War sovereign Soaring The Heavens 1980

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 1980 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1,980 : ขอสันนิษฐานของหลี่อัน

 

นักรบมังกรกล่าวไปอาจถือได้ว่าเป็น ‘โฆษก’ ของมังกรเทพยาดาในระดับหนึ่ง

 

หากจะกล่าวให้ถูกต้อง ก็เสมือนโฆษกของมังกรเทพยาดาที่ถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงให้!

 

นักรบมังกร 7 กรงเล็บเป็นโฆษกของมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บ นักรบมังกร 8 กรงเล็บ ก็เป็นโฆษกของมังกรเทพยดา 8 กรงเล็บ และนักรบมังกร 9 กรงเล็บก็เป็นดั่งโฆษกของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ!

 

“ต้วนหลิงเทียนสามารถแปลงกายเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้…ดูเหมือนว่าในประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรา เคยมีมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ!”

 

“ใช่ สำหรับพวกเรา มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บก็เสมือนสิ่งมีชีวิตในตำนาน…กาลก่อนพวกเราไม่อาจแน่ใจได้ด้วยซ้ำว่า มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเคยมีอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าของพวกเราจริงหรือไม่…”

 

“คราวนี้พวกเราได้ทราบแล้วว่าตำนานเป็นความจริง! ต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องได้รับถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงมาจากมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บแน่! ถึงได้แปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้แบบนี้!!”

 

“ให้ตายเถอะ สามารถแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้เชียวนะ! วาสนาของต้วนหลิงเทียนจะเลิศล้ำเกินไปแล้ว!!”

 

…………

 

ตอนนี้ในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกกร 9 กรงเล็บก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่ว

 

ยังนับเป็นข่าวที่น่าตื่นตระหนกนัก!

 

เพราะในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็ทำให้ผู้คนตระหนักได้ว่า…

 

เคยมีมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ ปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริงๆ! หาใช่ตำนานเหลวไหลดั่งนิทานปรัมปราแต่อย่างใด!!

 

และต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องได้รับการถ่ายทอดพรสวรรค์มังกรแปลงมาจาก มรดกของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บเป็นแน่ ถึงได้สามารถกลายร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บแบบนี้ได้!

 

เพราะนอกจากเรื่องนี้แล้วพวกมันไม่อาจคิดเป็นอื่นได้เลย

 

“แต่ศิษย์พี่หงชวี…ถูกต้วนหลิงเทียนกดดันถึงขั้นฆ่าตัวตายจริงๆหรือ?”

 

ในขณะเดียวกัน ในแท่นบูชาเต่าทมิฬก็มีหลายคนที่ไม่อาจปล่อยผ่านเรื่องราวครั้งนี้ไปได้ง่ายๆ ในใจของพวกมันสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง ยังคงคิดเข้าข้างหงชวีหมายเค้นหาความจริง

 

และคนเหล่านี้ก็คือศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่รักและเคารพหงชวี บ้างก็ยึดถือหงชวีเป็นแบบอย่าง

 

“ฮึ่ม! เจ้าหมายความว่าอะไร หรือยังไม่ใช่เพราะถูกศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกดดันจนฆ่าตัวตาย? ต้องดูด้วยว่าเป็นศิษย์พี่หงชวีคิดฆ่าศิษย์ต้วนหลิงเทียนก่อน ใจย่อมรู้ว่าต้องไม่ตายดีแน่! เช่นนั้นจะถูกศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกดดันมันแปลกอะไร!?”

 

นอกจากนี้ยังมีศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬที่เข้าข้างต้วนหลิงเทียน

 

“มิผิด! เพื่อฆ่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนแล้วศิษย์พี่หงชวีถึงขั้นใช้โอสถต้องห้าม จึกๆๆ…นี่นับว่าลงทุนครั้งใหญ่นัก! น่าเสียดายที่ต่อให้รับประทานโอสถต้องห้ามแล้วจะอย่างไรสุดท้ายก็ไม่ใช่คู่มือของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน!”

 

เมื่อเทียบกันแล้วก็เหมือนน้ำน้อยแพ้ไฟ คนที่อยู่ของต้วนหลิงเทียนในแท่นบูชาเต่าทมิฬตอนนี้ นับว่ามีมากกว่าผู้ที่เข้าข้างหงชวีมากนัก

 

ดั่งคำที่กล่าวไว้ว่า ชนะเป็นจ้าวแพ้เป็นโจร

 

รวมกับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้บริสุทธิ์

 

เช่นนั้นจึงมีคนที่เข้าข้างต้วนหลิงเทียนมากกว่าหงชวีอย่างเห็นได้ชัด คนที่คิดจะหาความเรื่องนี้จึงมีน้อยนัก

 

“ข้าหลงคิดว่าหงชวีเป็นศิษย์พี่ใหญ่ที่มากคุณธรรมมาตั้งนาน…แต่ไม่คิดเลยว่าธาตุแท้จะโหดเหี้ยมแบบนี้ เพื่อฆ่าศิษย์ด้วยกันถึงขั้นใช้โอสถต้องห้าม! ก่อนหน้านี้ข้าเหมือนคนหน้ามืดตามัวนัก!!”

 

“ข้าด้วย! กาลก่อนเสียแรงที่ข้ายึดถือศิษย์พี่ใหญ่หงชวีเป็นแบบอย่าง…ตอนนี้มองย้อนกลับไปช่างน่าขยะแขยงยิ่ง! ไฉนข้าถึงตาต่ำเห็นคนเช่นนี้เป็นแบบอย่างไปได้!”

 

นอกจากนี้ยังมีเหล่าศิษย์ที่เคยนับถือหงชวี พอได้รับทราบถึงการกระทำอย่างที่ไม่น่าอภัยให้ของหงชวี ใจของพวกมันถึงกับรับไม่ได้

 

การกระทำของหงชวี ทำให้พวกมันใจสลาย

 

แน่นอนว่ายังมีศิษย์บางกลุ่มที่คิดว่าเรื่องราวระหว่างหงชวีกับต้วนหลิงเทียนครั้งนี้มีลับลมคมใน และความผิดปกติหลายจุด

 

“ข้าล่ะยังสงสัยไม่หาย ทั้งสองคนสมควรไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ…แต่ไฉนศิษย์พี่หงชวีถึงได้ไปลงมือกับศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนถึงขั้นนั้นได้? กระทั่งโอสถต้องห้ามยังรับประทานลงไปอย่างไม่ลังเล! นี่ต้องมีความแค้นถึงขนาดไหนกัน? และที่สำคัญ ด้วยฐานะของศิษย์พี่หงชวี ไปหาโอสถต้องห้ามระดับนั้นมาได้อย่างไร…”

 

“นั่นสิ โอสถต้องห้ามนั่นราคาสมควรมหาศาลนัก และที่สำคัญหากคนมีความแค้นกันแต่แรกจริงๆ ไฉนต้องรอให้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนถูกกส่งไปยังเขตลงทัณฑ์ด้วยเล่า? อยู่ที่นี่มีโอกาสตั้งมากมายไฉนไม่ลงมือ?”

 

“ข้าก็คิดเช่นนั้น! ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลยิ่ง! พวกเจ้าจดจำได้หรือไม่…ว่าเมื่อวานนี้อาวุโสหลี่อันได้มาเยือนเขตที่พักเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเรา…กระทั่งยังเจาะจงไปยังตำหนักเอกอุของศิษย์พี่หงชวี!”

 

“เจ้าใช่หมายความว่า…ที่ศิษย์พี่หงชวีคิดฆ่าต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ เป็นเพราะถูกอาวุโสหลี่อันบีบบังคับหรือ?”

 

“ชู่ววว…เจ้าเบาหน่อย! คิดหาที่ตายหรือไร!?”

 

…………

 

เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬย่อมมีชนชั้นมากปัญญาอยู่บ้าง พวกมันสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวได้รวดเร็วจากเรื่องผิดปกติหลายอย่าง…หลี่อันมาหาหงชวี อยู่ดีๆหงชวีก่อเรื่องจนถูกส่งไปเขตลงทัณฑ์ สุดท้ายก็ลงมือด้วยคิดสังหารต้วนหลิงเทียน…รวมถึงเม็ดยาต้องห้ามที่เป็นปริศนาว่ามาจากไหน

 

เพราะสุดท้ายแล้วความบาดหมางและเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างหลี่อันกับต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่ความลับในแท่นบูชาเต่าทมิฬ

 

อย่างไรก็ตามแม้พวกมันจะเอะใจและคิดได้ว่าที่แท้สมควรเป็นเรื่องอะไร แต่พวกมันก็ไม่กล้าพูดออกไป

 

หากข่าวเรื่องนี้ลือกันออกไป และสุดท้ายหลี่อันพบว่าพวกมันเป็นต้นตอของข่าวลือล่ะก็ แม้ไม่ถึงตายแต่ก็ต้องถูกจับถลกหนัง!

 

พวกมันไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่กล้าแข็งข้อต่อต้านหลี่อัน!

 

ในขณะที่เหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬกำลังถกกันเรื่องต้วนหลิงเทียน ด้านหลี่อันก็คล้ายพึ่งกลับมาจากการเดินทาง…

 

มันกลับมายังไม่ทันได้นั่งพักอะไร ก็ได้ยินรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเขตลงทัณฑ์

 

แหล่งข่าวของมันก็คือคนที่มันส่งไปอยู่ในเขตลงทัณฑ์

 

“สัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้! เสียโอสถของข้าไปเปล่าๆ!!”

 

หลังทราบเรื่อหงชวีฆ่าตัวตาย ส่วนต้วนหลิงเทียนอยู่รอดปลอดภัย หลี่อันก็มีโมโหนัก

 

เปรี๊ยงงง!!

 

เสียสนั่นลั่นขึ้น โต๊ะหินอ่อนตัวใหม่ในลานของที่พักหลี่อัน ถูกมันใช้ฝ่ามือทุบฟาดจนแหลกเป็นฝุ่นอีกครั้ง ทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ใช้งานด้วยซ้ำ…

 

สัดใส่ข้าวที่หลี่อันสบถด่าย่อมหมายถึงหงชวี!

 

มันคิดว่าด้วยพลังฝีมือของหงชวี หากใช้โอสถกุ่ยจินที่มันหามาได้อย่างยากลำบาก พลังของอีกฝ่ายสมควรพุ่งขึ้นไปแตะขอบเขตครึ่งก้าวเซียนสวรรค์ จนการฆ่าต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นเรื่องราวอันง่ายดาย!

 

อนิจจาผู้ใดจะทราบว่าสวรรค์กลับเล่นตลกกับมัน!

 

กระทั่งหงชวีที่กินโอสถต้องห้ามไปแล้ว ยังไม่ใช่คู่มือของต้วนหลิงเทียน!

 

เพราะต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!

 

ในช่วงเวลาสำคัญของการต่อสู้ ต้วนหลิงเทียนกลับแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ จนสามารถต้านรับกระบวนท่าไม้ตายของหงชวีที่รับประทานโอสถต้องห้ามไปแล้วได้อย่างหมดจด!

 

เมื่อกระทั่งท่าไม้ตายของหงชวียังไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ เช่นนั้นหมายความว่ามันสิ้นทางฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้ว

 

“และตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่น…มันกลับเป็นถึงนักรบมังกกร 9 กรงเล็บ! ไม่พ้นสารเลวนั่นต้องได้รับสืบทอดมรดกจากมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บที่เหลือทิ้งไว้แน่…ระยำ ไฉนวาสนามันถึงได้ดีนัก!”

 

เมื่อนึกคิดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บขึ้นมา สีหน้าหลี่อันกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากนัก!

 

“ต้วนหลิงเทียนมันต้องถูกกำจัด…ต้องถูกกำจัดทิ้งก่อนที่มันจะทันได้เติบโต!”

 

หลี่อันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หากแต่ฟันยังขบกันเสียงดังจนกรามแทบแตก

 

พรสวรรค์ในเชิงยุทธ์ ไหวพริบปฏิภาณ และพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียน…เดิมทีก็ทำให้มันหวาดกลัวมากอยู่แล้ว

 

มาตอนนี้พอได้รู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บเข้าไปอีก ใจมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวสะท้าน ความหวาดกลัวยิ่งมายิ่งลุกลามครอบงำจิตใจ!

 

หากความขัดแย้งระหว่ามังกับต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงความขัดแย้งเล็กๆ เมื่อคำนึงถึงตัวตนของต้วนหลิงเทียนที่เป็นถึงนักรบมังกร 9 กรงเล็บล่ะก็ มันยินดีละทิ้งเรื่องราวความบาดหมางทั้งมวล และไม่ลังเลที่จะไปหาต้วนหลิงเทียนเพื่อยุติความแค้น…

 

หลังจากทั้งหมดแล้ว มันก็ไม่ทราบจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนใช่มีสัมพันธ์อะไรกับเผ่าพันธุ์มังกรหรือไม่!

 

ถึงแม้เผ่าพันธุ์มังกรทุกวันนี้จากที่มันทราบ กระทั่งมังกรเทพยดาอาวุโสที่มี 7 กรงเล็บก็เหลืออยู่ไม่มาก ทำให้แข็งแกร่งกว่าขุมพลังชั้น 1 แค่เล็กน้อย…แต่มรดกที่ตกทอดกันมาของเผ่าพันธุ์มังกรยังทำให้มันกริ่งเกรง!

 

แม้ในบรรดา 3 ลัทธิ ไม่ว่าลัทธิใดผิวเผินล้วนเข้มแข็งกว่าเผ่าพันธุ์มังกรทั้งสิ้น แต่ก็ไม่มีใครกล้าล่วงเกินเผ่าพันธุ์มังกรอย่างผลีผลาม

 

เผ่าพันธุ์มังกรนับเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่มาแต่โบราณ และลึกลับนัก

 

ชาติพันธุ์มังกรกล่าวได้ว่าดำรงอยู่ก่อนที่จะมีลัทธิบูชาไฟเสียอีก เรียกว่าอยู่ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามาเนิ่นนานเพียงใดก็ไม่อาจมีใครล่วงรู้!

 

ชาติพันธุ์โบราณและลึกลับเช่นนี้ ใครจะมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เก็บงำซุกซ่อน ‘ความลับอันยิ่งใหญ่’ อันใดไว้?

 

……

 

อย่างไรก็ตาม ใจหลี่อันยังกระจ่างในเรื่องหนึ่ง

 

ระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนนั้นต้องตายกันไปข้าง! ไม่เหลือที่ว่างให้ประนีประนอมใดๆทั้งสิ้น!!

 

สิ่งที่มันต้องกระทำให้ได้ตอนนี้คือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายโดยเร็วที่สุด!

 

มิฉะนั้นถึงวันที่ต้วนหลิงเทียนเติบโตก้าวหน้ามากพอเมื่อไหร่ มันได้ตายแน่!

 

“หงชวีกับต้วนหลิงเทียนมันหยุดมองหน้ากันพักหนึ่งก่อนฆ่าตัวตาย…สมควรเป็นมันพล่ามเรื่องราวไม่เข้าท่าออกมาแน่”

 

แม้หลี่อันจะไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุตอนต้วนหลิงเทียนปะทะกับหงชวี แต่มันก็คาดการณ์ได้ราวตาเห็น

 

เพราะมันรู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องราวทั้งหมดดี ด้วยรายงานของหูตาที่มันส่งไปยังเขตลงทัณฑ์ กระทั่งรายละเอียดปลีกย่อยก็ไม่ได้มองข้าม

 

“เหอะ! สัดใส่ข้าวที่ใช้การไม่ได้นั่นสมควร ‘ขาย’ ข้าไปแล้ว…ไม่พ้นมันต้องเล่าเรื่องทั้งหมดกระทั่งร้องขอให้ต้วนหลิงเทียนพยายามหาทางแจ้งข่าวเพื่อให้ครอบครัวของมันหลบหนีแน่!”

 

“แต่มันคิดจริงๆหรือว่าหลังจากที่มันฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ ข้ายังจะปล่อยให้สกุลหงเหลือรอด? ข้าหลี่อันไหนเลยจะโง่เขลาจนไม่เข้าใจความจริงเรื่องตัดหญ้าต้องขุดรากถอนโคน!”

 

ขณะคิดถึงจุดนี้มุมปากของหลี่อันก็เผยรอยยิ้มแสยะ สองตายังหรี่ลงเผยประกายเยียบเย็น

 

เมื่อวานนี้หลังไปกำชับหงชวีตอนที่ถูกส่งตัวไปยังเขตลงทัณฑ์แล้ว มันก็ได้เร่งรุดไปเยือนสกุลหง และฆ่าล้างคนสกุลหงจนราบคาบ! กระทั่งบ่าวไพร่แม้แต่สุนัขมันก็ฆ่าทิ้งไม่มีเหลือ!!

 

สกุลหงนั้นตั้งอยู่ในเขตตะวันตกของลัทธิบูชาไฟ และระยะทางก็ไม่ได้ไกลอะไรมากมาย มันที่ใช้ความเร็วสูงสุดเพียงครึ่งวันก็บรรลุถึงสกุลหง…ส่วนการฆ่าล้างสกุลหงนั้นมันยังใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ!

 

และตอนนี้มันก็พึ่งกลับมาจากการฆ่าล้างสกุลหงหยกๆ กระทั่งยังไม่ได้นั่งพักอะไร

 

“หงชวีเจ้าคงไม่คิดไม่ฝันสินะ…ว่าถึงต่อให้เจ้าร้องขอต้วนหลิงเทียนให้หาทางไปแจ้งข่าวเพื่อช่วยสกุลหงของเจ้า แต่ตระกูลของเจ้าก็ไม่อาจรอดพ้นหายนะไปได้!”

 

ขณะที่พึมพำกล่าวถึงจุดนี้ ยิ้มเย็นชาที่มุมปากของหลี่อันพลันฉีกกว้างขั้น

 

“อย่างไรก็ตาม…เรื่องนักรบมังกร 9 กรงเล็บนั่น ข้าสงสัยว่ามันจักมิได้พบเจอมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บอันใด สมควรเป็นมรดกที่เหลือทิ้งไว้เสียมากกว่า!”

 

ไม่นานหลี่อันก็ดึงความคิดกลับมายังเรื่องสำคัญ

 

มันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าเข้มขรึม แววตาทอประกายลี้ลับออก “ตำนานเรื่องมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บมีก่อนที่ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะถูกแบ่งออกเป็น 2…และตั้งแต่ที่มีภูมิภาคเบื้องบน ก็ไร้ซึ่งร่องรอยของมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บอะไร”

 

“หมายความว่ามังกรเทพยดา 9 กรงเล็บมิเคยปรากฏกายขึ้นในภูมิภาคเบื้องบนมาก่อน…นั่นหมายความว่าถึงต้วนหลิงเทียนจะได้รับมรดกตกทอดมาจริง แต่มันก็สมควรได้รับมาจากภูมิภาคเบืองล่างเท่านั้น!”

 

“ต้วนหลิงเทียนนั่นอาจเป็นคนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่าง!”

 

คิดถึงจุดนี้หลี่อันก็หยิบแผ่นหยกหนึ่งขึ้นมาและบันทึกข้อสันนิษฐานของมันลงไป ก่อนที่จะให้คนนำป้ายหยกบันทึกข้อความนี้ของมันส่งไปยังวังอุดรไพศาล…ระบุผู้รับเป็น อาวุโสลำดับที่ 5!

 

ในป้ายหยกบันทึกข้อความนี้ มันยังกล่าวกำชับหยางชงเอาไว้ว่า…

 

หากไม่อาจค้นพบความเป็นมาใดๆของต้วนหลิงเทียนในภูมิภาคเบื้องบน ให้ลองไปค้นหาในภูมิภาคเบื้องล่างดู!

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองคราวนี้กระทั่งหลับก็ยังไม่อาจฝันถึง ว่าหลี่อันเองก็ไม่ใช่ชนชั้นโง่เขลาเบาปัญญา มันสามารถสรุปได้ว่าเขาอาจจะเป็นคนที่มาจากภูมิภาคเบื้องล่าง จากข้อเท็จจริงเรื่องเขาเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บ!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด