War sovereign Soaring The Heavens 2196

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2196 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,196 : เป็นไปไม่ได้!!

 

 

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

ต้วนหลิงเทียนและผู้พิทักษ์อีก 4 คนของลัทธิบูชาไฟ เหินร่างเคียงกันไปตามหลังถังซวนจ้าวลัทธิบูชาไฟ มุ่งหน้าออกจากเขตของลัทธิบูชาไฟ

 

เพียงเวลาไม่นานทั้งหมดก็ออกมาพ้นเขตลัทธิบูชาไฟ

 

ขณะเดียวกัน ในสายตาของทั้งหมด ยังแลเห็นร่างกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งลอยอยู่กลางหาวไกลตา…

 

เงาร่างกลุ่มคนนั้นเดิมทีเห็นเป็นจุดดำๆเล็กๆเท่านั้น แต่ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไร จุดดำก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นผู้คน และนับได้ทั้งสิ้น 6 คน…?

 

ผู้ที่ลอยร่างรออยู่ด้านหน้าสุดนั้น เป็นชายชราที่มาในชุดสีเทาแลดูแก่หง่อมปานเท้าข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปอยู่ในโลงแล้ว

 

‘แพะเฒ่านั่นน่ะเหรอ หล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ?’

 

ใจต้วนหลิงเทียนสั่นไปเบาๆยามสบตากับชายชรา ยังสามารถคาดเดาตัวตนของชายชราผู้นี้ได้ทันที

 

เพราะในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจชายชรานั้น อีกฝ่ายก็กำลังมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ยามสบสายตาเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังไร้รูปขุมหนึ่งที่คล้ายแผ่ออกมากดดันในบรรยากาศ เหนือกว่าศัตรูทุกคนที่เขาเคยเจอ

 

“เจ้าน่ะหรือคือต้วนหลิงเทียน?”

 

ทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงชราหนึ่งดังเข้าหูต้วนหลิงเทียนที่กำลังเหินบินเข้าใกล้กลุ่มคนเบื้องหน้า

 

ถึงแม้เสียงผู้กล่าวจะฟังดูแก่มาก แต่ยังคงแข็งแกร่งทั้งทรงพลัง

 

และเสียงนี้ก็เป็นเสียงเดียวกันกับที่ดังก้องไปทั่วทั้งลัทธิบูชาไฟก่อนหน้า บอกให้รู้ว่าผู้กล่าวย่อมเป็นคนๆเดียวกันแน่นอน!

 

น่าแปลกใจตรงที่เสียงกล่าวครั้งนี้ เป็นการส่งผ่านพลังมา และผู้ที่ส่งเสียงมาถึงเขาโดยตรงก็คือ หล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ

 

“หล่างเชียนจิน?”

 

ต้วนหลิงเทียนที่กำลังเหินร่างอยู่ ส่งเสียงผ่านพลังย้อนถาม

 

“ฮึ่ม!”

 

และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนย้อนถาม เสียงแค่นเย็นหนึ่งของหล่างเชียนจินพลันดังก้องในหูต้วนหลิงเทียนปานฟ้าร้อง

 

“ต้วนหลิงเทียน เจ้ามันกล้าหาญชาญชัยนัก! ถึงกับกล้าฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทองของลัทธิอารามทมิฬข้า!!”

 

สิ้นเสียงแค่นสบถก็เป็นวาจาดุร้ายเยียบเย็น ปานจะขู่ขวัญต้วนหลิงเทียนให้หวาดกลัว

 

อยางไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนมีหรือจะหวาดกลัวกับการขู่ขวัญแบบนี้ของมัน?

 

“ไม่ว่าจะกล้าหาญชาญชัยเพียงไหน ก็สู้คนของลัทธิอารามทมิฬไม่ได้หรอก ที่ถึงกับไสหัวลงจากภูมิภาคเบื้องบนไปแย่งชิงสิ่งของจากรุ่นเยาว์ในภูมิภาคเบื้องล่าง…จริงสิว่าแต่นี่เจ้าชราจนยางอายแห้งหมดแล้วหรือไง ถึงกล้าไปประกาศบอกผู้คนว่าแย่งชิงยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นไปจากข้าไปแล้ว?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบกลับไปอย่างไม่ยอมลงง่ายๆ ในวาจาทั้งน้ำเสียงยังแฝงการประชดเสียดสีไม่น้อย

 

เขายังจดจำได้ดี

 

ตอนที่เขาออกมาจากระนาบเทียมที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะสร้างไว้ เขาถึงกับต้องอึ้งไปตาปริบๆหลังได้ยินผู้คนกล่าวกันหนาหูว่า หล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ ได้ประกาศออกมาว่า…มันได้แย่งชิงยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นจากเขาไปแล้ว!

 

เรียกว่าตอนที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าอาวุโสสูงสุดผู้นี้ช่างเหลวไหลได้อีก!

 

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่อีกฝ่ายแย่งชิงยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้นจากเขาไปเลย หน้าตาของอาวุโสสูงสุดเป็นอย่างไรเขาก็ไม่แม้แต่จะเคยเห็นด้วยซ้ำ!

 

“เจ้า!!”

 

ได้ยินวาจาเสียดสีถากถางของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าชราของหล่างเชียนจินก็เปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาวทันที แววตาที่ใช้มองต้วนหลิงเทียนยังเปลี่ยนเป็นคมกล้าปานมีดดาบ

 

หากสายตาของมันฆ่าผู้คนได้ ไม่ทราบต้วนหลิงเทียนจะถูกฆ่าตายไปกี่รอบ!

 

ในตอนแรกที่มันประกาศหลอกลวงออกมา ก็เพื่อสร้างภาพลวงตาให้ผู้คนคิดไปว่ายอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นของต้วนหลิงเทียนตกอยู่ในมือของมันแล้ว…

 

จุดประสงค์ของการกระทำนี้ แน่นอนว่าเพื่อให้คนอื่นเลิกเพ่งเล็งต้วนหลิงเทียนเพราะความคิดอยากแย่งชิงยอดศาสตราเซียนอีกต่อไป เช่นนั้นจะทำให้มันมีโอกาสได้รับยอดศาสตราเซียนในมือต้วนหลิงเทียนมากขึ้น!

 

ตอนนี้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนพูดออกมาแบบนี้ เห็นชัดว่าเจตนาเย้ยเยาะหยามหน้ามันชัดเจน!

 

เมื่อไม่นานมานี้มันเองก็ต้องตกเป็นขี้ปากผู้คนทั้งแดนดินไปแล้ว เพราะถูกจับโกหกในเรื่องนี้ได้ กระทั่งผู้คนในลัทธิอารามทมิฬเองยังมีบางคนหมดศรัทธามันไม่น้อย เพราะมันที่เป็นถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน กลับปั้นน้ำเป็นตัวเพียงเพราะคิดมุ่งหวังยอดศาสตราเซียน 2 ชิ้น!

 

ช่างน่าอัปยศอดสูนัก!

 

ตอนนี้เมื่อต้วนหลิงเทียนพูดเสียดสีออกมา ย่อมไม่ต่างอะไรจากขุดแขวะแผลเก่า! พาลให้มันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที!!

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

 

และในที่สุด ต้วนหลิงเทียนและผู้พิทักษ์อีก 4 คนของลัทธิบูชาไฟรวมถึงถังซวนก็มาหยุดลงเบื้องหน้ากลุ่มคนลัทธิอารามทมิฬ

 

“อาวุโสหล่าง วันนี้…ไม่ทราบลมอะไรหอบท่านมาถึงลัทธิบูชาไฟของข้าได้เล่า? ช่างเป็นเกียรติแก่ลัทธิบูชาไฟของข้าแล้วจริงๆ!”

 

จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน มองไปยังหล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬด้วยรอยยิ้มอบอุ่น พลางกล่าวคำทักทายออกมา

 

“ฮึ่ม!”

 

อย่างไรก็ตาม แม้ได้รับการทักทายด้วยรอยยิ้มมากไมตรีของถังซวน หล่างเชียนจินกลับตะคอกเสียงเย็นตอบกลับ ยังพูดออกมาตรงๆว่า “จ้าวลัทธิถัง สาเหตุที่พวกเรามาท่านคงเดาได้แต่แรก…วันนี้พวกเราเพียงขอให้ท่านส่งมอบตัวคนที่ฆ่าจ้าวราชสีห์ขนทองออกมาเสีย!”

 

“หากไม่ส่งมอบคนออกมาแต่โดยดี ก็อย่าได้หาว่าข้าไม่เตือน!”

 

เรียกว่าหล่างเชียนจินกล่าวออกมาโต้งๆ น้ำเสียงยังคล้ายขาดความอดทน!

 

และทันทีที่มันกล่าวจบคำ มันก็ละสายตาออกจากถังซวน และกลับมามองจ้องต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แน่นอนว่าสายตาของมันยังคงคมกล้าเหมือนมีดดาบ

 

ความตรงไปตรงมานี้ของหล่างเชียนจิน ทำให้ถังซวนกับผู้พิทักษ์อีก 4 คนที่เหลือของลัทธิบูชาไฟตะลึงไปแล้วจริงๆ

 

อาวุโสสูงสุดของลัทธิบูชาไฟ จะไม่ใจร้อนเกินวัยไปหน่อยหรือ?

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถังซวน มันไม่ใช่ว่าจะไม่เคยข้องแวะกับอีกฝ่ายมาก่อน แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬคนนี้ กลับเป็นคนขาดความอดทนได้ถึงขนาดนี้!

 

มีเพียงต้วนหลิงเทียนเท่านั้นที่ไม่ได้แปลกใจอะไร

 

นั่นเพราะตอนนี้ หล่างเชียนจิน สมควรกำลังหัวร้อนกับวาจาจิกกัดถากถางซึ่งๆหน้าของเขาถึงขีดสุด! เกรงว่าอีกฝ่ายคงแทบทนรอฆ่าเขาไม่ไหวแล้ว คงอยากจะรีบฆ่าเขาเพื่อล้างอายตัวเองทั้งล้างแค้นให้จ้าวราชสีห์ขนทองจนตัวสั่น!!

 

ในขณะที่คนอื่นๆไม่เว้นถังซวนกำลังมองอาวุโสสูงสุดด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด ต้วนหลิงเทียนพลันละสายตาจากชายชราหนังเหี่ยว ไปมองคนอื่นๆด้านหลังแทน

 

กล่าวให้ชัดสายตาของเขาตกไปยังร่าง 3 ร่างที่ลอยอยู่ถัดจากชายชรา

 

‘ผู้หญิงชุดม่วงคนนี้ไม่พ้น พญามังกรเสื้อม่วง ผู้นำมหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬที่ร่ำลือแน่นอน!’

 

ต้วนหลิงเทียนที่มองสำรวจสตรีเพียงคนเดียวในกลุ่มคนหลังหล่างเชียนจินก่อนเป็นคนแรก เพราะนางให้ความรู้สึกเตะตากว่าใครในบรรดาคนที่ลอยอยู่ด้านหลังหล่างเชียนจิน

 

สตรีในชุดสีม่วงนางนี้ แม้ใบหน้าจะมีผ้าปิดปากสีม่วงปกปิดเอาไว้ครึ่งใบหน้า แต่ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่เปิดเผยออกมาก็นับว่างดงามไม่น้อย บอกให้รู้ว่าใบหน้าอีกครึ่งใต้ม่านผ้าก็ต้องน่าดูเช่นกัน

 

‘พญามังกรเสื้อม่วงคนนี้เป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน เดิมทีอยู่ในอันดับที่ 10 ของรายนามยอดเซียน…แต่พอผู้ฝึกตนอิสระของนครแห่งบาปคนเก่าที่ติดอันดับ 9 ตายในระนาบเทียมของพวก 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่น นางก็เลยเลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 9 แทน…’

 

ในใจต้วนหลิงเทียนปรากฏข้อมูลหนึ่งวาบขึ้นมา เป็นข้อมูลที่เขาอ่านเจอจากรายนามยอดเซียนฉบับล่าสุด

 

‘ส่วนชายหนุ่มชุดขาวนี่ ไม่พ้นเป็นจ้าวพยัคฆ์ขาว 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ! ยังเป็นเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ที่งรั้งอยู่ในอันดับ 10 ของรายนามยอดเซียน…’

 

สายตาต้วนหลิงเทียนละออกจากร่างพญามังกรเสื้อม่วงไป ตกยังร่างชายหนุ่มชุดขาวที่ลอยข้างๆนาง

 

ชายหนุ่มชุดขาวผู้นี้รูปร่างแลดูกำยำแข็งแกร่ง เพียงลอยร่างอยู่ตรงนั้นก็ให้ความรู้สึกเสมือนมันเป็นปราการเหล็กยากทำลาย!

 

มีร่าง 3 ร่างลอยอยู่ด้านหลังหล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬ ก่อนที่จะเป็นอีก 2 คนที่อยู่ถัดไปอีกที

 

เช่นนั้นก็ไม่ยากที่ต้วนหลิงเทียนจะคาดเดาตัวตนของผู้คนลัทธิอารามทมิฬที่มาทั้งหมดได้จากตำแหน่งลอยตัว

 

‘ถ้างั้นชายชราชุดดำลายปักกะโหลกแดงข้างๆ จ้าวพยัคฆ์ขาวคนนี้…ไม่พ้นเป็นจ้าวลัทธิอารามทมิฬ สุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนสินะ’

 

สุดท้ายความสนใจของต้วนหลิงเทียนก็ไปตกยังร่างชายชราชุดดำ ที่สมควรเป็นจ้าวอาราม

 

ไม่ใช่ว่าเขาคิดดูถูกมันแต่อย่างไร

 

แต่ต่อหน้าอาวุโสสูงสุด และมหาธรรมราชาที่โดดเด่นทั้ง 2 คนนั้น ตัวตนของมันกลายเป็นจืดจางลงไปหลายส่วน แลดูไม่โดดเด่นอะไรเลย เพราะพลังฝีมือของมันต่างจาก 3 คนนี้มากเกินไป

 

“อาวุโสหล่าง…”

 

เผชิญหน้ากับวาจาดุร้ายของอาวุโสสูงสุดลัทธิอารามทมิฬหล่างเชียนจิน จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน พลันมองกล่าวออกมาเสียงเย็น “ในเมื่อท่านกล่าวออกมาตรงๆ เช่นนั้นข้าก็จะไม่อ้อมค้อมเช่นกัน…เรื่องให้ข้าส่งตัวผู้พิทักษ์หลิงเทียนออกไปให้ท่าน…เป็นไปไม่ได้!!”

 

เป็นไปไม่ได้!!

 

ท้ายประโยคของถังซวนนั้น น้ำเสียงยังแข็งกร้าวไม่เว้นช่องให้โตแย้ง!

 

ให้มันส่งตัวต้วนหลิงเทียนออกไป?

 

ไม่มีวัน!!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถือครองยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมาร ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับลัทธิบูชาไฟ ยามเผ่าพันธุ์ปีศาจยกทัพบุกขึ้นมาในภูมิภาคเบื้องบนเลย…

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนยังมีอีก ฐานะ หนึ่งที่สำคัญกับลัทธิบูชาไฟอย่างหามหาศาล ผู้พิทักษ์! ไม่เพียงแต่เรื่องส่งตัวต้วนหลิงเทียนออกไปจะเป็นไปไม่ได้ มันยังไม่กล้าที่จะทำแบบนั้น!!

 

เพราะตอนนี้มันยังบังเกิดความสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนอาจเป็น ‘บุรุษ’ ที่ธิดาเทพมีสัมพันธ์ด้วยในภูมิภาคเบื้องล่าง!

 

สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าเปิดศึกกับลัทธิอารามทมิฬก็คือ เรื่องที่มันยังไม่อาจยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนใช่บุรุษที่ทำให้ธิดาเทพมีมลทินหรือไม่นี่เอง!

 

หากมันไม่อาจยืนยันเรื่องนี้ได้แน่ชัด แล้วเกิดส่งตัวต้วนหลิงเทียนให้ลัทธิอารามทมิฬขึ้นมา จนสุดท้าย…หลังต้วนหลิงเทียนตกตายไปมันค่อยมาทราบทีหลังว่าต้วนหลิงเทียนคือ บุรุษของธิดาเทพจริงๆ…

 

ในภายภาคหน้าหาก ‘ท่านผู้นั้น’ ที่ทรงพลังประหนึ่งเทพเจ้าหวนกลับมา และพบว่าคนที่ทำให้ธิดาเทพมีมลทินกลับตกตายด้วยน้ำมือของคนอื่นไปแล้ว และเป็นมันที่ส่งตัวออกไปให้ผู้อื่นฆ่าตายกับมือ…

 

อีกฝ่ายจะต้องมีโมโหถึงที่สุด! และความพิโรธของท่านผู้นั้นเกรงว่าจะขยี้โลกทั้งใบให้แหลกเป็นจุณก็ไม่เกินเลย!!

 

เพราะมันรู้ดีแก่ใจ…

 

ถ้าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่ทำให้เทพธิดาเทพแปดเปื้อนมีมลทินจริง ถึงต้วนหลิงเทียนต้องตายแน่ๆ แต่สามารถตายด้วยมือ ‘ท่านผู้นั้น’ ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น!

 

‘ท่านผู้ที่ทรงพลังอย่างถึงที่สุดคนนั้น แม้ปากจะบอกว่าธิดาเทพเป็นลูกพี่ลูกน้อง…แต่ทุกคราที่เอ่ยถึงธิดาเทพ ในแววตากลับเต็มไปด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะครอบครองธิดาเทพ! ยังเป็นความปรารถนาอันลึกสุดใจ!!’

 

คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจของถังซวนก็สะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ

 

ด้วยเหตุนี้ก่อนที่มันจะยืนยันได้เต็มสิบส่วนว่าต้วนหลิงเทียนใช่บุรุษที่ทำให้ธิดาเทพแปกเปื้อนหรือไม่…ไม่เพียงแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งมอบต้วนหลิงเทียนให้ใคร มันยังไม่มีความกล้าจะส่งตัวต้วนหลิงเทียนออกไป!

 

หากต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนที่ทำให้ธิดาเทพมีมลทินก็แล้วไป อย่างดีมันก็แค่สูญเสียผู้พิทักษ์มือดี และยอดศาสตราเซียนที่จะทำให้มันเป็นวีรบุรุษในสงครามมนุษย์ปีศาจไปเท่านั้น…แต่ถ้าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่พรากความบริสุทธิ์ของธิดาเทพไปขึ้นมาจริงๆล่ะก็…

 

ถึงตอนนั้นเกรงว่าเรื่องราวคงไม่จบลงง่ายๆเหมือนเรื่องที่มันเสียผู้พิทักษ์กับยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารไปแน่นอน…

 

ตัวมัน…แม้แต่ลัทธิบูชาไฟที่อยู่เบื้องหลังมัน ไม่พ้นต้องกลายเป็นเถ้าธุลีภายใต้โทสะของท่านผู้นั้นที่ทรงพลังอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง!

 

‘ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกไม่นาน จะถึงวันที่ท่านผู้นั้นจะหวนกลับมาปรากกฏที่ระนาบของพวกเรา…’

 

เมื่อนึกถึงวาจาที่ท่านผู้นั้นอันน่าสะพรึงกลัวกล่าวไว้ก่อนจากไป ถังซวนอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง

 

เพราะเวลาที่ท่านผู้นั้นกำลังจะหวนกลับมา เหลืออีกแค่ไม่นานแล้ว+

 

กล่าวไปก็ช่างรวดเร็วเหลือเกิน…มันรู้สึกเสมือนวันเวลานับร้อยปีผ่านไปในชั่วพริบตาด้วยซ้ำ…

 

“เป็นไปไม่ได้รึ?”

 

วาจาตอบเสียงแข็งของถังซวนที่ไม่คิดเปิดโอกาสให้โต้แย้งนั้น ทำให้สีหน้าท่าทีหล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬเปลี่ยนไปทันที แววตายังเผยประกายเย็นชาวูบวาบ

 

และกลุ่มคนของลัทิอารามทมิฬที่ลอยร่างด้านหลังหล่างเชียนจินก็เปลี่ยนทีท่าไปทันทีเช่นกันหลังได้ยินคำตอบยืนกรานของถังซวน

 

“ถังซวน ดูเหมือนเรื่องที่สามารถทะลวงไปถึงด่านพลังเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ จะทำให้เจ้าบังเกิดความมั่นใจในตัวเองครั้งใหญ่…”

 

วาจานี้ของหล่างเชียนจินประหนึ่งจะผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็งก็ไม่ปาน ช่างเย็นชาหนาวเหน็บนัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด