War sovereign Soaring The Heavens 2057

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2057 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,057 : ทัพหน้าของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!

 

เปรี๊ยะ! ครืนนน! วู้ม วู้ม วู้มมม!!!

 

 

ทันใดนั้นเสียงอากาศระเบิดปริแตก ก็ดังขึ้นเข้าหูผู้เฝ้ามองอีกครั้ง ทว่าครานี้เสียงยังดังสะท้อนก้องไปมาพิกล

 

หลังจากนั้น เมื่อมันดึงสติกลับมาจากอาการตะลึงแล้วมองไป มันก็พบได้ทันที

 

ว่าเสียงดังกล่าวเป็นเสียงที่เกิดจากความปั่นป่วนของห้วงอากาศ! และวังวนเหมือนก่อนหน้าก็เริ่มปรากฏขึ้นในอากาศอีกครั้ง ยังคงเป็นเช่นเดิม วังวนคาย…คล้ายเป็นประตูทางออก!

 

แต่ทว่าบัดนี้วังวนดังกล่าวประหนึ่งบุปผาที่แข่งกันผลิบานก็ไม่ปาน พวกมันผุดโผล่ขึ้นมาติดๆกันไม่หยุดหย่อน!!

 

เพียงพริบตาเดียวก็ปรากฏวังวนนับร้อยๆ!

 

ในแต่ละวังวนก็ปรากฏร่างอสูรกายตัวเขื่องหัววัวก้าวเดินออกมา!

 

เรื่องราวยังคงดำเนินไปแบบนี้ไม่จบสิ้น วังวนปรากฏร่างเขื่องเดินออกมา ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนในที่สุดวังวนก็ค่อยๆหดตัวลงก่อนที่จะสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

เมื่อวังวนนับร้อยๆหายไป ก็คงเหลือแต่อสูรกายหัววัวมากมายนับร้อยๆตัว!

 

“ฮ่าๆๆๆ…!”

 

ทันใดนั้นอสูรกายหัววัวที่สูงราว 7-8 หมี่พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ในบรรดาเหล่าอสูรกายหัววัวทั้งหลาย มันคือตัวที่สูงใหญ่ที่สุด!!

 

อีกทั้งเสียงหัวเราะของมันก็หาได้ง่ายดายไม่! เพราะยามลั่นดัออกจากปาก ก็ปรากฏคลื่นพลังไร้สภาพอันร้ายกาจขุมหนึ่งแฝงเร้นไปกับคลื่นเสียง มีพลังอานุภาพร้ายกาจไม่ใช่ชั่ว!!

 

อสูรกายตัวใหญ่เพียงหัวเราะเท่านั้น กลับพาลให้ผู้เฝ้ามองที่ซ่อนตัวอยู่ไกลๆ ถึงกับกระอักโลหิตออกมาทันที! กระทั่งโลหิตคล้ายจะไหลออกจากทวารทั้ง 7…สภาพของมันไม่ค่อยจะสู้ดีนัก!!

 

“ขะ…แข็งแกร่ง!”

 

สีหน้าผู้เฝ้ามองซีดไปปานกระดาษ มองอสูรกายที่กำลังหัวเราะอยู่อีกครั้ง สองตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!

 

กระทั่งในขุมพลังชั้น 1 ที่มันสังกัด เกรงว่าคงมีเพียงชนชั้นผู้นำเท่านั้นที่จะมีพลังฝีมือร้ายกาจได้ถึงขั้นนี้!

 

อาศัยแค่เสียงหัวเราะ กลับทำให้ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาเช่นมันบาดเจ็บจนแทบวายปราณ!

 

นี่ไม่ใช่อะไรที่ใครคิดจะทำก็ทำได้!!

 

“ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปร้อยพันปี จักเป็นนักรบของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวอย่างพวกเรา…ที่มาถึงแดนเซียนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้เป็นกลุ่มแรก…”

 

ไม่นานอสูรกายหัววัวที่ตัวสูงราว 7-8 หมี่ก็หยุดหัวเราะ ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ

 

“ระ…ร้อยพันปี? เผ่าพันธุ์ปีศาจวัว? แดนเซียน?!”

 

ได้ยินวาจาทอดถอนของอสูรกายหัววัวตัวเขื่อง ลูกตาผู้เฝ้ามองหดหยีไปทันที คิ้วขมวดยู่ย่นเป็นปมคล้ายคิดอะไรบางอย่าง ครู่ต่อมาสองตาพลันเบิกกว้างร่างสะท้านขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม

 

“ระ…หรือว่า พวกมันคือเผ่าพันธุ์ปีศาจในอดีตกาล…จากแดนเนรเทศในตำนาน!?”

 

มันเองก็เคยอ่านบันทึกเรื่องราวในอดีตมาบ้าง รวมถึงผ่านตาเรื่องยุคมนุษย์ปีศาจเมื่อหลายแสนปีที่แล้ว

 

ยุคนั้นโลกหล้าเสมือนตกอยู่ในห้วงกลียุคก็ว่าได้

 

ในยุคสมัยนั้นอย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนนภาเช่นมันเลย กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ยังตายตกเป็นผักปลา ทั้งหมดล้วนถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจที่บุกรุกออกมาจากแดนเนรเทศเข่นฆ่าสังหารทั้งสิ้น!

 

ในยุคมนุษย์ปีศาจ ไม่มีใครไม่รู้จักปีศาจ!

 

ด้วยเพราะในยุคมนุษย์ปีศาจนั้น ไม่ทราบมียอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์มากมายเท่าไหร่กันแน่ ที่เสียสละชีวิตในสนามรบ ก่อนที่จะขับไล่เผ่าพันธุ์ปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศไปได้สำเร็จ

 

‘ไฉนถึงเกิดเรื่องราวเช่นนี้ได้ มิใช่เวลายังพึ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ร้อยพันปีหรือไร…ใยเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศพวกนี้ถึงบุกรุกเข้ามาที่ดินแดนนี้ได้แล้วเล่า?หรือโลกหล้ากำลังจะเข้าสู่ยุคมนุษย์ปีศาจอีกครั้ง?’

 

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้สีหน้าของผู้เฝ้ามองก็เปลี่ยนไปมหันต์ แววตาเผยความตื่นตระหนกตกใจอย่างถึงที่สุด

 

ยุคมนุษย์ปีศาจนั้น กล่าวได้ว่าเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับมนุษย์ชาติโดยแท้!

 

“อาวุโส 10 หลังเนินเขาตรงนั้นมีมนุษย์ซ่อนตัวอยู่คนหนึ่งขอรับ”

 

ทันใดนั้นผู้เฝ้ามองพลันได้ยินเสียงหนึ่ง และวาจาที่กล่าวก็ขู่ขวัญมันจนแตกตื่น

 

และเมื่อมันลอบมองไปยังผู้กล่าวสาจา ก็พบร่างปีศาจวัวตัวหนึ่งกำลังกล่าวรายงานกับปีศาจวัวตัวเขื่อง

 

ทันใดนั้นเอง ปีศาจวัวตัวเขื่องที่ถูกเรียกหาว่า อาวุโส 10 อยู่ๆก็หันหน้ามามองสบตากับมันทันที!

 

‘ฉิบหายมารดามัน!’

 

เพียงสบตาปราดเดียว ก็แทบทำให้มันหวาดกลัวแทบตาย!

 

ทันใดนั้นมันก็สังเกตเห็นปีศาจวัวตัวเขื่องวูบร่างเหินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ใจมันคิดหลบหนีไปให้ไกลๆ อนิจจาสองเท้าคล้ายมีตะกั่วหมื่นแสนชั่งลากถ่วงให้ไม่อาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่ก้าวเดียว! มันหวาดกลัวจนก้าวขาไม่ออก!!

 

“มนุษย์ เจ้าลองเล่าสถานการณ์ในปัจจุบันของแดนเซียนแห่งนี้ให้ข้าฟังดู…”

 

อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัว เมื่อบรรลุถึงเบื้องหน้าผู้เฝ้ามอง ก็ใช้สองตามหึมามองจ้องชายชราผู้เฝ้ามองค่อยกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสนใจ

 

เผชิญหน้ากับการมองจ้องของปีศาจวัวตัวเขื่องในระยะประชิดเช่นนี้ ผู้เฝ้ามองรู้สึกกดดันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก

 

อย่างไรก็ตามแม้จะรู้สึกกดดันจากพลังอำนาจของอีกฝ่ายจนแทบหายใจไม่ออก แต่ด้วยความกลัวตายผู้เฝ้ามองก็ยังคงเล่าเรื่องราวออกไปจนหมด

 

ถึงแม้มันจะไม่เคยได้ยินคำว่าแดนเซียนที่อีกฝ่ายกล่าวถึงมาก่อน แต่ก็ยังพอเดาได้ว่าคงหมายถึงแผ่นดินที่มันยืนอยู่แห่งนี้แน่นอน

 

“ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้กลับถูกแบ่งออกเป็น 2 ภูมิภาคจริงๆ…เหล่าผู้ฝึกตนระดับสูงล้วนไปอยู่ในภูมิภาคเบื้องบนกันหมด ส่วนภูมิภาคเบื้องล่างล้วนมีแต่ผู้ฝึกตนระดับต่ำๆอาศัยอยู่?”

 

หลังได้ยินเรื่องราวจากปากผ็เฝ้ามอง อาวุโส 10ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็กล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ

 

ฟังจากคำพูดของมันคล้ายล่วงรู้อยู่ก่อนแล้ว ที่กล่าวถามก็แค่จะยืนยันข้อมูลที่มันมีเท่านั้น…

 

และอาวุโส 10 ของเผ่านพันธุ์ปีศาจวัวก็ล่วงรู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วจริงๆ

 

มันได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปาก ‘จูลู่ฉี’ ที่พลัดหลงเข้าไปในดินแดนเนรเทศ!

 

มันยังได้รับทราบอีกด้วยว่าจูลู่ฉีมายังดินแดนเนรเทศแห่งนี้ได้อย่างไร หลังใช้มนต์ปีศาจสะกดจูลู่ฉี

 

ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค!

 

ฟังจากคำเล่าของจูลู่ฉี มันจึงได้รับทราบว่าช่องโหว่ของมิติอยู่ที่ใด กระทั่งยังพบว่าในจุดที่จูลู่ฉีหลุดมานั้น เป็นจุดที่ม่านพลังฉาบกำแพงมิติอ่อนแอที่สุด!จนในที่สุดก็รวบรวมกำลังพล จนทำลายม่านกลังทั้งกำแพงมิติกั้นแดนลงได้สำเร็จ!!

 

สุดท้ายจึงเกิดเรื่องราวอย่างในปัจจุบันขึ้น

 

แน่นอนว่าหลังจูลู่ฉีหมดประโยชน์อะไรแล้ว อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็ฆ่ามันทิ้งทันที…

 

“นอกจากนี้…ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ก็ได้พังทลายลงไปแล้ว…”

 

ผู้เฝ้ามองกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขื่นขม เรื่องนี้สำหรับมันแล้วยากจะกล่าวนัก

 

“หืม? ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคถูกทำลายแล้ว?”

 

และเมื่อได้ยินคำนี้จากผู้เฝ้ามอง อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวถึงกับตาลุกวาวขึ้นมาทันที ใบหน้ายังเผยความยินดีนัก

 

“นี่ไม่ได้หมายความว่า…เผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราจักมีเวลาจัดตั้งทัพและตระเตรียมกำลังพลในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าให้พร้อมพรั่ง ก่อนจะบุกภูมิภาคเบื้องบนและยึดครองระนาบโลกียะแห่งนี้โดยสมบูรณ์หรือไร!?”

 

คิดถึงจุดนี้ลมหายใจของอาวุโส 10 แห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวก็เร่งร้อนขึ้นไม่น้อย ใจมันรู้สึกตื่นเต้นเหลือใดจะกล่าว!!

 

ในอดีตสาเหตุหลักที่ทำให้เผ่าพันธุ์ปีศาจพ่ายแพ้ก็คือเตรียมตัวไม่พร้อม!

 

ทว่าตอนนี้พวกมันสามารถสั่งสมกำลังพลจัดทัพให้พร้อม กระทั่งสามารถยึดดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อสร้างฐานที่มั่นก่อนที่จะบุกภูมิภาคเบื้องบน! ที่สำคัญคือภูมิภาคเบื้องล่างไร้ซึ่งชนชั้นยอดฝีมือที่ต่อกรกับพวกมันได้!!

 

“ดี! ดีมาก! เจ้านับว่ามอบข่าวดีอันประเสริฐให้ข้าแล้วจริงๆ…เช่นนั้นข้าจักให้เจ้าได้ตายอย่างรวบรัด!”

 

อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวมองกกล่าวกับผู้เฝ้ามองอีกครั้ง กล่าวจบมือขวามันก็ฟาดตบออกไปอย่างไร้เรื่องราว กระแทกลงกระหม่อมของผู้เฝ้ามอง พรากชีวิตชราให้หลุดลอย…

 

หลังฆ่าผู้เฝ้ามองแล้ว อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจวัว ก็อ้าปากออก ก่อนจะดูดแก่นแท้โลหิตทั้งสารัตถะจากร่างผู้เฝ้ามองที่ยังไม่สลายหายไป

 

เพียงเวลาชั่วพริบตา ร่างไร้ชีวิตของผู้เฝ้ามองก็แห้งเหี่ยวกลายเป็นซากร่างแห้งกรังหนังติดกระดูก

 

“ยามนี้ผู้ฝึกตนที่ร้ายกาจที่สุดในภูมิภาคเบื้องล่างอย่างดีก็แค่ขอบเขตเซียนนภา…กระทั่งผู้ที่อ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเจ้าสมควรฆ่าพวกมันได้อย่างง่ายดาย!!”

 

อาวุโส 10 ของเผ่านพันธุ์ปีศาจวัว กวาดตามองไปยังปีศาจวัวนับร้อยที่ติดตามมาแดนเซียนกับมันเป็นทัพหน้า ค่อยประกาศออกมาเสียดัง

 

“หลังจากนี้ไปพวกเจ้าทุกคนจักมีอิสระที่จะท่องเที่ยวไปในดินแดนเซียนแห่งนี้ จงฆ่าและช่วงชิงทรัพยากรที่ดีที่สุดมาเสีย! หวังว่าพวกเจ้าจักได้รับสิ่งที่ดีที่สุดให้เผ่าพันธุ์ปีศาจวัวของเราก่อนที่เผ่าพันธุ์อื่นจักมาถึง!!”

 

คำกล่าวของอาวุโส 10 นับว่าสร้างความปิติยินดีให้เหล่าปีศาจวัวไม่น้อย พวกมันทั้งหลายรู้สึกคึกคักอักโข ตื่นเต้นยินดีนัก!

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

เหล่านักรบปีศาจวัวทั้งหลาย หลังได้รับคำอนุญาตจากอาวุโส 10 แล้ว ต่างเร่งรุดกันเหินร่างขึ้นฟ้าไปอย่างกระฉับกระเฉง แยกย้ายกันออกไปเข่นฆ่าล่าทรัพยาทั่วดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่าง!

 

“รุ่งอรุณแห่งยุคมนุษย์ปีศาจกำลังจักเปิดม่านอีกครั้ง…และครั้งนี้ในฐานะทัพหน้า พวกเราเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวจักเป็นผู้บุกเบิกแผ้วทางในดินแดนเซียนให้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งมวล!”

 

“วันที่เผ่าพันธุ์ปีศาจจะยึดครองระนาบโลกียะแห่งนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดใกล้เข้ามาแล้ว!”

 

ในขณะที่เหล่านักรบเผ่านพันธุ์ปีศาจวัวเหินร่างกระจายกันออกไปคนละทิศละทาง อาวุโส 10 ของเผ่าพันธุ์ปีศาจก็กล่าวรำพันกับตัวเองด้วยความคาดหวัง

 

เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจวัวมาถึงแล้วเช่นนี้ หายนะครั้งใหญ่ที่ยิ่งกว่าหายนะครั้งใดที่ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เคยประสบพบเจอ ก็ได้เริ่มอุบัติขึ้นอย่างเป็นทางการ…

 

แน่นอน

 

ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ด้านต้วนหลิงเทียนที่กำลังบ่มเพาะพลังอยู่ในลัทธิบูชาไฟไม่ได้รับทราบอะไรด้วยเลย

 

เขาไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตอนนี้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาค ที่เชื่อมภูมิภาคเบื้องบนกับภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าได้พังพินาศไปแล้ว…

 

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เสมือนช่องทางที่นำไปสู่ภูมิภาคเบื้องล่างของภูมิภาคเบื้องบนได้ถูกตัดขาด ไม่อาจเดินทางกลับลงไปได้อีกต่อไป!

 

หากไม่มียอดฝีมือที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลและข่ายอาคมมาจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคที่ภูมิภาคเบื้องล่างอีกครั้ง ก็จะไม่มีใครสามารถลงไปที่ภูมิภาคเบื้องล่างได้…

 

และผู้เชี่ยวชาญถึงขั้นสามารถจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคได้นั้น กระทั่งในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าก็ถือว่ามีน้อยคนนัก หาตัวยากยิ่งกว่าเขามังกรขนหงส์ฟ้าเสียอีก!

 

แน่นอนว่าในบรรดายอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็มีปีศาจที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลเช่นกัน!

 

นั่นหมายความว่าช่องทางเชื่อมต่อระหว่างภูมิภาคเบื้องบนกับเบื้องล่างจะเกิดขึ้นอีกครั้งตอนไหน ก็ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งสิ้น…!

 

เพราะยอดฝีมือด้านค่ายกลของภูมิภาคเบื้องบน  ไม่ว่าจะทรงพลังเพียงใดก็ไม่อาจจัดตั้งค่ายกลไปยังภูมิภาคด้านล่างได้…ไร้ซึ่งหนทางย้อนคืนไปที่ภูมิภาคเบื้องล่างได้อีก

 

อาจกล่าวได้ว่าตอนนี้เสมือนภูมิภาคเบื้องล่างกับภูมิภาคเบื้องบนได้ถูกตัดขาดออกจากกัน ห่างกันแสนไกลไร้วันบรรจบเสมือนฟ้าดิน…

 

นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คนของภูมิภาคเบื้องบนจะสามารถกลับไปยังภูมิภาคเบื้องล่างได้อีกครั้งหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างเดียว!

 

เพราะมีเพียงเผ่าพันธุ์ปีศาจเท่านั้น ที่สามารถจัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ภูมิภาคเบื้องล่าง เพื่อเดินทางมายังภูมิภาคเบื้องบนได้อีกครั้ง

 

ณ ส่วนที่พักของหอคุมกฏลัทธิบูชาไฟ

 

เวลาได้ผ่านไปหลายวันแล้ว แต่ต่งหลินกลับเงียบหายไร้ความเคลื่อนไหวใดๆ ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่บ่มเพาะพลังอยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

 

“รองจ้าวหอต่งหยวนจิ้นนั่น…ไม่คิดทำอะไรข้าเพื่อเอาคืนเรื่องที่ข้าทำให้ลูกชายมันอับอายขายหน้ารึยังไง?”

 

ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่แปลกใจได้ เพราะต้องทราบด้วยว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาถึงกับทุบตีต่งหลินจนหน้าบวมเป็นหัวหมู เกรงว่ากระทั่งบิดามารดายังจดจำหน้าตาของมันไม่ได้ด้วยซ้ำ!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด