War sovereign Soaring The Heavens 1965

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1965 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ตอนที่ 1,965 : ใครสั่งสอนใครกันแน่?

 

“เจ้า..บอกให้ข้าไสหัวไปให้พ้นหน้าเจ้า…ยังให้ข้ารีบไปภายในสามลมหายใจ?”

 

ทันทีที่วาจากล่าวเตือนของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ หนิวคงก็อึ้งไปพักหนึ่งไม่ต่างใดจากศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์โดยรอบที่มุงชมคนอื่น และพอมันรู้สึกตัวมันก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับเห็นผี

 

ตอนนี้มันยังอดคิดไปไม่ได้ ว่าใช่มันฟังผิดหรือไม่?

 

จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้มันกล่าวถามย้ำออกมา

 

โอ!

 

ขณะเดียวกัน ตอนนี้ด้านเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์โดยรอบก็รู้สึกตัวอีกครั้ง ความโกลาหลพลันบังเกิดทันใด ทั้งหมดมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่ต่างเห็นผีกลางวันแสกๆ

 

“เดี๋ยวนะ…ใช่ข้าฟังผิดไปหรือไม่ น้องใหม่กำลังขู่พี่หนิวงั้นหรือ?”

 

“เจ้านั่น…มันกระทั่งกล้าบอกให้หนิวคงไสหัวออกไปให้พ้นหน้า?”

 

“มันเสียสติไปแล้วหรือไร?”

 

……

 

หลังเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ได้สติกลับคืน พวกมันก็จ้อกันดังระงมด้วยความฮือฮา และคิดว่าศิษย์ที่มารับโทษหน้าใหม่ผู้นี้ ช่างหยิ่งเสียจริง!

 

ในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองแรกแห่งนี้ หากพลังฝีมือไม่พอตัวอย่าได้ริอาจหยิ่งยะโสถือดีเป็นอันขาด! หาไม่แล้วได้โดนดีแน่!!

 

และหน้าใหม่เบื้องหน้าของพวกมัน ก็แลดูไม่เห็นว่าจะร้ายกาจตรงที่ใด

 

อย่างน้อยๆในสายตาทุกคน ก็ไม่คิดว่าจะร้ายกาจไปกว่าหนิวคง

 

เมื่อได้ยินคำของเหล่าศิษย์โดยรอบ หนิวคงพลันตระหนักได้แล้ว ว่าก่อนหน้าไม่ใช่มันฟังอะไรผิดไป หากแต่หน้าใหม่ตรงหน้าหาญกล้ากล่าววาจาสามหาวเช่นนั้นกับมันจริงๆ!

 

“ไอ้หนู เป็นเจ้าหาเรื่องเจ็บตัวเอง!”

 

ทันใดนั้นแววตาของหนิวคงก็ลุกโชนปานเพลิงไฟ โทสะอารมณ์เอ่อล้นออกชัด ไอพลังทั่วร่างปะทุครืนๆออกมาราวกับมังกรคำราม พร้อมปลดปล่อยพลังเกรี้ยวกราด!

 

“ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว…”

 

ในขณะเดียวกันเสียงของต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นอีกครั้ง และน้ำเสียงคราวนี้ยิ่งเย็นลงกว่าเดิม “สามลมหายใจกำลังจะครบ…”

 

ฟุ่บ!

 

วาจาต้วนหลิงเทียนดังจบไม่ทันขาดคำ พลังเซียนสุริยันที่โคจรสั่งสมมานานพลันปะทุออกท่วมหลัง ค่อยก่อเกิดเป็นปีกเพลิงมหึมาคู่หนึ่ง ที่คล้ายจะลุกโชนเร่าพร้อมผลาญเผาทุกสิ่ง!

 

และครู่ต่อมา

 

ปีกดังกล่าวก็สะบัดลง!

 

ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

พริบตานั้นเสียงระเบิดของอากาศพลันสนั่นลั่นขึ้นก้องเหมือง เสียงแตกระเบิดออกของอากาศนี้เกิดจากการเคลื่อนไหวของปีกที่ฉับไวเหนือเสียง!

 

เป็นธรรมดาที่ความเคลื่อนไหวจนก่อให้เกิดความปั่นป่วนดังกล่าว จะสร้างความตื่นตะลึงให้กับเหล่าศิษย์ที่มุงชม

 

วูบ!

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ปีกอีกาทองคำสำแดงเดช ร่างต้วนหลิงเทียนพลันพุ่งทะยานออกมาปานกระสุนปืนใหญ่จี้เข้าใส่หนิวคง ระยะทางไม่กี่ก้าวหดหายไปในชั่วพริบตา!

 

“แย่แล้ว!”

 

แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกด้วยปีกอีกาทองคำทั้งพุ่งร่างเข้ามาฉับไว หน้าหนิวคงก็เปลี่ยนสีทันใด ใจยังสะท้านไปด้วยความตื่นตระหนก!

 

ตอนนี้ให้มันโง่เพียงใดมันก็ตระหนักได้!

 

ศิษย์ใหม่เบื้องหน้ามันที่กล้ากล่าววาจาไม่เห็นหัวมันเช่นนั้น…หาได้เป็นเพราะหยิ่งยะโสอันใดไม่! แต่คนกลับมีพลังฝีมือสูงส่งจริงๆ!!

 

ในเมื่อหนิวคงเป็นฝ่ายเร่งเร้าพลังออกมาก่อนหน้า มันก็รีบอาศัยข้อได้เปรียบนี้สำแดงออกด้วยวรยุทธ์เซียนท่าร่างที่ฝึกปรือออกเต็มกำลังทันที ฉากร่างหลบเลี่ยงต้วนหลิงเทียนที่พุ่งเข้าใส่

 

หนิวคงนั้นแม้มันจะบรรลุถึงเซียนปฐพีขั้นสูงสุดแล้ว อนิจจากระทั่งเวทย์พลังขั้นกลางสายเสริมความเคลื่อนไหวอะไรมันก็ยังไม่แตกฉาน

 

แต่เพียงคิดดูก็ทราบได้

 

หากมันมีเวทย์พลังสายเสริมเคลื่อนไหวระดับกลางอันใด มันยังจะใช้ตะกร้าธรรมดาอยู่อีกหรือ? พลังฝีมือของมันคงสูงพอจะช่วงชิงตะกร้าใบใหญ่จากคนอื่นนานแล้ว!

 

ไฉนต้องคิดแย่งชิงกับหน้าใหม่อย่างต้วนหลิงเทียน!!

 

“ความเร็วของเจ้ายังช้าไป…”

 

วาจาไม่แยแสของต้วนหลิงเทียนดังออกอีกครั้ง ทำให้หนิวคงสะท้านสะเทือนไปทั้งร่าง

 

ครู่ต่อมา

 

ในขณะที่หนิวคงปะทุพลังชั่วชีวิตสำแดงวรยุทธ์เซียนท่าร่างฉากหลบต้วนหลิงเทียนที่พุ่งมาปานฟ้าผ่าออกไปนั้น ปีกอีกาทองคำของต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดออกอีกครา ร่างที่เหินทะยานจี้ตรงเปลี่ยนทิศทางในฉับพลัน อีกทั้งความเร็วยังเพิ่มพูนทวีขึ้นอีกขั้น!

 

ทันใดนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าหนิวคงปานภูตผี!

 

ปงงง!!

 

ฝ่ามืออันควบผนึกไปด้วยพลังเซียนสุริยันกล้าแข็ง ตบฟาดออกไปอย่างไร้ปราณี! มวลพลังสีทองปานแสงตะวันเจิดจ้าโถมถันออกไปหมายจะกลืนกินร่างหนิวคง!!

 

แม้หนิวคงจะรีบร้อนโคจรพลังชั่วชีวิตก่อสร้างม่านพลังป้องกันจากวรยุทธ์เซียนที่ฝึกปรือมานานปี อนิจจาด้วยความฉุกละหุกไหนเลยม่านพลังจะก่อตัวสมบูรณ์ได้? และต่อให้สมบูรณ์ก็ไม่อาจรอดพ้นการบดขยี้ฝ่ามือพลังที่อัดแน่นไปด้วยพลังเซียนสุริยันอันเกรี้ยวกราดของต้วนหลิงเทียนนี้ได้เลย!!

 

เปรี๊ยงงงง!!

 

เสียงสนั่นลั่นดังขึ้นก้องเหมืองอีกครา เป็นหนิวคงรับประทานพลังฝ่ามือของต้วนหลิงเทียนเข้าไปเต็มคำ! คนกระเด็นปลิดปลิวไปปานว่าวสายป่านขาด แม้จะกลิ้งกระแทกพื้นแล้วแต่พลังทำลายของฝ่ามือยังไม่หมดสิ้น ซัดมันจนปลิวถลาไถพื้นไปไม่เป็นท่า!!

 

ถูกฝ่ามือนี้ของต้วนหลิงเทียน หนิวกระอักเลือดออกมาคงแทบหมดตัว คล้ายเลือดที่กระอักวันนี้จะมากกว่าหลายสิบปีรวมกันเสียอีก!

 

เมื่อโลหิตของหนิวคงกระอักพ่นมาปานน้ำหลาก ก็สร้างความตกตะลึงให้ผู้คนหนักหนาแล้ว!

 

จังหวะนี้สีหน้าท่าทางของเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เปลี่ยนเป็นผวา หลายคนถึงกับอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวั่นหวาด!

 

หนิวคงผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตพลังเซียนปฐพีขั้นสูงสุดซึ่งนับว่าพลังฝีมือก็ไม่ใช่ชั่วอะไร ทว่าต่อหน้าศิษย์ใหม่กลับไร้ซึ่งพลังจะตอบโต้…!

 

กระทั่งเพียงฝ่ามือเดียวก็สาหัสแล้ว

 

“ข้าจะให้โอกาสเจ้า…ไสหัวออกไปให้พ้นหน้าข้าภายใน 3 ลมหายใจเสีย!”

 

“ไม่อย่างงั้นเจ้าก็เตรียมใจรับผลที่ตามมาได้เลย…”

 

วาจากล่าวเตือนก่อนหน้าของศิษย์ใหม่ บัดนี้ได้ดังซ้ำในหูของทุกคนคล้ายเปิดม้วนเทปวนซ้ำ

 

ถึงแม้จะเป็นวาจาประโยคเดิม ทว่ายามฟังครั้งนี้กลับรู้สึกผิดแผกแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง

 

ก่อนที่การประมือจะเริ่มขึ้นทุกผู้คนรู้สึกว่าน้องใหม่ผู้นี้หยิ่งยะโสถือดียิ่ง…

 

ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นศิษย์น้องใหม่คนนี้ ซัดหนิวคงที่ตอนแรกดุดันปานโคเถื่อน ให้นอนสิ้นท่าราวสุนัขเรื้อนป่วยใกล้ตายได้ง่ายดาย พวกมันก็ตระหนักได้…ว่าคนหาได้หยิ่งยะโสถือดีอันใด เพียงมีสามารถที่แท้จริงๆ!

 

“ศิษย์ของแท่นบูชาจตุรลักษณ์คนนี้…ที่แท้กระทำความผิดอันใดกันแน่ถึงได้ถูกส่งตัวมาใช้แรงงานยังเขตลงทัณฑ์?”

 

ครู่ต่อมายามเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ใจพวกมันอดไม่ได้ที่จะสั่นไหว ในหัวบังเกิดคำถามนี้ขึ้นมา…

 

เพราะตัดสินจากพลังฝีมือที่เผยออกสั้นๆ พวกมันตระหนักได้ว่าศิษย์หน้าใหม่คนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่าต้องบรรลุถึงด่านพลังเซียนนภา!

 

และศิษย์ที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาย่อมมิใช่ศิษย์ธรรมดาๆ ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์!

 

อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์ของแทน่บูชาจตุรลักษณ์ทั้งหลาย แม้จะหันมองหน้ากันเองแล้ว แต่ก็ต่างส่ายหน้ากันพัลวัน เพราะไม่มีใครจดจำได้ว่าในแท่นบูชาของตัวมีศิษย์หน้าใหม่คนนี้อยู่เลย!

 

“อย่าได้บอกข้า…ว่าเจ้านี่เป็นศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้ารว่มลัทธิบูชาไฟ แล้วบังเอิญกระทำความผิดจนถูกส่งมารับโทษสำนึกตัวที่นี่?”

 

ครู่ต่อมาทุกคนก็ได้แต่ลอบสรุปกันไปแบบนี้

 

“คิดจะแย่งของๆข้าด้วยพลังฝีมือเพียงเท่านี้?”

 

ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองหนิวคงด้วยสายตาเยียบเย็น ตอนนี้สีหน้าของหนิวคงซีดเซียวจนแทบไร้สีเลือด พอเห็นต้วนหลิงเทียนมองมาเช่นนี้ร่างใหญ่สะบักสะบอมก็สั่นเทิ้มขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

 

มันรีบปริปากโชกเลือดกล่าวคำขอขมาออกมาอย่างเร็วไว “ศิษย์พี่โปรดมีเมตตา! ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ ไท่ซานอยู่เบื้องหน้ากลับมิอาจแลเห็น ขอศิษย์พี่มีเมตตาละเว้นข้าสักครั้งเถอะ!”

 

เหตุผลที่หนิวคงเร่งขอขมาลาโทษต้วนหลิงเทียนออกมาแบบนี้ เพราะมันหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจะลงมือทุบตีมันซ้ำ!

 

เพราะถึงแม้ในลัทธิบูชาไฟ จะมีกฏเข้มงวด ศิษย์ทุกคนไม่ได้รับอนุญาตให้ฆ่าฟันสหายศิษย์หรือแม้กระทั่งทำให้พิการอันใด แต่ทว่าการลงมือทุบตีให้ปางตายทั้งไม่พิการย่อมไม่ถือว่าผิดกฏ!

 

“ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดจะสั่งสอนบทเรียนเรื่องมารยาทที่พึงมีต่อรุ่นพี่ให้ข้าเหรอ?”

 

เมื่อเห็นหนิวคงยอมรับความผิดกล่าวคำขอขมาออกมา ความขุ่นเคืองในใจต้วนหลิงเทียนค่อยทุเลาลง กล่าวถามออกมันไปเสียงเบา

 

“ไม่กล้า! หนิววคงไม่กล้าแล้วขอรับศิษย์พี่!!”

 

หนิวคงเร่งประคองร่างสะบักสะบอมให้ลุกขึ้นมาโค้งศีรษะอย่างร้อนรน เพราะหวาดกลัวต้วนหลิงเทียนจะลงมือทุบตีมันซ้ำจริงๆ

 

“เหอะ!”

 

หลังพ่นลมสบถเสียงเย็นอีกครา ต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะสนใจอะไรหนิวคงอีก หันหลังและเดินลึกลงไปในเหมืองทันที

 

หลังทราบคุณค่าของตะกร้าใบใหญ่พิเศษแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สามารถเข้าใจได้ว่าไฉนหนิวคงถึงบังเกิดจิตคิดแย่งชิงตะกร้าใบนี้ไปจากเขา…

 

อย่างไรก้ตาม หนิวคงโชคร้ายนัก ที่มาเจอของแข็งอย่างเขา…

 

หาไม่แล้วป่านนี้ตะกร้าของเขาคงถูกเปลี่ยนมือ!

 

แต่สุดท้ายแล้วหนิวคงก็เพียงคิดชิงตะกร้าเขาเท่านั้น การลงมือของมันก็ไม่ได้มีจิตสังหารอะไรเขาจึงไม่คิดจะทำร้ายมันให้มากไปกว่านี้ เพราะสุดท้ายในเขตลงทัณฑ์แห่งนี้ การช่วงชิงตะกร้าก็ถือเป็นเรื่องปกติ

 

เมื่อได้เห็นต้วนหลิงเทียนกำลังเดินจากไป เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง!

 

จนเมื่อเห็นแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายลับสายตาไป พวกมันจึงค่อยระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก!

 

ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวถกกันอย่างสนใจ “ที่แท้ศิษย์ผู้นั้นเป็นใครกันแน่ จากพลังฝีมือแล้วสมควรเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนนภามิผิดแน่ ข้ามาจากแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว และก่อนที่ข้าจะถูกส่งมารับโทษที่นี่ข้ามิเคยเห็นหน้ามันมาก่อน”

 

“ข้ามาจากแท่นบูชามังกรคราม แต่ข้าเองก็ไม่เคยเห็นศิษย์คนนี้มาก่อนเลยเช่นกัน”

 

“ข้าเป็นคนของแท่นบูชานกไฟมาหลายสิบปี แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นกระทั่งเคยได้ยินว่ามีศิษย์ที่มีลักษณะเช่นนี้”

 

“เหมือนกัน ข้าเองก็มาจากแท่นบูชาเต่าทมิฬ แต่มิเคยพบเห็นมันมาก่อน”

 

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์สนทนากันดังอื้ออึง แต่ละคนบอกแจ้งสังกัดเรียบร้อย สุดท้ายจึงบังเกิดอาการคันในหัวใจยากจะเกา ด้วยไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใครมาจากไหนกันแน่…

 

“พวกเจ้าเห็นปีกเพลิงคู่นั้นที่ปรากฏออกมาจากแผ่นหลังของมันหรือไม่…ลักษณะพลังสมควรเป็นเวทย์พลัง อีกทั้งยังเป็นเวทย์พลังที่ไม่ธรรมดา”

 

ต่อมาไม่นานเหล่าศิษย์ก็เริ่มถกกันถึงปีกอีกาทองคำที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก เพราะลักษณะพลังของมันช่างโดดเด่นนัก หากพบเห็นสักครั้งคงยากที่จะลืมได้

 

“ข้ามิเคยเห็นเวทย์พลังเช่นนี้มาก่อนเลย ตัดสินจากพลังอำนาจและรูปลักษณ์ น่ากลัวว่าจะเป็นเวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวที่เหนือยิ่งกว่าเวทย์พลังประจำแท่นบูชานกไฟของข้าที่เป็นเวทย์พลังเสริมท่าร่างเช่นกันเสียอีก”

 

“มิผิดเวทย์พลังปีกเพลิงเมื่อครู่ช่างร้ายกาจยิ่ง อีกทั้งรูปลักณ์ของปีกยังงดงามแถมเสมือนจริง คล้ายแผ่นหลังของมันมีปีกงอกเงยออกมาจริงๆอย่างไรอย่างนั้น”

 

“ข้าก็รู้สึกเช่นนั้นเหมือนกัน”

 

 

ในวาจาเผยให้เห็นว่าเหล่าศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์เหล่านี้กำลังตกตะลึงกับปีกอีกาทองคำของต้วนหลิงเทียนนัก!

 

“ข้านึกออกแล้ว!”

 

ทันใดนั้นพลันมีเสียงแหลมหนึ่งดังขึ้น ดึงความสนใจคนทั้งหมดแถวนั้นทันที

 

ผู้พูดแน่นอนว่าย่อมเป็นศิษย์คนหนึ่งของแท่นบูชาจตุรลักษณ์

 

หน้าตาของมันแลดูเหมือนโจรอย่างไรก็ไม่ทราบ ด้วยสองตาเล็กหยีทีท่าล่อกแล่ก เผยให้เห็นชัดว่ามันไม่น่าจะใช่ตัวดีอะไร…

 

“หึหึ…นี่พวกเจ้าทุกคนลืมกันแล้วหรือ?”

 

เมื่อเห็นว่าทุกสายตากำลังจับจ้องมองมาที่มัน ศิษย์คนดังกล่าวก็เริ่มพูดออกมาอย่างวางท่าเป็นพหูสูตรทันที “มีศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬคนหนึ่ง ที่สมควรถูกส่งมายังเขตลงทัณฑ์ในช่วงเวลานี้…ไม่ใช่ว่าก่อนหน้าพวกเรายังคุยกันถึงมันอยู่เลยมิใช่หรือไร?”

 

“และ…ในบรรดาเวทย์พลังขั้นสูงทั้ง 3 สายที่ศิษย์แท่นบูชาคนนั้นเชี่ยวชาญ มิใช่ว่ามีเวทย์พลังหนึ่งที่ทำให้คล้ายมีปีกงอกเงยออกมาจากแผ่นหลังรึ?”

 

ได้ยินวาจาดังกล่าวของศิษย์คนนี้ ลูกตาของทุกคนพลันหดหยีลงทันใด

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

ทันใดนั้นเสียงสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บพลันดังระงมก้องไปทั่วอุโมงค์ใต้ดิน…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด