War sovereign Soaring The Heavens 2092

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2092 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,092 : ถึงแล้ว นครแห่งบาป!

 

“เอาล่ะ ข้าไม่ล้อเจ้าเล่นแล้ว”

 

ครู่ต่อมาผู้เฒ่าพยากรณ์ก็บอกความจริงให้เฟิ่งเทียนหวู่ฟังอย่างตรงไปตรงมา

 

หลังบอกความจริงแล้วก็กล่าวเสริมว่า “จำได้หรือไม่เมื่อครู่ข้าพึ่งบอกเจ้าว่า…ผู้อาวุโสที่ทิ้งมหาค่ายกลเย้ยฟ้าเปลี่ยนชะตา 6 ทวารานั้นเป็นอดีตผู้สืบทอดหมอกพิรุณอาวุโสฟงชิงหยาง? ส่วนพี่ใหญ่ต้วนของเจ้านั้นก็เห็นท่านผู้อาวุโสเป็นดั่งอาจารย์ แล้วเจ้าคิดจริงๆหรือว่าอาวุโสท่านนั้นไม่คิดจะมอบสิ่งดีๆให้พี่ใหญ่ต้วนของเจ้า?”

 

“ที่อาวุโสจงใจมิให้พี่ใหญ่ต้วนของเจ้าเข้าใช้มหาค่ายกลนั้นมีเหตุผลง่ายดายนัก! เพราะอาวุโสได้ตระเตรียมบางสิ่งไว้เพื่อพี่ใหญ่ต้วนของเจ้าโดยเฉพาะแล้ว…เช่นนั้นเจ้าอย่าได้กังวลเรื่องของพี่ใหญ่ต้วนเจ้าเลย”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวออกมารวดเดียวจบ

 

“ที่แท้เป็นเช่นนี้”

 

หลังได้ยินคำของผู้เฒ่าพยากรณ์เฟิ่งเทียนหวู่ก็ตระหนักได้ทันทีว่าเมื่อครู่เป็นนางถูกชายชราหลอกจนโป๊ะแตกแล้ว

 

จังหวะนี้ใบหน้างามอดไม่ได้ที่จะขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาด้วยความอาย

 

“เอาล่ะได้เวลาที่พวกเราต้องไปแล้ว…เจ้าตามข้าไปแวะที่หนึ่งก่อนแล้วค่อยกลับไปภาคเหนือ”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์กล่าวบอกเฟิ่งเทียนหวู่ก่อนออกเดินทาง

 

“ไปไหนหรือ?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ที่สงบอารมณ์ลงได้บางส่วน กล่าวถามผู้เฒ่าพยากรณ์ออกมาด้วยสงสัย

 

“ไปรับศิษย์ส่วนตัวของข้า ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 2 ความลับสวรรค์!”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์คลี่ยิ้มออกมายามกล่าว หน้ายังเชิดขึ้นคล้ายภาคภูมิใจในตัวศิษย์คนนี้ไม่น้อย

 

“ผู้สืบทอดของอาจารย์ลุงพยากรณ์?”

 

ลูกตาเฟิ่งเทียนหวู่ทอประกายจ้า กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “อาจารย์ลุงพยากรณ์…ท่านพบเจอตัวเจ้าเล่ห์น้อยที่จะมารับบาตรของท่านแล้วหรือ?”

 

ในสายตาของเฟิ่งเทียนหวู่ ผู้เฒ่าพยากรณ์ไม่ได้ต่างอะไรจากคนเจ้าเล่ห์แม้แต่น้อย

 

เช่นนั้นแล้วศิษย์ส่วนตัวของคนเจ้าเล่ห์ หากไม่ใช่เจ้าเล่ห์น้อยยังจะเป็นอะไรได้!

 

“ฮึ่ม! ศิษย์ส่วนตัวของข้าล้ำค่าดั่งหยกบุปผา ตัวเจ้าเล่ห์น้อยอันใดของเจ้า…แถมกล่าวไปความงามของนางยังมิด้อยไปกว่าเจ้าด้วยซ้ำ!”

 

ผู้เฒ่าพยากรณ์มองเฟิ่งเทียนหวู่ด้วยสายตาไม่พอใจ ค่อยส่ายหัวกล่าว

 

“นาง…สตรีรึ?”

 

เฟิ่งเทียนหวู่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าผู้เฒ่าพยากรณ์จะรับสตรีนางหนึ่งมาเป็นผู้สืบทอดนามความลับสวรรค์ แบบนี้ต่อไปนางไม่เป็นเจ้าแม่มากเล่ห์หรือไร?

 

ตอนนี้กระทั่งเฟิ่งเทียนหวู่เองก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องศิษย์สตรีคนนี้ของผู้เฒ่าพยากรณ์ไม่น้อย!

 

เป็นสตรีเช่นใดกัน ถึงได้ต้องตาพึงใจผู้เฒ่าพยากรณ์ ถึงขั้นได้เป็นผู้สืบทอดมรดกทวาราเที่ยงแท้ลำดับ 2 ความลับสวรรค์แบบนี้?

 

ถึงแม้นางจะไม่ได้อยู่กับผู้เฒ่าพยากรณ์มานานสักเท่าไหร่ แต่นางก็รู้ดี

 

ว่าชายชราผู้นี้หัวสูงนัก เรียกว่ามาตรฐานสูงลิ่ว

 

ลองถูกผู้เฒ่าพยากรณ์เลือกเฟ้นเช่นนี้ สตรีนางนั้นต้องไม่ธรรมดาแน่

 

ในขณะที่เฟิ่งเทียนหวู่ติดตามผู้เฒ่าพยากรณ์ไปหาศิษย์สตรีส่วนตัวที่ว่านั้น

 

ทางด้านภาคกลางของภูมิภาคเบื้องบนดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า…

 

หลังจากเดินทางมาระยะหนึ่ง ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็มาถึงจุดหมายปลายทาง!

 

เมืองใหญ่โตโออ่าหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่ไกลตาต้วนหลิงเทียน

 

มองจากที่ไกลห่างเช่นนี้เมืองดังกล่าวดั่งสัตว์ร้ายโบราณที่กำลังหลับไหลอยู่ก็ไม่ปาน ให้บรรยากาศน่าประทับใจ ขณะเดียวกันก็แฝงเร้นไปด้วยกลิ่นอายยิ่งใหญ่บางประการ

 

ประตูเมืองใหญ่โตที่เปิดอ้าอยู่แต่ละทิศรอบเมืองคล้ายกับปากกระหายเลือดของสัตว์ร้ายตัวเขื่อง ที่กำลังกลืนกินผู้คนทั่วสารทิศเข้าท้อง

 

“คึกคักขนาดนี้เชียว?”

 

เมื่อเหินเข้าใกล้เมืองต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เพราะเขาเห็นผู้คนมากมายทั่วทุกสารทิศเข้าออกเมืองแทบตลอดเวลา บอกให้ทราบว่าเมืองนี้มีชีวิตชีวามากเพียงใด

 

‘ที่นี่ใช่นครแห่งบาป เมืองที่รวมคนชั่วจากทุกที่จริงๆหรือ…เพียงมองก็แทบไม่ต่างจากเมืองใหญ่อื่นๆที่ข้าเคยพบ ที่แท้มันมีอะไรพิเศษกันนะ?’

 

หลังเหินไปใกล้ถึงนครแห่งบาป ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบกล่าวในใจ

 

ต้วนหลิงเทียนคิดสงสัยได้ไม่ทันไร พลันบังเกิดความเปลี่ยนแปลงหนึ่ง!

 

ฟู่มม! ฟิ้วว! ฟิ้ววว!!

 

ปรากฏเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศดังขึ้น 3 เสียแว่วงดังมาจากนครแห่งบาป ดึงความสนใจให้ต้วนหลิงเทียนหันไปชมมองทันที

 

พอมองไปเขาก็พบว่าเป็นร่าง 3 ร่างที่กำลังเหินไล่กันขึ้นมาบนฟ้า กระทั่งยังบังเอิญพุ่งมาทางเขาด้วย!

 

ผู้ที่เหินนำหน้ามาเป็นชายชราในชุดสีน้ำเงิน

 

ชายชราผู้นี้เห็นชัดว่ารีบร้อนไม่น้อย ใบหน้ายังเปี่ยมล้นไปด้วยความกังวล ลูกตาหดเล็กคิ้วขมวดยู่ย่นเผยให้รู้ว่าเคร่งเครียดมากขนาดไหน

 

เหตุที่ทำให้มันกังวลหน้าเคร่งเช่นนี้ก็ไม่พ้นชายวัยกลางคนที่ไล่ตามมาอยู่ด้านหลังทั้ง 2 เป็นแน่! ด้วยเพราะความเร็วของชายวัยกลางคนทั้ง 2 เหนือกว่าความเร็วของชายชราเล็กน้อย ทำให้ระยะทางหดกระชั้นมากขึ้นทุกขณะ!!

 

สุดท้ายหลังจากที่ชายชราเหินมาเจียนผ่านต้วนหลิงเทียน มันก็ถูกชายวัยกลางคนทั้ง 2 ตามมาดักไว้ได้ทัน

 

‘ดูเหมือน 2 คนนั่นน่าจะเป็นคนของกองกำลังพันธมิตรผู้ฝึกตนพเนจรในนครแห่งบาปกองไหนสักกอง…’

 

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดเขียวแบบเดียวกัน ทั้งบนอกยังมีลายปักรูปขวาน ต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปเรื่อย

 

วันนั้นตอนที่ไปถามหาเรื่องราวจากหวังยี่ฝัวที่หอเมฆมรกต อีกฝ่ายก็บอกให้เขาทราบว่า

 

ในนครแห่งบาปนั้นมีผู้ฝึกตนพเนจรจำนวนมากนัก และผู้ฝึกตนบางกลุ่มก็จับมือกันก่อตั้งกองกำลัง สุดท้ายก็มีกองกำลังพันธมิตรมากมาย

 

ทั้งหมดพยายามแย่งกันควบคุมกิจการและปกครองพื้นที่ในนครแห่งบาป

 

สำหรับผู้ฝึกตนพเนจรหน้าใหม่ที่เข้ามาในนครแห่งบาป หากคิดที่จะลงหลักปักฐานจริงๆก็มักจะหากองกกำลังพันธมิตรสักกองเพื่อเข้าร่วม จะได้มีที่พึ่งพิง

 

แน่นอนว่าเมื่อเข้าหาผู้อื่นเพื่อหาที่พึ่งพิง ก็ไม่อาจอยู่เปล่าๆได้ จำต้องช่วยงานตามแต่กองกำลังนั้นๆจะมอบให้

 

“เฒ่าชวีเจ้ายังคิดจะหนีต่อหรือไม่?”

 

ชายวัยกลางคนๆหนึ่งพุ่งไปหยุดขวางไว้เบื้องหน้าชายชรา ส่วนอีกคนก็ประกบอยู่ด้านหลัง ทำให้ชายชรากระวนกระวายใจไม่น้อย

 

ตอนนี้ชายชราที่ถูกเรียกหาว่าเฒ่าชวี แลดูสิ้นหวังไม่น้อย หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำ สุดท้ายสีหน้ามันก็เลื่อนลอยคล้ายตัดใจได้แล้ว ถอดแหวนพื้นที่จากนิ้วหนึ่งก่อนที่จะโยนส่งให้ชายวัยกลางคนเบื้องหน้า

 

ยังกล่าวออกมาเสียงเข้มออกมาตามติด “สหายจากพันธมิตรขวานปฐพี สิ่งที่พวกเจ้าต้องการล้วนอยู่ในแหวนวงนั้นหมดสิ้นแล้ว…ข้าได้ถอนสิทธิ์ครอบครองเรียบร้อย ขอสหายทั้ง 2 เชิญตรวจสอบ ในเมื่อของข้าก็คืนให้สหายไปแล้วหวังว่าสหายทั้ง 2 จะไว้ไมตรีปล่อยข้าไปสักครั้ง”

 

ขณะกล่าวน้ำเสียงทีท่าของชายชราแลดูนอบน้อมนัก

 

ห่างออกไปไม่ไกลต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหยุดร่างกลางฟ้าชมดูเรื่องราวด้วยความสนใจ ไม่สนคนที่กำลังเหินบินผ่านไปรอบๆ เพียงชมดูเรื่องราวสนุกสนานเบื้องหน้าไม่วางตา

 

ตอนนี้เขาไม่ทันสังเกตเลย…

 

ว่านอกจากเขาแล้ว

 

ไม่มีใครที่เหินผ่านไปมาหยุดดูเรื่องราวแม้แต่คนเดียวหลังได้ยินคำ พันธมิตรขวานปฐพี กระทั่งผู้คนทั้งหลายยังพยายามเหินร่างให้ห่างชายวัยกลางคนทั้งสองที่ดูเหมือนจะมาจากพันธมิตรขวานปฐพีที่ว่าราวกับพวกมันเป็นเทพเจ้าโรคห่า!

 

ประหนึ่งกลัวติดโรค!

 

‘พันธมิตรขวานปฐพี?’

 

หลังนึกย้อนเรื่องราวอยู่พักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจว่าหวังยี่ฝัวไม่ได้กล่าวถึงพันธมิตรขวานปฐพีให้เขาฟังในวันที่เขาไปหาข้อมูลจากมันทีหอเมฆมรกต

 

ตอนที่หวังยี่ฝัวเล่าเรื่องราวในนครแห่งบาปให้เขาฟัง อีกฝ่ายก็เล่าถึงพันธมิตรและกองกำลังต่างๆให้เขาฟังคร่าวๆ และทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นพันธมิตรที่ทรงพลังทั้งสิ้น ทว่าอย่างไรก็เป็นแค่การแนะนำให้รู้ไว้คร่าวๆเท่านั้น

 

ต้วนหลิงเทียนก็ยังจำชื่อกองกำลังและกลุ่มพันธมิตรเหล่านั้นได้ชัด

 

ไม่มี พันธมิตรขวานปฐพี

 

ดังนั้นต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจได้ทันที

 

พันธมิตรขวานปฐพีอะไรนี่ สมควรเป็นกองกำลังอิสระเล็กๆในนครแห่งบาป

 

‘เฒ่าชวีผู้นั้นดูเหมือนจะมีของดีบางอย่าง ถึงได้ถูกคนของพันธมิตรขวานปฐพีอะไรนั่นไล่มา…พอถูกตามทันถึงได้รีบร้อนส่งแหวนออกไปแบบนั้น’

 

เรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้า ต้วนหลิงเทียนก็พอเดาได้คร่าวๆ

 

“ของทั้งหมดอยู่ในแหวนวงนี้แล้วจริงๆ”

 

หลังจากนิ่งไปพักหนึ่งคนของพันธมิตรขวานปฐพีที่รับแหวนมาจากชายชรา พลันหันไปพยักหน้ากล่าวกับสหายออกมา

 

“หืม?”

 

และแทบจะทันทีที่เสียงกล่าวของชายวัยกลางคนของพันธมิตรขวานปฐพีคนดังกล่าวดังจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็สัมเกตเห็นได้ทันที

 

ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังชายชรานามเฒ่าชวี อยู่ๆสองตาก็เผยประกายเยียบเย็น!

 

ขวับ!

 

ฉัวะ!

 

ดังประกายไฟวาบ เสียงตวัดดาบแหวกอากาศพร้อมกับเสียงของมีคมปาดเฉือนเลือดเนื้อพลันดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

 

ครู่ต่อมา

 

ฉูดดด!!

 

เป็นร่างเฒ่าชวีถูกฟันสะพายแล่ง ลำไส้ทะลัก โลหิตสาดพุ่งกระจายออกมาดั่งน้ำพุพร่างฟ้า

 

ฉากเลือดสาดที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทุกสิ่งอย่างล้วนสะท้อนเข้าสู่สายตาต้วนหลิงเทียนหมดสิ้น

 

‘นี่น่ะหรือ…นครแห่งบาป?’

 

มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบแล้ว ว่าผู้ฝึกตนพเนจรทั้งหลายล้วนมีเรื่องราวความขัดแย้งไม่เว้นแต่ละวันและการฆ่าฟันเป็นเรื่องปกติ ดั่งกิจวัตรประจำวันมันเป็นอย่างไร…

 

พริบตานี้ความรู้สึกก่อนหน้าที่คิดว่านครแห่งบาปก็เหมือนเมืองใหญ่เมืองอื่นๆพลันหายไปทันที

 

“ฟู่ว”

 

ระบายลมหายใจออกเฮือกหนึ่ง ร่างต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง คิดเดินทางเข้านครแห่งบาปต่อ

 

ทว่าในขณะที่เขากำลังจะจากไปนั้นเอง

 

พลันมีสำนึกเทวะ 2 สายแผ่พุ่งมาฉาบคลุมเขาเอาไว้ ยังปรากฏแรงกดดันไร้สภาพ 2 ขุมแผ่มาสะกดตามติด!

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

ครู่ต่อมาหูเขาพลันได้ยินเสียงแหวกฝ่าสายลม 2 เสียงพัดเข้ามา

 

ทันใดนั้นปรากฏร่างชายวัยกกลางคน 2 คนหยุดขวางเบื้องหน้าเอาไว้ ราวกับไม่คิดที่จะปล่อยให้เขาจากไปไหน

 

ต้วนหลิงเทียนมองปราดเดียวก็พบว่า

 

ผู้ที่ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบเขา อีกทั้งแผ่แรงกดดันมาสะกกดข่ม จวบจนพุ่งมาขาวงทางเขา ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นชายวัยกลางคนทั้ง 2 คนของพันธมิตรขวานปฐพีนั่นเอง

 

และตอนนี้หลังจากที่คนของพันธมิตรขวานปฐพีสองคนมาหยุดขวางเขาไว้ พวกมันก็มองชมเขาด้วยสายตาเป็นประกายราวนักล่าพบเหยื่อ

 

“ข้าไม่รู้จักกับเฒ่าชวีอะไรนั่น…”

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว กล่าวอธิบายออกไปทันที

 

ตอนนี้เขาย่อมฉุกคิดได้ตามสัญชาตญาณ

 

คนของพันธมิตรขวานปฐพีทั้งสองใช้สำนึกเทวะตรวจสอบทั้งพุ่งร่างมาดักเขาแบบนี้ ไม่พ้นพวกมันเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกเดียวกับเฒ่าชวีอะไรนั่นแน่นอน

 

“พวกเรารู้ว่าเจ้าไม่รู้จักเฒ่าชวี”

 

ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะเปิดปากกล่าวอธิบายให้ละเอียด หนึ่งในคนของพันธมิตรขวานปฐพีพลันยิ้มกล่าวออกมา “พลังฝึกปรือเซียนปฐพีขั้นเชี่ยวชาญ…เจ้าหนู นี่เจ้าพึ่งมานครแห่งบาปเป็นครั้งแรกใช่หรือไม่?”

 

ได้ฟังคำของพันธมิตรขวานปฐพีคนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ทราบได้ทันทีว่าสำนึกเทวะก่อนหน้า ไม่พ้นเป็นทักษะลับวิญญาณที่สามารถตรวจสอบพลังฝึกปรือเขาได้…

 

“แล้วยังไง?”

 

เมื่อตระหนักว่าที่ชายวัยกลางคนทั้งสองของพันธมิตรขวานปฐพีไม่ได้ขวางทางเขาเพราะคิดว่าเขารู้จักกับเฒ่าชวี สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็มืดลงทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด