War sovereign Soaring The Heavens 2089

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2089 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,089 : แม่หมอของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า

 

เขตที่ดินของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้านั้นล้วนถูกปกปิดไว้ภายใต้มหาค่ายกล โดยปกติแล้วผู้คนภายนอกไม่อาจมองเห็นสภาพการณ์หลังม่านพลังของมหาค่ายกลได้เลย แม้จะอยู่ห่างกันเพียงคืบก็ตามที

 

แน่นอนว่าเขตที่ดินหลังม่านพลังของมหาค่ายกล แม้จะดูโดดเดี่ยวแต่มันก็เป็นดั่งแดนสวรรค์โดยแท้

 

ไม่เพียงแต่แยกตัวออกจากโลกภายนอกเท่านั้น ยังมีขุนเขาลำน้ำ ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม รวมถึงป่าอันอุดมสมบูรณ์ ทัศนียภาพงดงามน่าดู ให้ความรู้สึกเสมือนได้หวนคืนสู่บ้านที่แท้จริงของทุกสรรพชีวิต…ธรรมชาติ

 

แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเขตที่ดินของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าเท่านั้น

 

บริเวณสุดขอบทิศตะวันตกของเขตที่ดินหงส์ฟ้านั้น บรรยากาศบริเวณนี้เต็มไปด้วยไอร้อนลวก หากคนธรรมดาเฉียดกรายเข้ามา เกรงว่าคงจะถูกไอร้อนต้มจนสุกในเวลาไม่นาน

 

แถมยิ่งเข้าไปลึกมากเท่าใดอุณหภูมิยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น

 

และส่วนที่ลุกที่สุดของสุดขอบทิศตะวันตก ปรากฏแท่นบูชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ และใจกลางแท่นบูชาขนาดใหญ่ดังกล่าวก็มีรูปปั้นมหึมาตั้งตระหง่าน

 

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่และได้เห็นรูปปั้นดังกล่าว เขาคงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

 

เพราะเขาคงนึกออกได้ทันทีว่าเคยเห็นสิ่งมีชีวิตตัวนี้มาจากที่ไหน! เคยเห็นจากคัมภีร์ ‘ซานไห่’ ที่ตกทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณของประเทศเขา!!
(ซานไห่จิง = คัมภีร์ขุนเขาทะเล)

 

เป็นนกตัวหนึ่งที่แลดูคล้ายไก่ มันถูกเรียกว่าหงส์ฟ้า!

 

หงส์ฟ้านั้นเป็นคำเรียกที่บ้านเกิดเขา หากเป็นเมืองนอกมันจะถูกเรียกว่านกฟีนิกซ์ เป็นดั่งราชันแห่งมวลหมู่วิหกทั้งปวงในตำนานโบราณที่ตกทอดกันมาของบ้านเกิดต้วนหลิงเทียน

 

หงส์ฟ้านั้นปกติแล้ว ตัวผู้จะถูกเรียกว่า เฟิ่ง ส่วนตัวเมียเรียกว่า หวง หากแต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยมานานจึงมักเรียกรวมๆกันว่า เฟิ่งหวง

(หงส์ฟ้า = เฟิ่งหวง)

 

หงส์ฟ้าก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อเสียงไม่ต่างใดจากมังกร พวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนาน

 

ในบ้านเกิดของต้วนหลิงเทียนเมื่อชาติที่แล้ว ในสมัยโบราณตั้งแต่ยุคราชวงศ์ฉินจวบจนราชงศ์ฮั่น มังกร เป็นดั่งสัญลักษณ์ของฮ่องเต้เจ้าชีวิต กลับกันเฟิ่งหวงนั้นถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของหวงโฮ่ว เพราะเฟิ่งหวงนั้นได้สูญเสียอัตลักษณ์ทางเพศไปแล้ว จึงรู้กันกันแต่ในนามเฟิ่งหวงเท่านั้น

(หวงโฮ่ว = ฮองเฮา, เมียฮ่องเต้)

 

รูปปั้นที่ตั้งตระหง่านกลางแท่นบูชานั้นก็คือ เฟิ่งหวง ที่เหมือนกันกับรูปวาดหงส์ฟ้าในคัมภีร์ ‘ซ่านไห่’ นัก ทั้งตัวเป็นสีแดงเพลิง ไม่ทราบทำมาจากกวัสดุชนิดใดกันแน่ หากแต่กลับเปล่งความร้อนออกมาตลอดเวลา

 

“ตาแก่นั่นไฉนย้อนกลับมาที่นี่เร็วนัก?”

 

ด้านหน้าแท่นบูชาปรากฏร่างสตรีนางหนึ่งนั่งสมาธิอยู่ ทว่าๆอยู่ๆนางก็ลืมตาขึ้นมากล่าวบ่นงึมงำ

 

ม่านตาของสตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากผู้คนทั่วไปที่มักมีสีดำ…เพราะของนางกลับเป็นสีแดงเพลิง! เพียงมองก็ทำให้รู้สึกราวกับมีเพลิงไฟแผดเผา

 

ยามเมื่อสตรีนางนี้ลุกขึ้นยืนก็เผยส่วนเว้าโค้งที่ซุกซ่อนภายใต้ชุดคลุมออกมา

 

นอกจากนี้แม้รูปโฉมนางจะไม่ได้เลิศเลอถึงขั้นไร้คู่เปรียบ แต่ก็งดงามน่าดู

 

เพียงนางยืนอยู่เฉยๆ แม้ชุดคลุมจะแลดูเรียบๆธรรมดา หากแต่ให้ความรู้สึกหรูหรามีระดับ

 

“คงจักดีหากข้าได้พบสาวน้อยนั่นรวดเร็วกว่านี้…ยังรู้สึกเสียดายทั้งใจหายมิน้อยพอคิดว่าถึงเวลาที่นางต้องจากไปแล้ว”

 

สตรีงามกล่าววบ่นพึมพำออกมา ในแววตาฉายชัดถึงความไม่เต็มใจ คล้ายไม่ค่อยอยากให้ ‘สาวน้อย’ ที่นางกล่าวถึง จากนางไปเร็วขนาดนี้

 

“ท่านแม่หมอ”

 

ทว่าทันใดนั้นเองพลันมีเสียงสตรีมากเคารพหนึ่งดังขึ้นด้านนอกเขตแท่นบูชา

 

วูบ!

 

ได้ยินเสียงเรียกดังกล่าวร่างสรีงามก็วูบหายไปจากแท่นบูชาทันที ราวกับอันตรธานหายไปในความว่างเปล่า

 

ปรากฏตัวอีกครั้งก็เป็นด้านนอกเขตแท่นบูชาเบื้องหน้าสตรีชุดเขียวนางหนึ่ง ค่อยถามออกอย่างเฉยเมย “เจ้ามีอันใดรึ?”

 

สตรีชุดเขียวเมื่อเห็นสตรีงามมาถึง ก็เร่งโค้งทำความเคารพทันที ค่อยกล่าวรายงานออกมาว่า “ท่านแม่หมอ ผู้เฒ่าพยากรณ์มาถึงแล้ว…ผู้เฒ่ากำลังรอท่านอยู่ด้านนอกเขตที่ดินเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าเรา”

 

“อืม”

 

สตรีงามพยักหน้ารับเบาๆคล้ายรู้แต่แรก “ข้ารู้แล้ว ไปบอกมันว่าอีกสักพักข้าจักพาสตรีนางนั้นออกไป”

 

สตรีในชุดเขียวไม่แปลกใจเท่าไหร่หลังได้ยินคำ ‘ข้ารู้แล้ว’ จากปากสตรีงาม ราวกับคุ้นชินมานาน!

 

นั่นเพราะสตรีเบื้องหน้าก็คือแม่หมอของเผ่าพันธุ์ แม่เฒ่าพยากรณ์แห่งเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินทำนายอนาคตได้ เป็นดั่งตัวตนที่ไร้เทียมทานภยในเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า!!

 

กระทั่งผู้นำเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า ยามพบหน้าแม่หมอนางนี้ ยังต้องแสดงความเคารพ!

 

หลังกล่าวบอกสตรีชุดเขียว สตรีงามก็วูบร่างหายไปทันที

 

เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งนางก็มาโผล่ที่แท่นบูชา ทว่าคราวนี้นางกลับเดินด้านหลังรูปปั้นหงส์ฟ้า

 

ทันใดนั้นเอง

 

สตรีงามพลันยกมือขึ้น

 

วู้ม!

 

พร้อมกันกับที่สตรีงามยกมือขึ้น ก็ปรากฏรอยฉีกขึ้นกลางอากาศว่างเปล่า!

 

หลังจากนั้นร่างนางก็กระพริบวูบหายเข้าไปในรอยแยกดังกล่าว ก่อนที่รอยแยกจะปิดตัวลง

 

หากมีใครมาเห็นฉากนี้เข้าคงอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกเสียขวัญกันบ้าง เพราะสตรีงามนั้นคล้ายถูกรอยแยกดังกล่าวกลืนกินเข้าไปก็ไม่ปาน พอรอยแยกปิดตัวคนทั้งคนก็คล้ายอันตรธานหายไปในอากาศ

 

สตรีงามที่หายเข้าไปในรอยแยกแน่นอนว่าไม่ได้ถูกรอยแยกกลืนกินอะไร

 

ตอนนี้นางแค่เข้าสู่ ‘ดินแดนศักดิสิทธิ์’ ที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่โบราณของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า

 

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าก็เป็นดั่งภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ มันเป็นระนาบเทียมเช่นกัน แน่นอนว่าขนาดมันไม่กว้างใหญ่เท่าภูมิภาคเบื้องบน เป็นเพียงระนาบเทียมเล็กๆที่เรียกว่า ดินแดนแห่งนิพพานของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า!

 

คนของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้านั้น โดยปกติแล้วสามารถเข้าสู่กระบวนการนิพพานถือกำเนิดใหม่ได้ทั้งสิ้น หลังจากผ่านกระบวนการเกิดใหม่แล้ว ก็เสมือนได้รับชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม!

 

พรสวรรค์ยกระดับ พลังฝึกปรือสามารถก้าวหน้าได้อีกครั้ง!

 

ตัวอย่างเช่น

 

หากสมาชิกเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าคนหนึ่ง มีพรสวรรค์อันจำกัด และพลังฝึกปรือไม่อาจทะลวงไปให้เกินกว่าเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนได้แล้ว ทว่าหากผ่านกระบวนการเกิดใหม่ในดินแดนนิพพาน พลังฝึกปรือของมันจะสามารถก้าวหน้าเหนือกว่านั้นได้!

 

ดินแดนแห่งนิพพานของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้านั้น ไม่เพียงฟ้าจะเป็นสีแดงเพลิง เบื้องล่างยังเป็นดั่งมหาสมุทรเปลวเพลิง

 

อุณหภูมิในที่แห่งนี้สูงกว่าด้านนอกหลายเท่านัก อย่าว่าแต่คนธรรมดา กระทั่งผู้ฝึกตนที่ด่านพลังอ่อนด้อย เมื่อเข้ามาคงไม่พ้นกลายเป็นเถ้าถ่านในชั่วพริบตา

 

ทว่าในสถานที่อันร้อนลวกแห่งนี้ ปรากฏร่างสตรีงามนางหนึ่งลอยล่องอยู่กลางอากาศอย่างนิ่งสงบ

 

ทำราวกับสภาพแวดล้อมในที่นี้ไร้ผลกระทบใดๆกับนาง

 

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า

 

มหาสมุทรเปลวเพลิงเบื้องล่างนั้น ที่แท้ก็คือธารลาวาคุกรุ่นพวกมันยังเดือดปุดๆเป็นฟอง เพียงมองก็รู้สึกเสมือนนัยน์ตาจะลุกไหม้เป็นไฟ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันร้อนขนาดไหน

 

อุณหภูมิในดินแดนแห่งนี้ก็สูงเพราะเหตุนี้นี่เอง

 

ตอนนี้สตรีงามดังกล่าวที่ลอยล่องกลางอากาศ ก็กำลังก้มลงไปมองยังธารวาลาที่แผ่ไอร้อนมหาศาลด้านล่าง ทำราวกับกำลังค้นหาอะไรบางอย่าง

 

“สาวน้อย”

 

ทันใดนั้นสตรีงามก็ปริปากกล่าวคำออกมา ทำราวกับกำลังสนทนากับลาวาร้อนลวกในดินแดนแห่งนิพพานแห่งนี้!

 

เสียงของนางไม่ได้ดังอะไร หากแต่คล้ายมีอำนาจทะลุทะลวงอันน่ากลัว ประหนึ่งสามารถชำแรกแทรกผ่านทุกสิ่งไปถึงเป้าหมายได้

 

ฟังจากวาจาของสตรีงาม หรือใต้ลาวาเดือดระอุนี้จะมีผู้ใดอาศัยอยู่จริงๆ?

 

บุ๋ง! บุ๋ง! บุ๋ง! ปุด! ปุด! ปุด!

 

 

หลังจากสตรีงามกล่าวเรียกไปได้ไม่ทันไร ธารลาวาด้านล่างยิ่งมาก็ยิ่งเดือดพล่าน ฟองอากาศเดือดปุดๆก่อเกิดขึ้นระรัว

 

ครู่ต่อมา

 

ตูมมม!!

 

เสียงหนึ่งดังขึ้น ธารหินหลอมเหลวราวกับจะระเบิดปะทุ ปรากฏร่างแดงเพลิงหนึ่งพุ่งทะยานออกมาจากใต้หินหลอมเหลว!

 

ผู้ที่ออกมาจากธารลาวากว้างใหญ่ดั่งมหาสมุทรสุดไพศาล เป็นสตรีในชุดแดงเพลิงนางหนึ่ง ทั่วร่างของนางแผ่กลิ่นอายร้อนแรงออกมาอย่างกล้าแข็ง มวลอากาศยังคล้ายตลบไปด้วยแรงกดดันไร้สภาพของชนชั้นยอดฝีมือ

 

“ท่านแม่หมอ”

 

หลังสตรีในชุดแดงเพลิงปรากฏตัวได้ไม่นาน นางก็เร่งกล่าวคำทักทายสตรีงามที่เรียกหาด้วยความเคารพออกมาทันที

 

เสียงของนางช่างไพเราะเพราะพริ้งน่าฟังนัก ราวกับมีเสน่ห์ยวนใจอันไร้สิ้นสุด

 

อีกทั้งรูปร่างของนางก็สมบูรณ์แบบเหลือเกิน พาลให้ผู้คนทั้งหลายอยากพุ่งเข้าไปโอบกอดนางสักคราด้วยอดใจไม่ไหว

 

สตรีในชุดแดงเพลิงผู้นี้ยังมีเส้นผมสีดำสนิท เรือนผมยาวสลวยส่วนน้อยปรกไหล่ที่เหลือก็ทิ้งตัวทอดยาวลงไปยังแผ่นหลังปานม่านน้ำตก

 

นอกจากเรือนผมยาวสลวยแล้ว ใบหน้าของนางยังแต้งแต้มไปด้วยคิ้วคู่งามพร้อมดวงตาเผยประกายดั่งสารทฤดู จมูกเข้ารูปริมฝีปากแดงกระชับ ยามแย้มยิ้มเผยฟันขาว มองแล้วราวกับธรรมชาติรังสรรค์มาได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ประหนึ่งนางฟ้าที่ร่วงหล่นมายังแดนดิน

 

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ที่นี่คงจดจำได้ทันที

 

สตรีในชุดแดงเพลิงที่ดูราวกับเทพธิดาอัคคีผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเฟิ่งเทียนหวู่นั่นเอง!

 

“สาวน้อย เจ้าผ่านกระบวนการนิพพานในดินแดนแห่งนิพพานของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าเราเรียบร้อยแล้ว…เช่นนั้นเจ้าเองก็คงรู้ดีว่าถึงเวลาต้องไปแล้วใช่หรือไม่?”

 

สตรีงามกล่าวออกมาพร้อมทอดถอนใจเบาๆ

 

“ท่านแม่หมอ ท่านอาจารย์ลุงพยากรณ์มาถึงแล้วหรือ?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่พอได้ยินคำของสตรีงามเบื้องหน้า ก็กล่าวคาดเดาเรื่องนี้ออกมาทันที

 

ชายชราที่พานางมาส่งที่เผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า ได้กล่าวบอกไว้แล้วว่านางผ่านขั้นตอนนิพพานของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าเสร็จสิ้นเมื่อใด จะมารับตัวนางไปจากที่นี่

 

“มิผิด”

 

เมื่อเห็นว่าเฟิ่งเทียนหวู่สามารถคาดเดาได้อย่างเฉลียวฉลาด แววตาของสตรีงามยิ่งมายิ่งเผยความไม่เต็มใจออกมา ราวกับนางไม่อยากให้เฟิ่งเทียนหวู่จากไปไหน

 

“ท่านแม่หมอ วันหน้าหากมีเวลาข้าจะกลับมาหาท่าน…”

 

เฟิ่งเทียนหวู่เมื่อเห็นความไม่เต็มใจในแววตาสตรีงามเบื้องหน้า ก็เร่งกล่าวปลอบออกมาทันที

 

“คงมิมีโอกกาสแล้ว”

 

อย่างไรก็ตามได้ยินคำนี้ของเฟิ่งเทียนหวู่ สตรีงามที่แม้แววตาจะลุกวาวเผยความพึงพอใจทันที แต่สุดท้ายนางก็ส่ายหัวไปมาอีกครั้ง “การที่ให้เจ้าเข้ามาในที่แห่งนี้ได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าเราปฏิบัติตามคำสั่งที่สืบทอดลงมาจากบรรพบุรุษ ตอบแทนบุญคุณของท่านผู้อาวุโสฟงชิงหยางในปีนั้น…”

 

“อีกทั้งที่พวกเราให้เจ้าเข้ามาดินแดนแห่งนิพพานและผ่านกระบวนการนิพพานเช่นนี้ได้ เนื่องเพราะเจ้าเองก็มีเลือดเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าของพวกเราไหลเวียนอยู่ในตัว”

 

“ทว่าตอนนี้ในเมื่อเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าเราได้ตอบแทนบุญคุณที่ติดค้าง 7 ทวาราเที่ยงแท้ในอดีตแล้ว เจ้าที่มิใช่คนของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าย่อมมิอาจเข้ามาได้อีก…”

 

สตรีงามกล่าวสืบต่อ

 

“ท่านแม่หมอ มิใช่ว่าท่านบอกเองว่าข้ามีเลือดเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าไหลเวียนอยู่หรือไร หรือท่านไม่เห็นว่าข้าเป็นคนของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่กล่าวถาม

 

“หากเจ้าเลือกที่จะหวนกลับสู่เผ่าพันธุ์ ยอมรับว่าเป็นคนของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้า นั่นหมายความว่ายอมรับกฏของเราด้วย เช่นนั้นเมื่อเจ้าเข้ามาในเขตของเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าแล้วเจ้าจะออกไปที่ใดไม่ได้อีก…”

 

สตรีงามมองกล่าวกับเฟิ่งเทียนหวู่ “เจ้าจะทนอยู่ในเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าไปชั่วชีวิตหรือจะออกไปโลกภายนอกเล่า?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ได้ฟังก็เงียบไปทันที

 

อยู่ในเผ่าพันธุ์หงส์ฟ้าชั่วชีวิต ยังต่างอะไรจากนกในกรง?

 

เช่นนั้นไม่ใช่ว่านางจะไร้โอกาสได้เจอบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอีกแล้วหรือไง?

 

เป็นธรรมดาที่นางไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ จึงส่ายหัวไปมาทันที

 

เห็นแบบนี้สตรีงามก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด