War sovereign Soaring The Heavens 2139

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2139 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,139 : การทดสอบรอบที่ 2

 

“ใคร!?”

 

พอได้ยินเสียง ต้วนหลิงเทียนก็เร่งหันมองไปรอบๆทันที ทว่าเขากลับไม่เห็นใครเลย เสียงนี้คล้ายจะผุดดังขึ้นมาในอากาศก็ไม่ปาน

 

“ข้ารู้ว่าตอนนี้พวกเจ้ามิพ้นต้องกำลังอยากรู้ว่าข้าเป็นผู้ใด…ข้าเป็น 1 ในผู้สร้าง ‘ระนาบเทียม’ แห่งนี้ขึ้นมา…”

 

เจ้าของเสียงคล้ายได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน มันพูดต่อออกมาว่า “อีกทั้งตอนนี้ พวกเจ้าสมควรสงสัยว่าไฉนข้าถึงกล่าวคำว่า 1 ใน ผู้สร้าง ระนาบเทียมแห่งนี้…”

 

กล่าวถึงจุดนี้เสียงดังกล่าวก็หยุดลง

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินวาจาประโยคแรกแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้อยากฟังที่เหลือต่อสักเท่าไหร่

 

ด้วยมีผู้เฒ่าหั่วกล่าวบอก เขาจึงรู้แต่แรกแล้ว…

 

ระนาบเทียม ที่เขาอยู่ตอนนี้มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของ 3 ยอดคนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จแล้ว!

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่อยากรู้ แต่ไม่ใช่ว่าคนอื่นๆจะไม่อยากรู้ด้วยเช่นกัน

 

“หนึ่งในผู้สร้าง? เจ้าของเสียงกล่าวว่าตัวมันคือ 1 ใน ผู้สร้างที่นี่งั้นเหรอ!?”

 

ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกตนคนไหน ตั้งแต่ผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนขึ้นไป จวบจนชนชั้นแนวหน้าระดับขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้นจากนครแห่งบาปรวมถึงลัทธิอารามทมิฬ ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

 

ก่อนหน้านี้ทั้งหมดเพียงคิดว่าพื้นที่ๆพวกมันอยู่ คือระนาบเทียมที่ยอดคนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ 1 คนสร้างขึ้น….

 

อย่างไรก็ตามฟังจากเสียงกล่าวเมื่อครู่แล้ว พวกมันก็ได้รับทราบ…

 

ที่พูดอยู่คือ 1 ในคนที่ร่วมมือกันสร้างสถานที่แห่งนี้เท่านั้น!

 

และเมื่อเสียงนี้ดังขึ้น ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ฝึกตนที่ผ่านการทดสอบทั้งหมด ได้ถูกส่งให้มาติดกันอยู่ในพื้นที่พันธนาการประหลาดๆนี่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

 

ตอนนี้ผู้ที่ยังอยู่ในระนาบเทียมแห่งนี้ ถ้าไม่ติดอยู่ในพื้นที่ปิดดังกล่าว ก็ถูกขับออกไปหมดสิ้นแล้ว…

 

“เหตุผลเดียวที่ข้าพูดว่าข้าคือ 1 ในผู้สร้างนั่นเพราะ…ข้ามิได้สร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นมาเพียงลำพัง”

 

เสียงที่ผุดดังจากความว่าง ยังคงกึกก้องเข้าหูต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ

 

“ถึงตอนนี้ขอให้ข้าได้แนะนำตัวก่อน…ข้าเรียกว่า เจิ้งตงจี๋ ก่อนที่ข้าจะสร้างระนาบเทียมแห่งนี้ขึ้น ข้าก็ได้ทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนกระทั่งข้ามผ่านทันณฑ์สวรรค์เรียบร้อย และกำลังเตรียมตัวขึ้นสู่สวรรค์!”

 

เสียงปริศนากล่าวเรื่องนี้ออกมาก็ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนแปลกใจอะไร นั่นเพราะเขารู้แต่แรกแล้ว

 

แต่คนอื่นที่ยังไม่รู้ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจทั้งประหลาใจกันยกใหญ่

 

เรื่องนี้ช่างน่าตกใจนัก!

 

ที่แท้ตัวตนที่สร้างพื้นที่แห่งนี้ กลับเป็นถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จจริงๆ!

 

และที่น่าประหลาดใจก็คือ

 

ในเมื่อสถานที่แห่งนี้สมควรเป็นคลังสมบัติ เช่นนั้นสมบัติของตัวตนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว ย่อมเป็นสิ่งที่ล้ำค่าอย่างถึงที่สุด!

 

ล้อกันเล่นหรือไร!?

 

สมบัติที่เหลือไว้โดยตัวตนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้ว ยังจะเป็นอะไรที่ธรรมดาได้อีกหรือ?

 

“ข้าได้บอกไปแล้วก่อนหน้าว่าข้าเป็น 1 ในผู้สร้าง…ระนาบเทียมแห่งนี้ถูกสร้างด้วยฝีมือข้ากับสหายอีก 2 คน! และสหายทั้ง 2 คนของข้าก็ล้วนเป็นเหมือนกันกับข้า เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ!”

 

เสียงนั่นดังขึ้นอีกครั้ง

 

คราวนี้นอกเหนือจากต้วนหลิงเทียน ทุกคนก็ตกตะลึงพรึงเพริดกันแล้วจริงๆ

 

เรียกว่าตัวตนทรงพลังมากอำนาจที่มีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกระทั่งเหนือกว่านั้นจากนครแห่งบาป ไม่เว้นตัวตนระดับสูงจากลัทธิอารามทมิฬยังถึงกับต้องตะลึงตาตั้ง แล้วจะนับประสาอะไรกับผู้ที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อย…พวกมันตอนนี้ให้พูดว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างยังไม่เกินเลย!

 

แน่นอนว่ายังมียอดคนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าไม่กี่คนที่สามารถสงบอารมณ์ได้ในเวลาอันสั้น

 

แต่แม้จะสงบอารมณ์ได้ พวกมันก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจทั้งประหลาดใจ “เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าคลังสมบัติแห่งนี้ คือคลังสมบัติของ 3 เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์หรือ?”

 

“กล่าวอีกอย่าง มันคือสมบัติชั่วชีวิตของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ไปได้…รวมถึงมรดกตกทอดของพวกมัน 3 คน!”

 

พอนึกถึงเรื่องนี้ กระทั่งยอดคนขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนและเหนือกว่านั้นก็อดไม่ได้ที่จะหายใจถี่เร็วขึ้น

 

ส่วนคนอื่นๆอย่างผู้นำพันธมิตร 7 สังหาร พันธมิตรพันสารท พันธมิตรหมื่นโบราณ อาวุโสจากลัทธิอารามทมิฬ รวมไปถึงผู้ฝึกตนจากขุมพลังอื่นๆ หลังอึ้งไปพักใหญ่ ในที่สุดพวกมันก็ค่อยๆดึงสติกลับเข้าร่างได้สำเร็จ

 

“ที่แท้…ที่นี่กลับเป็นคลังสมบัติของ 3 ตัวตนเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรต์ได้สำเร็จ?”

 

“ฮ่าๆๆๆ…ข้าไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้ของข้าจะมีวันได้พบเรื่องดีๆเช่นนี้!”

 

“ครั้งนี้ข้านับว่าถูกรางวัลใหญ่แล้วจริงๆ ร่ำรวยแน่ๆ!!”

 

 

เหล่าผู้ฝึกตนมากมายที่ติดในพื้นที่พันธนาการอดไม่ได้ที่จะร่ำร้องออกมาอย่างดีใจ

 

จนกระทั่งเสียงในความว่างเปล่าดังขึ้นอีกครั้ง พวกมันจึงค่อยสงบลง

 

“พวกเราทั้ง 3 ได้ทิ้งสมบัติที่สะสมมาชั่วชีวิต บันทึกประสบการณ์รวมถึงเคล็ดบ่มเพาะไว้ในสถานที่แห่งนี้…แน่นอนว่ามีเพียงผู้ที่สามารถผ่านไปถึงบททดสอบสุดท้ายเท่านั้น ที่จะได้รับทุกสิ่งที่พวกเราเหลือทิ้งไว้…”

 

“อย่างไรก็ตามพวกเจ้าทุกคนล้วนมีโอกาสด้วยกันทั้งสิ้น…เพราะตอนนี้พวกเจ้านับว่าผ่านทดสอบวัดคุณสมบัติขั้นต่ำที่พวกเราตระเตรียมเอาไว้แล้ว! นอกจากพวกเจ้านั้นคนอื่นๆล้วนถูกขับออกไปด้านนอกหมดสิ้น!!”

 

“แต่แน่นอนวว่าพวกเจ้าอย่าพึ่งดีใจกันไปนัก…ที่เรียกว่าทดสอบวัดคุณสมบัตินั่นก็คือบททดสอบแรกอันเป็นเกณฑ์ต่ำสุดของพวกเราเท่านั้น”

 

หลายคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียน พอได้ยินเรื่องนี้ถึงกับกระพริบตาปริบๆ

 

“อะไร…บททดสอบมากมายหลายด่านก่อนหน้านี้…แค่การทดสอบรอบแรกเรอะ?”

 

มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆ สักพักก็ได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขมออกมา

 

คนอื่นๆถึงกับพูดอะไรไม่ออกก็มี

 

หลังพูดไม่ออกไปสักพัก ก็ดั่งพายุเข้า!

 

“บ้าน่า! ล้อกันเล่นรึไง!? ไอ้ที่ข้าสู้มาแทบตายนั่น…แค่การทดสอบแรกเรอะ!? หยอกข้าใช่มั้ย?”

 

“เหอะๆ…จากความลำบากที่ข้าเผชิญมา…เกรงว่าหากไม่ใช่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ฝีมือเกินค่าเฉลี่ยเกรงว่าคงมิอาจทนทานรับไหววแน่ ทว่านั่นเป็นแค่การทดสอบแรกรึ?”

 

“แค่การทดสอบแรกหรือ…แต่แค่นี้ด้านในนี่ก็มิน่าเหลือผู้ฝึกตนที่ด่านพลังต่ำกว่าเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนแล้วกระมัง”

 

……

 

แม้จะเพียงไม่กี่คนที่โอดครวญออกมา แต่วาจาที่บ่นของพวกมันก็ล้วนบังเอิญเป็นทำนองเดียวกันทั้งนั้น

 

แน่นอนว่าก็มีเป็นที่ยกเว้นอยู่บ้าง

 

อย่างต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น

 

เหตุผลที่เขาไม่ได้คิดเหมือนคนพวกนี้เพราะพลังฝึกปรือของเขาเองยังถือว่าห่างจากขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนอีกไกล

 

ตอนนี้พลังฝึกปรือของเขาเพียงเจียนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนเท่านั้น ยังไม่ทันทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 2 เปลี่ยนที

 

เขายังเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 1 เปลี่ยนอยู่เลย!

 

นี่คือพลังฝึกปรือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน หลังเขาใช้เวลาบ่มเพาะอยู่ในนครแห่งบาปครึ่งปี

 

ในสายตาคนอื่นความเร็วในการบ่มเพาะนี้นับว่าน่ากลัวมากแล้ว แต่ในสายตาเขามันยังไวไม่พอ!

 

‘อ่อนแอเกินไป พลังข้ายังน้อยนิดเกินไป…ตอนนี้ต่อให้ใช้กระบี่นิลสวรรค์ อย่างดีก็ฆ่าได้แค่เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนชนชั้นยอดฝีมือกลายๆเท่านั้น…’

 

‘แต่หากเป็นเซียนสวรรค์ชนชั้นสุดยอดฝีมือที่บรรลุถึงสุดปลายขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนจริงๆ น่ากลัวว่าอย่างดีข้าก็ทำได้แค่ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส แต่คงฆ่ามันไม่ตาย…หากเป็นเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนคงยากจะสู้อะไรพวกมันได้’

 

หลังได้ฟังยอดคนเจ้าของเสียงที่อ้างว่าชื่อ เจิ้งตงจี๋ กล่าวบอกว่าเมื่อครู่เป็นเพียงการทดสอบแรกเพื่อวัดคุณสมบัติ ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันไม่น้อย

 

นั่นเพราะแค่การทดสอบแรกก็บีบให้เขาใช้พลังทั้งหมดแล้ว

 

แล้วการทดสอบรอบที่ 2 มันจะยากขนาดไหนกัน?

 

แล้วหลังผ่านการทดสอบที่ 2 มันยังจะมีการทดสอบที่ 3 หรือการทดสอบที่ 4 อยู่อีกไหม?

 

นึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจต้วนหลิงเทียนก็จมดิ่งลงไปทันที

 

“หลังจากนี้พวกเจ้าจะถูกส่งตัวออกจากที่นี่ไปยังสถานที่แห่งอื่น…ในสถานที่แห่งนั้นเจ้าจักได้พบกับคนอื่นๆ แน่นอนว่าคนที่เจ้าจักได้พบล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ผ่านมาถึงจุดนี้ได้เท่านั้น”

 

“พวกเจ้าทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม แต่ละกลุ่มจะแยกกันเผชิญกับบททดสอบ หลังจากการทดสอบรอบที่ 2 จบลงแล้ว จะหลงเหลือเพียงแค่ 2 กลุ่มเท่านั้น…หนึ่งกลุมต้องถูกคัดออก!”

 

ได้ยินเสียงของ เจิ้งตงจี๋ กล่าวแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็เฉยๆไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร

 

เพราะสุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องปกตินัก ที่จะมีการคัดคนออกในการทดสอบรอบที่ 2

 

อย่างไรก็ตาม วาจาประโยคต่อมาของเจิ้งตงจี๋ทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไปทันที…

 

“อย่างไรก็ตามการทดสอบรอบที่ 2 ที่กำลังจักเริ่มต้นขึ้นในอีกมินานหลังจากนี้นั้น…ผู้ที่ถูกคัดออกจักมิได้ถูกขับออกไปด้านนอกแต่อย่างไร แต่พวกมันทุกคนหลงเหลือเพียงหนทางเดียวเท่านั้น…ตาย!”

 

เรียกว่าพอประโยคนี้กล่าวจบ ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆรู้สึกรับไม่ได้ทันที

 

ในการทดสอบรอบที่ 2 มี 1 กลุ่มต้องตาย?

 

เรียกว่าจังหวะนี้เหล่าผู้ฝึกตนที่พลังฝีมือยังไม่ถึงขั้น รู้สึกเสียใจที่เข้ามาในสถานที่ผีสางแห่งนี้ทันที

 

อนิจจาโลกใบนี้ไม่มีโอสถรักษาอาการเสียใจ

 

อาศัยพลังฝีมือในปัจจุบันของต้วนหลิงเทียน เทียบกับเหล่าผู้ที่หลงเหลือในการทดสอบแล้ว จัดว่าเขาอยู่ในระดับล่างๆก็ว่าได้ หากแต่เขาไม่ได้เสียใจหรือหวั่นใจอะไรเรื่องนี้ เพียงติดใจเรื่องหนึ่ง…

 

‘จากที่เจิ้งตงจี๋อะไรนั่นมันพูด การทดสอบรอบที่ 2 นี้ทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม…แต่จะมี 1 กลุ่มที่ต้องตาย? งั้นหมายความว่าจะรอดก็รอดด้วยกันหมด จะตายก็ต้องตายด้วยกันหมด?’

 

‘ไม่รอดทั้งกลุ่ม ก็ตายยกก๊วน?’

 

ได้ยินเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

 

เพราะหากการทดสอบมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังฝีมือของคนแค่คนเดียว นั่นหมายความว่าเขายังมีโอกาสผ่านการทดสอบอยู่ กระทั่งยังมีโอกาสผ่านมากกว่าหวังพึ่งพลังฝีมือส่วนตัวด้วยซ้ำ

 

และไม่นานก็มีคนที่คิดเหมือนกันกับเขาไม่น้อย

 

“ขอสวรรค์ทรงโปรด…ให้ข้าได้อยู่ในกลุ่มของสุดยอดฝีมือด้วยเถอะ! เช่นนี้ข้าถึงจะได้มีโอกาสผ่านการทดสอบรอบที่ 2!!”

 

“ข้าแต่สวรรค์…ข้ามิขออันใดท่านมาก เพียงส่งสุดยอดฝีมือมาอยู่ในกลุ่มข้าเยอะๆเถอะ! ขอให้มีแค่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนขึ้นไปทั้งหมดยิ่งดี!!”

 

 

หลายคนที่พลังฝึกปรืออ่อนด้อยได้แต่ภาวนาอธิษฐานออกมาอย่างวาดหวัง

 

ส่วนผู้ที่พลังฝึกปรือเข้มแข็งและมั่นใจก็ไม่ได้แยแสอะไร ในความคิดเพียงจะใครก็ได้ เพราะอาศัยพลังฝีมือส่วนตัวย่อมผ่านพ้นได้ไม่มีปัญหา

 

พวกที่ไม่มั่นใจก็ได้แต่ฝากความหวังไว้กับโชคชะตา

 

เพราะหากถูกจัดให้อยู่กับกลุ่มที่มีแต่สหายอ่อนแอเหมือนกันหมดล่ะก็ ไม่พ้นต้องตกตายสถานเดียว!

 

“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าขอประกาศให้พวกเจ้าทั้งหมดรับทราบ…”

 

เสียงเจิ้งตงจี๋ดังขึ้นอีกครั้ง และทำให้ทุกคนไม่เว้นต้วนหลิงเทียนรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาทันที “การทดสอบรอบที่ 2 ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด