War sovereign Soaring The Heavens 2205

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2205 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,205 : ใช้ออกทุกสิ่งไม่ปิดบัง

 

พลองยาว 6 ฉื่อในมือเหาฉ่วงนั้น สลักไว้ด้วยอักขระแลดูคลุมเครือชุดหนึ่ง ตอนแรกเมื่อมองผ่านๆให้ความรู้สึกเรียบง่ายไม่หวือหวา ทว่าเมื่อสังเกตให้ละเอียดกลับพบว่ามันให้ความรู้สึกลี้ลับไม่ธรรมดาด้วยแลดูเก่าแก่โบราณนัก

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเหาฉ่วงถ่ายพลังเซียนต้นกำเนิดลงไปในตัวพลอง…

 

วู้ม!

 

ซัวว!!

 

ทันใดนั้นลวดลายทั้งอักขระทั่วพลองก็คล้ายจะมีชีวิตขึ้นมา พวกมันเปล่งแสงสว่างเรืองรองสีทองจ้า คล้ายกลายเป็นตะวันดวงร้อนแผดแสง!

 

กลิ่นอายพลังพลังสุดไพศาลเริ่มกำจายออกมาสะท้านสะเทือนในบรรยากาศ ชวนให้ผู้คนที่สัมผัสได้ถึงกับใจสั่นสะท้าน

 

“นั่นมัน…พลองธัมมะ!”

 

ทันทีที่ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงของลัทธิบูชาไฟตกใจกล่าวคำนี้ออกมา ผู้คนทั้งหมดพลันกลับสู่ความรู้สึก สายตาทั้งหมดทอดตกไปยังพลองยาว 6 ฉื่อในมือเหาฉ่วงทันที!

 

พริบตาพลอง 6 ฉื่อก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้ชม!

 

“พลองธัมมะ…ไฉนฟังดูคุ้นหูนักนะ…”

 

อาวุโสเพลิงทองคนหนึ่งกล่าวพึมพำเบาๆ ก่อนที่สายตาจะเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยคล้ายเหม่อคิด

 

อย่างไรก็ตามมันเหม่อคิดไปได้ไม่ทันไร อาวุโสเพลิงทองอีกคนก็กล่าวขัดความคิดมันออกมาเสียงดัง “อะไร? พลองธัมมะ? 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่น่ะหรือ?!”

 

“พลองธัมมะ…ยอดศาสตราเซี่ยนที่ทรงพลังทั้งรุกและรับนั่นน่ะรึ?!”

 

“ไม่ผิดแน่…เป็นพลองธัมมะนั่น! ในแง่ของพลังโจมตีแม้จะโดดเด่นสู้ยอดศาสตราเซียนอย่างกระบี่ไร้ลักษณ์ หรือยอดศาสตราเซียนประเภทจู่โจมชิ้นอื่นๆไม่ได้ แต่ก็นับว่าเหนือล้ำกว่าศาสตราพันอาคมเซียนไม่น้อย! นอกจากนี้ยังพลิกแพลงใช้ป้องกันตัวได้ แถมพลังป้องกันของมันยังจัดว่าแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว!!”

 

“ข้าไม่คิดเลยว่าพลองธัมมะนั่นจะตกอยู่ในมือเหาฉ่วงผู้นี้…”

 

“จบกัน! จบสิ้นกันแล้ว!! เดิมทีผู้พิทักษ์หลิงเทียนยังพอมีโอกาสชนะอยู่บ้าง แต่ตอนนี้พอเหาฉ่วงนำยอดศาสตราเซียนอย่างพลองธัมมะนั่นออกมาสู้ ผลการรบก็ไม่ต้องสงสัยกันแล้ว!”

 

“ตัดสินกันในกระบวนท่าเดียว…ข้าไม่ทราบจริงๆว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนไปเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใด เหาฉ่วงนำพลองธัมมะออกมาแบบนี้ ข้ากลัวว่าต่อให้ผู้พิทักษ์หลิงเทียนพยายามสุดกำลัง ก็ยังมิอาจรับได้แม้แต่การโจมตีส่งๆของเหาฉ่วงด้วยซ้ำ!”

 

“ซ้ำร้ายในเมื่อผู้พิทักษ์หลิงเทียนเลือกจะตัดสินในกระบวนท่าเดียว…มีหรือเหาฉ่วงจะลงมือส่งๆอย่างขอไปที ไม่พ้นมันต้องฟาดออกมาเต็มกำลังแน่ คราวนี้แค่เอาชีวิตให้รอดผู้พิทักษ์หลิงเทียนยังยากกระทำ…”

 

…………

 

เหล่าอาวุโสเพลิงทองรวมถึงรองจ้าวหอคุมกฏทั้งหลายได้แต่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ทั้งหมดรู้สึกว่าคราวนี้ต้วนหลิงเทียนตายแน่

 

ไม่ใช่ว่าพวกมันยกย่องเขาดูเบาเรา แต่พวกมันไม่เหลือแม้แต่ความหวังอันใด…จึงทำได้เพียงยอมรับชะตากรรมเท่านั้น!

 

“ตัดสินกันในกระบวนท่าเดียว…”

 

ผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟทั้ง 4 รวมถึงรองจ้าวลัทธิทั้ง 2 ตอนนี้พึ่งจะรู้สึกตัว แต่ละคนได้แต่เผยยิ้มขื่นขมออกมา

 

ลึกลงไปในแวววตายังเผยความอับจน เห็นชัดว่าพวกมันเองก็ไร้หนทางทำอะไรได้

 

และในใจของพวกมันก็รู้สึกอ่อนเปลี้ยไร้กำลัง ได้แต่โทษตัวเองว่าอ่อนแอนัก

 

ตอนแรกที่ได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวท้าเหาฉ่วงให้ตัดสินกันในกระบวนเดียว พวกมันอดไม่ได้ที่จะตกใจ

 

หากจะกล่าวว่าถ้าสู้กันตามปกติ เหาฉ่วงอาจจะสามารถยั้งมือไม่ฆ่าต้วนหลิงเทียนได้ล่ะก็…การให้ลงมือครั้งเดียวตัดสินผลแบบนี้ เพื่อความไม่ประมาทก็มีแต่ต้องลงมือด้วยพลังทั้งหมดแล้ว!

 

ถึงตอนนั้นไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนจะประสบร้ายมากกว่าดีหรือไร…

 

อย่างไรก็ตามพอนึกถึงปาฏิหาริย์ที่ผ่านมาของต้วนหลิงเทียน ทั้งหมดเริ่มคาดหวังกันขึ้นมาอีกครั้ง ว่าต้วนหลิงเทียนใช่ยังมีไม้เด็ดอะไรหรือไม่ ถึงได้แลดูมั่นใจนัก! เพราะหากต้วนหลิงเทียนไม่มั่นใจไหนเลยจะหาญกล้าท้าให้ตัดสินในกระบวนเดียวด้วยท่าทางไม่กลัวแบบนั้น!!

 

อนิจจาแสงแห่งความหวังพึ่งบังเกิดได้ไม่ทันไร พอเห็นเหาฉ่วงชักพลองธัมมะออกมา แสงแห่งความหวังทั้งมวลในใจพวกมันก็ดับมอดลงไม่เหลือหลอ…

 

เหาฉ่วงเดิมก็เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน นับว่าพลังฝีมือสูงส่งยากรับมืออยู่แล้ว…

 

ตอนนี้มันยังหยิบชักพลองธัมมะออกมาอีก!

 

เช่นนั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในใจของคนลัทธิบูชาไฟตอนนี้ ก็มีแค่ความ ‘สิ้นหวัง’ เท่านั้น…

 

ต่างจากคนของลัทธิบูชาไฟที่สิ้นหวังเมื่อเห็นเหาฉ่วงหยิบพลองธัมมะออกมา ด้านคนของลัทธิอารามทมิฬถึงกับตึงเครียดและเป็นกังวลขึ้นมาทันที

 

“ท่านเหา…กับต้วนหลิงเทียนท่านต้องใช้ยอดศาสตราเซียนอย่างพลองธัมมะเชียวหรือ…นี่มัน…”

 

รองจ้าวลัทธิอารามทมิฬแตกตื่นไม่น้อย

 

“พี่เหา ท่านไม่จริงจังเกินไปหน่อยหรือ…คิดเชือดไก่ใยต้องใช้มีดฆ่าโคด้วยเล่า? ท่านอย่าได้ลืม…ว่าพวกเรายังต้องจับตัวมันไปรีดเค้นความลับเรื่องความก้าวหน้าในระนาบเทียมของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะจากมันอยู่อีก…หากท่านพลั้งมือฆ่ามันตายไปขึ้นมา…”

 

จ้าวลัทธิอารามทมิฬตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเหาฉ่วงควักพลองธัมมะออกมา อดไม่ได้ที่จะเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเตือนเหาฉ่วงทันที

 

หากไม่จำเป็นมันย่อมไม่อยากให้เหาฉ่วงฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้ง!

 

“พี่เหา…”

 

ตอนนี้กระทั่งพญามังกรเสื้อม่วงกับจ้าวพยัคฆ์ขาวก็ไม่อาจอยู่เงียบได้สืบไป เร่งส่งเสียผ่านพลังกล่าวย้ำเหาฉ่วงเรื่องเดียวกัน

 

ทั้งหมดล้วนกังวลว่าเหาฉ่วงจะพลั้งมือฆ่าต้วนหลิงเทียนทิ้งในพลองเดียว

 

“พวกท่านทั้งหลายอย่าได้กังวลไปเลย…”

 

และเหาฉ่วงก็ไม่ปล่อยให้ทั้งหมดร้อนใจนาน เร่งส่งเสียงผ่านพลังกล่าวตอบกลับทันที “ในเมื่อเป็นการตัดสินแพ้ชนะในกระบวนเดียว เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็สมควรลงมือด้วยพลังทั้งหมดไม่ผิดแน่…”

 

“ข้าคิดดับความจองหองของมันด้วยการทำลายกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของมันทิ้งเท่านั้น…ก่อนที่พลองข้าจะเอาชีวิตมันข้าย่อมสามารถยั้งมือได้ทัน! อย่างไรเสียความลับในระนาบเทียมของ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ทำให้ตัวข้าเองอยากรู้ไม่น้อย ไหนเลยข้าจะเผลอไหลฆ่ามันให้ตายง่ายๆได้? พวกท่านไม่ต้องห่วง ข้ามิมีทางผิดพลาดอย่างโง่งมพรรค์นั้นหรอก…”

 

วาจาของเหาฉ่วง ก็ทำให้จ้าวลัทธิทั้งมหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬพอได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง…

 

“พลองธัมมะ…ยอดศาสตราเซียนงั้นเหรอ?”

 

เมื่อเห็นเหาฉ่วงหยิบยอดศาสตราเซียนออกมาใช้ คิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขมวดยู่เป็นปมอย่างไม่รู้ตัว เพราะนี่ก็เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมายของเขาเช่นกัน…

 

และเขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของยอดศาสตราเซียนชิ้นนี้มาอยู่บ้าง จึงรู้ว่ามันเป็นยอดศาสตราเซียนที่พร้อมพรั่งทั้งรุกและรับชิ้นหนึ่ง!

 

ในแง่พลังโจมตีของพลองธัมมะนั้น แม้จะไม่ได้อยู่ในอันดับต้นๆของยอดศาสตราเซียนทั้ง 10 แต่อำนาจในการหนุนเสริมพลังโจมตีของมันก็เหนือกว่าตราผนึกมาร ทั้งศาสตราพันอาคมเซียนที่เน้นอาคมจู่โจมไว้มากมาย!

 

“ฮ่าๆๆ!!”

 

การเผลอขมวดคิ้วไปอย่างไม่รู้ตัวของต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่รอดพ้นสายตาของเหาฉ่วง มันถึงกับยิ้มอย่างมีชัยพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงล้อเลียนว่า “อันใดกันต้วนหลิงเทียน…เจ้าแปลกใจมากนักหรือที่ข้ามียอดศาสตราเซียนอยู่ในมือ ทั้งยังเป็นยอดศาสตราเซียนที่มีพลังเหนือกว่าตราผนึกมารของเจ้า! เพราะยอดศาสตราเซียนของข้าสามารถใช้ในการต่อสู้ได้จริง!!”

 

“ข้าก็แค่ประหลาดใจเล็กน้อย”

 

ตอนนี้เองสีหน้าต้วนหลิงเทียนค่อยหวนคืนสู่ความสงบ หากแต่พลังเซียนสุริยันที่ปะทุท่วมร่างดั่งเพลิงไฟ ยังคงลุกโชนไปด้วยพลังอำนาจพร้อมลงมือได้ตลอดเวลา

 

“วันนี้หากข้าเหาฉ่วงเป็นผู้ฝึกมารคนหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนเจ้ายังคงพอมีโอกาสเอาชนะข้าได้หากใช้ตราผนึกมาร…น่าเสียดายที่ข้าดันมิใช่ผู้ฝึกมาร!”

 

เหาฉ่วงแสยะยิ้มอย่างมีชัย กล่าววาจาเสียดสีออกมาอีกรอบ

 

ตราผนึกมารนั้นเป็นดาวข่มผู้ฝึกมารทั้งมวล อนิจจาสำหรับมัน เหาฉ่วง ไร้ประโยชน์นัก!

 

“ตอนนี้เจ้ามีลมอันใดคิดผายก็ผายออกมาตามสะดวกเถอะ…”

 

ต่อหน้าเหาฉ่วงที่กล่าววาจาเสียดสีด้วยสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวคำออกไปด้วยน้ำเสียงคล้ายเบื้อหน่ายรำคาญด้วยสีหน้าเฉยเมย “เพราะหลังจากผ่านไปอีก 3 ลมหายใจ…ข้าจะลงมือจบเรื่องแล้ว”

 

“ยังจะปากดีไม่เลิก! คิดว่ามีปัญญาก็มาเถอะ!!”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ลูกตาเหาฉ่วงก็เปลี่ยนเป็นเยียบเย็นลงทันที พลังเซียนต้นกำเนิดถูกเร่งเร้าให้ปะทุออกมาสุดกำลัง ยังถ่ายทอดสู่พลองธัมมะอีกระลอกพาลให้รัศมีพลังสีทองของตัวพลองยิ่งมายิ่งสว่างเจิดจ้า คล้ายมันก็เตรียมตัวปะทุพลังทั้งหมดในอีก 3 ลมหายใจหลังจากนี้

 

ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนพลิกฝ่ามือเบาๆ รับกระบี่แลดูธรรมดาๆเล่มหนึ่งที่ผุดจากความว่างเปล่ามากระชับถือไว้ในมือ

 

ทว่ากระบี่ธรรมดาๆเล่มนี้…กลับเป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์จากระนาบเทวโลก! กระบี่นิลสวรรค์!!

 

‘แต่ก่อนทุกครั้งที่ข้าใช้กระบี่นิลสวรรค์ ก็จำต้องหาทางปกปิดมันอยู่ร่ำไป…’

 

ในขณะที่พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเริ่มถ่ายทอดลงสู่กระบี่นิลสวรรค์ดั่งธารเชี่ยว สองตาต้วนหลิงเทียนก็เหม่อมองกระบี่นิลสวรรค์ในมือพึมพำในใจอย่างเลื่อนลอยครู่หนึ่ง ก่อนที่แววตาจะกลับมากระจ่างใสทั้งแปรเปลี่ยนเป็นแหลมคม ‘แต่วันนี้ กระบี่นิลสวรรค์ จะสำแดงพลังอำนาจของยอดสมบัติสวรรค์ให้ทุกคนได้ประจักษ์!’

 

“สำแดงพลังของเจ้าให้พวกมันได้รับรู้…ว่าต่อหน้ายอดสมบัติสวรรค์เช่นเจ้า จะยอดศาสตราเซียนอะไรก็ไร้ค่า!”

 

ขณะกล่าวพึมพำออกมาเบาๆ แววตาของต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงจ้า!

 

แสงจ้านี้ปานจะบดบังได้ทุกสิ่ง! และที่สำคัญประกายตาวาวโรจน์อย่างดุร้ายของต้วนหลิงเทียนนี้ ก็ตกอยู่ในสายตาของทุกคนเช่นกัน!

 

ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนพึมพำกล่าวเบาๆเมื่อครู่ ดูเหมือนเขาไม่คิดจะปกปิดกระบี่นิลสวรรค์อีกต่อไป!

 

แน่นอนว่าหนึ่งเหตุผลสำคัญที่เขาไม่คิดปกปิดกระบี่นิลสวรรค์ครั้งนี้ เพราะเขาไม่อยากสิ้นเปลืองพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดไปเปล่าๆ

 

เพราะสุดท้ายแล้วศัตรูเบื้องหน้าที่เขากำลังเผชิญอยู่นั้น มันคืออันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน เหาฉ่วง! ที่สำคัญเหาฉ่วงผู้นี้ยังมียอดศาสตราเซียนอย่างพลองธัมมะอยู่ในมือ หากเขาประมาทหรือพลั้งพลาดแม้แต่น้อย ตกตายไปขึ้นมาคิดจะเสียใจก็สายไปแล้ว!

 

เช่นนั้นเขาจึงต้องทุ่มเทพลังเซียนสุริยันทั้งหมด! ยังต้องจ่ายออกทุกหยาดหยดลงสู่กระบี่นิลสวรรค์! ปลดปล่อยพลังอานุภาพทำลายล้างสังหารสุดกำลังเท่าที่เขาจะกระทำได้!!

 

เพราะกระบี่นี้เดิมพันด้วยทุกสิ่งอย่างรวมถึงชีวิตของเขา!

 

ต้องระวังไม่อาจประมาท!

 

สำหรับผลที่จะตามมาหลังจากเปิดเผยกระบี่นิลสวรรค์นั้น เขาไม่ได้คิดถึงมันแม้แต่น้อย กระทั่งไม่มีเวลามามัวคิดถึงด้วยซ้ำ!!

 

ตอนนี้เขาเพียงคิดใช้กระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในชีวิต ตัดสินชะตากับเหาฉ่วง!

 

ดูว่าเป็นกระบวนท่ากระบี่ชั่วชีวิตของเขาเหนือกว่า หรือกระบวนพลองของเหาฉ่วงผู้เป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่เหนือกว่ากันแน่!

 

ตอนแรกที่ต้วนหลิงเทียนเรียกกระบี่นิลสวรรค์ อันเป็นถึงยอดสมบัติสวรรค์ออกมาถือไว้ในมือนั้น ด้วยรูปลักษณ์แลดูธรรมดาไม่ต่างอะไรกับกระบี่ราคาถูกทั่วไป จึงไม่มีใครทันได้สนใจอะไรมันมาก

 

วู้มมม!!

 

อย่างไรก็ตามเมื่อพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดเริ่มหลั่งไหลถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่นั้น กระบี่นิลสวรรค์ที่แลดูธรรมดาก็เริ่มบังเกิดความเปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน!

 

ตอนแรกมีเพียงแสงพลังสีทองสว่างจ้าที่คล้ายคลึงกับสีสันดั้งเดิมของพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขา ทว่าครู่ต่อมามันก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน!

 

จากนั้นจากสีแดงฉานก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีสันหลากหลายกระพริบวูบวาบสลับไปมา!

 

สุดท้ายสีสันอันหลากหลายที่กระพริบวูบวาบก็คล้ายจะหลอมผสานรวมเป็นหนึ่ง คงเหลือแต่เพียงสีเทามืดค่อนไปทางสีนิลห้อมล้อมกระบี่นิลสวรรค์เอาไว้

 

และท่ามกลางสีเทามืดนั่น ปรากฏเส้นสายอัสนีสีดำปานอสรพิษทมิฬกระพริบเลื้อยแล่นวาบแปลบปลาบไปทั่วตัวกระบี่! ยังมีเสียงลั่นเปรี๊ยะๆดังขึ้นปานความว่างเปล่าแตกออก!!

 

ขณะเดียวกันกับที่อัสนีทมิฬวาบลั่นดังเปรี๊ยะ กลิ่นอายพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ซ่านกำจายออกจากตัวกระบี่นิลสวรรค์ในมือของต้วนหลิงเทียนไปสะท้านสะเทือนในบรรยากาศ พาลให้ผู้คนทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนกตกใจ

 

ใจของพวกมันทั้งหมดถึงกับสะท้านเต้นไปไม่เป็นจังหวะ! สองตายังหดหยีแคบลงแทบปิด!!

 

ทว่าก่อนที่พวกมันจะทันได้ตอบสนองสิ่งใด เวลาก็ได้ผ่านพ้นไปครบกำหนด 3 ลมหายใจแล้ว

 

“ย่าาาห์!!”

 

ทันใดนั้นเหาฉ่วงพลันคำรามออกมาเสียงสนั่นอย่างเกรี้ยวกราด!

 

เปรี๊ยงง!!

 

ความว่างเปล่าถึงกับสะท้านสะเทือนเลือนลั่น เป็นเหาฉ่วงระเบิดพลังทั้งหมดปานจุดระเบิด! ทะยานร่างโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน สภาวะร่างปานจะทะลวงเบิกฟ้า!!

 

ชั่วพริบตาดุจละอองไฟ! คนพร้อมยอดศาสตราเซียน พลองธัมมะ ที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชั่วชีวิตในมือ! ก็เหินตัดฟ้ามาเจียนบรรลุถึงตัวต้วนหลิงเทียน!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด