War sovereign Soaring The Heavens 2111

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2111 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,111 : เหยื่อล่อ!

 

ไม่นานมานี้เรื่องที่ว่าดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าภูมิภาคเบื้องล่างถูกตัดขาด และอาจมีปีศาจบุกรุกเข้ามาแล้ว กระทั่งพวกมันอาจบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบนได้ทุกเมื่อ ก็แพร่กระจายไปถึงลัทธิอารามทมิฬ

 

ทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ลัทธิอารามทมิฬก็ตื่นตระหนกกันใหญ่

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับอาการหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูกของผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ในภูมิภาคเบื้องบน คนของลัทธิอารามทมิฬรับมือเรื่องราวได้ดีกว่ากันมาก

 

ลัทธิอารามทมิฬจะพูดอย่างไรก็เป็น 1 ใน 3 ลัทธิ ดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่

 

ผู้คนทั่วไปอาจจะหวาดกลัวเผ่าพันธุ์ปีศาจจนแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก

 

อย่างไรก็ตามสำหรับลัทธิอารามทมิฬแล้วแม้ปีศาจจะน่ากลัว ทว่าพวกมันเองก็ไม่ใช่ชั่ว! พลังฝีมือของพวกมันย่อมมีมากพอจะต่อกรกับพวกปีศาจ แน่นอนว่าต้องเปิดฉากเข่นฆ่าสังหารตอบกลับ!!

 

ทันทีที่ปีศาจบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนึ่งในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง ลัทธิอารามทมิฬ ของพวกมัน ต้องกลายเป็นปราการสุดท้ายของมนุษย์ชาติเหมือนกับอีก 2 ลัทธิแน่นอน!

 

ไม่ว่าปีศาจจะบุกรุกขึ้นมาจริงหรือไม่ ลัทธิอารามทมิฬก็ดำเนินแผนการรับมือล่วงหน้า ออกมาตรการตอบโต้ทันที

 

ด้วยเหตุนี้จึงบังเกิดฉากอาวุโสของลัทธิอารามทมิฬ ออกมากว้านซื้อทรัพยากรและเสบียงแบบนี้

 

เซี่ยจงเองก็เป็น 1 ในผู้อาวุโสของลัทธิอารามทมิฬที่มานครแห่งบาป

 

“ฮึ่ม! มีน้อยคนนักที่ยินดีขายของให้พวกเรา…”

 

เซี่ยจงกล่าวกับอาวุโสอีกคนของลัทธิอารามทมิฬ ในขณะที่เหินกลับมารวมตัวกันอีกครั้งทางตะวันตกของนครแห่งบาป เสียงยังเข้มไม่น้อย “หากเรื่องนี้อยู่ในการตัดสินใจของข้า ผู้ใดไม่เต็มใจขายของให้พวกเราสมควรฆ่าพวกมันให้ตายให้หมด!”

 

“เพราะหากปีศาจบุกขึ้นมาภูมิภาคเบื้องบนจริง มิใช่ขุมพลังหลักในการต้านทานรับมือก็คือลัทธิอารามทมิฬของพวกเราหรอกหรือ? ไอ้พวกผู้ฝึกตนพเนจรไร้สังกัดเหล่านี้ใยมิใช่ชนชั้นทหารเลว! อย่างพวกมันมีทรัพยากรอันใดเก็บไว้ก็รังแต่จะเสียของเท่านั้น!!”

 

ขณะกล่าวสองตาเซี่ยจงยังเผยจิตสังหารออกมาอย่างไม่คิดจะกักเก็บ

 

“อาวุโสเซี่ยจง แม้จักเป็นเช่นนั้นจริง แต่หากพวกเราลงมือฆ่าพวกมันแบบนั้น ย่อมไม่ดีแน่…”

 

อาวุโสลัทธิอารามทมิฬที่เหินข้างเซี่ยจงกล่าวออกด้วยสีหน้าเจื่อนๆ “จะอย่างไรในบรรดาผู้ฝึกตนพเนจรนั่นก็มีเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นคอยดูแลอยู่…”

 

“ต่อให้เป็นพวกเราลัทธิอารามทมิฬ แต่ถ้าฆ่าผู้ฝึกตนมั่วซั่วในนครแห่งบาป พวกมันเองก็คงลงมือกับพวกเราอย่างไม่ไว้หน้า…ฆ่าพวกเราไม่ลังเลแน่!”

 

กล่าวถึงท้ายประโยคสีหน้าของอาวุโสก็แลดูเคร่งขรึมนัก

 

“ผู้เฒ่าฉู่ในนครแห่งบาปนี้มันมีเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นคอยดูแลพวกไม่ได้เรื่องนี่จริงๆหรือ? พลังฝึกปรือพวกมันสูงขนาดนั้นแล้วยังจะสนใจผู้ฝึกตนโง่งมเหล่านี้ทำอะไร…”

 

“อาวุโสเซี่ยจง…ที่นี่สมควรมีตัวตนเช่นนั้นจริงๆ กระทั่งยังอาจจะมีไม่น้อยกว่าลัทธิอารามทมิฬของพวกเราด้วยซ้ำ…หาไม่แล้วท่านคิดจริงหรือ ว่าลัทธิอารามทมิฬของพวกเราจะทนให้มีนครแห่งบาปดำรงอยู่เช่นนี้?”

 

ชายชราที่เหินร่างข้างๆเซี่ยจงกล่าวออกอีกครั้ง แววตายังเผยประกายหวั่นเกรงเล็กน้อย

 

เมื่อเซี่ยจงได้ยินดังนั้นมันก็หยุดถามทันที

 

ชายชราข้างๆเซี่ยจงไม่ได้มีฐานะอยู่ในระดับเดียวกันกับเซี่ยจงแต่อย่างไร ทว่าลำดับอาวุโสของมันสูงกว่าเซี่ยจงหนึ่งขั้น อีกทั้งยังเป็นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน

 

เช่นนั้นเซี่ยจงยังคงเชื่อฟังคำของมัน

 

และตอนนี้เองทั้งเซี่ยจงและผู้เฒ่าฉู่ก็ไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย….

 

ว่ามีบางคนกำลังจับตาดูพวกมันจากที่ไกลๆอย่างไม่คลาดสายตา…

 

และคนๆนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนที่อยากจะฆ่าเซี่ยจงให้ตาย ต้วนหลิงเทียน!

 

เพราะเซี่ยจงอาวุโสลัทธิอารามทมิฬคนนี้ มันเคยบุกไปยังตำหนักเมฆาครามที่ภูมิภาคเบื้องล่างเพื่อชิงตราผนึกมาร! หากมันบุกไปชิงของอย่างเดียวต้วนหลิงเทียนคงไม่คับแค้นอะไรขนาดนี้! เพราะของล้ำค่าคิดครอบครองก็ต้องแกร่งพอ ทว่าอีกฝ่ายไม่เพียงทำร้ายชิงของจากเขา กลับหยันหยามเขาและฆ่าคนไม่ทีทางสู้อย่างอำมหิต!!

 

ตั้งแต่วันนั้นต้วนหลิงเทียนก็คือว่าเซี่ยจงเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าเดียวกันกับเขาได้!

 

วันนี้พอได้เห็นเซี่ยจงที่นครแห่งบาปอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจคว้าโอกาสอันดีงามสำหรับฆ่าเซี่ยจงไว้ทันที!

 

หาไม่แล้วหากปล่อยให้เซี่ยจงรอดกลับลัทธิอารามทมิฬ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีโอกาสฆ่ามันแบบนี้อีกครั้งเมื่อไหร่

 

เพราะสุดท้ายแล้วเซี่ยจงกับชายชราอีกคนก็มาทีนครแห่งบาปเพื่อซื้อทรัพยากรไปกักตุนไว้ดั่งเสบียง เพื่อเตรียมรับมือปีศาจที่อาจบุกมาจากภูมิภาคเบื้องล่าง

 

เรียกว่าหากปล่อยเซี่ยจงไปครั้งนี้ กว่าที่มันจะออกจากลัทธิอารามทมิฬอีกครั้งเกรงว่าคงอีกนาน

 

ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงไม่อยากพลาดโอกาสทองดังกล่าว!

 

‘รอให้พวกมันแยกกันอีกครั้ง…จะได้เริ่มแผนฆ่ามันสักที!’

 

ขณะที่มองเซี่ยจงที่อยู่ไกลตา ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำในใจอย่างดุร้าย

 

ในฐานะทหารรับจ้างมือพระกาฬและอดีตหัวกะทิของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า ความสามารถในการปกปิดกลิ่นอายและสะกดรอยตามของต้วนหลิงเทียนเมื่อชีวิตที่แล้วนั้นไม่ใช่ชั่ว พอนำหลักการดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ในโลกใบนี้ ต่อให้เป็นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยน ก็ยังไม่อาจตรวจพบการสะกดรอยและจับตามองของต้วนหลิงเทียนได้

 

ผ่านไปอีกราวๆหนึ่งเค่อ

 

บางทีสวรรค์คงได้ยินคำอธิษฐานในใจของต้วนหลิงเทียนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ ชายชราข้างๆเซี่ยจงในที่สุดก็แยกตัวออกไปตระเวนซื้อของอีกครั้ง

 

ระยะห่างระหว่างพวกมันทั้งคู่ค่อยๆห่างขึ้นเรื่อยๆ

 

และเมื่ออยู่ห่างกันถึงระดับหนึ่ง ชายชราขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนจะเริ่มเข้าใกล้เซี่ยจง เพื่อไม่ให้เซี่ยจงอยู่ห่างเกินกว่าขอบเขตสัมผัสของสำนึกเทวะมัน

 

เซี่ยจงเป็นบุตรชายของจ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ คราวนี้ที่ออกมารวบรวมทรัพยากรมันก็ได้รับคำสั่งให้ปกป้องเซี่ยจง และเห็นความปลอดภัยของเซี่ยจงเหนือสิ่งใด

 

หาไม่แล้วหากเกิดอะไรขึ้นกับเซี่ยจง มันกลับไปลัทธิอารามทมิฬก็ไม่พ้นถูกฆ่าตายแน่ คนที่หนุนหลังมันก็ไม่อาจช่วยเหลือมันได้!

 

ถึงมันจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนแล้ว แต่มันก็ยังเป็นแค่มดปลวกต่อหน้ามหาธรรมราชา ไม่คู่ควรให้กล่าวถึงด้วยซ้ำ

 

จ้าวราชสีห์ขนทอง มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ คือตัวตนที่พลังฝึกปรือไม่ต่ำไปกว่าขอบเขตเซียนสรรค์ 7 เปลี่ยน

 

‘ตอนนี้ล่ะ’

 

ไม่นานนั้นหลิงเทียนก็พบว่าระยะห่างระหว่างเซี่ยจงกับชายชราใกล้จะถึงจุดสูงสุด และชายชรากำลังจะเคลื่อนไหวเข้าใกล้เซี่ยจงในอีกไม่ช้า ต้วนหลิงเทียนที่คำนวณทิศทางการเดินทางของมันแต่แรกก็เหินร่างเข้าไปทางเซี่ยจงทันที!

 

แน่นอนว่าความเร็วที่เขาใช้ในการเหินบินนั้นไม่ได้มากมายอะไร ยังเป็นความเร็วของขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นทั่วๆไปเท่านั้น

 

ฟุ่บ!

 

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างเข้าระยะสัมผัสของเซี่ยจง ไม่นานก็เหาะอยู่ห่างเซี่ยจงไม่กี่สิบหมี่

 

การมาถึงของต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าดึงดูดความสนใจของเซี่ยจงทันที

 

อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออก เซี่ยจงย่อมไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตา เพราะมันตัดสินไปแล้วตั้งแต่แรกเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ภัยคุกคามอะไรมัน

 

ฟุ่บ!

 

หากแต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างสวนจนเยื้องไปด้านหลัง และใกล้เข้าสู่มุมอับสายตางเซี่ยจง อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้นและทำท่าราวกับจะคว้าจับอะไรบางอย่างที่พุ่งเข้ามาเอาไว้

 

การกระทำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนย่อมกระตุ้นความสนใจของเซี่ยจงทันที มันลอบแผ่สำนึกเทวะมาตรวจสอบต้วนหลิงเทียนอย่างละเอียดด้วยความหวั่นใจ ว่าใช่อีกฝ่ายใช่ยกมือให้สัญญาณทำอะไรมันหรือไม่

 

“หืม? เซียนนภาขั้นต้น?”

 

แต่เมื่อพบระดับพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน มันก็โล่งใจเพราะคิดว่าระแวงไปเอง

 

ตัวตนของเขตเซียนนภาไม่ใช่อะไรที่จะทำอะไรมันได้เลย

 

‘มันไม่ได้หยุดร่างเพราะข้า…’

 

ขณะเดียวกันเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนหยุดลงกลางอากาศแต่ไม่ได้หันมองมองที่มันแม้แต่น้อยเซี่ยจงก็ส่ายหัวไปมาเบาๆเตรียมเลิกสนใจอีกฝ่ายและจากไปตามเรื่องราว

 

แต่ทันใดนั้นเอง

 

“ดาบอสุรา…!”

 

เสียงกล่าวพึมพำออกมาอย่างเลื่อนลอยที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินของต้วนหลิงเทียน ทำให้เซี่ยจงหูผึ่งทันที

 

ดาบอสุรา?!

 

นั่นไม่ใช่ 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนหรือไง!?

 

ไฉนอยู่ๆไอ้หนูขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นถึงได้พูดคำดาบอสุราออกมากัน?

 

หรือมันมีข้อมูลที่ซ่อนของดาบ?

 

หลังจากนั้นจากสำนึกเทวะเซี่ยจงก็พบว่า

 

ไอ้หนูขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นในสายตามัน อยู่ดีๆก็หันรีหันขวาง กระทั่งเมื่อหันมาพบมันที่กำลังเหินออกไปไกลห่าง ท่าทางก็แลดูตื่นตระหนกไม่น้อย

 

แต่เมื่อพบว่ามันยังคงเหินร่างจากไปไม่ได้คิดหยุดหรือย้อนกลับไปหา

 

มันก็พบว่า

 

ไอ้หนูขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นนั่นถึงกับระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก พอสูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่งก็เปลี่ยนเส้นทาง และเร่งรุดเหินร่างไปทางทิศตะวันตกทันที

 

‘เมื่อครู่มันกล่าวถึงดาบอสุรา ตอนนี้ยังรีบร้อนจากไปทางตะวันตกด้วยท่าทางแบบนั้น…’

 

‘แถมก่อนหน้าหากข้าสัมผัสไม่ผิด คล้ายมันจะยกมือขึ้น…หรือจะไม่ใช่ส่งสัญญาณแต่เป็นกำลังคว้าอะไรบางอย่าง? เสียดายที่ข้าดันเหินผ่านมันไปซะก่อนจึงไม่ทันเห็น…ใช่มันคว้ารับหยกสื่อสารที่มีข่าวของดาบอสุราจากสหายหรือไม่?’

 

‘จะว่าไปแล้วก็เคยมีข่าวลือการปรากฏของดาบอสุราที่ภูมิภาคตะวันตก…แถมตอนนี้เจ้าหนูนั่นก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเสียด้วย…’

 

จังหวะนี้เซี่ยจงเร่งไตร่ตรองเรื่องราวในใจ

 

‘ตามไปดูก่อนดีกว่า…หากมันมีข้อมูลเรื่องดาบอสุราจริงครั้งนี้ข้าก็มีโชคครั้งใหญ่แล้ว!!’

 

‘หากนำดาบอสุรากลับไปให้ท่านพ่อได้ล่ะก็ ท่านพ่อต้องดีใจยกใหญ่แน่ๆ!!’

 

ครุ่นคิดถึงจุดนี้สีหน้าแววตาเซี่ยจงก็ฉายความละโมบโลภมากให้เห็นชัด มันเร่งสะกดรอยตามชายหนุ่มขอบเขตเซียนนภาขั้นต้นไปทันที สองตาจับจ้องแผ่นหลังไวๆไกลตาของชายหนุ่มชุดม่วงอย่างแหลมคมปานดาบกระบี่

 

‘แผ่นหลังมันคุ้นๆยิ่ง คล้ายข้าเคยเห็นมันจากที่ไหนสักที่…’

 

เซี่ยจงที่เหินร่างตามชายหนุ่มชุดม่วงไปทางทิศตะวันตก หลังมองแผ่นหลังชายหนุ่มุชดม่วงพักหนึ่งมันก็รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาประการหนึ่ง แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่าเคยเห็นแผ่นหลังลักษณะนี้ที่ไหน

 

อย่างไรก็ตามมันมั่นใจได้เรื่องหนึ่ง

 

มันไม่เคยเห็นหน้าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้มาก่อนแน่!

 

ไม่งั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะจำไม่ได้

 

“ผู้เฒ่าฉู่ ข้ามีเรื่องบางประการต้องไปกระทำ  ท่านไม่ต้องห่วงเสร็จเรื่องแล้วข้าจะกลับไปหาท่านเอง”

 

ขณะเหินร่างตามชายหนุ่มชุดม่วง เซี่ยจงก็ส่งเสียงผ่านสำนึกเทวะไปแจ้งเรื่องราวกับผู้เฒ่าฉู่ ก่อนที่จะเร่งเหินร่างด้วยความเร็วที่สูงขึ้นอย่างฉับพลัน จนหลุดจากขอบเขตสัมผัสของสำนึกเทวะอีกฝ่ายทันที

 

มันไม่ต้องการให้ผู้เฒ่าฉู่ติดตามมันมาจนทราบเรื่องดาบอสุราอีกคน

 

หาไม่แล้วดาบอสุราไม่มีทางตกมาถึงมือมันแน่!

 

แม้ในลัทธิอารามทมิฬ ผู้เฒ่าฉู่จะมีพลังฝึกปรือทั้งฐานะด้อยกว่าบิดามันมาก

 

อย่างไรก็ตามเบื้องหลังของผู้เฒ่าฉู่ ก็มี 1 ใน 4 มหาธรรมราชาอยู่เบื้องหลังเช่นกัน

 

หากเรื่องที่มันตามเบาะแสดาบอสุราไปจนกระทั่งได้รับดาบอสุรามาถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ เกรงว่าดาบจะไม่ได้เป็นสมบัติของมันกับบิดาอีกต่อไป

 

และนั่นไม่ใช่อะไรที่มันอยากจะเห็น

 

ด้วยเหตุนี้มันจึงคิดสลัดให้หลุดพ้นการติดตามของผู้เฒ่าฉู่ชั่วคราว หมายสะกดรอยชายหนุ่มชุดม่วงไปคนเดียวเพื่อดูว่าอีกฝ่ายมีเบาะแสดาบอสุราจริงๆหรือไม่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด