War sovereign Soaring The Heavens 2029

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2029 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,029 : ใบหน้าชุ่มโชกไปด้วยเลือด

 

ในขณะพลังเซียนสุริยันทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนเพิ่มพูนขึ้นถึงขีดสุด เหล่าศิษย์ชั้นยอดในวังชินหั่วก็รู้สึกเสมือนมีอะไรวูบผ่านไปเบื้องหน้า เป็นต่งหลินที่พุ่งไปดั่งสายฟ้าฟาดเจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน!

 

ทันใดนั้นเอง

 

ฝ่ามือต่งหลินห่างจากร่างต้วนหลิงเทียนเพียงฉื่อเดียวเท่านั้น!

 

ตึงงงง!!

 

พร้อมกันกับเสียงสนั่นลั่นดังขึ้นก้องวังชินหั่ว เป็นร่างต่งหลินที่อยู่ๆก็กระทืบเท้าหยุดร่างเต็มกำลัง! เสียงกระทืบยังดังสนั่นปานฟ้าร้องพาลให้แก้วหูผู้คนในวังชินหั่วสะท้านไปไม่น้อย!!

 

และทันใดนั้นเองเหล่าศิษย์ชั้นยอดในวังชินหั่วไม่เว้นอาวุโสเพลิงทองแดง ก็แลเห็นว่า…

 

ใต้เท้าทั้ง 2 ข้างของต่งหลินยามนี้บังเกิดรอยแตกร้าวแผ่ขยายโยงไยออกไปราวไยแมงมุม แลดูน่ากลัวนัก!

 

ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด! ฟืด!

 

 

ครู่ต่อมาเสียงสูดอากาศอย่างตื่นตระหนกพลันระงมไปทั่ววังชินหั่ว

 

ถึงแม้กระเบื้องปูพื้นของวังชินหั่วจะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับพื้นของสังเวียนเป็นตาย แต่มันก็ทำขึ้นจากวัตถุดิบที่หาได้ยากและมีความแข็งแรงทนทานเป็นที่สุด อาวุธธรรมดายังยากจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ได้

 

ทว่าตอนนี้รอยแตกร้าวอันน่าสยดสยองปานใยแมงมุมกลับเกิดขึ้นจากเท้าของต่งหลิน!

 

จากเรื่องนี้เผยให้เห็นชัดเจน ว่าพลังของต่งหลินดุร้ายรุนแรงถึงเพียงใด

 

“นั่นมัน…”

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต่งหลินหยุดร่างลง

 

ศิษย์ชั้นยอดหลายคนที่ตาดีย่อมแลเห็นได้ชัด…ผมของต่งหลินขาดร่วงลงมาเป็นปอยๆ หากมองจากเส้นผมที่เหลืออยู่บริเวณหน้าผาก จะพบรอยตัดเป็นเส้นตรงหนึ่งที่คล้ายถูกบางสิ่งที่คมกริบวาดผ่าน!

 

“ต้วนหลิงเทียน…ฟะ…ฟันกระบี่ออกไปแล้ว?”

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดหลายคนที่ตระหนักได้ว่าเมื่อครู่สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนใช้กระบี่ฟันผมของต่งหลินอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ! เหงื่อเย็นเม็ดเขื่องผุดโผล่ขึ้นจากหน้าผาก!!

 

และตอนนี้ทุกคนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจน ว่าหน้าผากต่งหลินเองก็ปรากฏเหงื่อเม็ดเขื่องผุดโผล่ร่วงไหลไปตามแก้มไม่หยุดปานสายฝน!

 

จากอาการดังกล่าวเผยให้รู้ว่าต่งหลินหวาดกลัวถึงเพียงใด!

 

หาไม่แล้วเหงื่อมันคงไม่ทะลักท่วมออกมาในพริบตาเช่นนี้!!

 

“อะไร!? เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนฟันกระบี่ออกไปแล้วเหรอ?”

 

“ไฉนพวกเราถึงไม่ได้ยินเสียงตวัดกระบี่เลยเล่า!?”

 

“เจ้าเป็นตัวโง่งมหรือไร เสียงตวัดกระบี่ไม่พ้นถูกเสียงกระทืบพื้นของต่งหลินกลบไปหมดสิ้น! ข้าก็สงสัยอยู่แล้วไฉนอาวุโสต่งหลินถึงได้หยุดร่างด้วยการกระทืบพื้นเช่นนั้น ที่แท้เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนตวัดกระบี่ออกมา!”

 

“เส้นผมตรงหน้าผากที่ขาดร่วงลงมานั่น…สมควรถูกกระบี่ต้วนหลิงเทียนตัดไปไม่ผิดแน่! ตอนนี้อาวุโสต่งหลินหวาดกลัวจนเหงื่อโชกก็ไม่แปลก! เพราะเมื่อครู่หากต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าคนจริง มันไม่มีทางรอดชีวิตแน่!!”

 

“เรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ยังต้องกล่าวอีกหรือ แม้พลังฝีมืออาวุโสต่งหลินจะไม่ใช่ชั่ว แต่ให้กล่าวก็ยังมิอาจเทียบเวินเยี่ยนที่ติดอันดับ 9 ในทำเนียบยอดฝีมือได้…กระทั่งเวินเยี่ยนยังสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ แล้วอาวุโสต่งหลินจะเอาอะไรไปสู้”

 

“รู้ทั้งรู้ว่าไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียนแต่ยังกล้าคิดลงมือก่อน…ข้าล่ะชื่นชมความกล้าหาญของอาวุโสต่งหลินจริงๆ! อย่างไรนับว่ามันยังโชคดีนักที่หยุดร่างเอาไว้ได้ทัน หาไม่แล้วที่ขาดคงไม่ใช่แค่เส้นผม!!”

 

 

ถึงแม้ในสายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดไม่เว้นอาวุโสเพลิงทองแดงของวังชินหั่วจะเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเสมือนยืนถือลูกแก้ววิญญาณอยู่เฉยๆไม่ได้ลงมืออะไร

 

ทว่าพวกมันรู้ดี

 

เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนสมควรใช้เพลงกระบี่ไวอันเลิศล้ำที่ร่ำลือ ฟันออกไปโดยที่พวกมันไม่อาจมองตามได้ทัน!

 

“อั๊ค!”

 

ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางสายตาผู้คน ต่งหลินที่หยุดร่างลงโดยมีเหงื่อเย็นชุ่มโชกท่วมหน้า อยู่ดีๆก็กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง! การฝืนหยุดร่างกระทันหันทั้งที่โถมมาเต็มกำลัง ไหนเลยจะไม่ได้รับผลสะท้อนจากพลังตีกลับ!!

 

และโลหิตที่กระอักออกจากปากเต็มคำย่อมพุ่งไปทางต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องหน้า

 

แน่นอนว่ามันเป็นเพียงโลหิตธรรมดาไร้ซึ่งพลังแฝงเร้นใดๆ

 

“ฮึ่ม!”

 

เห็นดังกล่าวต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้นมาสะบัดอย่างไร้เรื่องราว บังเกิดสายลมหอบหนึ่งพัดโลหิตคำโตที่กระอักออกให้ลอยย้อนกลับไปสาดหน้าของต่งหลิน!

 

ทันใดนั้นทั้งโลหิตที่กระอักออกทั้งเหงื่อที่ไหลชุ่มโชกก็ผสมปนเปกันไปเลอะเทอะ ไหลย้อยลงมาเปรอะเปื้อนเนื้อตัวต่งหลินจนสภาพดูไม่ได้!

 

ถึงแม้ชุดเครื่องแต่งกายของอาวุโสกับเหล่าศิษย์ของลัทธิบูชาไฟจะมีส่วนที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทว่าล้วนเป็นเสื้อคลุมสีขาวเหมือนกันทั้งสิ้น! ยามเมื่อถูกเลือดสีแดงย้อมเช่นนี้ จึงเป็นอะไรที่เด่นชัดนัก!!

 

ตอนนี้สภาพของต่งหลินที่ทุกคนแลเห็นคือใบหน้าทั้งร่างกายชุ่มโชกไปด้วยเลือด

 

เห็นดังกล่าวเสียงอื้ออึงทั้งวังชินหั่วก็เงียบไปอีกครั้ง

 

น่าสมเพชนัก!

 

ความคิดข้างต้นผุดขึ้นในหัวของผู้คนในวังชินหั่วอย่างพร้อมเพรียง พวกมันรู้สึกว่าสภาพของต่งหลินยามนี้แลดูน่าสมเพชไม่น้อย…

 

แน่นอนถึงแม้พวกมันจะรู้ว่าตอนนี้ต่งหลินสมควรอับอายไม่น้อย แต่ก็ไม่มีใครคิดจะเห็นใจมันสักคน…เพราะสุดท้ายแล้วตัวต้นเหตุที่สร้างปัญหาในวันนี้ก็คือต่งหลินไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน

 

หากต่งหลินไม่คิดใช้อำนาจโดยมิชอบตัดสิทธิ์เข้าทำงานในหอคุมกฏของต้วนหลิงเทียนก่อน มีหรือต้วนหลิงเทียนจะมีเรื่องบาดหมางกับมัน จนเกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้น…

 

“เจ้าคิดทำอะไร!?”

 

ภายใต้สายตาของทุกคน ต่งหลินที่หน้าชุ่มโชกไปด้วยเลือดตัวเองจนทำให้อับอายขายขี้หน้าไม่น้อย พลันตะคอกคำเสียงเย็นถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยโทสะ

 

สองตาของมันยามนี้ดุร้ายร้อนแรงปานเพลิงไฟ! มองจ้องมายังต้วนหลิงเทียนเขม็งราวกับมันอยากจะเผาคนให้วอดวาย!!

 

“ข้าคิดทำอะไรน่ะหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มขำออกมาทันทีเมื่อได้ยินคำถามของต่งหลิน “อาวุโสต่งหลิน แล้วท่านว่าข้าคิดทำอะไรได้เล่า?”

 

“อันที่จริงหากไม่มีอะไรแล้ว ท่านคิดออกไปจากวังชินหั่วย่อมสามารถไปได้…ไหนเลยข้าจะมาขวางท่าน”

 

ขณะกล่าววาจาถึงประโยคนี้ น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชา “แต่…คำสั่งที่ท่านกำชับอาวุโสเพลิงทองแดงที่โต๊ะรับรองให้ตัดสิทธิ์ข้าจากการทำงานของหอคุมกฏยังมีผลอยู่! ท่านต้องไปยกเลิกมันอย่างเป็นทางการเสียก่อน!!”

 

“ไม่ใช่ท่านบอกเองหรือไงว่าเหตุผลที่ข้าไม่อาจทำงานที่หอคุมกฏได้เพราะรากวิญญาณของข้าเป็นสีเหลือง ตอนนี้ข้าได้พิสูจน์แล้วไง ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าเป็นสีน้ำเงินไม่ใช่สีเหลือง เช่นนั้นก็ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าควรได้สิทธิ์เข้าทำงานที่วังชินหั่วคืนมารึไง?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามต่งหลินออกมาอย่างไม่ไว้หน้า

 

ได้ยินคำถามด้วยทีท่าไม่เห็นหัวของต้วนหลิงเทียน ทำให้ต่งหลินโมโหแทบกระอักเลือดออกมาอีกรอบ

 

ว่ากันตามตรง

 

เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะได้ทำงานที่หอคุมกฏหรือไม่ สำหรับมันไม่ใช่เรื่องแค่เล็กน้อยหรือไร?

 

กระทั่งเมื่อครู่มันเป็นฝ่ายส่งเสียงไปประนีประนอมกับต้วนหลิงเทียนก่อนแล้ว กระทั่งยังบอกว่าจะแนะนำอีกฝ่ายให้เข้าทำงานที่หอคุมกฏด้วยตัวเอง…

 

แต่มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงจะไม่ยอมรับ

 

อีกฝ่ายยังบีบคั้นให้มันจำนนต่อหน้าต่อตาทุกคน!

 

เห็นได้ชัดว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะตบหน้ามัน!

 

“อะไร? หรืออาวุโสต่งหลินคิดว่าลูกแก้ววิญญาณที่ข้าใช้ทดสอบมีปัญหา?”

 

เมื่อเห็นว่าต่งหลินเงียบไปอยู่นาน ต้วนหลิงเทียนพลันยกลูกแก้ววิญญาณขึ้นมาค่อยถามออกไปเสียงเรียบ “หากท่านคิดว่าลูกแก้ววิญญาณในมือข้ามีปัญหา…เช่นนั้นท่านก็นำลูกแก้ววิญญาณของท่านออกมาเถอะ”

 

“ข้าเชื่อว่า…อาวุโสต่งหลินที่เป็นถึงอาวุโสคุมกฏ สมควรมีลูกแก้ววิญญาณสำหรับทดสอบพรสวรค์รากวิญญาณติดตัวอยู่บ้างใช้หรือไม่?”

 

ถึงแม้น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนจะสงบราบเรียบ ทว่ายามดังในหูต่งหลินแทบไม่ต่างใดจากฟ้าร้อง

 

ในสายตาของมัน

 

ต้วนหลิงเทียนคิดจะผลักไสไล่ต้อนมันให้จนตรอก!

 

หากจะบอกว่าตอนแรกมันยังไม่มั่นใจนักว่ารากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเป็นสีน้ำเงินจริงๆหรือไม่ แต่หลังได้ยินวาจาท้าทายนี้ของต้วนหลิงเทียน…มันก็รู้ชัดเจนแล้ว

 

รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นสีน้ำเงินจริงๆ!

 

หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนคงไม่กล้าแข็งข้อต่อต้านมันอย่างก้าวร้าวขนาดนี้!!

 

“แล้วถ้าหากข้าเดาไม่ผิด…อาวุโสต่งหลินถ้าไม่พึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ ก็สมควรพึ่งกลับมาจากการเดินทางเมื่อไม่กี่วันก่อนใช่หรือไม่?”

 

เมื่อเห็นว่าต่งหลินยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่นาน ต้วนหลิงเทียนจึงมองต่งหลินค่อยแสยะยิ้มถามออกมาอีกครั้ง

 

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?”

 

ตอนนี้กระทั่งต่งหลินยังอดอึ้งไปไม่ได้ ด้วยไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงเดาได้ว่ามันพึ่งกลับมาจากการเดินทาง!

 

“หากไม่ใช่ท่านพึ่งออกจากการปิดด่านหรือพึ่งกลับมาจากการเดินทางไกลเมื่อไม่กี่วันก่อน…เป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะไม่รู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของข้าเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงิน”

 

แม้ต่งหลินจะเผลอถามออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังยิ้มตอบกลับไป

 

“บางทีคนส่วนใหญ่ในลัทธิบูชาไฟอาจรู้แค่ว่าข้ามีรากวิญญาณสีเหลือง…”

 

“แต่คนในหอคุมกฏของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หากไม่นับคนที่กำลังปิดด่านบ่มเพาะกับคนที่ไม่อยู่ในลัทธิ ข้าเชื่อว่ากว่า 9 ส่วนสมควรรู้เรื่องที่ข้ามีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินกันหมดแล้ว”

 

“คนที่ไม่รู้สมควรมีแค่ผู้ที่พึ่งออกจากการปิดด่านฝึกตน หรือไม่ก็ผู้ที่พึ่งเดินทางกลับมาถึงลัทธิเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้น”

 

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาจบคำ สรรพเสียงในวังชินหั่วพลันเงียบไปอีกครั้ง

 

“อะไร? คนในหอคุมกฏกว่า 9 ส่วนสมควรรู้เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินงั้นเหรอ? แล้วไฉนเจ้ามั่นใจนักหนายามบอกข้าว่ามันมีรากวิญญาณสีเหลือง?”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนสีหน้าต่งหลินเปลี่ยนอัปลักษณ์ปั้นยากทันที มันหันไปถลึงตามองพร้อมส่งเสียงผ่านพลังถามเฉินเผิงด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง แววตาของมันยังเผยประกายวูบวาบ ทำให้เฉินเผิงหวาดกลัวไม่น้อย

 

“อาวุโสต่งหลินอย่าได้ไปฟังมัน ล้วนเป็นคำกล่าวเหลวไหลทั้งสิ้น!”

 

เฉินเผิงรีบส่งเสียงกล่าวตอบออกมาทันที “พรสวรรค์รากวิญญาณของมันถูกตรวจสอบต่อหน้าอาจารย์ของข้าถึง 2 ครั้ง และผลลัพธ์ก็ล้วนออกมาว่ามันมีรากวิญญาณสีเหลืองทุกรอบ! เรื่องนี้ไม่ผิดพลาด! เรื่องนี้ไม่ผิดพลาดแน่!!”

 

เฉินเผิงที่เร่งส่งเสียงกล่าวตอบกลับไปยังคงยืนยันในสิ่งที่มันรู้มา

 

ต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็นการสบตาของทั้งคู่ไหนเลยจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังส่งเสียงคุยกัน เขาหันไปมองถามเฉินเผิงอย่างประจวบเหมาะ “เฉินเผิงหากให้ข้าเดา…เจ้าเองก็สมควรพึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะ หรือไม่ก็พึ่งกลับมาจากการเดินทางเมื่อมนานมานี้และยังไม่ได้ไปหาหลี่อันอาจารย์ของเจ้า ก่อนที่จะมาหาเรื่องข้างั้นสินะ?”

 

“ผู้ใดมาหาเรื่องเจ้ากัน! ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้ใส่ร้ายข้า!!”

 

เฉินเผิงรีบปฏิเสธออกมาอย่างร้อนตัว และตอนนี้เองสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งก็ผุดขึ้นในใจ

 

นั่นเพราะก่อนที่มันจะมาหาเรื่องต้วนหลิงเทียน มันพึ่งออกจากการปิดด่านบ่มเพาะอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ

 

นอกจากนั้นมันก็ไม่ได้ไปหาอาจารย์ของมันก่อนที่จะมาหาเรื่องต้วนหลิงเทียนถึงที่นี่แต่อย่างใด

 

เดิมมันคิดมาหาเรื่องทำให้ต้วนหลิงเทียนเดือดเนื้อร้อนใจเสียบ้าง ค่อยเอาเรื่องดีดังกล่าวไปรายงานให้อาจารย์รับทราบ สร้างความพึงพอใจให้อาจารย์

 

ทว่าเฉินเผิงมันก็ไม่ได้รู้เลย…

 

ถึงแม้ว่ามันจะไปหาหลี่อันอาจารย์ของมัน แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะได้พบเจออาจารย์ของมันเร็วๆนี้! นั่นเพราะหลี่อันได้ออกเดินทางไปยังภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตั้งแต่หลายวันก่อน!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด