถึง 1 ใน 2 ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ร้ายกาจที่สุด!!”

 

“จะว่าไป…เสี่ยวเทียนฆ่าตี้จิ่วได้แล้วเช่นนี้ นับว่าได้ล้างแค้นให้คนนิกายหลิงเทียนที่ตกตายบนเกาะป้านเยว่ได้สำเร็จ! อันที่จริงวันนั้นพวกเราก็เกือบตกตายด้วยน้ำมือตี้จิ่วแล้ว…”

 

เฟิ่งหวู่เต้ากล่าวจบ ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

สิ้นคำของเฟิ่งหวู่เต้า ทุกคนกลายเป็นเงียบลงทันที

 

ต้วนหลิงเทียนทำตามสัญญา 5 ปี และสามารถสังหารตี้จิ่วลงได้แบบนี้ ถือเป็นการล้างแค้นตี้จิ่วที่ทั้งทำลายและฆ่าล้างคนของนิกายหลิงเทียนบนเกาะป้านเยว่ได้สำเร็จ!

 

อันที่จริงในวันที่นิกายหลิงเทียนล่มสลาย พวกมันในห้องนี้ก็เกือบตายทุกคน! ยังดีว่าด้วยความที่พวกมันสนิทกับต้วนหลิงเทียนที่สุด จึงพักอยู่ในพื้นที่ๆแยกออกไปอย่างสันโดษ ทำให้มีเวลาหลบหนีมากกว่าผู้อื่น!

 

“สารเลวตี้จิ่วนั่น จวบจนวินาทีสุดท้ายก่อนตายตกมันก็คงคิดมิถึง…ว่าหลังจากผ่านไปแค่ 5 ปี แต่ชายหนุ่มที่ราวกับมดปลวกในสายตาของมันวันนั้น จักเป็นผู้ลงมือจบชีวิตสุนัขของมัน!”

 

ลูกตาฉงเฉียนทอประกายเจิดจ้า กล่าวออกด้วยน้ำเสียงสะใจ

 

สิ้นคำฉงเฉวียนสีหน้าของทุกผู้คนในห้องก็เผยความสะใจออกมาเช่นกัน

 

“ถึงเรื่องที่พรสวรรค์ของเจ้าต้วนมันอยู่เหนือสามัญสำนึกผู้คนจะกลายเป็นเรื่องปกติแล้วก็จริง…แต่เรื่องฆ่าตี้จิ่วได้แบบนี้ ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”

 

หนานกงยี่หัวเราะออกมาอย่างสะใจเช่นกัน

 

“อะไร? เจ้าไม่คิดว่าที่ทุกคนทยอยกันมาประเคนมอบ ‘ของขวัญ’ ทั้งคอยเอาอกเอาใจเจ้า เพราะเจ้าต้วนน่าเบื่อแล้วรึไง?”

 

เฉินเฉ่าช่วยกล่าวล้อเล่นออกมา หนานกงยี่ก็เพียงตอบรับด้วยการถลึงตามองอย่างดุร้าย

 

“ว่าแต่ศิษย์น้องจักตกอยู่ในอันตรายหรือไม่?”

 

ต่างจากพวกเฉินเฉ่าช่วยนัก ป๋ายลี่หงกลับเป็นกังวลถึงเรื่องความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน “เพราะการทำตามสัญญา 5 ปีคราวนี้ ศิษย์น้องถึงได้เปิดเผยตัวตนออกมาในฐานะผู้ถือครองตราผนึกมาร หากเป็นแค่ยอดฝีมือในภูมิภาคเบื้องล่างคงมิมีปัญหาอันใด แต่ข้ากลัวว่าตอนนี้กระทั่งยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนก็คงล่วงรู้แล้ว…”

 

“จะอย่างไรตราผนึกมารนั่นก็เป็นยอดศาสตราเซียน…ยอดฝีมือภูมิภาคเบื้องบนย่อมมิอาจต้านทานอำนาจล่อลวงของมันได้ ต่อให้ตำหนักเมฆาครามร้ายกาจปานใด ยังจะปกป้องตราผนึกมารของศิษย์น้องได้หรือ…”

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าของป๋ายลี่หงก็กลายเป็นเคร่งเครียดทันที

 

ได้ยินคำกล่าวของป๋ายลี่หง ทุกคนในห้องไม่เว้นเฟิ่งหวู่เต้าก็ชักสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันที

 

ไม่คิดก็แล้วไป แต่พอฉุกคิดขึ้นมาเพราะวาจาของป๋ายลี่หง บรรยากาศในห้องก็กลายเป็นอึมครึมทันที

 

“ข้าเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลย พอได้ยินอาวุโสป๋ายลี่กล่าว เจ้าต้วนอาจตกอยู่ในอันตรายจริงๆ”

 

“หากยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนมาชิงตราผนึกมารจริง แล้วเจ้าต้วนส่งให้แต่โดยดีมันก็ดีไป…แต่คนอย่างเจ้าต้วนหรือจะยินยอมมอบให้โดยดี? ข้ากลัวว่ามันจะไม่ยอมส่งของกระทั่งแข็งข้อต่อต้าน จนทำให้ยอดฝีมือมีโมโหฆ่าคนชิงของเอาได้”

 

“ต้วนหลิงเทียนเป็นคนฉลาด ข้าเชื่อว่าเขาต้องคิดถึงเรื่องนี้ได้แน่…หวังว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถหนีไปได้ทัน ก่อนที่ยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนจะมาเยือน”

 

“ด้วยไหวพริบของนายน้อย ข้าเชื่อมั่นว่านายน้อยต้องปลอดภัยแน่!”

 

 

หลายคนกล่าวออกมาด้วยความกังวล

 

พอคิดถึงสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ทุกคนอดไม่ได้ที่จะห่วงต้วนหลิงเทียนขึ้นมา

 

ไม่กี่วันหลังจากนั้นทุกคนก็ยังคงรับรองแขกที่มามอบของขวัญหมายผูกไมตรี ไปตามเรื่องราว

 

ทว่าไม่นานก็มีอีกข่าวหนึ่งแพร่มาถึง ทำให้ทั้งหมดได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนไกลอีกครั้ง และข่าวนี้ยังพาลให้ทุกคนอดตื่นตระหนกไปเสียไม่ได้!

 

“ยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนกลับบุกไปตำหนักเมฆาครามเพื่อชิงตราผนึกมารจากต้วนหลิงเทียนจริงๆ! เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนจักเป็นอันใดมากหรือไม่?”

 

สิ่งที่พวกมันกังวลที่สุดกลับเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

 

“เห็นว่ามิเป็นไร…ขอแค่ยังปลอดภัยดีอยู่ก็ดีแล้ว!”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อพวกมันได้รับทราบรายละเอียดที่เหลือ ว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้เป็นอะไร พวกมันก็ระบายลมหายใจกันอย่างโล่งอก

 

เทียบกับตราผนึกมารที่เป็นสิ่งของแล้ว พวกมันห่วงก็แต่ความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน

 

“พวกเจ้าคุยอะไรกันอยู่หรือ?”

 

ในขณะที่ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆกำลังระบายลมหายใจอย่างโล่งอกหลังได้รับทราบข่าวเรื่องราวทั้งหมดนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงนี้ยังคล้ายดังขึ้นมาจากทุกทั่วสารทิศ ยากที่จะจำแนกทิศทางได้…

 

หากแต่เพียงได้ยินเสียงนี้ พวกมันก็บอกได้ทันทีว่าเป็นเสียงใคร!

 

และก่อนที่พวกมันจะทันได้ตอบสนองเรื่องราว ในสายตากลับปรากฏร่าง 3 ร่างขึ้นปานภูตผี…เป็นร่าง 2 ร่างยืนเคียงกัน โดยหนึ่งในนั้นกำลังอุ้มเด็กชายตัวเล็กๆคนหนึ่ง

 

ร่าง 2 ร่างที่ยืนเคียงกันเป็นคนที่พวกมันคุ้นเคยดี

 

“ศิษย์น้อง!”

 

“เสี่ยวเทียน!”

 

“ต้วนหลิงเทียน!”

 

“เจ้าต้วน!!”

 

“นายน้อย!”

 

“เจ้านาย!”

 

เมื่อเห็นร่างชายหนุ่มที่อยู่ๆก็ปรากฏกายขึ้นมาชัดถนัดตา สองตาทุกคนถึงกับเบิกโพลงส่องประกายขึ้นมาด้วยความประหลาดใจทันที

 

พวกมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าคนที่พวกมันกำลังเป็นห่วง และพึ่งจะโล่งใจเพราะได้รับทราบข่าวว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดีอยู่ จะมาผุดโผล่ขึ้นตรงหน้าเช่นนี้!

 

ได้ยินข่าวว่าต้วนหลิงเทียนปลอดภัยไร้เรื่องราว กับการได้เห็นกับตาว่าต้วนหลิงเทียนปลอดภัยไร้เรื่องราวเป็นอะไรที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!

 

“ทุกคนสบายดีนะ”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

 

ตอนนี้เองลี่เฟยที่อุ้มเด็กชายตัวน้อยอายุราวๆ 6-7 ขวบอยู่ ก็พยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้ป๋ายลี่หงเป็นการทักทาย

 

ทุกคนนอกจากป๋ายลี่หง นางรู้จักดีแล้ว

 

“ต้วนหลิงเทียน…เจ้าพบแม่นางลี่เฟยได้อย่างไร?”

 

หนานกงยี่ที่เห็นลี่เฟยยืนข้างต้วนหลิงเทียนแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด