War sovereign Soaring The Heavens 1925

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1925 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,925 : กู่หลงลงมืออย่างอุกอาจ!

 

ฟั่บ!! วู้มมม!!!

 

เสียงตวัดกระบี่กรีดอากาศฉับไวดังขึ้น อีกทั้งหลังกู่หลงชักกระบี่ยาวออกมาตวัดฟันแล้ว พลันบังกิดรังสีกระบี่สะบั้นดั่งเสี้ยวจันทร์แหวกฟ้าผ่าอากาศ เข่นฆ่าสังหารไปที่ต้วนหลิงเทียนอย่างเร็วรี่!

 

ชั่วเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา รังสีกระบี่สะบั้นเสี้ยวจันทร์ก็ดั่งลัดฟ้า มันพุ่งผ่านระยะหลายร้อยหมี่มาเจียนบรรลุถึงต้วนหลิงเทียนด้วยพลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัว!

 

ยามรังสีพลังสะบั้นนี้พุ่งลงมา เสียงแหวกฝ่าอากาศฉับไวแหลมเล็ก แทบจะเสียดแก้วหูผู้คนจนทะลุ!

 

ซูด! อา! สวรรค์!

 

 

หน้าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬมากมายถึงกับเปลี่ยนสีไปโดยพลัน ด้วยไม่คิดเลยว่าพี่ชายของกู่ชุนมาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง กลับกล้าลงมือจู่โจมใส่ต้วนหลิงเทียนด้วยกระบวนเปี่ยมจิตสังหารหมายฆ่าคน! โดยไม่สนใจกฏห้ามฆ่าฟันกันของลัทธิบูชาไฟทันทีแบบนี้!!

 

นี่มันกำลังรนหาที่ตายรึยังไง?!

 

ในห้วงเวลาชั่วพริบตาดั่งอัสนีวาบฟ้านั้น ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬต่างมีความคิดนี้ผุดขึ้นในหัว

 

เพราะการฆ่าใครสักคนในลัทธิบูชาไฟ เป็นดั่งอาญาโทษ ยังมีความผิดสาหัสนัก!

 

วูบ!

 

จังหวะนี้ไม่ใช่แค่สีหน้าของเหล่าศิษย์โดยรอบเท่านั้นที่เปลี่ยนสี กระทั่งหน้าต้วนหลิงเทียนยังอึมครึมขึ้นมาทันควัน

 

ด้วยเขาไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าอยู่ๆ พี่ชายกู่ชุนนี่จะลงมือซัดรังสีกระบี่ใส่เขาแบบนี้!

 

ยิ่งไปกว่านั้น จากรังสีพลังที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร ก็เผยให้เห็นชัดว่ามันคิดฆ่าเขาจริงๆ!

 

“ปีกอีกาทองคำ!”

 

เผชิญหน้ากับรังสีพลังสังหารที่ลัดฟ้ามาฉับไวของชายวัยกลางคนไกลตา ต้วนหลิงเทียนพลันคำรามออกเสียงดัง ทั่นใดนั้นพลังเซียนสุริยันพลันโคจรไหลเชี่ยวดั่งน้ำหลาก แล่นทะลักผ่านชีพจรเซียน 99 สาย บรรลุถึงช่องพลังทั่วร่างในเสี้ยวพริบตา!

 

พลังเซียนสุริยันที่ทะลักออกมาท่วมร่างขุมหนึ่ง พลันควบรวมก่อเกิดเป็นปีกเพลิงขนาดมหึมาคู่ใหญ่กลางแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียน!

 

เป็นเวทย์พลังเสริมการเคลื่อนไหวระดับสูงที่ต้วนหลิงเทียนเชี่ยวชาญ ปีกอีกาทองคำ!

 

ปง!!

 

ปีกอีกาคู่ใหญ่แรกปรากฏ พลันสะบัดกระพืออย่างแรงจนบังเกิดเสียงแตกระเบิดของอากาศ ปานฟ้าผ่า!

 

ฟู่มม!!

 

พร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น ร่างต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งทะยานออกไปปานลูกกระสุน หลีกหลบรังสีกระบี่สังหารปานเสี้ยวจันทร์ที่ร่วงลงจากฟ้าได้อย่างเฉียดฉิว!

 

แม้ต้วนหลิงเทียนจะมีความเร็วที่เพิ่มพูนขึ้นอย่ามหาศาลด้วยเวทย์พลังชั้นสูงอย่างปีกอีกาทองคำ หากแต่รังสีพลังสะบั้นเมื่อครู่กลับทำให้เขาต้องใจสั่นไม่น้อย…สิ่งนี้พาลให้เขาตระหนักได้ถึงเรื่องราวประการหนึ่ง…

 

พี่ชายของกู่ชุนคนนี้ ต่อให้ยังไม่บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภา แต่อย่างต่ำๆก็ต้องบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดไปแล้วแน่!

 

หาไม่แล้วกับอีกแค่รังสีกระบี่สังหารที่คล้ายอีกฝ่ายซัดออกมาอย่างไร้เรื่องราวเมื่อครู่ คงไม่ฉับไวจนทำให้เขารู้สึกหวาดเสียวขึ้นมาอยู่บ้างแบบนี้!!

 

เปรี๊ยงงงง!! ตึงง!! โครมมม!!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกหวั่นใจเมื่อคาดเดาพลังฝึกปรือของพี่ชายกู่ชุนออก เสียงระเบิดดังสนั่นพลันดังขึ้นจากด้านหลังอีกครั้ง ราวกับมีบางสิ่งถูกระเบิดจนพังทลาย

 

เป็นบ้านพักชั้น 3 ของเขาที่ถูกรังสีสังหารปานเสี้ยวจันทร์นั่นซัดทำลายจนเป็นซากปรักหักพังไปเสียแล้ว…

 

ทุกเรื่องราวบังเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

 

ตั้งแต่ที่กู่หลงชักกระบี่ตวัดซัดคลื่นพลังกระบี่สังหารใส่ต้วนหลิงเทียน ตลอดจนต้วนหลิงเทียนปะทุพลังใช้ออกด้วยเวทย์พลังปีกอีกาทองคำหลีกหลบไปได้อย่างเฉียดฉิว สุดท้ายบ้านชั้น 3 เจ้ากรรมจึงรับเคราะห์จนพังทลาย…

 

กว่าที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬจะดึงสติกลับเข้าตัวได้ บ้านพักชั้น 3 ของต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นซากไปเสียแล้ว

 

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน!”

 

“ใครมันทำเสียงดัง รบกวนบิดา! เอ่อ…เกิดอันใดขึ้นกัน?”

 

 

การระเบิดของพลังกระบี่กู่หลงไม่ได้เบาแม้แต่น้อย นั่นทำให้ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ในบ้านชั้น 3 ละแวกใกล้เคียงถึงกับเดินออกมาจากที่พักด้วยความหัวเสียทันที แต่พอพวกมันได้เห็นภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าก็อดไม่ได้ที่จะสับสนงุนงง..

 

หลังจากที่พวกมันออกมาได้ไม่นาน พวกมันก็เริ่มถามไถ่สหายที่ชมดูเรื่องราวอยู่ก่อน จนได้รับทราบความเป็นมาของเรื่องราว

 

“พี่ชายของกู่ชุนงั้นเหรอ? มันเป็นศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราด้วย?”

 

เมื่อเห็นผู้ที่ซัดพลังหมายลงมือสังหารต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่พึ่งออกจากบ้านอดไม่ได้ที่จะมองกู่หลงด้วยสงสัย “แล้วนี่มันไมสนใจกฏเกณฑ์ของลัทธิบูชาไฟเลยรึไง?”

 

“นั่นน่ะสิ นี่มันไม่กลัวโทษประหารตามกฏลัทธิบูชาไฟรึไง ถึงได้คิดลงมือสังหารต้วนหลิงเทียนอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้?”

 

……

 

เหล่าศิษย์ที่พึ่งออกมาจากบ้านพักเริ่มไถ่ถามออกมา พวกมันทั้งตกใจและสงสัยนัก

 

การที่พี่ชายขอกู่ชุนไม่สนกฎ นับว่าทำให้พวกมันตกใจแล้วจริงๆ!

 

“พี่ชายกู่ชุน ไม่กลัวตายจริงๆหรือ?”

 

เป็นกลุ่มศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่อยู่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก มองกู่หลงอีกครั้งทั้งกล่าวออกมาอย่างเลื่อนลอย

 

เพราะไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่เข้าใจว่าไฉนกู่หลงผู้นี้ถึงไม่กลัวตาย…

 

อะไรกันแน่ที่ทำให้อีกฝ่ายกล้าลงมือโดยไม่สนกฏเกณฑ์ของลัทธิบูชาไฟแบบนี้

 

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่น้องชายข้าไม่อาจทำอะไรเจ้าได้…พลังฝีมือของเจ้านับว่าไม่เบาเลยทีเดียว! น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า กู่หลง อาศัยพลังฝีมือเพียงเท่านี้ของเจ้ายังไม่คู่ควรให้กล่าวถึง! รังสีกระบี่เมื่อครู่ข้าเพียงแค่ลงมือชิมลางเท่านั้น!”

 

ขณะกล่าวออก กู่หลงก็ใช้สายตาเยียบเย็นปานจะแช่แข็งร่างผู้คนมองจ้องต้วนหลิงเทียน กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ต่อไปเจ้าอย่าได้หวังว่าจะมีโชคอีก!”

 

“กู่หลง?”

 

“มันเรียกว่ากู่หลงหรือ? แล้วมันเป็นใครกัน…ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน?”

 

“แท่นบูชาเต่าทมิฬเรามีศิษย์คนนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”

 

“เห็นว่า…เจ้านี่ถูกอาวุโสเพลิงทองแดงพามาส่งด้วยตัวเองวันนี้หยกๆ ทั้งทีท่าของอาวุโสเพลิงทองแดงยังแลดูสุภาพกับมันด้วย?”

 

“มิใช่ว่าเป็นศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราวันนี้หรอกนะ?”

 

 

ในขณะที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนที่พึ่งออกจากบานพักมาสนทนาซุบซิบกัน สองตาก็มองจ้องไปยังร่างกู่หลงไม่วาง

 

พวกมันบางคนก็เริ่มคาดเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว “หากมันพึ่งเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬเราในวันนี้จริงๆ…เช่นนั้นมิใช่ว่ามันคืออัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินหรอกเหรอ!?”

 

“อาจเป็นได้!”

 

“ใช่แล้ว! ในลัทธิบชาไฟของพวกเรา มีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณตั้งแต่สีน้ำเงินขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะเข้าร่วมได้ตลอดเวลา…เช่นนั้น 9 ใน 10 ส่วน กู่หลงคนนี้ก็คือผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินขึ้นไป!”

 

“รากวิญญาณสีน้ำเงินหรือ…หมายความว่ามีโอกาสสูงลิบที่จะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์น่ะสิ! หากกู่หลงคนนี้เป็นคนที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินจริง มันก็มิใช่คนธรรมดาแล้ว วันหน้ามีโอกาสสูงนักที่จะกลายเป็นอาวุโสเพลิงเงิน กระทั่งอาจเป็นได้ถึงอาวุโสเพลิงทอง!”

 

“ถูกต้อง หากมันเป็นผู้ที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินจริงๆ และยังฝึกปรือต่อไปไม่ละทิ้ง วันหน้าต้องกลายเป็นอาวุโสเพลิงเงินได้แน่ กระทั่งเผลอๆอาจจะเป็นได้ถึงอาวุโสเพลิงทองขึ้นมาจริงๆ!!”

 

 

เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นระงมอีกครั้ง ทั้งหมดเข้าใจตรงกัน

 

ว่ากู่หลงคนนี้สมควรเป็นอัจฉริยะที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงิน!

 

“หากรากวิญญาณของมันเป็นสีน้ำเงินจริงๆ เช่นนั้นเหตุการณ์ตรงหน้าพวกเราก็อธิบายได้ง่ายแล้ว…มันคิดพึ่งพาอาศัยพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง จึงกล้าเพิกเฉยกฏของลัทธิบูชาไฟ! เพราะสุดท้ายแล้วต่อให้มันฆ่าต้วนหลิงเทียนไปจริงๆ ลัทธิบูชาไฟก็ไม่อาจหักใจลงดาบประหารเพื่อให้มันชดใช้ชีวิตของต้วนหลิงเทียนได้ลงคอ!”

 

ทันใดนั้นศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬคนหนึ่งพลันกล่าวความจริงข้อนี้ออกมา

 

และหลังจากที่วาจาดังกล่าวดังขึ้น ศิษย์โดยรอบก็พยักหน้าเข้าใจทั้งเห็นด้วยทันที

 

“มิผิด! อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินคือตัวตนที่จะกลายเป็นดั่งขุมกำลังหลักของลัทธิบูชาไฟเรา…สำหรับต้วนหลิงเทียนที่มีเพียงรากวิญญาณสีเหลือง แม้จะถูกคนที่มีรากวิญญาณสีน้ำเงินฆ่าตาย ลัทธิบูชาไฟต่อให้เคร่งกฏเพียงใดก็มิอาจหักใจเสียสละอัจฉริยะระดับนี้ได้ลงคอ อย่างมากสุดก็เพียงลงโทษสถานหนักแต่ไม่เอาชีวิตเท่านั้น!!”

 

“เช่นนั้นกล่าวได้ว่า…ต่อให้กู่หลงฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งไปวันนี้ มันก็ไม่ถึงตายงั้นสิ?”

 

“จากทฤษฎีแล้วสมควรเป็นเช่นนั้น”

 

“ฮัยยา เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็เหมือนจะโชคร้ายเสียแล้ว”

 

 

เสียงกระซิบของเหล่าศิษย์โดยรอบแน่นอนว่าต้องดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนเป็นธรรมดา แน่นอนว่าย่อมทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปอยู่บ้าง

 

กล่าวให้ชัดคือต้วนหลิงเทียนกำลังตกตะลึง!

 

“เฮ่! พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้า…เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินจริงหรือ!?”

 

ขณะเดียวกัน สองตาต้วนหลิงเทียนก็หันไปจับจ้องมองถามกู่หลงด้วยความวาดหวังทันที!

 

หากตอนนี้มีใครพยายามสังเกตแววตาต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียดล่ะก็…

 

จะพบว่าตอนนี้ลึกลงไปในแววตาทั้งคู่ของต้วนหลิงเทียนตอนนี้ มันกำลังส่องประกายวับวาวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น!!

 

“ฮ่าๆๆๆ…ต้วนหลิงเทียนหนอต้วนหลิงเทียน พอได้รู้ว่าพี่ชายของข้ามีรากวิญญาณสีน้ำเงิน เจ้าก็รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้วหรือไร!?”

 

กู่หลงยังไม่ทันตอบคำอะไร เป็นกู่ชุนที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังร่า กล่าวเย้ยต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างสะใจยินดี

 

ขณะเดียวกันมันยังส่งเสียงถึงต้วนหลิงเทียนเป็นการส่วนตัว “ต้วนหลิงเทียนเอ๋ย! วันนี้ต่อให้พี่ชายข้าละเมิดกฏด้วยการฆ่าเจ้าทิ้งเสีย แต่ลัทธิบูชาไฟสมควรหลับตาข้างหนึ่งละเว้นโทษประหารเป็นกักขังทรมานสถานหนักแทน เพราะพี่ชายข้ามีรากวิญญาณสีน้ำเงิน!”

 

“อนิจจาโลกหล้าไร้ซึ่งโอสถรักษาอาการเสียใจ…หากเจ้าจะโทษก็จงโทษที่กล้าทำร้ายข้าเถอะ!!”

 

เสียงที่ส่งไปท้ายประโยคของกู่ชุน ยังแสดงถึงความยินดี ใบหน้าฉีกยิ้มร่ามากล้นไปด้วยความภาคภูมิใจ

 

อย่างไรก็ตามยิ้มร่าบนหน้ามันจำต้องชะงักค้างลงในเวลาไม่นาน เพราะมันพบว่าแต่ต้นจนจบหน้าต้วนหลิงเทียนกลับไม่แม้แต่จะเปลี่ยนสีอะไร กระทั่งไม่แม้แต่จะหันมองมาที่มันด้วยซ้ำ!

 

สองตาต้วนหลิงเทียนกลับจับจ้องมองไปยังลูกพี่ลูกน้องของมัน กู่หลง ไม่วางตา!!

 

‘รากวิญญาณสีน้ำเงินงั้นหรือ! ดี…ดีมาก! ให้มันได้ยังงี้สิ!!’

 

คงไม่มีใครเข้าใจอารมณ์ของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้แน่นอน เพราะตอนนี้เขาไม่ได้หวาดกลัวอะไร กลับกันเขารู้สึกตื่นเต้นยินดีจนถึงขีดสุด! เพราะกู่หลงกลับมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน!!

 

รากวิญญาณสีน้ำเงินเชียวนะ!

 

‘หากข้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินนั่นของมันได้ ต่อให้พลังจะสูญหายไปในกระบวนการกลืนกินกว่าครึ่ง อย่างน้อยๆรากวิญญาณของข้าก็ต้องสามารถเปลี่ยนเป็นสีเขียวทันทีแน่!!’

 

ไม่น่าแปลกใจเลย ที่ทำไมไฉนต้วนหลิงเทียนถึงมองกู่หลงด้วยสายตาไม่คล้ายมองผู้คนแต่กำลังมองชมสมบัติเช่นนี้!

 

ที่แท้ในใจเขากำลังคิดถึงเรื่องการกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงอยู่!

 

ตั้งแต่วินาทีที่กู่หลงตัดสินใจฆ่าเขาเพื่อกู่ชุน…เขากับมันก็ไม่มีวันอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อีก และความแค้นนี้คงไม่มีวันสิ้นสุด…เช่นนั้นการกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงย่อมไม่ทำให้เขารู้สึกผิด กลับกันยังกลายเป็นตื่นเต้นยินดีสุดแสน!!

 

‘ตอนนี้เจ้ากู่หลงอะไรนี่…พลังฝึกปรือสมควรอยู่แค่จุดสูงสุดของขอบเขตเซียนปฐพีงั้นสินะ…’

 

ตระหนักได้ถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ

 

หากเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นล่ะก็ เขายังสามารถฆ่าได้โดยใช้กระบี่นิลสวรรค์และพลังทั้งหมด…

 

หากแต่เป็นยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางขึ้นไปล่ะก็ ตอนนี้ต่อให้เขาลงมือด้วยพลังทั้งหมดใช้ออกด้วยทุกสิ่ง แต่เกรงว่าจะไม่อาจฆ่าอีกฝ่ายได้…

 

“เสี่ยวชุน ไฉนเจ้าต้องไปเปลืองน้ำลายเสวนากับมันด้วย”

 

กู่หลงกล่าวคำเย้ยหยันออกมา แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนยิ่งมายิ่งเย็นลงทุกขณะ “ต้วนหลิงเทียนถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่าเจ้าใช้กลวิธีอันใดถึงได้ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องชายข้าได้…แต่นั่นหาได้สำคัญอีกต่อไปไม่! วันนี้จะอย่างไรเจ้าก็ต้องตาย!!”

 

กล่าวจบคำ ร่างกู่หลงก็จี้กระบี่บึ่งทะยานเข้าหาต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วปานดอกศรทะลวงฟ้า!

 

หาได้เหมือนกับการลงมือด้วยรังสีกระบี่สะบั้นก่อนหน้านี้ไม่ เพราะยามนี้กู่หลงได้ลงมือจริงจัง อาคมเซียนนับร้อยในกระบี่เปิดใช้งานพร้อมเพรียง พาลให้ตัวกระบี่เผยประกายคมกล้าหาใดเปรียบ มวลพลังอันร้ายกาจผนึกฉาบไปจนตัวกระบี่ราวกับจะมีอำนาจแยกฟ้า!!

 

“อะไร! ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุน?”

 

และวาจานี้ของกู่หลงย่อมทำให้ศิษย์หลายคนตะลึงไม่น้อย

 

เพราะเท่าที่พวกมันทราบ

 

เรื่องพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่ชุนถูกทำลาย ไม่ใช่ว่าจะได้ข้อสรุปกันไปแล้วหรือว่าไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนที่เป็นผู้ลงมือ?

 

หนึ่งเดือนที่แล้วกู่ชุนก็พาหลี่อันมาหาความถึงหน้าบ้านต้วนหลิงเทียนเพื่อลงโทษต้วนหลิงเทียน ทว่าสุดท้ายความจริงก็ได้ถูกเปิดเผยจนกระจ่างว่าเป็นการคิดใส่ความ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด