War sovereign Soaring The Heavens 1972

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1972 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,972 : โอสถต้องห้าม…กุ่ยจิน!

 

สีหน้าหงชวีเปลี่ยนไปอย่างมากอีกครั้ง หลังได้ยินวาจาของหลี่อัน

 

ถึงแม้ในโลกที่นับถือในพลังเช่นนี้ ผู้คนส่วนใหญ่มักเห็นแก่ตัว

 

อย่างไรก็ตามสำหรับหงชวีแล้ว ครอบครัวของมันนั้นมีค่ายิ่งกว่าชีวิตของมัน!

 

นั่นเพราะการที่มันมีอย่างทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็นการอุปถัมภ์ส่งเสริมจากครอบครัวของมันทั้งสิ้น!

 

หากมิใช่เพราะครอบครัวได้ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อเลี้ยงดูมันล่ะก็ อาศัยมันที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวคงไม่อาจมาถึงจุดนี้ได้

 

อาจกล่าวได้ว่าที่มันมีอย่างทุกวันนี้ได้ ล้วนพึ่งพาตัวเอง 3 ส่วน พึ่งพาครอบครัวอยู่ 7 ส่วน

 

“อาวุโสหลี่อัน ต้วนหลิงเทียนมันมีพลังฝีมือร้ายกาจนัก กระทั่งสามารถเอาชนะซุนเต๋อที่เข้าใจเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬแล้วด้วยซ้ำ ถึงแม้ด่านพลังของข้าจะบรรลุถึงเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของมัน”

 

หงชวีกล่าวออกด้วยสีหน้ามืดมน สองตาแดงฉาน “ต่อให้ข้าจะมีพลังฝีมือเหนือกว่ามันจริง แต่ก็คงมิได้เหนือกว่ามันมากพอที่จะฆ่ามันได้ในเวลาสั้นๆ ก่อนที่ผู้อาวุโสจะแทรกแซง!”

 

เห็นได้ชัดว่าเมื่อเจอวาจาคุกคามนี้จากหลี่อัน หงชวีก็ตกเป็นเบี้ยล่างของหลี่อันแล้ว

 

และมันไม่อาจเลือกหนทางอื่นใดนอกจากประนีประนอม!

 

เพราะในใจของมันนั้น ครอบครัวสกุลหงสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของมัน

 

มันยังสงสัยอยู่ด้วยซ้ำ ว่าสมควรเป็นเพราะหลี่อันล่วงรู้ถึงเรื่องนี้แน่แท้ เลยเลือกที่จะมาข่มขู่มันแบบนี้

 

แน่นอนว่าเมื่อเผชิญหน้ากับคำขู่นี้ของหลี่อัน ใจมันก็คิดจะแจ้นไปหาอาวุโสคุมกฏเพื่อร้องขอความเป็นธรรม

 

อย่างไรก็ตามแม้มันจะรู้ดีว่าต่อให้ได้รับความยุติธรรมที่ว่าแล้ว หลี่อันแน่นอนว่าไม่พ้นต้องโดนลงโทษ! ทว่าสมควรเป็นการลงโทษแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็แค่ขู่และไม่ได้ลงมือฆ่าใคร…

 

อีกทั้งเกรงว่าในสายตาของลัทธิบูชาไฟชีวิตของครอบครัวสกุลหงมันคงไม่นับเป็นอะไร กับศิษย์ที่ยังไม่แม้แต่จะเป็นศิษย์ฝ่ายในเช่นมัน ไหนเลยครอบครัวมันจะอยู่ในสายตาของลัทธิบูชาไฟได้

 

ต่อให้หลี่อันจะทำลายสกุลหงของมันทิ้งจริง ลัทธิบูชาไฟก็คงไม่แยแส…

 

เพราะในสายตาคนเบื้องบนของลัทธิบูชาไฟ นี่ก็คือเรื่องส่วนตัวระหว่างมันกับหลี่อัน หาได้เกี่ยวข้องอะไรกับลัทธิบูชาไฟไม่!

 

ด้วยเหตุนี้หงชวีจึงไม่คิดจะไปร้องขอความช่วยเหลืออะไรจากอาวุโสคุมกฏอย่างกัวฉง และเลือกที่จะประนีประนอมกับหลี่อันแทน

 

“ข้าย่อมคิดถึงเรื่องที่เจ้ากล่าวเอาไว้แล้ว…เจ้ามั่นใจได้ ตราบใดที่เจ้าเลือกจะต่อสู้โดยการอ้างว่าท้าประลองชิงตำหนักเอกอุล่ะก็ ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าอาวุโสในเหมืองลำดับ 1 จะรู้ถึงเหตุเปลี่ยนแปลงและมาแก้สถานการณ์ ย่อมหมายความว่าเจ้าสมควรมีเวลาฆ่ามันเหลือเฟือก่อนที่อาวุโสคนใดจะสอดมือ”

 

หลังได้ยินคำของหงชวี หลี่อันค่อยๆกล่าวตอบออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “และหากเจ้าพบว่าพลังฝีมือทัดเทียมกระทั่งตกเป็นรองจนมิสามารถฆ่ามันได้ ข้าเองก็ได้เตรียมบางสิ่งไว้แล้ว…”

 

เสียงหลี่อันดังไม่ทันขาดคำ มันก็สะบัดมือขวาเรียกบางสิ่งออกมา เป็นขวดหยกแลดูสวยงามขวดหนึ่ง “ด้วยพลังฝีมือของเจ้า หากรับประทานโอสถนี้ลงไป ในช่วงเวลาสั้นๆพลังฝึกปรือของเจ้าสมควรบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาขั้นสูงสุด!”

 

กล่าวจบสายตาของหลี่อันก็มองไปยังขวดโอสถหยกดังกล่าว

 

สายตาของหงชวีเปลี่ยนไปทันใด เมื่อเห็นหลี่อันจ้องมองขวดโอสถ

 

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลี่อัน หงชวีก็ตระหนักได้ทันทีว่าขวดหยกในมือของหลี่อันสมควรบรรจุโอสถที่สามารถยกระดับพลังของมันได้…แน่นอนว่าในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ายอมมีโอสถที่ยกระดับพลังฝึกปรือชั่วระยะเวลหนึ่งอยู่ และส่วนใหญ่ก็ถือเป็นโอสถต้องห้ามทั้งสิ้น!

 

ผลของโอสถต้องห้าม ก็ไม่ต่างอะไรจากเวทย์พลังสายสนับสนุนที่สามารถยกระดับพลังฝึกปรือของผู้ใช้ได้! เพราะมันสามารถยกระดับพลังฝึกปรือผู้รับประทานได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง! หากทว่าผลกระทบหลังจากนั้นกลับร้ายแรงยิ่งกว่าเวทย์พลังมาก!!

 

ผลกระทบของเวทย์พลังนั้นอย่างดีก็อ่อนแอลงชั่วคราว เพียงพักสักหน่อยพลังฝึกปรือก็สามารถฟื้นฟูกลับมาดังเดิมได้

 

อย่างไรก็ตามผลกระทบจากโอสถต้องห้ามเหล่านี้กลับมิอาจทำให้พลังของผู้ใช้ฟื้นฟูได้ดังเดิม…ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสที่สามารถฟื้นฟูได้ดังเดิม แต่ก็มีเงื่อนไขวุ่นวายไม่น้อย

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าไฉนสีหน้าของมันถึงเปลี่ยนไปอย่างมากหลังได้ยินคำของหลี่อันและได้เห็นขวดโอสถในมือของหลี่อัน

 

“อาวุโสหลี่อัน…นั่นเป็นโอสถต้องห้ามอะไร?”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆครั้งหนึ่ง หงชวีก็เงยหน้าขึ้นมากล่าวถามหลี่อัน

 

“โอสถกุ่ยจิน!”

 

หลี่อันกล่าวตอบเสียงเรียบ

 

ซู่วว!

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงหลี่อันดังจบคำ สีหน้าของหงชวีเปลี่ยนไปอย่างแรงลูกตาของมันหดหยีลง ยังอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ

 

มันเองย่อมเคยได้ยินกิตติศัพท์ของโอสถกุ่ยจินนี้มาบ้าง!

(กุ่ยจิน = ถึงจุดจบ)

 

โอสถกุ่ยจิน นั้นเป็นโอสถต้องห้ามที่นับว่าสมนามของมันนัก นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในโอสถต้องห้ามไม่กี่ชนิดที่ใครๆต่างก็หวาดกลัว!

 

โดยทั่วไปแล้วมีเพียงปรมาจารย์หลอมโอสถระดับกึ่งสวรรค์เท่านั้นที่สามารถหลอมสร้างมันขึ้นมาได้ ประสิทธิภาพของมันย่อมมิใช่ชั่ว!

 

ว่ากันว่าหากเป็นโอสถกุ่ยจินคุณภาพสูง มันสามารถยกระดับพลังฝึกปรือของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ให้เพิ่มพูนขึ้นได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง!

 

และพลังฝึกปรือที่เพิ่มพูนขึ้นก็ไม่ใช่น้อยๆ!

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมีได้ก็ต้องมีเสีย เพราะผลกระทบที่ตามมาหลังจากใช้โอสถกุ่ยจินนั้น…ร้ายแรงจนน่ากลัว!

 

อย่างดีก็พลังฝึกปรือถดถอยและได้รับบาดเจ็บเรื้อรังไปตลอดชีวิต…อย่างร้ายก็ตกตาย!

 

ด้วยเหตุนี้ยามที่หงชวีได้รู้ว่าในขวดหยกเป็นโอสถกุ่ยจิน ทีท่าของมันจึงเปลี่ยนแปลงไปใหญ่หลวง

 

เพราะนี่ไมใช่โอสถต้องห้ามทั่วไป

 

แม้จะมองผ่านทั่วทั้งภูมิภาคเบื้องเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า โอสถกุ่ยจินก็ถือเป็นโอสถต้องห้ามที่มีชื่อเสียงมาก!

 

เป็นธรรมดาที่มันจะมีราคามหาศาล!

 

หงชวีไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าเพียงเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้ว หลี่อัน ในฐานะอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะใช้โอสถต้องห้ามที่มีค่ามหาศาลอย่างโอสถกุ่ยจิน!

 

มันรู้ดีแก่ใจ

 

ถึงแม้หลี่อันจะเป็นอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็ไม่ใช่ว่าจะมีโอสถกุ่ยจินขวดที่สองในมือ!

 

โอสถกุ่ยจินมีค่าขนาดนั้น!

 

แต่หงชวีย่อมไม่ทราบ ว่าในสายตาของหลี่อัน ตอนนี้ศัตรูอย่างต้วนหลิงเทียนได้กลายมาเป็นเป็นภัยคุกคามในชีวิตไปเสียแล้ว

 

หากต้วนหลิงเทียนเติบโตขึ้นมาล่ะก็ มันอยากรอดตายก็คงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรั้งอยู่ในลัทธิบูชาไฟ

 

เพราะหากถึงวันนั้นลัทธิบูชาไฟที่มีต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่มีที่สำหรับมันหลี่อันอีกต่อไป!

 

ที่สำคัญเลยก็คือ ต้องทราบด้วยว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนไม่ใช่สีเหลือง แต่เป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน กระทั่งในแง่ของไหวพริบปฏิภาณ อีกฝ่ายยังเป็นชนชั้นอัจฉริยะไร้ผู้ต้านที่มันไม่อาจเทียบ

 

หากอีกฝ่ายเติบโตขึ้นมาล่ะก็ ตำแหน่งในลัทธิบูชาไฟย่อมสูงล้ำกว่ามันแน่นอน

 

เช่นนั้นเพื่อขจัดปัญหาใหญ่ดั่งหนามตำใจอย่างต้วนหลิงเทียนให้สิ้นซาก หลี่อันไม่แม้แต่จะเสียดายโอสถต้องห้ามอย่างโอสถกุ่ยจินที่มันเก็บรักษาไว้อย่างดีหลายร้อยปี…

 

“ดูเหมือนว่าเจ้าเองก็คงเคยได้ยินเรื่องของโอสถกุ่ยจินมาบ้างแล้ว…เช่นนั้นข้าคงไม่จำเป็นต้องอธิบายสรรพคุณอะไรให้เจ้าฟังอีก”

 

หลี่อันกล่าวออกเสียงเบา ขณะเดียวกันก็พลิกฝ่ามือโยนส่งขวดหยกไปให้หงชวี

 

เมื่อเห็นหลี่อันโยนส่งขวดหยกมาให้ หงชวีที่พึ่งคืนสติก็จำต้องนิ่งค้างไปอีกครั้งหนึ่ง

 

ขณะเดียวกันสายตาที่ใช้มองขวดหยกตรงหน้า ก็เผยความหวาดกลัวออกมาราวกับมันไม่ใช่ขวดโอสถอะไร แต่เป็นสัตว์ร้ายอันน่ากลัว

 

“ฮึ่ม!”

 

ไม่จนกว่าหลี่อันจะพ่นลมเสียงเย็น ร่างกายของหงชวีจึงสะท้านขึ้น หลังจากนั้นมันก็เอื้อมมือไปรับขวดหยกที่หลี่อันส่งมา

 

ขวดหยกในมือแม้จะเบาหวิว หากแต่กลับทำให้หงชวีรู้สึกหนักอึ้ง!

 

“ส่วนเรื่องที่จะไปยังเขตลงทัณฑ์ในเหมืองลำดับที่หนึ่ง…ข้าคงไม่ต้องสอนเจ้าใช่หรือไม่?”

 

หลี่อันเหลือบมองหงชวีพร้อมกล่าวทิ้งท้ายเอาไว้เสียงเบา หลังจากนั้นก็เหินร่างจากไปทันที

 

คงเหลือแต่หงชวีที่ลอยร่างอยู่อย่างเงียบงัน

 

ไม่ทราบผ่านไปนานเท่าไหร่ ในที่สุดหงชวีก็เก็บขวดหยกก่อนที่จะกำหมัดแน่น สายตาหันไปมองทิศทางที่หลี่อันเหินร่างจากไป ความไม่ยินยอมพร้อมใจฉายชัดในแววตา

 

หากทำได้มันก็ไม่อยากโดนหลี่อันบังคับขืนใจเช่นนี้

 

อนิจจาตอนนี้มันไร้หนทางเลือก

 

เพราะหากมันไม่ทำตามความต้องการของหลี่อัน ครอบครัวสกุลหงหลายร้อยชีวิตคงได้ถึงคราวจบสิ้น!

 

ณ เขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่ 1

 

ภายในอุโมงค์ทำเหมืองขนาดใหญ่ ด้วยความยำเกรงที่มีต่อพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน จึงไม่มีศิษย์คนไหนกล้ามาขุดหินเซียนใกล้ๆเขา ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสมือนมีพื้นที่ขุดหินเซียนส่วนตัว มีโอกาสยักยอกหินเซียนระดับ 1 เข้ากระเป๋าตัวเองได้ตามอำเถอใจ

 

‘ทำแบบนี้ต่อไปอีกไม่นาน…ข้าคงมีหินเซียนระดับ 1 มากพอ!’

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจขณะส่งหินเซียนไปใส่ไว้ในตะกร้าใหญ่พิเสษข้างหลังครึ่งหนึ่งส่วนอีกครึ่งก็ส่งเข้าไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างแยบคาย การเคลื่อนไหวราบรื่นปานสายน้ำไหล

 

หากไม่มีใครมาจ้องมองต้วนหลิงเทียนอยู่ด้านข้างอย่างละเอียดล่ะก็ คงไม่รู้เลยว่าหินเซียนครึ่งหนึ่งที่ตกลงไปในตะกร้าได้วูบหายไปอย่างอัศจรรย์…

 

หินเซียนระดับ 1 นั้นไม่มีประโยชน์อะไรกับต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในลัทธิบูชาไฟแม้แต่น้อย

 

อย่างไรก็ตามหลังออกจากลัทธิบูชาไฟแล้ว หินเซียนระดับ 1 เหล่านี้คือความั่งคั่งมหาศาลแน่นอน!

 

เพราะในภมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า หินเซียน ก็เป็นดั่งสกุลเงินสากลเช่นกัน

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเองกระบี่พลังที่ต้วนหลิงเทียนฟาดไปหมายขุดหินก็สัมผัสได้ถึงแรงต้านผิดปกติ

 

เขาเร่งแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทันที

 

ไม่นานเขาก็พบว่ามีหินเซียนขนาดใหญ่ฝังอยู่ลึกลงไปในสายแร่หินเซียนที่เขากำลังขุด หากทว่าพลังวิญญาณฟ้าดินที่แผ่ออกมาจากหินเซียนขนาดใหญ่ก้อนนี้กลับมากมายเกินกว่าหินเซียนระดับ 1!

 

‘หินเซียนระดับกึ่งสวรรค์!’

 

เพียงครู่เดียวต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันที ว่าสายแร่หินเซียนที่เขาเลือกขุดวันนี้มีมีหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก่อเกิดขึ้นมาแล้ว!

 

อย่างไรก็ตามสีหน้ายินดีของต้วนหลิงเทียนเพียงเผยออกวูบเดียวเท่านั้น ก่อนจะหวนคืนสู่ความสงบดังเดิม

 

และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนขุดหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก้อนใหญ่ออกมาได้ เขาก็โยนมันลงเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันทีอย่างไร้พิรุธอันใด

 

‘ดูเหมือนข้าจะมีโชคไม่น้อย…มาขุดหินเซียนวันที่ 2 ก็เจอหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์แล้ว! นอกจากนั้นหินเซียนกึ่งสวรรค์นี่ก็มีขนาดไม่เล็กเลย!’

 

แม้สีหน้าท่าทางจะหวนคืนสู่ความสงบ หากแต่ในใจของต้วนหลิงเทียนยังยินดีไม่น้อย

 

เท่าที่เขารู้มา ปกติแล้วศิษย์ส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาขุดหาหินเซียนกว่า 10 วันถึงจะเจอหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์เข้าสักครั้ง

 

สายแร่หินเซียนระดับ 1 นั้น โดยมากแล้วสิ่งที่ขุดพบจะเป็นหินเซียนระดับ 1 มีหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ก่อเกิดขึ้นเป็นส่วนน้อยเท่านั้น

 

กระทั่งบางคนขุดหินมาตลอดทั้งเดือนยังไม่พบหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์เลยก็มี

 

‘แต่จะว่าไปเหมืองลำดับที่ 1 ของแท่นบูชาจตุรลักษณ์นับว่าเคี่ยวมาก! ต่อให้ขุดหินเซียนระดับกึ่งสวรรค์ออกมาได้ก็ไม่ได้มีรางวัลอันใดทั้งสิ้น ยังต้องขุดหินเซียนให้ครบกำหนดตามปริมาณที่ต้องการในแต่ละวันเหมือนเดิม’

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ลอบสบถในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด