War sovereign Soaring The Heavens 1932

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1932 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,932 : ทะเลาะ!

 

ผู้ที่เปิดประตูเรือนชั้นรองแล้วเดินออกมานั้น เป็นชายวัยกลางคนร่างสูงใหญ่เนื้อตัวบึกบึนคนหนึ่ง หากแต่ดูจากลักษณะหน้าตาทั้งท่าทางของมันแล้ว ก็บอกให้รู้ว่าท่าทางจะไม่ใช่คนอารมณ์ดีอะไร…

 

“นั่นมันศิษย์พี่จางจี้นี่นา!”

 

“เอาแล้วไง! ศิษย์พี่จางจี้ถือเป็นชนชั้นยอดฝีมือเซียนนภาขั้นต้นคนหนึ่ง…ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนคิดจะท้าประลองกับศิษย์พี่จางจี้แล้วชิงเรือนชั้นรองหลังนั้นจริงๆหรือ?”

 

“คงไม่หรอก…”

 

 

เมื่อชายวัยกลางคนดังกล่าวก้าวออกมาจากบ้าน ต้วนหลิงเทียนที่คิดจะอ้าปากกล่าวท้า หากแต่ไม่ทันได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงของเหล่าศิษย์จากเบื้องล่างเสียก่อน

 

‘เซียนนภาขั้นต้นงั้นเหรอ?’

 

และสองตาของต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับลุกวาวขึ้นมาทันใด เมื่อได้ยินคำกล่าวเหล่านั้น!

 

ตอนแรกเขายังกังวลอยู่พอดีว่าจะดวงซวยเจอคนขอบเขตเซียนนภาขั้นกลางหรือไม่…

 

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะคิดมากเกินไป!

 

เขาพึ่งมาถึงและลอยร่างกลางหาวรอคอยไม่ทันไร ศิษย์คนแรกที่ออกจากเรือนชั้นรองก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นแล้ว!!

 

ตอนนี้เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเขตบ้านชั้น 3 ที่เห็นเหตุการณ์ก็ตระหนักได้ว่าต้วนหลิงเทียนสมควรมาชิงที่พักแล้วมิผิดแน่ พวกมันจึงเร่งเหินร่างขึ้นไปเบื้องบนทันที!

 

และแน่นอนว่าเสียงกระซิบกล่าวของเหล่าศิษย์ไม่เพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ได้ยิน จางจี้ก็ได้ยินเช่นกัน

 

“อะไร? คิดชิงเรือนชั้นรองที่ข้าพักอยู่งั้นเรอะ?”

 

หน้าจางจี้จมลงทันใดเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ลูกตายังฉายประกายเยียบเย็นดุร้าย!

 

จากนั้นมันก็กลอกตาไปหยุดยังร่างต้วนหลิงเทียนที่อยู่ไม่ไกล พร้อมกล่าวออกมาเสียงเย็นทันที “เจ้าที่เรียกว่าต้วนหลิงเทียนน่ะ คิดชิงที่พักของข้างั้นหรือ?”

 

เพราะตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาจางจี้ปิดด่านบ่มเพาะอยู่ จึงไม่ได้ยินเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน

 

เช่นนั้นมันจึงไม่ทราบว่าในแท่นบูชาเต่าทมิฬมีคนอย่างต้วนหลิงเทียนดำรงอยู่ กระทั่งไม่ทราบว่าตอนนี้ในแท่นบูชาเต่าทมิฬต้วนหลิงเทียนเป็นคนดัง!

 

“ฮ่าๆๆๆ…”

 

ต้วนหลิงเทียนยังไม่มีเวลาได้ตอบคำอะไร พลันมีเสียงหัวเราะหนึ่งดังมาแต่ไกล

 

“อะไรกันจางจี้ นี่เจ้ามัวไปอยู่ที่ใดมา? กระทั่งเรื่องราวลือนามของศิษย์น้องต้วนหลิงเทียนคนนี้ที่ดังไปทั่วแท่นบูชาเต่าทมิฬเราแล้ว เจ้าก็ยังมิรู้จักอีก?”

 

ห่างออกไปไม่ไกล พลันมีร่างชายอีกคนเหินเข้ามาด้วยสีหน้าสนุกสนาน เป็นคนผู้นี้เองที่หัวเราะดังร่า กระทั่งแววตาที่ใช้มองจางจี้ยามนี้ยังแปลกๆราวมองชมตัวประหลาด

 

“นั่นศิษย์พี่เจียงชูนี่นา!”

 

“ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่เจียงชูกับศิษย์พี่จางจี้นั้นเขม่นไม่ค่อยกินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…”

 

“ตอนนี้ศิษย์พี่เจียงชูมาอีกคน ไม่รู้เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ ใช่จะมีมวยรุ่นใหญ่ให้ชมแทนหรือไม่?”

 

“ข้าได้ยินมาว่าพลังฝีมือของศิษย์พี่เจียงชูนั้นเหนือกว่าศิษย์พี่จางจี้…เพราะตอนนี้ศิษย์พี่เจียงชูขาดแค่ครึ่งก้าวก็จักบรรลุเซียนนภาขั้นกลางแล้ว!”

 

 

ในขณะเดียวกันกับที่ชายผู้มาใหม่ปรากฏตัว เหล่าศิษย์หลายคนก็จดจำมันได้ จึงเปิดเผยรายละเอียดของมันทั้งพลังฝึกปรือให้ได้ทราบกัน

 

เจียงชูนั้นแลดูเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีมากอัธยาศัย เรียกว่าชายหนุ่มหน้าหยกก็ไม่เกินเลย ผมยาวดำขลับของมันถูกม้วนมัดไว้เป็นปมกลางศีรษะแลดูเรียบๆร้อยๆนัก

 

แถมแววตาแลท่าทีของมันยังดูเป็นมิตรให้ความรู้สึกอบอุ่น…หากแต่ตอนนี้ก็แลดูแปลกๆอยู่บ้าง

 

เพราะตอนนี้คนกำลังมองจางจี้ด้วยสีหน้าแววตาเย้ยหยัน!!

 

จางจี้นั้นรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนร่างใหญ่ ให้ความรู้สึกเสมือนหอคอย

 

และพอมันได้ยินน้ำเสียงเย้ยหยันจากเจียงชู จางจี้ก็ของขึ้นทันที “ฮึ่ม! เจียงชูถึงแม้ข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อต้วนหลิงเทียนมาก่อนแล้วยังไง? อย่างไรก็ตามวันนี้มิว่าผู้ใดคิดแย่งชิงบ้านของข้า จางจี้ มันผู้นั้นต้องหลั่งเลือดชดใช้!!”

 

กล่าวตะคอกใส่เจียงชูจบคำ จางจี้ก็หันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง ปานจะกินเลือดกินเนื้อผู้คน

 

“ไอ้หนูหากเจ้ายังอยากอยู่ดีมีสุข คงเป็นการดีเสียกว่าที่จะไม่คิดชิงบ้านข้าจางจี้…หาไม่แล้วข้าจะทุบตีเจ้า! กระทั่งยังจะทุบตีเจ้าให้ยับถึงขั้นบิดามารดาเจ้ายังจดจำไม่ได้!!”

 

วาจาจางจี้ไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อย กระทั่งยังขู่ข่มต้วนหลิงเทียนออกมา

 

ขณะเดียวกันตอนนี้เจียงชูก็นิ่งไปไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ

 

ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมแท่นบูชาเต่าทมิฬ มันเองก็ได้ยินเรื่องของศิษย์น้องคนนี้เช่นกัน

 

และเมื่อ 10 วันที่แล้วมันเองก็ได้เห็นการต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียนกับกู่หลง อันที่จริงตัวมันเองยังอดทึ่งเสียไม่ได้เมื่อเห็นพลังฝีมือต้วนหลิงเทียน

 

อย่างไรก็ตามมันก็ตระหนักถึงพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนชัดเจนดี ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจไม่เบา แต่ก็ยังมีขีดจำกัดอยู่เพียงขอบเขตเซียนปฐพีเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นจะฟัดกับเซียนนภาอะไรได้…

 

มันไม่คิดจริงๆว่า 10 วันต่อมาจะเกิดฉากไม่คาดฝันเช่นนี้…

 

ต้วนหลิงเทียนคิดชิงเรือนชั้นรอง!

 

‘ดูเหมือนในระยะเวลา 10 วันที่ผ่าน ศิษย์น้องแซ่ต้วนคนนี้สมควรมีความก้าวหน้าอันใด…หาไม่แล้วคงไม่คิดมาชิง เรือนชั้นรองที่ไม่สมตัวแบบนี้ได้! ไม่ทราบที่แท้ตอนนี้พลังฝีมือจะสูงขึ้นเพียงใด…ช่างทำให้ผู้คนอยากรู้จริงๆ!’

 

เจียงชูลอบกล่าวในใจขณะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาคาดหวัง

 

ถึงแม้มันจะไม่ได้สนิทสนมกับต้วนหลิงเทียนเป็นการส่วนตัว แต่มันก็พอตระหนักได้เรื่องหนึ่ง…

 

ศิษย์น้องนาม ต้วนหลิงเทียน คนนี้ มิใช่คนหุนหันพลันแล่น!

 

ตั้งแต่ที่อีกฝ่ายกล้ามาท้าชิงเรือนชั้นรองแบบนี้ หมายความว่าย่อมมีความมั่นใจ!

 

“จะทุบตีข้าให้ยับถึงขั้นบิดามารดาข้าจำไม่ได้?”

 

ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินคำดุร้ายของจางจี้ หลังจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะทั้งกล่าวเย้ยออกมา “เจ้ามั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองขนาดนี้เชียว?”

 

“เฮอะ! ไอหนู! สีหน้าระรื่นของเจ้านับว่าขัดหูขัดตาข้านัก! บัดนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว!!”

 

เมื่อเห็นรอยยิ้มเยาะบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน หน้าจางจี้พลันจมลงอีกครั้ง กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “วันนี้หากเจ้าไม่คลานลอดหว่างขาข้าแล้วฟุบก้มลงไปเห่าดังๆ 3 ครั้งล่ะก็…”

 

“ต่อให้เจ้าไม่คิดช่วงชิงที่พักของข้าอีกแล้ว แต่วันนี้ข้าจางจี้ก็ไม่คิดจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆ! แน่นอนว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้าหรือทำร้ายเจ้าจนพิการ แต่ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่สุดในโลกหล้า จนเจ้าต้องร้องขอความตาย!!”

 

วาจาเสียงเหี้ยมท้ายประโยคยามกล่าว แววตาจ้าวจี้ยังทอประกายอำมหิตขึ้นมา

 

จ้างจี้แต่เดิมก็อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว

 

พอโดนเจียงชูเย้ยเยาะใจก็เริ่มเดือดดาลขึ้นมาแต่แรก

 

ตอนนี้พอมามีต้วนหลิงเทียนชักหน้าเย้ยเยาะมันอีกคน ก็ดั่งชนวนโทสะในใจถูกจุด!

 

รวมถึงเรื่องที่ตอนนี้มีศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬชมดูอยู่มากมาย มันจึงไม่อาจเสียหน้าอะไรได้! ยังกลายเป็นห้าวและดุร้ายกว่าเดิมหลายส่วน!!

 

“จางจี้ เจ้าอย่าให้มันมากเกินไปนัก!”

 

เจียงชูขมวดคิ้วขึ้นมา ด้วยรู้สึกทนไม่ได้กับความรุนแรงของจางจี้!

 

“เจียงชู เจ้าอย่าได้คิดสอดมือ! เรื่องนี้มันเป็นธุระของเจ้าหรือก็มิใช่! วันนี้ข้าคร้านจะสู้กับเจ้า!!”

 

ได้ยินคำเตือนของเจียงชู สีหน้าจางจี้กลายเป็นดุร้ายขึ้นมา หลังตะคอกคำใส่เจียงชูไปอีกครั้งมันก็เลิกแยแสเจียงชู และหันมาถลึงตามองต้วนหลิงเทียนแทน

 

“เจ้า…!”

 

เมื่อโดนอีกฝ่ายตะคอกคำทั้งเมินใส่สีหน้าเจียงชูเองก็แปรเปลี่ยนไป ชุดคลุมยังเริ่มกระพือไหว ไอพลังร้ายกาจขุมหนึ่งเริ่มแผ่ซ่านออกมาคล้ายเตรียมพร้อมลงมือ!

 

แต่ในขณะที่เจียงชูกำลังจะลงมือนั้นเอง เสียงของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นหยุดมันเอาไว้เสียก่อน “ศิษย์พี่เจียงชู น้ำใจของท่านที่คิดช่วยเหลือข้ารู้สึกขอบคุณมาก แต่ข้าขอรับมันไว้ดว้ยใจก็พอ…และข้ารู้ว่าท่านเองก็มีความบาดหมางกับจางจี้มาก่อนจึงคิดจะลงมือ…แต่ตอนนี้ให้ข้าจัดการเองได้หรือไม่?”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเจียงชู พร้อมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงสงบ

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงทีท่าสงบทั้งเห็นแววตากระจ่างใสไร้กริ่งเกรงของต้วนหลิงเทียน อารมณ์ที่เริ่มเดือดขึ้นมาของเจียงชูก็สงบลงทันที สุดท้ายจึงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ได้! เช่นนั้นข้าจะให้ศิษย์น้องต้วนจัดการเรื่องนี้เอง”

 

หลังเจียงชูกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มจบ มันก็หันไปมองจ้องจางจี้ด้วยสายตาเยียบเย็นดั่งคมมีดต่อ

 

“เจ้าจางจี้สินะ?”

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนละสายตาจากเจียงชูมามองจางจี้ แววตาที่เคยสงบก็ไม่หลงเหลือสืบไป กลับกลายเป็นมีความเย็นชาออกเข้ามาแทนที่ “ถึงข้าคิดจะท้าทายชิงบ้านของเจ้า แต่นี่ก็เป็นไปตามกฏของแท่นบูชาเต่าทมิฬทุกอย่าง…”

 

“ข้าคิดท้าทายตามกฏมิได้มีเรื่องราวบาดหมางอะไรกับเจ้าแท้ๆ แต่เจ้ากลับคิดอำมหิตหมายลงมือกับข้าแบบนั้น กระทั่งยังจะทำร้ายข้าจนร้องเรียกหาความตาย…เจ้าไม่คิดว่าจะทำเกินไปหน่อยรึไง?”

 

วาจาท้ายประโยคของต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งเย็นลงจนคล้ายจะผุดแทรกออกจากหล่มน้ำแข็ง พาลให้บรรยากาศโดยรอบลดต่ำลงหลายองศาทันใด

 

ก่อนหน้าเมื่อโดนอริเก่าอย่างเจียงชู ทั้งหน้าใหม่อย่างต้วนหลิงเทียนเย้ยเยาะมันก็อารมณ์ไม่ดีเป็นทุน

 

ตอนนี้พอมาได้ยินต้วนหลิงเทียนตั้งคำถาม ไฟโทสะในใจจึงปะทุออกทันที “ข้าไม่สนว่าเจ้าจะทำตามกฏบัดซบอะไร! ข้าจางจี้พอใจจะทำอะไรข้าก็จะกระทำเช่นนั้น!!”

 

“ในเมื่อเจ้าถือดีกล้ามาท้าทายข้า เช่นนั้นวันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้ยับเอาให้เจ้าอับอายขายหน้า! ให้ทุกคนมันรู้กันไปว่าข้าจางจี้ไม่ใช่อะไรที่ใครหน้าไหนในแท่นบูชาเต่าทมิฬจะมาแหยมได้!!”

 

“แต่ข้าจักให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง…รีบมาคลานลอดหวางขาข้าแล้วเห่าดัง 3 ครั้งเสีย! หาไม่แล้ววันนี้จะอย่างไรแม้เจ้าจะไม่คิดท้าทายชิงบ้านข้าต่อ ข้าก็ไม่คิดปล่อยเจ้าไป! ข้างยังยืนยันว่าจะทุบตีเจ้าให้เจ้าทรมานจนต้องร้องขอความตาย!!”

 

จางจี้กล่าวย้ำคำด้วยน้ำเสียงดุร้ายอำมหิต แววตายังเยียบเย็นแหลมคมปานมีดดาบ!

 

หากสายตาฆ่าคนได้ล่ะก็ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะถูกจางจี้ฆ่าตายไปกี่รอบแล้ว

 

“เจ้าจะทำตามใจก็ช่างจะไม่ทำตามกฏก็ดี…แต่หากเจ้าจางจี้อยากให้ข้าทรมานจนร้องขอความตาย สุดท้ายก็ยังต้องดู…ว่าเจ้ามีปัญญาสามารถหรือไม่!”

 

เผชิญหน้ากับวาจายั่วยุซ้ำเดิมของจ้างจี้ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกด้วยเสียงเย็น แววตาที่ใช้มองจางจี้ยังเฉยเมยปานมองคนตาย

 

“โฮ่? ข้ากล่าวไปถึงขนาดนี้สุดท้ายเจ้าก็ยังคงคิดท้าทายข้า?”

 

จางจี้แสยะยิ้มเปี่ยมโทสะ เมื่อได้ยินวาจาไร้ครั่นคร้ามของต้วนหลิงเทียน “เช่นนั้นก็ประเสริฐ! ความกล้าของเจ้าช่างน่ายกย่องนัก! ในเมื่อเจ้าสละโอกาสสุดท้ายในการคลานเยี่ยงสุนัขลอดหว่างขาข้า เช่นนั้นก็อย่าได้คิดร่ำร้องวิงวอนอันใดเสียเล่า! และอย่าได้โทษข้าจางจี้ว่าไร้เมตตา!!”

 

ทันทีที่วาจานี้ดังจบคำ ชุดคลุมของจางจี้ก็ลุกโหมขึ้นมา มวลพลังขุมหนึ่งแผ่พุ่งออกทั่วกายมองไปคล้ายเพลิงไฟกองหนึ่ง ยังมีปราณมารดำทะมึนฟุ้งตลบอบอวลเผยให้รู้กันชัดเจนว่า ที่แท้มันคือผู้ฝึกมารขอบเขตเซียนภาขั้นต้น!

 

ส่วนอีกด้านนั้นต้วนหลิงเทียนยังคงสงบ แต่หากสังเกตให้ดีจะรู้ว่านี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า แม้นอกกายไร้เคลื่อนไหว หากแต่ในกายมวลพลังเซียนสุริยันมหาศาลพาลโคจรพุ่งพล่านไปทั่วชีพจรเซียนทั้ง 99 สายคล้ายน้ำหลากเตรียมพร้อมปะทุปลดปล่อยออกทุกเมื่อ!!

 

“นี่มันอะไรกัน! ไฉนไม่ทันไรเรื่องราวกลับกลายเป็นร้ายแรง ทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้นนี้แล้วเล่า?”

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่อยู่ในเหตุการณ์รู้สึกติดตามเรื่องราวไม่ทันอยู่บ้าง

 

พวกมันเห็นเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ต้วนหลิงเทียนกับจางจี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ ไฉนอยู่ดีๆความบาดหมางระดับนี้ถึงเกิดขึ้นได้ในเวลาไม่กี่สิบลมหายใจเล่า!!

 

“เหอะๆ อารมณ์ของศิษย์พี่จางยังคงดุร้ายไม่เคยเปลี่ยน…”

 

“นั่นสิ ข้าเองก็ได้ยินมาไม่น้อยว่าศิษย์พี่จางจี้อารมณ์ร้อนดั่งเพลิงไฟ…คราวนี้ท่าทางต้วนหลิงเทียนจะต้องเจ็บตัวหนักแน่!”

 

“ฮึ่ม! ข้าจะคอยดูศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนพลิกกระดานอีกครั้ง จนสามารถเอาชนะศิษย์พี่จางจี้ได้! ข้าจะเฝ้าชมช่วงเวลานั้นของศิษย์พี่ต้วน!!”

 

ศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬบางคนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น

 

ในวาจายังคล้ายแฝงเร้นไปด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม

 

“ข้าว่าเจ้าตื่นจากฝันเถอะ! ถึงพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจ…แต่ก็ยังไม่ร้ายกาจพอจะทัดเทียมศิษย์พี่จางจี้ได้…วันนี้มันถูกลิขิตให้แพ้พ่ายศิษย์พี่จางจี้แล้วล่ะ!”

 

“มิผิด ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนคงมีโทสะขึ้นมาแล้วเช่นกัน กระทั่งตัดสินใจสู้ไปโดยไม่ยั้งคิด…หากสงบอารมณ์ลงได้ คงไม่คิดสู้ต่อแบบนี้หรอก”

 

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเป็นคู่ต่อสู้ของจางจี้ได้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด