War sovereign Soaring The Heavens 1951

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1951 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,951 : ‘กฎที่ไม่ได้พูด’ ของลัทธิบูชาไฟ!

 

ในที่สุด เวลา 10 ลมหายใจก็ได้ผ่านพ้นไป…

 

ลูกแก้ววิญญาณทั้งสองในมือของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเปล่งประกายสีน้ำเงินออกมาเจิดจ้า คล้ายจะบอกอะไรกับผู้คนรอบๆ…

 

“เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินจริงๆ!!”

 

ลูกตาของหวู่ยี่หดหยีลงทันใด

 

ก่อนหน้านี้มันไม่เชื่อว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนจะเป็น ‘รากวิญญาณสีน้ำเงิน’ ไปได้!

 

เนื่องเพราะมันเองก็ได้ยินข่าวเรื่องราวจากแท่นบูชาเต่าทมิฬมาบ้าง รวมถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคนนี้เป็นผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณเพียงสีเหลืองเท่านั้น!

 

อย่าไรก็ตาม ฉากเรื่องราวตรงหน้าต่อให้มันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ!

 

“รากวิญญาณสีน้ำเงิน!”

 

กัวฉงเองก็เสียอาการไปไม่น้อยเมื่อได้เห็นแสงน้ำเงินสว่างส่องสาดออกมาจากลูกแก้ววิญญาณทั้ง 2 ลูกในมือต้วนหลิงเทียน

 

หลังจากมันตะลึง ในใจก็ลอบด่าทอผู้อาวุโสในแท่นบูชาเต่าทมิฬที่ทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน ในวันประเมินรับศิษย์อยู่หลายคำ เจ้าพวกนั้นมันไปทดสอบอีท่าไหนกัน! ถึงได้ตรวจสอบอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินเป็นคนธรรมดาที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองไปได้!?!

 

นี่ไม่ใช่แค่การทำร้ายอัจฉริยะให้ไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างแรง! ยังผลักไสให้อัจฉริยะเช่นนี้บังเกิดจิตต่อต้านลัทธิบูชาไฟแล้ว!!

 

“ต้วนหลิงเทียน…ไฉนเจ้าไม่ยกน้ำชาคารวะข้าเป็นอาจารย์ แล้วมาอยู่กับข้าที่แท่นบูชานกไฟเสียเลยเล่า?”

 

ลูกตาหวู่ยี่ยามมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง บัดนี้กลับเผยประกายวับวาวปิ๊งปั๊ง ไขมันบนหน้าที่เคยเกร็งเพราะถมึงทึงกลับอ่อนยวบแลดูผ่อนคลาย รอยยิ้มยังฉีกกว้างจนตาเล็กๆนั่นแทบปิด…

 

ตอนนี้คล้ายมันจะลืมเลือนความไม่พอใจต้วนหลิงเทียนก่อนหน้านี้ไปหมดสิ้น!

 

และทันทีที่มันอ้าปากกล่าวคำอีกครั้ง วาจาแรกที่กล่าวก็คิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ทันที!!

 

อัจฉริยะมากพรสวรรค์ ที่เป็นผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินแบบนี้ เป็นอะไรที่ผู้อาวุโสเพลิงเงินในลัทธิบูชาไฟกระเหี้ยนกระหือรืออยากรับตัวมาเป็นศิษย์กันนัก!

 

หวู่ยี่ที่แม้จะเป็นถึงอาวุโสคุมกฏของแท่นบูชานกไฟ ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!

 

“อยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬมิมีอันใดดีกับเจ้าเลย…หลี่อันน่าตายนั่นไม่พ้นตามรังควาญเจ้าไม่หยุดหย่อนแน่ เจ้าคงลำบากหาทางป้องกันตัวมิใช่น้อย! เช่นนั้นตราบใดที่เจ้าเต็มใจคารวะข้าเป็นอาจารย์ ข้าในฐานะอาจารย์จะไปกล่าวเรื่องนี้กับจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬ เพื่อย้ายตัวเจ้าจากแท่นบูชาเต่าทมิฬมาอยู่ที่นี่ทันที!!”

 

ประโยคนี้ขณะที่กล่าว น้ำเสียงของหวู่ยี่ยังคล้ายจะรีบร้อนไม่น้อย!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกระอักกระอ่วน และกำลังจะปฏิเสธนั้นเอง

 

“ผายลม!!”

 

กัวฉงหันไปมองหวู่ยี่พร้อมตะคอกคำสบถก่อนใดอื่น “ต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะของแท่นบูชาเต่าทมิฬข้า! เจ้าหวู่ยี่คิดขุดกำแพงลักพาตัวคนต่อหน้าข้ากัวฉงจริงๆ? หรือเจ้าคิดว่าข้าคนนี้ตายแล้ว?”

 

“กัวฉง เจ้ากล่าวเช่นนั้นก็เกินไป…”

 

หวู่ยี่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินกัวฉงกล่าวว่าออกมาโต้งๆ “ตอนนี้ยังมีผู้ใดในแท่นบูชาจตุรลักษณ์มิรู้สถานการณ์ของต้วนหลิงเทียนในแท่นบูชาเต่าทมิฬบ้าง?”

 

“เจ้าให้ต้วนหลิงเทียนรั้งอยู่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬยังต่างอะไรจากให้ต้วนหลิงเทียนรอวันตาย อยู่ที่นั่นหลี่อันมันย่อมหาโอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ตลอดเวลา…หรือเจ้ายังไม่รู้ว่าหลี่อันมันเป็นตัวเหี้ยมโหดเพียงใด เพื่อบรรลุเป้าหมายมันยังจะสนวิธีการอยู่หรือ?”

 

“แถมก่อนหน้านี้ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนก็เป็นเพียงศิษย์ดาษดื่นที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเหลืองเท่านั้น มันจึงไม่รีบร้อนจะจัดการอะไร แต่หากมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินล่ะก็…มันย่อมคิดจัดการต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจังทั้งเร่งมือกระทำแน่!!”

 

นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่หวู่ยี่เลือกจะเปิดกางเขตแดนเปลวเพลิงของมันออกมาเพื่อปิดกั้นสายตาของผู้คน…

 

เพราะหากต้วนหลิงเทียนกล่าวความจริง และพวกมันดันปล่อยให้หลี่อันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ที่แท้เป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินจริงๆล่ะก็…มันหวาดกลัวว่าหลี่อันจะหาทางฆ่าอัจฉริยะยุทธ์คนนี้ตั้งแต่ในเปล!

 

“เช่นนั้นข้าคิดว่าการให้ต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่แท่นบูชานกไฟของข้าย่อมเป็นการดีที่สุด…อยู่แท่นบูชาเต่าทมิฬของเจ้าต่อนับว่าอันตรายเกินไป! ไม่นานหลี่อันย่อมล่วงรู้เรื่องนี้แน่ เจ้างเองมิใช่จะไม่รู้ว่า ‘หอกเปิดเผยง่ายป้องกัน เกาทัณฑ์เร้นลับยากหลีกหลบ!’”

 

หวู่ยี่กล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

ได้ยินคำกล่าวของหวู่ยี่ สีหน้าของกัวฉงก็มืดคล้ำดำลงถนัดตา…แต่ที่อีกฝ่ายว่ามาก็เป็นความจริง!

 

“อาวุโสกัวฉง ข้ามิใช่ไม่รู้ว่าตอนนี้ในใจท่านก็คิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์ด้วย แต่เหตุผลที่ท่านมิกล่าวออกมานั้น…เพราะท่านเองก็รู้ความจริงเรื่องนี้ดี ว่าตัวท่านมิอาจปกป้องต้วนหลิงเทียนจากหลี่อันได้! เช่นนั้นไยไม่ปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนมาแท่นบูชานกไฟของข้าเล่า? เจ้าหลี่อันน่าตายนั่น ย่อมไม่กล้ามาซุกซนที่แท่นบูชานกไฟของข้า!!”

 

หวู่ยี่ยังคงกล่าวโน้มน้าวออกมา

 

“ฮึ่ม!”

 

กัวฉงสบถคำออกมาเสียงเย็น “ถึงแม้ข้าจักรู้ตัวดีว่าข้าไม่อาจดูแลต้วนหลิงเทียนให้ดีได้ในแท่นบูชาเต่าทมิฬ…แต่ในแท่นบูชาเต่าทมิฬของข้า…ก็ไม่ใช่ว่าจะสิ้นไร้คนที่สามารถดูแลต้วนหลิงเทียนให้ดีได้!”

 

“เจ้า…”

 

ได้ยินคำของกัวฉงลูกตาของหวู่ยี่พลันหรี่เล็กลงทันใด กล่าวถามออกมาด้วยความตื่นกลัว “เจ้าคิดแนะนำต้วนหลิงเทียนให้กับจ้าวแท่นบูชาเต่าทมิฬของเจ้าหรือ?”

 

“มิผิด!”

 

กัวฉงพยักหน้า

 

“อาวุโสกัวฉง…”

 

หวู่ยี่ย่อมเป็นกังวลไม่น้อยเมื่อเห็นการพยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะของกัวฉง มันไม่ต้องการให้เป็ดที่ปรุงสุกแล้วบินหนีไปที่ใด จึงเร่งกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเว้าวอน “ท่านก็เห็นว่าข้าเองก็อายุไม่น้อยแล้ว หากแต่ข้ายังมิมีศิษย์ดีๆให้ถ่ายทอดทุกสิ่งเลย…ทุกคืนวันข้าล้วนกินไม่ค่อยได้นอนไม่ค่อยหลับ…”

 

“หากท่านยินดียกต้วนหลิงเทียนให้ข้า…ข้าหวู่ยี่จะจดจำบุญคุณครั้งนี้ของอาวุโสกัวฉงไปชั่วชีวิต!!”

 

ต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองคนสองคนกล่าวคำกันตาปริบๆ…โดยเฉพาะหวู่ยี่คนนี้ แต่ต้นจนจบดูเหมือนมันจะไม่เคยถามความเห็นของเขาเลยสักคำไม่ใช่รึไง?

 

กัวฉงที่โดนหวู่ยี่รบเร้าไม่เลิก พอมาได้ยินวาจาเหลวไหลเพราะคิดแย่งตัวต้วนหลิงเทียนรอบนี้ก็ถึงกับตบะแตก ใจคิดจะสวนกลับไปดังๆ ‘กินไม่ได้นอนไม่หลับบ้านเจ้า ตัวกลมอ้วนตั้บเช่นนี้! เจ้ากินไม่ได้ผู้ใดในโลกยังเรียกว่ากินได้!!’ ทว่าพอหันไปเห็นทีท่าของต้วนหลิงเทียน สองตาของมันคล้ายสังเกตเห็นบางอย่างจึงลุกวาวขึ้นมาทันที เร่งกล่าวออกมาว่า “อาวุโสหวู่ยี่…เรื่องนี้ใช่เรื่องที่ท่านต้องกล่าวถามข้าด้วยหรือ ไยไม่ถามไถ่ต้วนหลิงเทียนเจ้าตัวดูก่อนเล่า?”

 

“หากต้วนหลิงเทียนไม่คิดอยู่ที่แท่นบูชานกไฟแห่งนี้ล่ะ? หรือท่านคิดจะจับคนมัดไว้หรือไร! ในความเห็นข้าจักเป็นการดีที่สุดที่พวกเราจะถามความเห็นของเจ้าตัว มิใช่ท่านมาโน้มน้าวเกลี้ยกล่อมข้าด้วยเรื่องเหลวไหลพรรค์นั้น…”

 

กัวฉงกล่าวออกและโบ้ย ‘ปัญหา’ ทั้งหมดไปให้ต้วนหลิงเทียน…

 

เมื่อเห็นว่าหวู่ยี่หันขวับมามองเขาทันที ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกไปด้วยสีหน้าขอโทษ “อาวุโสหวู่ยี่ข้าขออภัยด้วย…น้ำใจคิดช่วยเหลือนี้ของท่านข้าได้แต่รับไว้ด้วยใจแล้ว…แต่ข้ายังอยากอยู่ที่แท่นบูชาเต่าทมิฬต่อ”

 

“ทั้งหมดเพราะข้าต้องการตีความเวทย์พลังป้องกันปราการเต่าทมิฬให้สำเร็จ!”

 

ตอนนี้เวทย์พลังขั้นสูงสายที่เขาขาด ก็มีเพียงเวทย์พลังสายป้องกันเท่านั้น

 

และปราการเต่าทมิฬเองก็เป็นเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ และยังได้ชื่อว่าเป็นเวทย์พลังสายป้องกันที่ยอดเยี่ยมที่สุด! เช่นนั้นก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นเวทย์พลังที่เหมาะกับเขาอย่างยิ่ง!!

 

“ข้าเกือบลืมไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนเจ้านับว่าไหวพริบปฏิภาณสูงส่งนัก! ถึงขั้นเข้าใจเวทย์พลังขั้นสูงถึง 3 สายแล้ว!!”

 

ได้ยินคำกล่าวปฏิเสธของต้วนหลิงเทียน กัวฉงก็ไม่รอให้หวู่ยี่คิดโน้มน้าวอะไรอีก รีบชิงกล่าวดักคอออกมาก่อนทันที!

 

หลังจากนั้นกัวฉงก็หันไปมองกล่าวกับหวู่ยี่ด้วยรอยยิ้มว่า “อาวุโสหวู่ยี่ หากข้ามองมิผิดไม่ใช่ว่าเวทย์พลังเสริมท่าร่างของแท่นบูชานกไฟท่าน…ยังคล้ายจะอ่อนด้อยกว่าเวทย์พลังเสริมท่าร่างของต้วนหลิงเทียนอยู่ไม่น้อยมิใช่หรือไร? ท่านอยากให้ต้วนหลิงเทียนอยู่แท่นบูชานกไฟท่าน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจักมิอยากอยู่นะ!”

 

ได้ยินวาจานี้ของกัวฉง สีหน้าอ้วนกลมของหวู่ยี่พลันชะงักค้างไปทันใด หันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง พอเห็นรอยยิ้มฝืนๆของต้วนหลิงเทียนสีหน้ามันก็เปลี่ยนไปเป็นสลดลงทันที

 

“ช่างเถอะ…”

 

สุดท้ายหวู่ยี่ก็ได้แต่โบกมือปัดไปมาพร้อมหลับตากล่าวออกอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกลมคล้ายจะห่อเหี่ยวลงถนัดตา คนยังเหมือนจะชราลงกว่าสิบปี!

 

“อาวุโสหวู่ยี่ ตอนนี้ที่พวกเราต้องกระทำก็คือแก้ไขปัญหาของต้วนหลิงเทียนก่อน..”

 

ทันใดนั้นกัวฉงพลันมองไปที่หวู่ยี่พร้อมกล่าวออกด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง

 

หวู่ยี่เมื่อได้ยิน อาการสลดพลันหายไป คนกลับมาขึงขังจริงจังอีกครั้ง “ต้วนหลิงเทียนเมื่อมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน…เช่นนั้นตามกฏที่มิได้กล่าวไว้ของลัทธิบูชาไฟเรา ความผิดนี้ยังถือว่ามิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร”

 

“ไม่ใหญ่โตก็เรื่องหนึ่ง! ทว่าการลงโทษตามเรื่องราวก็ยังต้องกระทำ…หาไม่แล้วก็ยากที่จะโน้มน้าวใจผู้คนให้เคารพกฏได้”

 

หวู่ยี่กับกัวฉงหันมองส่งสายตากันพักหนึ่ง ก็คล้ายจะเห็นพ้องต้องกันว่าควรจัดการเรื่องราวอย่างไร

 

“กฏที่ไม่ได้พูดไว้…”

 

ได้ยินคำของหวู่ยี่ มุมปากต้วนหลิงเทียนพลันกระตุกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

 

แม้เขาจะพอคาดไว้แล้วว่าหลังจากที่เปิดเผยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินออกไป ต่อให้ฆ่าพี่น้องสกุลหยวนนั่นทิ้ง แต่ลัทธิบูชาไฟที่ต้องการอัจฉริยะคล้ายคนกระหายน้ำ ก็ไม่คิดจะลงโทษเขาถึงตายเพราะกฏลอยๆบางอย่าง…

 

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เขาไม่ทราบเลยว่ากฏลอยที่เขาคิดไว้กลับมีอยู่จริง และถูกเรียกหาว่า ‘กฏที่ไม่ได้พูดไว้’ ของลัทธิบูชาไฟ!

 

ด้านนอกเขตแดนเปลวเพลิง

 

ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ ในใจของหลี่อันยิ่งมีความกังวลมากขึ้นเท่านั้น ใบหน้าของมันยังเริ่มบิดเบี้ยวอัปลักษณ์มากขึ้นทุกที…ผิดท่าแล้ว!!

 

“เกิดอะไรขึ้นกัน นี่ด้านในยังไม่จบเรื่องจบราวกันอีกรึไร?”

 

“ตอนนี้ข้ารู้สึกทะแม่งๆขึ้นมาแล้วสิ…ไฉนเพียงฆ่าต้วนหลิงเทียนแค่คนเดียว ทว่าอาวุโสทั้ง 2 ถึงได้ลงมือเชื่องช้าถึงขนาดนี้?”

 

“หรือเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอันใดขึ้น?”

 

“เหตุเปลี่ยนแปลง? ยังจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอันใด?”

 

……

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟหลายต่อหลายคนรู้สึกว่าเรื่องราวคล้ายมีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่พวกมันก็บอกให้ชัดไม่ได้ว่ามันไม่ชอบมาพากลอย่างไรผิดท่าตรงไหน

 

“น้องหลิงเทียน…”

 

ลึกลงไปในแววตาของกู่ลี่ พลันปรากฏแสงแห่งความหวังหนึ่งจุดประกายขึ้นมา!

 

วู้มมม! ซัววว!!!

 

ในที่สุดภายใต้สายตาจดจ่อรอคอยของทุกผู้คน เขตแดนเปลวเพลิงที่ปิดกั้นสายตาของทุกคน ก็ถูกอาวุโสคุมกฏแท่นบูชานกไฟอย่างหวู่ยี่ถอนรั้งพลังกลับคืน!

 

หลังจากที่ม่านเพลิงระอุกั้นโลกสลายหาย ร่างคน 3 คนพลันปรากฏต่อหน้าทุกคนอีกครั้ง

 

“เอ่อ…”

 

เมื่อเห็นร่างต้วนหลิงเทียนที่ทั้งหลายต่างพากันคิดไปว่าไม่พ้นต้องถูกทุบตีทรมานก่อนที่จะถูกประหารตายตกไปแล้วแน่แท้ลอยตระหง่านอย่างสงบ เหล่าแท่นบูชานกไฟก็ถึงกับอื้ออึงตะลึงไปกันหมด

 

เข้าไปทำอะไรกันตั้งนานสองนาน…แต่สุดท้ายอาวุโสคุมกฏกลับไม่ได้ประหารต้วนหลิงเทียนหรอกหรือ?

 

เช่นนั้นในเมื่อต้วนหลิงเทียนไม่ได้ถูกประหาร ทั้ง 3 คนที่แท้เข้าไปทำอะไรกันในนั้นกันแน่?

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟได้แต่เก็บงำความสงสัยนี้เอาไว้ในใจ ไม่กล้าถามออก

 

“อาวุโสหวู่ยี่ อาวุโสกัวฉง…พวกท่านทำอันใดกันอยู่?”

 

หากแต่มีคนที่อดสงสัยไม่ไหวกล่าวถามออก เป็นหลี่อันที่ยามนี้สองตาทอประกายวูบวาบ มันมองถามอาวุโสคุมกฏทั้งสองตรงๆ!

 

อย่างไรก็ตามถึงแม้เสียงกล่าวถามเข้มขึงนี้ของมันจะไม่ได้เบาแม้แต่น้อย ทว่าอาวุโสคุมกฏทั้งสองไม่ว่าจะกัวฉงหรือหวู่ยี่ก็คล้ายจะไม่ได้ยิน ทั้งคู่ต่างเมินเฉยมันไปคล้ายไม่เห็นหัว สิ่งนี้ยังทำให้หลี่อันโมโหจนหน้าดำคร่ำเครียด!

 

“น้องหลิงเทียนเจ้า…”

 

ขณะเดียวกัน ด้านกู่ลี่ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียงไปถามต้วนหลิงเทียน เพราะมันไม่รู้จริงๆว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

 

“พี่กู่ขอท่านอย่าได้กังวลไป รอดูเรื่องราวต่ออย่างสบายใจเถอะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกลับส่งเสียงกล่าวขัดคำของกู่ลี่ไว้ก่อน น้ำเสียงยังฟังดูสบายๆไร้เรื่องราว นับว่าคลายกังวลให้ผู้ฟังไม่น้อย

 

กู่ลี่พอได้ยินใจก็สงบลงทันใดพยักหน้าตอบกลับ หลังจากนั้นก็หันไปเฝ้ามองอาวุโสคุมกฏประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างกัวฉง และรอฟังว่าอาวุโสกัวฉงจะตัดสินเรื่องราวอย่างไร…

 

เพราะวันนี้ ‘การพิจารณาคดี’ ของต้วนหลิงเทียน ผู้ที่มีอำนาจตัดสินชี้ขาดสุดท้ายก็คืออาวุโสกัวฉง!

 

“อะแฮ่ม…”

 

อย่างไรก็ตามในขณะที่สายตาของทุกผู้คนส่วนใหญ่หันไปมองกัวฉง หวู่ยี่ที่ยืนข้างๆพลันกระแอมออกมา

 

หลังจากประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจของผู้คนแล้ว หวู่ยี่พลันกล่าวประกาศออกมาเสียงดัง “หลังจากที่ข้าได้ยืนยันกับท่านผู้อาวุโสกัวฉงแล้ว พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าการสังหารพี่น้องสกุลหยวนของต้วนหลิงเทียน สามารถกล่าวว่าเป็นการลงมือโต้ตอบเพื่อป้องกันตัวได้!”

 

ฆ่าพี่น้องสกุลหยวนเป็นเพียงแค่การลงมือตอบโต้เพื่อป้องกันตัว?

 

กู่ลี่ตะลึงจนลูกตากลมโต

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชานกไฟถึงกับตะลึงจนอ้าปากหวอ

 

“อย่างไรก็ตามแม้จะกล่าวอ้างว่าลงมือโต้ตอบเพื่อป้องกันตัวจริง ทว่าสุดท้ายการลงมือฆ่าหยวนค่วงที่สามารถยั้งมือให้เบาลงกว่าฆ่าได้นั้น…เรื่องนี้นับว่ากระทำเกินเหตุไปบ้าง! ต่อไปผู้อาวุโสกัวฉงจักทำการตัดสินความผิดของต้วนหลิงเทียน รวมถึงโทษทัณฑ์ที่จักได้รับ!”

 

หวู่ยี่กล่าวออกเสียงดังฟังชัด

 

ตั้งแต่ที่ได้ยินวาจาประโยคแรกของหวู่ยี่สีหน้าหลี่อันก็แปรเปลี่ยนไปอย่างมาก! กระทั่งยังไม่สนใจจะฟังวาจาประโยคหลังด้วยซ้ำ!!

 

ลางสังหรณ์พิกลของมันก่อนหน้า…กลับเกิดขึ้นแล้วจริงๆ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด