War sovereign Soaring The Heavens 2201

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2201 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,201 : อันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!

 

 

 

ถึงแม้ว่าต้วนหลิงเทียนจะแทบไม่ได้เคลื่อนไหวลงมืออะไรมากมาย หลังจากที่ย้อนกลับมาลัทธิบูชาไฟ…

 

ทว่าเรื่องที่เขาสามารถเอาชนะจ้าวหอคุมกฏเหลิ่งอิงที่ตอนนี้กลายเป็นผู้พิทักษ์ไปแล้วลงได้ใน 3 กระบี่ ก็พิสูจน์ให้เห็นพลังฝีมือของเขาแล้ว!

 

ต้องทราบด้วยว่าแม้เหลิ่งอิงจะพึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 ได้ไม่นาน แต่ด้วยเวทย์พลังที่เชี่ยวชาญช่ำชอง น่ากลัวว่าไม่อาจมองเป็นเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนธรรมดาๆได้เลย…ถึงขั้นที่หงอวิ๋นยังยอมรับว่าสู้ไม่ได้ด้วยซ้ำ!!

 

นอกจากนั้นต่อให้เป็นสื่อเฟิง ผู้พิทักษ์ที่บรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนและแข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 3 ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟในอดีต ก็ไม่กล้าพูดว่าจะเอาชนะเหลิ่งอิงได้ใน 3 กระบี่!

 

ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนสามารถสยบเหลิ่งอิงได้ใน 3 กระบี่ ก็ทำให้เขาถูกยอมรับกลายๆว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้พิทักษ์ทั้ง 5 คนของลัทธิบูชาไฟ!

 

เรื่องนี้ตัวผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ซึ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอดีต 3 ผู้พิทักษ์ยังไม่คัดค้านอะไรแม้แต่น้อย!

 

ด้วยเหตุนี้เหลิ่งอิงจึงอดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น หลังได้ยินคำของจ้าวลัทธิอารามทมิฬ!

 

ด้วยไม่ทราบจริงๆว่าจ้าวลัทธิอารามทมิฬผู้นี้ไปพกพาความมั่นใจมาแต่ที่ใด…!

 

“เจ้าคือจ้าวลัทธิอารามทมิฬ?”

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันมองไปยังจ้าวลัทธิอารามทมิฬทั้งโค้งคิ้วกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงขบขัน “ฟังจากที่เจ้าว่า…หมายความว่าเจ้ามั่นใจมากเลยสิ…ว่าจะเอาชนะพวกเราได้เพียงเพราะจ้าวลัทธิของพวกเราไม่อยู่?”

 

“เหลวไหลสิ้นดี!”

 

ไม่ทันที่จ้าวลัทธิอารามทมิฬจะได้ตอบคำอะไรก็เป็นผู้พิทักษ์หงอวิ๋นที่โพล่งคำเย้ยหยันออกมาเสริม “จ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกเรามิอยู่…หรือผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเจ้าลัทธิอารามทมิฬอยู่ด้วย?”

 

แม้ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงกับชิงหั่วจะไม่ได้พูดอะไร แต่ทั้งหมดก็มองไปยังจ้าวลัทธิอารามทมิฬด้วยสายตาสมเพช

 

“ฮ่าๆๆๆๆ!!”

 

ทว่ายามเสียงเย้ยเยาะของหงอวิ๋นดังจบคำ จ้าวลัทธิอารามทมิฬก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง

 

การที่อยู่ดีๆมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะโพล่งดังขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลแบบนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆอดไม่ได้ที่จะย่นคิ้ว

 

จ้าวลัทธิอารามทมิฬผู้นี้สติใช่ยังดีอยู่หรือไม่?

 

ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!

 

……

 

ในขณะที่จ้าวลัทธิอารามทมิฬกำลังระเบิดเสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังนั้นเอง ปรากฏเสียงแหวกฝ่าสายลมดังขึ้นจากด้านหลังมากมาย เป็นระดับสูงของลัทธิบูชาไฟที่พึ่งเหินร่างมาสมทบ!

 

ระดังสูงเหล่านี้ได้แก่ผู้อาวุโสเพลิงทองทั้งหลาย ไม่เว้นรองจ้าวหอคุมกฏ!

 

ในบรรดาคนกลุ่มนี้ท่าทางของจ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาว หลูชิ่ง และจ้าวแท่นบูชามังกรคราม หลูเถี่ย แลดูหน้าเกรงขามกว่าผู้ใด

 

สำหรับผู้ที่มีลำดับต่ำกว่าอาวุโสเพลิงทองนั้นไม่มีใครมาเลย เพราะมาก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

 

และแม้พวกหลูเถี่ย หลูชิ่งรวมถึงคนอื่นๆจะมาถึงแต่ทั้งหมดก็เหินร่างอยู่วงนอกเพื่อรอดูท่าที

 

หากพวกมันเร่งรีบชิงลงมือก่อน ก็คงไม่ต่างอะไรจากทหารเลวเท่านั้น…

 

“สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรกันแน่?”

 

“ไฉนจ้าวลัทธิอารามทมิฬผู้นี้ถึงได้หัวเราะเช่นนั้นเล่า…หรือเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับท่านจ้าวลัทธิของพวกเรากัน?”

 

“ไม่ควรเป็นเช่นนั้น…หากเกิดเรื่องใดกับท่านจ้าวลัทธิของพวกเรา ไหนเลยอาวุโสหล่างเชียนจินจะไม่อยู่ที่นี่แบบนี้?”

 

“ตอนนี้หล่างเชียนจินไม่อยู่…สมควรเป็นท่านจ้าวลัทธิของพวกเราล่อมันออกไปหรือไม่?”

 

“ไม่ผิด! สมควรเป็นเช่นนั้น เพราะด้วยพลังระดับสูงเช่นนั้น หากมาปะทะใกล้เขตลัทธิบูชาไฟเรา เกรงว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพวกเราใหญ่หลวง”

 

“ถูกแล้ว อาศัยคลื่นพลังสะท้อนไปกี่ระลอกก่อนหน้านี้ ศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวก็ตกตายไปมากมายนัก…เฮ่อ เวรกรรมแท้ๆ…”

 

เหล่าอาวุโสเพลิงทอง รองจ้าวหอคุมกฏเริ่มสนทนากัน ทั้งหมดย่อมคาดเดาได้ว่าไฉนจ้าวลัทธิกับหล่างเชียนจินถึงไม่อยู่ที่นี่

 

“พลังของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนช่างน่ากลัวยิ่ง ก่อนหน้านี้เพียงแค่เริ่มสู้กันยังไม่ได้ใช้พลังเต็มที่อะไร เหล่าศิษย์แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของข้าก็ล้มตายไปกว่าครึ่งเพราะทานรับคลื่นพลังสะท้อนไม่ไหว…หากสู้กันดุเดือดขึ้นมาคงไม่มีผู้ใดรอด กระทั่งพวกเราเองก็จะไม่ไหวเอา…”

 

พูดถึงเรื่องนี้สีหน้าของหลูเถี่ย จ้าวแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากกว่าใครเพื่อน เพราะศิษย์แท่นบูชาของมันพึ่งล้มตายไปมากมาย

 

ขณะเดียวกันมันก็รู้สึกหดหู่ใจเหลือใดจะกล่าว…

 

ไม้ว่าจะคราวนี้ที่ศิษย์ในแท่นบูชาของพวกมันตกตายเพราะลูกหลง หรือจะเป็นเพราะครั้งก่อนที่ต้วนหลิงเทียนมาถึง จนทุบตีมันจนร่วงหมดสภาพ ทั้งหมดก็เป็นแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของมันที่งานเข้าก่กอนใครเพื่อน! และทั้งหมดล้วนเป็นเพราะ ทำเล คำเดียว!

 

แท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของมันดันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของลัทธิบูชาไฟ! ซึ่งเป็นด่านหน้าในการรับมือผู้ที่มาจากภาคกลาง…!!

 

ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งกลับมาจากภาคกลาง ก็เข้าลัทธิบูชาไฟผ่านทางเขตแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวของมัน…

 

ลัทธิอารามทมิฬเองก็เดินทางมาจากทางตะวันตกของภาคกลาง เมื่อมุ่งหน้ามาลัทธิบูชาไฟ ก็จะเข้ามาทางแท่นบูชาพยัคฆ์ขาวเช่นกัน…

 

ด้วยเหตุนี้หลูเถี่ยจึงรู้สึกว่าในใจมีรสชาติอันยากจะกล่าวนัก ยังคิดว่าหากเรื่องราวครั้งนี้จบลง มันอยากจะขอแลกตำแหน่งจ้าวแท่นบูชา ไม่ก็ขอแลกที่ตั้งกับอีก 3 แท่นบูชาอื่นๆ….

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นเหล่าอาวุโสเพลิงทองและคนอื่นๆที่พึ่งมาถึงก็ได้ยินเสียงผ่านพลัง

 

เป็นหนึ่งในรองจ้าวลัทธิบูชาไฟที่แจ้งเรื่องราวผ่านพลังกับพวกมัน

 

สำหรับเนื้อความที่ส่งผ่านพลังมาแจ้งนั้น ก็ไม่ใช่อะไรนอกจากบอกสถานการณ์ในปัจจุบันให้พวกมันรับทราบ

 

“อย่างที่พวกเราคาดไว้ไม่มีผิด…ท่านจ้าวลัทธิได้ล่อ หล่างเชียนจิน อาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬไปสู้ไกลๆ”

 

ได้ยินเสียงผ่านพลังของรองจ้าวลัทธิบูชาไฟ เหล่าอาวุโสที่พึ่งมาทั้งหลายก็ได้ทราบสถานการณ์เรื่องราว

 

“ว่าแต่จ้าวลัทธิอารามทมิฬไฉนถึงกล้าข่มขู่ท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของพวกเราไม่ให้ช่วยผู้พิทักษ์หลิงเทียน หาไม่งั้นจะไม่รับประกันความปลอดภัยเล่า?”

 

“เหอะๆ นี่มันคิดจริงๆหรือ…ว่าอาศัยพวกมันไม่กี่คนจะทำอะไรท่านผู้พิทักษ์ทั้ง 5 ของพวกเราได้?”

 

“เหลวไหลสิ้นดี! ไม่ต้องกล่าวถึงท่านผู้พิทักษ์สื่อเฟิงของลัทธิบูชาไฟเราที่บรรลุขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน กระทั่งท่านผู้พิทักษ์หลิงเทียนเผลอๆพลังฝีมือจะไม่อ่อนด้อยไปกว่าท่านผู้พิทักษ์สื่อเฟิงด้วยซ้ำ! ไม่ทราบมันไปเอาความมั่นใจมาแต่ที่ใด!?”

 

“มั่นใจอันใด ข้าว่าเพียงหยิ่งผยองไม่รู้ความ…นี่จ้าวลัทธิอารามทมิฬเป็นตัวหยิ่งผยองอวดดีถึงขั้นนี้เชียวรึ? ใช่มันเก็บกดที่อ่อนด้อยกว่าผู้อื่นในลัทธิหรือไม่? เลยมาปากดีใส่ท่านผู้พิทักษ์พวกเรา?”

 

……

 

พอเหล่าอาวุโสของลัทธิบูชาไฟได้รับทราบสถานการณ์จากรองจ้าวลัทธิบูชาไฟ ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เพราะขบขันในวาจาถือดีของจ้าวลัทธิอารามทมิฬนัก!

 

หลังจากนั้นไม่นานนัก ในที่สุดเสียงหัวเราะของจ้าวลัทธิอารามทมิฬก็หยุดลง

 

“ผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย! ส่งมอบตัวต้วนหลิงเทียนออกมาเสียแต่โดยดี หากพวกเจ้าไม่รู้ว่าอะไรมันดีต่อตัว เกิดถลำลึกจนมิอาจถอนตัวกลับลัทธิบูชาไฟได้ทั้งที่ยังมีชีวิต…ก็อย่าได้โทษข้าว่าอำมหิต!!”

 

จ้าวลัทธิอารามทมิฬหลังจากหัวเราะแล้วก็กล่าวคำออกมาด้วยอำมหิต ยังกล่าวออกเสียงดังด้วยความมั่นใจนัก “ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าเพียง 10 ลมหายใจเท่านั้น…หลัง 10 ลมหายใจผ่านไป หากพวกเจ้ายังไม่ยอมส่งตัวต้วนหลิงเทียนให้ข้า ก็อย่าได้โทษว่าข้าและลัทธิอารามทมิฬไร้ความปราณีแล้วกัน!!”

 

วาจาที่กล่าวออกของจ้าวลัทธิบูชาไฟนั้นทั้งเยียบเย็นทั้งเผยเจตนาข่มขู่ชัดเจน

 

“หึ!”

 

แทบจะพร้อมกันกับที่เสียงจ้าวลัทธิอารามทมิฬดังจบคำ สื่อเฟิง ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 3 ผู้พิทักษ์ก่อนหน้า ก็พ่นลมเย้ยออกมาเสียงเย็น

 

ใบหน้าอันหล่อเหลาน่าเกรงขามของมันบัดนี้ฉาบทับไว้ด้วยความเย็นชาปานเคลือบน้ำแข็ง แรงกดดันร้ายกาจยังแผ่ออกมากดดันในบรรยากาศ กล่าวออกเสียงดังฟังชัด

 

“อย่าว่าแต่ 10 ลมหายใจ มิว่าเจ้าจักให้เวลาพวกกเรามากเท่าใด พวกเราก็ไม่มีวันละทิ้งผู้พิทักษ์หลิงเทียนส่งให้เจ้า!”

 

เสียงของผู้พิทักษ์สื่อเฟิงช่างเย็นชาผิดจากปกตินัก

 

“เจ้าอยากรบก็รบ! ลัทธิบูชาไฟของพวกเราหาได้กลัวพวกเจ้าไม่!!”

 

เหลิ่งอิงก็ก้าวออกมายืนข้างผู้พิทักษ์สื่อเฟิง เห็นได้ชัดว่าสนับสนุนคำของสื่อเฟิง กระทั่งยังไม่ลืมกล่าวกับจ้าวลัทธิอารามทมิฬเสียงเย็นอย่างท้าทาย

 

ถึงแม้ผู้พิทักษ์ชิงหั่วกับผู้พิทักษ์หงอวิ๋นไม่ได้กล่าวคำใด แต่ร่างทั้งหมดก็ลอยไปยืนหยัดข้างผู้พิทักษ์สื่อเฟิง เผยทีท่าของทั้งคู่ชัดเจน!

 

ทั้งหมดเผยเจตนาออกชัดว่าไม่คิดละทิ้งต้วนหลิงเทียน!

 

จ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมันยังได้ลั่นวาจาไว้แล้ว ให้ละทิ้งต้วนหลิงเทียนนั้น…เป็นไปไม่ได้!

 

กระทั่งเพื่อต้วนหลิงเทียนแล้ว จ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมันไม่แม้แต่จะลังเลอะไรด้วยซ้ำ เลือกจะเปิดศึกกับหล่างเชียนจินทันที!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่สถานการณ์ของพวกมันไม่ได้ตกเป็นรองอะไรแม้แต่น้อย ต่อให้พวกมันเสียเปรียบเรื่องกำลังรบอีกฝ่ายจริง อาศัยเจตนารมณ์ของจ้าวลัทธิที่เผยออกอย่างแข็งกร้าวก่อนหน้า พวกมันก็ไม่มีวันละทิ้งต้วนหลิงเทียน!

 

“อยากสู้ก็มา!”

 

“ลัทธิบูชาไฟเราไหนเลยมีตัวขี้ขลาด!!”

 

เมื่อวาจาหนักแน่นทั้งเด็ดขาดของเหลิ่งอิงดังขึ้น เหล่าอาวุโสเพลิงทองทั้งหลายที่ได้ยินก็รีบกล่าวออกเสียงดังด้วยความฮึกเหิม! ยังรู้สึกเสมือนโลหิตทั่วกายเดือดพล่าน…แต่พวกมันก็ยังคงรออยู่แถวสองเช่นเดิม ไม่กล้าขึ้นหน้าไปแม้แต่ก้าวเดียว…

 

“ผู้พิทักษ์เหลิ่งอิงกล่าวถูกแล้ว! ลัทธิบูชาไฟเราหาได้มีตัวขี้ขลาดไม่!!”

 

“อาศัยเจ้า จ้าวลัทธิอารามทมิฬคิดฆ่าพวกเรา?”

 

“น่าขัน! ช่างน่าขันยิ่งนัก!!”

 

……

 

แถมพอเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบโต้ เหล่าอาวุโสระดับสูงของลัทธิบูชาไฟก็กล่าวเสียดสีจ้าวลัทธิอารามทมิฬกันใหญ่

 

“ดี! ดี…ดีมาก!!”

 

ส่วนอีกด้าน เมื่อเจอทีท่ายืนกรานไม่ส่งตัวคนแน่วแน่ของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ทั้งได้ยินคำท้าจากกลุ่มคนด้านหลังอย่างเอาใหญ่ จ้าวลัทธิอารามทมิฬก็โมโหนัก

 

และเมื่อมันตะคอกคำ ดี ออกด้วยความโมโหเสร็จ ก็ปรากฏป้ายหยกแลดูไม่ธรรมดาหนึ่งในมือ

 

แคร่ก!

 

ทันใดนั้นป้ายหยกดังกล่าวก็ถูกมันบดขยี้จนแหลก!

 

ปรากฏแสงพลังหนึ่งพวยพุ่งขึ้นฟ้าไปฉับไวราวกับเปลวไฟส่งสัญญาณ เพื่อส่งสัญญาณไปถึงใครบางคน!

 

“มันยังมีกำลังเสริมงั้นรึ?”

 

และสิ่งที่เพียงมองก็รู้ว่าไม่ต่างใดจากไฟสัญญาณนี้ ทำให้คนของลัทธบูชาไฟสงสัยทันที

 

กระทั่งลูกตาต้วนหลิงเทียนยังหดหยีลง

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันหน้าไปแหงนมองฟ้าสูงทางทิศตะวันออกไกลตา…

 

มองไปเห็นเป็นแผ่นฟ้าอันเต็มไปด้วยเมฆที่ลอยเอื่อยเฉื่อยเกียจคร้าน เงียบสงบไร้สิ่งใด

 

และหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนจับจ้องไปท่ามกลางหมู่เมฆไม่ถึงลมหายใจดี ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงก็หันตามไปเช่นกัน

 

ซู่มมม!!

 

ทันใดนั้นเอง ทุกคนพลันได้ยินเสียงบางสิ่งเหินมาอย่างฉับไวจากด้านหลังกลุ่มเมฆดังกล่าว ทำให้ทุกคนของลัทธิบูชาไฟอดไม่ได้ที่จะหันไปเพ่งมองเขม็ง

 

ซัววว!

 

และในขณะที่สายตาทุกคนจับจ้องไปนั้น ทั้งหมดก็เห็นบางสิ่งเหินแหวกม่านเมฆออกมา!

 

เป็นร่างอันฉับไวหนึ่งที่พร่าเลือนปานภูตผี วูบลงจากฟ้าด้วยความเร็วอันน่ากลัว!

 

เหล่าอาวุโสเพลิงทองของลัทธิบูชาไฟที่มาถึงทีหลังไม่อาจมีใครสามารถมองตามร่างที่กำลังเหาะมาได้ทันสักคน ทั้งหมดเห็นเพียงเงาเลือนรางสายหนึ่งเท่านั้น

 

ส่วนรองจ้าวลัทธิบูชาไฟทั้ง 2 คนที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนก็หยีตาหดเล็กด้วยความเคร่งเครียด เพราะพวกมันเห็นเพียงรูปร่างของอีกฝ่ายคร่าวๆ ว่าเป็นร่างผอมร่างหนึ่ง…

 

ไม่อาจแลเห็นหน้าตาและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้เลย!

 

“เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน?”

 

“ดูเหมือน…ยังมิใช่เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนธรรมดาๆ!”

 

……

 

ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ชิงหั่ว หงอวิ๋น และผู้พิทักษ์เหลิ่งอิง หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แววตาของพวกมันเผยความประหวั่นออกชัด เมื่อเห็นถึงความไม่ธรรมดาของผู้มาใหม่!

 

“มีคนนอกมาช่วยงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนหยีตาเล็กน้อย ม่านตาซ้ายพลันทอประกายลี้ลับวาบหนึ่ง ก็สามารถแลเห็นผู้มาได้ชัดถนัดตา

 

ฟุ่บบบ!!

 

ครู่ต่อมา ร่างดั่งกล่าวก็หยุดลง เผยโฉมให้ผู้คนแลเห็นชัด!

 

“เหาฉ่วง!”

 

เมื่อได้เห็นหน้าค่าตาผู้มาใหม่ ใบหน้าสื่อเฟิงก็เปลี่ยนสีไปทันใด!

 

เหาฉ่วงผู้นี้ก็คือ…ยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ผู้ที่รั้งอยู่ในอันดับที่ 5 ของรายนามยอดเซียน! มันเป็นตัวตนที่ได้รับการยอมรับจากทั่วทั้งแดนดิน ณ เวลานี้ ว่าเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดภายใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด