War sovereign Soaring The Heavens 2060

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2060 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,060 : ปู้หง รากวิญญาณสีคราม!

 

เมื่อร่างปู้หงห่างจากต้วนหลิงเทียนนไม่กี่ก้าว มวลพลังอันสุดไพศาลของมันก็ปะทุแผ่พุ่งออกมาโถมถันใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด มองไปคล้ายอสูรกายตัวเขื่องกำลังอ้าปากหมายกลืนกินสิ่งมีชีวิตตัวกระจ้อย!

 

“ปฐมเวทย์กลืนกิน!”

 

“ปราการเต่าทมิฬ!”

 

ทันใดนั้นพลังเซียนสุริยันของต้วนหลิงเทียนก็เร่งเร้าใช้ออกด้วยปฐมเวทย์กลืนกิน วังวนพลังดูดรั้งอุบัติขึ้นสูบกลืนพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบในชั่วพริบตา เร่งเร้าระดับพลังเซียนสุริยันในร่างต้วนหลิงเทียนให้บรรลุถึงจุดสูงสุดในชั่วอึดใจ

 

หลังจากนั้นพลังเซียนสุริยันพลันทะลักออกทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง พวกมันควบรวมก่อเกิดเงาร่างเต่าตัวเขื่อง ครอบคลุมร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ตรงกลาง!

 

ถึงแม้จะเป็นเพียงเงาร่างที่บังเกิดจากพลังเซียนสุริยัน แต่ก็แลดูมั่นคงแข็งแกร่งประหนึ่งเต่าเข้มแข็งจริงๆ

 

และนี่คือเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬอันได้ชื่อว่าเป็นเวทย์พลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของลัทธิบูชาไฟ ปราการเต่าทมิฬ!

 

ปง! ปง! ปง! ปง!

 

 

และทันทีที่เงาร่างเต่าทมิฬปรากฏ มวลพลังมหาศาลของปู้หงก็โถมถันลงมาถึงพอดิบพอดี เสียงปะทะทำลายของพลังดังกังวาลไปทั่ว!

 

พร้อมกันกับเสียงสั่นปานฟ้าลั่น คลื่นพลังสะท้อนก็กระแทกซัดออกไปเป็นวง ก่อเกิดเป็นมรสุมลมแรงกวาดพัดออกไปทั่วแผ่นฟ้า

 

ครืนน! ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม!

 

 

คลื่นพลังสะท้อนระลอกแล้วระลอกเล่าซัดกำจายออกมาไม่หยุด มรสุมลมแรงก่อเกิดลูกแล้วลูกเล่า พาลให้ชุดของเหล่าศิษย์ที่เหินร่างชมดูกระพือสะบัดจนแทบปลิดปลิว

 

เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่พลังฝึกปรือ่อนด้อยถึงกับปลิวละลิ่วไปดั่งว่าวสายป่านขาด ด้วยไม่อาจแข็งขืนต้านกระแสลมแรงที่กวาดมาพร้อมคลื่นพลังสะท้อนอ่อนๆได้ไหว

 

และภายใต้สายตาของทุกคน ตอนนี้ปราการเต่าทมิฬที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก ก็เริ่มบังเกิดรอยปริร้าว คล้ายมิอาจจะต้านทานรับพลังทำลายของปู้หงได้อีกนาน

 

แต่แน่นอนว่ามันสามารถป้องกันได้นานเกินพอสำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว

 

‘สมแล้วที่เป็นเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยน อาศัยพลังปะทุในชั่วพริบตายังรุนแรงได้ถึงขนาดนี้’

 

ในขณะที่ลักษณ์พลังจากเวทย์พลังป้องกันอย่างปราการเต่าทมิฬกำลังจะพังทลาย ต้วนหลิงเทียนก็ลอบคิดในใจอย่างชื่นชม

 

ต้องทราบด้วยว่าปัจจุบันพลังฝึกปรือของเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นเหมือนก่อนที่เขาจะไปทำงานที่หอคุมอีกต่อไป

 

เพราะตลอดเดือนที่ผ่านมาเมื่อทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้น เขาก็ไม่เถลไถลใดอื่น เร่งกลับมาปิดด่านบ่มเพาะอยู่แต่ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7สมบัติตลอด

 

หลังจากบ่มเพาะพลังอย่างขยันขันแข็งมาตลอดทั้งเดือน ด่านพลังของเขาก็บังเกิดความก้าวหน้าไปถึง 2 ขีดขั้น ทะลวงจากเซียนปฐพีขั้นต้นจนมาถึงเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญได้สำเร็จ! และด้วยอานุภาพของพลังเซียนสุริยันก็ทำให้พลังของเขาเทียบได้กับเซียนนภาขั้นเชี่ยวชาญ

 

เมื่อรวมกับการหนุนเสริมจากปฐมเวทย์กลืนกิน ก็ทำให้พลังฝึกปรือของเขาทัดเทียมได้กับเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยน!

 

นอกจากนี้เวทย์ป้องกันพลังอย่างปราการเต่าทมิฬ ยังบรรลุขั้นตอนความสำเร็จไปอีกขั้นหลังพยายามตีความเพิ่มเติมมาตลอดเดือน

 

เรียกว่าเทียบกับวันนั้น วันนี้พลังป้องกันขอมันเหนือกว่าเดิมมาก!

 

อย่างไรก็ตาม แม้พลังป้องกันจะเด่นล้ำ แต่ก็ไม่อาจหยุดการโจมตีด้วยโทสะของปู้หงได้

 

และต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจว่านี่ยังไม่ใช่พลังทั้งหมดขจองปู้หง

 

ปู้หงนั้น…ยังไม่ไม้แต่จะใช้ศาสตรารอยหรือพันอาคมเซียนอะไรด้วยซ้ำ

 

“เขตแดนหมื่นกระบี่!”

 

ในขณะที่ปู้หงกำลังจะทำลายปราการเต่าทมิฬของเขาจนแหลก ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้าอะไรปะทุพลังเซียนสุริยันอีกขุมใช้ออกด้วยเขตแดนหมื่นกระบี่ทันที!

 

วู้มมม!!

 

เขตแดนหมื่นกระบี่ปรากฏขึ้นในชั่วพริบตา ห่อหุ้มร่างต้วนหลิงเทียนและปู้หงเอาไว้ด้านใน

 

ท่านพลังสีทองทรงกลมสว่างจ้ากินรัศมี 100 หมี่นั้นปกปิดสายตาของทุกผู้คนไม่เว้นเวินเยี่ยนที่เร่งรุดล่าถอยออกไปเมื่อครู่ได้อย่างหมดจด ไม่มีใครสามารถแลเห็นเรื่องราวภายในเขตแดนทรงกลมสีทองสว่างเจิดจ้ากลางหาวได้เลย

 

“เขตแดนรึ?”

 

เมื่อตกอยู่ในเขตแดนที่ต้วนหลิงเทียนกางออกในชั่วพริบตา ปู้หงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเย้ยหยันออกมาคราหนึ่งหลังมองเรื่องราวโดยรอบ จากนั้นมันก็ปะทุพลังเหี้ยมหาญออกมาทั่วร่าง

 

ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!

 

เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง!

 

 

กระบี่พลังสีทองนับหมื่นเล่มในเขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียน พุ่งไปดั่งห่าพิรุณพยายามทะลวงร่างปู้หงให้จงได้ ทว่าทั่วร่างปู้หงกลับมีม่านพลังทรงกลมฉาบคลุมเอาไว้ดั่งลูกแก้ว สามารถต้านทานรับกระบี่พลังของเขาได้อย่างไม่สะทกสะท้าน

 

‘เวทย์พลังป้องกัน…’

 

เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหยีตา จากลักษณะพลังที่ร้อยเรียงถักทออย่างละเอียดจนกลายเป็นเข้มแข็งยากทำลายของม่านพลังทรงกลมที่ปู้หงใช้ออกคลุมกาย สมควรเป็นวทย์พลังป้องกันไม่ผิดแน่

 

ยิ่งไปกว่านั้น เวทย์พลังป้องกันที่ปู้หงใช้ คงไม่ใช่เวทย์พลังป้องกันขั้นกลางแน่นอน!

 

“ต้วนหลิงเทียนแม้เวทย์พลังป้องกันของข้าจักไม่ร้ายกาจเท่าปราการเต่าทมิฬของเจ้า…แต่อย่างไรมันก็เป็นเวทย์พลังป้องกันขั้นสูง! อาศัยเพียงพลังของเขตแดนเจ้ามิมีวันทำลายการป้องกันของข้าได้!!”

 

ปู้หงกล่าวออกเสียงเย็น “ข้าต้องยอมรับว่าพลังฝีมือเจ้ามิใช่ชั่วจริงๆ…น่าเสียดายที่เจ้าต้องมาเจอกับข้า ปู้หง!”

 

“ถึงวันนี้ข้าจักมิอาจฆ่าหรือทำให้เจ้าพิการได้เพราะกฏของลัทธิบูชาไฟ…แต่ข้าจะทุบตีศักดิ์ศรีเจ้าให้ยับต่อหน้าผู้คน! ไม่เพียงแต่จะตบหน้าเจ้าพันครั้ง ยังจะให้เจ้าคลานลอดหว่างขาข้า!!”

 

กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าปู้หงก็ฉายแววอำมหิต “ถึงตอนนั้นข้าอยากจะรู้นัก…ว่าเจ้าต้วนหลิงเทียนจะยังกล้าเชิดหน้าชูตาสู้หน้าผู้ใดในลัทธิบูชาไฟได้อีก!!”

 

“และทั้งหมดที่เจ้ากำลังจะพบเจอล้วนแล้วแต่เป็นราคาที่เจ้าต้องชดใช้ ที่เจ้ากล้ารังแกศิษย์น้องหญิงของข้า!!”

 

ปู้หงกล่าว ราวกับตัดสินไปแล้วว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนต้องโดนดีแน่

 

“โฮ่? ตบหน้าข้าพันครั้ง แถมยังจะให้ข้าลอดหว่างขาเจ้าด้วย?”

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงทันใด ประกายเย็นเยียบหนึ่งเรืองวาบขึ้น

 

ทันใดนั้นจิตสังหารอำมหิตขุมหนึ่งก็แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างต้วนหลิงเทียน เป้าหมายจิตอำมหิตครานี้ย่อมเป็นปู้หง

 

“เช่นนั้นให้ข้าดู…ว่าเจ้าปู้หงมีปัญญาสามารถหรือไม่!”

 

เสียงกล่าวต้วนหลิงเทียนรอบนี้ช่างเยียบเย็นนัก ทำให้บรรยากาศโดยรอบคล้ายจะเย็นตัวลงหลายองศา

 

“หึ! ข้าจะให้เจ้าเห็นชัดถนัดตา ไม่นานนักหรอก!”

 

ได้ยินคำท้าทายของต้วนหลิงเทียน พลังทั่วร่างปู้หงพลันปะทุออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นปรากฏปราณโลหิตแผ่ซ่านออกมาทั่วกาย คล้ายมันกำลังจะใช้เวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรครามแล้ว!

 

เวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรคราม ก็คล้ายๆกับเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งของเผ่าพันธุ์มังกร

 

เมื่อใช้เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่ง ไม่ว่าจะพลัง ความเร็วจะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก

 

แต่แน่นอนว่าผลที่ตามมาหลังใช้…ก็ไม่น้อย!

 

“เจ้าไม่มีโอกาสอีกแล้ว…”

 

ก่อนที่ปู้หงจะทันได้ใช้ออกด้วยเวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรครามแล้วเสร็จ  ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น ราวกับผู้มีเปรียบที่ผลการประลองครั้งนี้ตกอยู่ในกำมือเขาแล้ว

 

ครู่ต่อมาปู้หงที่เร่งเร้าพลังจนปราณโลหิตแพ่พุ่งออกมามหาศาล และกำลังจะใช้เวทย์พลังประจำแท่นบูชามังกรครามได้สำเร็จจนทั่วร่างเริ่มปรากฏปราณโลหิตดั่งสายฟ้าลั่นเปรี๊ยะๆ แปลบปลาบน่าเกรงขาม!!

 

ทว่าทันใดนั้นเอง

 

ในห้วงเวลาชั่วพริบตาก่อนที่เวทย์พลังปู้หงจะสำแดงผล

 

ฟั่ฟฟ!!

 

เสียงแหวกอากาศฉับไวปานเสียงกระซิบของภูตผีพลันสะท้อนอยู่ในหูของปู้หง พาลให้ทั่วร่างของมันบังเกิดอาการหนาวสะท้าน ใจสั่นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ!

 

ยังผลให้เวทย์พลังหนุนเสริมประจำแท่นบูชามังกรครามของมันจำต้องล้มแหลว ปราณโลหิตที่เร่งเร้าสลายหายไปในอากาศ!

 

ฉัวะ!

 

ฉัวะ!

 

ฉัวะ!

 

 

ทันใดนั้นแทบจะเป็นเวลาเดียวกัน เสียงทะลวงฟันเลือดเนื้อพลันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ร่างปู้หงถึงกับสั่นสะท้านไปด้วยความเจ็บปวด ทั้งแขนทั้งขาปวดร้อนเสมือนถูกเหล็กไฟแนบนาบทั้งชำแรกลงไป

 

เปลี่ยนที่ 3 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้นเรียกว่า เปลี่ยนสู่เนตรวิญญาณ

 

เมื่อบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนแล้ว ไม่เพียงพลังเซียนต้นกำเนิดจะเพิ่มพูนเท่านั้น แต่ดวงตาจะกลายเป็นเนตรวิญญาณสามารถ มองเห็นในสิ่งที่เดิมไม่อาจแลเห็น

 

เนตรวิญญาณนั้นทำให้เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนขึ้นไป มีสายตาแหลมคมขึ้นมากมายนัก ราวกับจะสามารถมองสรรพสิ่งได้กระจ่างชัด

 

และในขณะเดียวกันที่ความเจ็บปวดแล่นวาบขึ้นจากหลายจุดทั่วร่าง ปู้หงก็ดึงสติกลับมาจากอาการตื่นตระหนก และทันได้เห็นเงากระบี่ที่วูบไหวฉับไวเหินกลับไปหาต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะอันตรธานหายไปในอากาศ!

 

ตั้งแต่ต้นจนจบมันเห็นเพียงเงาเลือนเหมือนกระบี่เท่านั้น แต่ไม่อาจเห็นกระบี่ได้ชัดเจน

 

ถึงแม้มันจะไม่อาจแลเห็นตัวกระบี่ได้ชัด ทว่าปู้หงยังสามารถตระหนักได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ธรรมดา!

 

“ยะ…แย่แล้ว!”

 

ในขณะที่ปู้หงมัวแต่สนใจเงากระบี่ แสงสว่างเจิดจ้าหนึ่งพลันทิ่มแทงแยงตา เมื่อมองไปก็พบว่าตอนนี้แผ่นหลังของต้วนหลงเทียนปรากฏปีกเพลิงร้อนระอุใหญ่โต คนพุ่งทะยานลัดฟ้ามาด้วยความเร็วสูงล้ำปานเส้นแสง!

 

มันเองก็คิดตอบโต้ไปตามสัญชาตญาณป้องกัน ทว่าทันใดนั้นเองความเจ็บปวดพลันแล่นวาบทิ่มแทงศีรษะอีกครั้ง ทำให้การเคลื่อนไหวตอบสนองของมัน คล้ายเชื่องช้ายากลำบากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

 

พริบตานี้มันตระหนกได้ว่ามันได้รับบาดเจ็บแล้ว

 

กระทั่งอาการบาดเจ็บยังสาหัสนัก!

 

“อำนาจจิต?”

 

ในขณะที่ร่างต้วนหลิงเทียนทะยานลัดฟ้ามาปรากฏอยู่เบื้องหน้า ปู้หงสามารถสังเกตเห็นได้ชัดว่าก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะออกกระบวนท่าใดๆ กลับมีบางสิ่งยิงพุ่งออกมาจากลูกตาของต้วนหลิงเทียน เป็นพลังวิญญาณที่ควบแน่นเป็นมังกรตัวจิ๋ว!

 

มังกรตัวจิ๋วนั่นพุ่งมาฉับไวปานเส้นแสง ก่อนที่จะทะลวงเข้าหว่างคิ้วของมัน และมุ่งตรงไปยังดวงจิตทันที!

 

แม้ดวงจิตและวิญญาณของปู้หงจะแข็งแกร่ง จนสามารถทนรับการโจมตีวิญญาณของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ได้ง่ายดาย แต่มันก็ยังหวาดกลัวต่อการโจมตีอย่างฉับพลันนี้ของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย ทำให้ยามมังกรจิ๋วกระแทกเข้าดวงจิต สติของมันพลันวูบไปชั่วขณะหนึ่ง!

 

และในพริบตาที่สติมันวูบดับไป ม่านพลังที่จำต้องใช้พลังวิญญาณคงสภาพก็จางลงทันตา!

 

ซู่มมมม!!

 

ชั่วพริบตาดั่งอัสนีวาบลั่น สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายอำมหิต มือขวาสะบัดตบฟาดออกไปฉับไวปานเส้นแสง ตบฟาดลงไปยังม่านพลังของปู้หงทันที!

 

ตูมมมมม!!

 

ทันใดนั้นม่านพลังของปู้หงก็แตกสลายปานกระจก!

 

จากนั้นพลังฝ่ามือที่ยังหลงเหลืออยู่กว่าครึ่ง ก็กระแทกเข้าหน้าผากปู้หงอย่างแรงจนสติมันวูบดับไปโดยสมบูรณ์ทันที! เห็นคนสิ้นสติไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนพลันเคลื่อนมือไปกอบกุมลำคอ คว้าร่างมันเอาไว้ไม่ให้ร่วงตกไปตายด้านล่าง!

 

“ผู้เฒ่าหั่ว! ตอนนี้ด้านนอกเขตแดนของข้า…มีใครที่พลังฝึกปรือเหนือกว่าเซียนสวรรค์ 3 เฝ้าดูอยู่หรือไม่?”

 

หลังตบเข้ากลางหน้าผากปู้หงจนอีกฝ่ายหมดสติไปได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งส่งเสียงถามผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที

 

ขณะที่ถามน้ำเสียงยังฉายชัดถึงความกังวลทั้งลุ้นระทึกไม่น้อย

 

“ไม่”

 

ครู่ต่อมาผู้เฒ่าหั่วก็กล่าวตอบคำ

 

พอได้ยินคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนถึงกับระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่จะมองไปยังปู้หงที่สิ้นสติในมือ “ผู้เฒ่าหั่วช่วยข้ากลืนพรสวรรค์รากวิญญาณของมันที”

 

จังหวะที่กล่าวประโยคนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายเจิดจ้านัก!

 

ปู้หงนั้นนอกจากเป็นอันดับที่ 2 ในทำเนียบยอดฝีมือศิษย์ที่แท้จริงแล้ว ยังติดอันดับที่ 421 ในรายนามยอดเซียน!

 

และด้วยความที่มันสามารถเป็นศิษย์ที่แท้จริงได้ หมายความว่ามันยังถือเป็นรุ่นเยาว์!

 

ในฐานะอัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 2 ของลัทธิบูชาไฟ พรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงย่อมไม่ใช่ชั่ว!

 

และต้วนหลิงเทียนก็เคยได้ยินมาก่อน ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงนั้นเป็นสีคราม!

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงบังเกิดความคิดกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของปู้หงเสีย จึงทุบให้มันสิ้นสติไปแบบนี้!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด