War sovereign Soaring The Heavens 2035

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2035 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,035 : หลิวอวิ๋นก็อยู่ที่นี่ด้วย!

 

เมื่อก้าวเข้ามาในหอคุมกฏ สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาของต้วนหลิงเทียนก็คือห้องโถงรับรองอันโออ่า มีโต๊ะรับรองตั้งเรียงรายอยู่ทั้ง 3 ด้าน มีอาวุโสเพลิงทองแดงยืนประจำอยู่หลังโต๊ะรับรองดังกล่าวหลายคน

 

อย่างไรก็ตามวันนี้ด้านหน้าโต๊ะรับรองกลับไม่ค่อยมีคนอยู่เลย

 

มีเพียง 3 คนที่กำลังยืนอยู่ด้านข้างหน้าโต๊ะรับรองด้านหนึ่ง จากชุดที่สวมใส่เผยให้รู้ว่าพวกมันล้วนเป็นศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม พวกมันที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะรับรองก็ไม่ได้ทำเรื่องอะไร คล้ายเฝ้ารออะไรบางอย่าง

 

“เฮ่…เจ้านั่นหน้าคุ้นๆนะ…”

 

ทันใดนั้นเอง 1 ใน 2 ศิษย์ที่แท้จริงที่เหินผ่านต้วนหลิงเทียนและเข้ามาในหอคุมกฏก่อนเขา ก็หันมามองที่เขาทันทีตามสัญชาตญาณหลังจากที่เขาก้าวเข้ามาในห้องโถงรับรอง

 

มันรู้สึกคุ้นๆหน้าต้วนหลิงเทียนไม่น้อยแต่นึกไม่ออกว่าเคยพบเจอต้วนหลิงเทียนที่ไหน

 

ศิษย์ที่แท้จริงที่มากับมัน พอได้ยินก็หันกลับมามองตามมันทันที

 

และทันทีที่ศิษย์ที่แท้จริงคนดังกล่าวเห็นต้วนหลิงเทียน คิ้วของมันพลันขมวดย่นยู่ ครู่ต่อมาสองตาของมันก็เบิกโพลงปานลูกวัวแรกกเกิด

 

“จะ…เจ้านั่นมันต้วนหลิงเทียนไม่ใช่เรอะ!?”

 

กระทั่งยังอุทานออกมาเสียงดังอย่างอดไม่ได้!

 

ต้วนหลิงเทียน!

 

ด้วยอารามตกใจเสียงของศิษย์ที่แท้จริงคนนี้จึงโพล่งขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ระวัง จึงดังก้องไปทั้งห้องโถงรับรองอันกว้างใหญ่

 

และวาจาอุทานของมันไม่เพียงดึงสติของสหายที่กำลังนึกอยู่ให้กลับมา ยังดึงดูดความสนใจศิษย์ที่แท้จริงอีกคน ไม่เว้นอาวุโสของหอคุมกฏที่ประจำอยู่ด้านหลังโต๊ะรับรอง ให้หันมองไปยังต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเข้ามาด้วยความสนใจทันที

 

พริบตาต้วนหลิงเทียนก็เป็นจุดสนใจของผู้คนทั้งหมดในโถงรับรอง

 

“หือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้คาดหวังไว้เลยว่าเขาพึ่งเข้ามาได้ไม่ทันไรก็ถูกผู้คนจดจำได้ทันทีแบบนี้ มุมปากยกยิ้มบางๆ กวาดตามองทุกคนพร้อมพยักหน้าเบาๆเป็นการทักทาย

 

ทีท่าสุภาพของเขาทำให้ทุกคนอึ้งไปไม่น้อย

 

“เจ้านั่นคือต้วนหลิงเทียนจริงๆหรือ?”

 

ศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 3 คนไกลๆ หันมองหน้าสบตากันด้วยความตกตะลึง หนึ่งในนั้นไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่จึงถามออกมาตรงๆ

 

“สมควรเป็นมันไม่ผิดแน่! ข้าเคยเห็นมันที่หน้าประตูทางออกวังชินหั่วมาก่อน!!”

 

“ไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่กล้าหาเรื่องเวินเยี่ยนอย่างไร้เหตุผลจะเป็นคนเช่นนี้ ตอนแรกข้าหลงคิดว่ามันหยิ่งยโสถือดีอันไหน แต่มันกลับแลดูเรียบๆร้อยๆ กระทั่งทักทายผู้อื่นก่อนอย่างมากอัธยาศัย…”

 

“เจ้าเชื่อหรือว่าต้วนหลิงเทียนจะลงมือกับเวินเยี่ยนอย่างไร้เหตุผลจริงๆ?”

 

“นั่นสิ วันนั้นเวินเยี่ยนก็กกล่าวออกมาแล้ว ว่านางไม่เคยพบเจอต้วนหลิงเทียนมากก่อน ยังจะไปมีเรื่องราวอันใดได้…”

 

“จากนิสัยของเวินเยี่ยน ข้าเชื่อว่านางสมควรไปทำให้ต้วนหลิงเทียนคับแค้นมาก่อนแน่นอน แต่ทว่ากระทั่งนางเองก็สมควรไม่รู้ตัว…เพราะบางทีในตอนนั้นเวินเยี่ยนคงไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตา ทำให้เวินเยี่ยนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ใด”

 

ศิษย์ที่แท้จริง 3 คนผลัดกันกล่าวเสนอความเห็น

 

เรียกว่าเจอต้วนหลิงเทียนพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ ทำให้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงแลดูสุภาพผิดจากข่าวลือที่อยู่ๆก็ไปขวางทางผู้คนทั้งลงมือตบหน้าอย่างอุกอาจ…

 

กระทั่งอาวุโสเพลิงทองแดงหลายคนที่ประจำอยู่ที่โต๊ะรับรองก็ประหลาดใจไม่น้อย

 

“นี่หรือต้วนหลิงเทียนคนนั้น”

 

“เป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ?”

 

……

 

จังหวะนี้อาวุโสทั้งหลายก็รู้สึกเหลือเชื่อไม่ต่างจากศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 3

 

“อาวุโส นี่เอกสารรับรองจากวังชินหั่วของข้า”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่นำพาอาการประหลาดใจของคนอื่น เขาเดินไปยังโต๊ะรับรองที่มีศิษย์ที่แท้จริง 3 คนยืนรออยู่ก่อน ค่อยสะบัดมือเรียกเอกสารรับรองออกมาอีกครั้งแล้วส่งมอบไปให้อาวุโสประจำโต๊ะ

 

อาวุโสเพลิงทองแดงเมื่อรับมาก็ตรวจสอบครู่หนึ่ง จึงกล่าว “ทั้งหมดถูกต้องเรียบร้อย เป็นเอกสารรับรองที่ออกให้โดยวังชินหั่วจริงๆ”

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้ารออยู่ที่นี่สักครู่ เมื่อศิษย์ที่แท้จริงชุดเก่าทั้ง 10 ออกมาแล้ว จะมีคนพาเจ้าไปทำหน้าที่ๆได้รับมอบหมายแทนตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 10 นั่น”

 

อาวุโสคุมเพลิงทองแดงประจำโต๊ะรับรองของหอคุมกฏกล่าวบอกต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงทั้งท่าทีสุภาพ

 

เห็นท่าทีปฏิบัติที่ต้วนหลิงเทียนได้รับ ทำให้ศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 3 ที่ยืนรอยอยู่ก่อนเบ้ปากทันที ใบหน้าของพวกมันยังฉายความอิจฉาออกกมาไม่น้อย แต่พวกมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนสมควรได้รับการปฏิบัติเช่นนี้แล้ว

 

ใครให้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกล้าแข็งนักเล่า…

 

“รบกวนอาวุโสแล้ว”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้อาวุโสประจำโต๊ะรับรองด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะผละตัวออกไปยืนรอด้านข้างเหมือนกับศิษย์ที่แท้จริง 3 คนก่อนหน้า

 

เห็นต้วนหลิงเทียนมายืนรอข้างๆใกล้ๆแบบนี้ศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 3 ที่ยืนรออยู่ก่อนแม้จะคันปากอยากถามนู่นนี่นั่นจากต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันก็ไม่กล้าพูดอะไร เพียงส่งเสียงผ่านพลังกล่าวกันเงียบๆ…

 

ขณะเดียวกันก็มีศิษย์ที่แท้จริงอีก 2 คนพึ่งมาถึงและมาลงทะเบียนเช่นกัน

 

ตอนนี้ศิษย์ที่แท้จริงที่คิดเข้าทำงานในหอคุมกฏรอบนี้ จาก 10 คนก็มาถึงแล้วทั้งสิ้น 6 คน

 

และด้วยการคงอยู่ของต้วนหลิงเทียน เสียงในโถงรับรองแห่งนี้กลับเงียบเหงาอยู่บ้าง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาสักคำ…เรียกว่าเงียบสนิท!

 

จนกระทั่งเมื่อศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 7 ได้มาถึง

 

อย่างไรก็ตามเมื่อได้เห็นการมาถึงของศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 7 ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง!

 

ไม่ใช่เพราะอื่นใด แต่เป็นเพราะเขารู้จักศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 7 ผู้นี้!

 

“ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นท่าน…ไฉนมาได้เล่า?”

 

เมื่อเห็นศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 7 ก้าวเข้ามาในห้องโถง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกไปด้วยความประหลาดใจ

 

“อะไร เจ้าแปลกใจรึ?”

 

หลิวอวิ๋นที่ค่อยๆก้าวเข้ามาในห้องโถง เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเผยทีท่าตกใจไม่น้อยก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มร่าออกมา

 

“ข้าแปลกใจจริงๆ”

 

ต้วนหลิงเทียนยิ้มแห้งๆตอบคำ

 

“ก็แค่เดือนเดียวเท่านั้น ข้าคิดมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้าน่ะ”

 

หลิวอวิ๋นยิ้มกล่าว

 

ได้ยินคำของหลิวอวิ๋น ใจต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนสายหนึ่ง

 

เขาย่อมรู้ดีว่าหลิวอวิ๋นมาที่นี่ด้วยมีวัตถุประสงค์อะไร

 

อีกฝ่ายไม่พ้นมาจับตาดูเขาและคอยห้ามปรามไม่ให้เขามีเรื่องราวกับต่งหลินที่หอคุมกฏแน่นอน

 

นอกจากนั้นสมควรมาเพื่อให้เขาได้พบเจอก่านหรูเยี่ยน

 

ใช้เวลาไม่นานหลิวอวิ๋นก็ลงทะเบียนเสร็จสิ้น ก่อนมายืนรอข้างๆต้วนหลิงเทียน ค่อยล่าวถามออกมาว่า “ศิษย์น้องหลิงเทียน แล้วนี่เจ้ามาถึงเมื่อไหร่กัน?”

 

“ยังไม่ทันถึงเค่อที”

 

ต้วนหลิงเทียนตอบ

 

“ดูเหมือนว่าข้าจะมาสายไปอยู่บ้าง…ตอนแรกข้าคิดมาที่นี่ก่อนเจ้า จะได้เห็นสีหน้าเจ้าตกใจชัดๆ!”

 

หลิวอวิ๋นตอบด้วยรอยยิ้มสนุกสนาน

 

“ตอนนี้ข้าก็ตกใจแล้วไง”

 

ได้ยินคำของหลิวอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มแหยๆออกมา

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคล้ายสนิทสนมกับหลิวอวิ๋น ศิษย์ที่แท้จริงอีก 5 คนอดมองหลิวอวิ๋นด้วยสายตาอิจฉาไม่ได้ หากแต่ในแววตาอิจฉาก็เผยความยินดีสมใจไม่น้อย

 

เหตุที่อิจฉานั้นเพราะหลิวอวิ๋นท่าทางมีสัมพันธ์อันดีกับต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

 

เพราะสุดท้ายแล้ววตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ถือเป็น อัจฉริยะท้าท้ายสวรรค์คนที่ 8! เรื่องนี้ได้รับการยอมรับจากเหล่าคนของลัทธิบูชาไฟทั้งหมด นอกจากจะมีเวทย์พลังขั้นสูงถึง 4 สายแล้ว พรสวรรค์รากวิญญาณยังเป็นสีน้ำเงิน!

 

อัจฉริยะที่ครบเครื่องเช่นนี้ ตราบใดที่ไม่ตกตายไประหว่างทาง วันหน้าเมื่อเติบโตขึ้นสมควรเป็นตัวตนอันน่าเกรงขามอย่างอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟได้แน่นอน

 

เช่นนั้นการที่หลิวอวิ๋นสนิทสนมกับว่าที่อาวุโสเพลิงทองในอนาคต จึงทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะอิจฉา

 

สำหรับแววตายินดีสมใจนั้น เป็นความรู้สึกสะใจหลังได้เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะถึงคราวเคราะห์! เหตุเป็นเพราะว่าต้วนหลิงเทียนได้ล่วงเกินผู้คนมากมาย และนั่นจะทำให้หลิวอวิ๋นพลอยติดร่างแหไปด้วย!!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างอาวุโสหลี่อันที่มีเรื่องกับต้วนหลิงเทียนมาช้านานตั้งแต่ที่แท่นบูชาเต่าทมิฬ ลำพังแค่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ต้วนหลิงเทียนก็มีคดีกับเวินเยี่ยนและต่งหลินอย่างที่ยากจะแก้ไข!

 

ถึงแม้ทั้ง 2 คนนั่นในแง่พลังฝีมือจะสู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้

 

อย่างไรก็ตามภูมิหลังของทั้งคู่นับว่าน่ากลัวนัก!

 

ยกตัวอย่างเช่นเวินเยี่ยน อาจารย์ของนางเป็นถึงอาวุโสเพลิงทอง ที่รับตำแหน่งจ้าวแท่นบูชามังกรคราม

 

ต่งหลินยิ่งน่ากลัวกว่า

 

บิดาของมันเป็นรองจ้าวหอคุมกฏแห่งนี้นี่เอง

 

‘ล่วงเกินอาวุโสระดับนั้นตั้งมาก กระทั่งทำให้ต่งหลินต้องขายหน้าถึงเพียงนั้น แต่ยังกล้ามาสมัครทำงานที่หอคุมกฏ…เจ้าต้วนหลิงเทียนผู้นี้มันรู้หรือไม่ ว่านี่ไม่ต่างใดจากส่งเนื้อเข้าปากเสือ?’

 

ในหัวของศิษย์ที่แท้จริงทั้ง 5 ไม่เว้นเหล่าอาวุโสเพลิงทองแดงทั้งหลายล้วนคิดไปทำนองเดียวกันนี้ทั้งสิ้น

 

เมื่อเวลาผ่านไป ในที่สุดศิษย์ที่แท้จริง 3 คนสุดท้ายก็มาถึง

 

พอพวกมันเห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไปพักหนึ่ง

 

ถึงแม้พวกมันจะทราบจากข่าวลือก่อนหน้าแล้ว ว่าต้วนหลิงเทียนคิดทำงานที่หอคุมกฏ แต่พอได้มาเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกล้ามาทำงานที่นี่จริงๆ พวกมันยังอดอึ้งไปเสียไม่ได้ เพราะพวกมันก็คิดเหมือนกันกับผู้ที่อยู่ในห้องโถง

 

“พวกเจ้า 10 คนตามข้ามา”

 

ไม่ถึง 10 ลมหายใจ…หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆทั้ง 10 คนมากันครบ ก็มีอาวุโสของหอคุมกฏคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องโถงหลักของหอคุมกฏ และเรียกต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆเข้าไป

 

ดูจากชุดเครื่องแต่งกายที่อีกฝ่ายสวมใส่ ก็เป็นอาวุโสเพลิงทองแดงคนหนึ่ง

 

ภายใต้การนำทางของอาวุโสเพลิงทองแดงดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆทั้ง 10 ก็ได้พบกับเหล่าศิษย์ที่แท้จริง 10 คนที่ทำหน้าที่ๆหอคุมกฏมาตลอดทั้งเดือน ทั้ง 10 แยกกย้ายกันมาส่งมอบหน้าที่ให้ผลัดของต้วนหลิงเทียน

 

สำหรับเรื่องที่ส่งมอบก็ไม่ใช่อะไรอื่น ล้วนเป็นหน้าที่ๆพวกมันรับผิดชอบมาตลอดทั้งเดือน เพียงกล่าวอธิบายเรื่องราวไม่นาน ทุกคนก็เข้าใจดีว่าตัวเองต้องทำอะไรบ้าง

 

ก่อนที่เหล่าศิษย์ที่แท้จริง 10 คนของผลัดที่แล้วจะเดินออกจากห้องโถงหลักของหอคุมกฏ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะหันมองมาที่ต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาสงสาร

 

เพราะความคิดของพวกมันก็เหมือนกับคนอื่นๆ

 

ทั้งหมดรู้สึกว่าการที่ต้วนหลิงเทียนเข้ามาทำงานที่หอคุมกฏแบบนี้ ไม่ต่างใดจากลูกแกะที่เดินเข้าถ้ำเสือแม้แต่น้อย

 

เห็นได้ชัดว่าพวกมันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างต้วนหลิงเทียนกับต่งหลินมาแล้ว​

 

ในฐานะศิษย์ที่แท้จริงที่เข้ามาทำงานในหอคุมกฏ ทางหอคุมกฏจะจัดที่พักให้ทั้งหมด แต่ละคนจะได้รับห้องพักส่วนตัวที่จะใช้เป็นที่พักอาศัยไปตลอดทั้งเดือนหลังจากนี้…

 

“ศิษย์น้องหลิงเทียน พรุ่งนี้พวกเราจะเริ่มทำหน้าที่ๆได้รับมอบหมายอย่างเป็นทางการ นั่นหมายความว่าเจ้ามีโอกาสเพียงวันนี้วันเดียวเท่านั้นที่จะได้พบเจอก่านหรูเยี่ยน! ไปกันเถอะ…ข้าจะพาเจ้าไปพบท่านบรรพชนตระกูลหลิวของข้า!”

 

ทันทีที่เข้ามาถึงห้องพัก ไม่ทันที่ต้วนหลิงเทียนจะปิดประตู ก็ได้ยินเสียงหลิวอวิ๋นที่ส่งมาจากด้านหลังเสียก่อน

 

“ดี!”

 

ได้ยินเสียงที่ส่งมาของหลิวอวิ๋น สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายจ้าขึ้นมาด้วยความยินดีทันที

 

ตอนนี้ดวงตาทั้ง 2 ของเขาเรียกว่าทอประกายวิบวับ ดั่งดารากลางฟ้าในราตรีกาล!

 

“พวกเราลองไปที่พักของท่านบรรพชนก่อน หากไม่เจอค่อยไปยังห้องทำงานของท่าน…อย่างไรท่านบรรพชนก็ไม่เหมือนพวกเราที่มาทำงานชั่วคราว ท่านทำงานประจำที่นี่”

 

หลิวอวิ๋นกล่าว

 

เนื่องจากศิษย์ที่แท้จริงจะทำหน้าที่เพียงแค่เดือนเดียวเท่านั้น ก่อนที่จะถูกหอคุมกฏผลัดเปลี่ยน เรียกว่าเป็นลูกจ้างชั่วคราวก็ไม่เกินเลย

 

และคำว่าชั่วคราวในที่นี้ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้ามาทำงานที่หอคุมกฏได้ทุกเวลา

 

เพราะเมื่อทำหน้าที่สิ้นสุดแล้ว ก็จำต้องเว้นระยะเวลาไปถึง 3 เดือน ก่อนที่จะมีสิทธิ์รับงานจากใบสมัครงานที่วังชินหั่ว และเข้ามาทำงานที่หอคุมกฏได้อีกครั้ง…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด