War sovereign Soaring The Heavens 2236

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2236 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,236 : สีม่วงเข้ม เป็นขีดจำกัดจริงๆหรือ?

 

แทบะจะทันทีที่เสียงของรองจ้าววังอัคคีสีชาดหวู่เทียนจินดังจบคำ…

 

ไม่ว่าจะเป็นรองวังวิญญาณอสุรา ชิงหยวนป้า หรือรองจ้าวตำหนักขจีจรัสกงซุนจิน แววตาของพวกมันพลันทอประกายเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง!

 

“รองจ้าววังหวู่ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่า…วังอัคคีสีชาดของท่านก็มีคนตายเช่นกันงั้นหรือ?”

 

กงซุนจินถามออกเสียงเข้ม

 

แม้ชิงหยวนป้าจะไม่พูดอะไร หากแต่สายตามันก็มองจ้องหวู่เทียนจินเขม็ง ใบหน้าที่แน่วแน่ขรึมเข้มดั่งเหล็กเผยความสงสัยยากแลเห็นออก

 

เห็นได้ชัดว่ามันเองก็อยากถามหวู่เทียนจินเรื่องนี้ด้วย

 

“ใช่”

 

ได้ยินคำถามของกงซุนจิน หวู่เทียนจินก็พยักหน้าตอบคำทันที สองตายังทอประกายเย็นนชา “ลูกบุตรธรรมของข้า รวมถึงศิษย์หลักของอาวุโสหลายคนในวังอัคคีสีชาด…ไข่มุกวิญญาณของพวกมันล้วนแตกลงในเวลาไล่เลี่ยกัน! และเท่าที่รู้พวกมันทั้งหมดสมควรมุ่งหน้ามาที่นี่”

 

หวู่เทียนจินกล่าวไม่ทันจบคำดีสีหน้าชิงหยวนป้ากับกุงซุนจินก็ฉายชัดถึงความหม่นหมอง

 

กงซุนจินกล่าวออกเสียงหนักต่อว่า “ศิษย์ส่วนตัวของข้าสองคน รวมถึงศิษย์ส่วนตัวของอาวุโสในตำหนักขจีจรัสหลายคนก็มาที่นี่เพราะมีสหายชักชวน สุดท้ายพวกมันก็ตกตายด้วยกันทั้งหมด…ตอนนี้ดูเหมือนไม่ใช่แค่รุ่นเยาว์ของตำหนักขจีจรัสข้าจะประสบเหตุอยู่ผู้เดียวแล้ว…”

 

“ลูกชายของข้าก็ตายแล้วเช่นกัน…”

 

เสียงของชิงหยวนป้าพลันดังขึ้นปิดท้าย พาลให้บรรยากาศเริ่มอึมครึมลงอีกครั้ง

 

“สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยผู้ที่คาดว่าน่าจะเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ของพวกมนุษย์ ถึงแม้จะมีค่ายกลอันตรายไม่น้อย แต่ก็ไม่ควรเข่นฆ่าผู้คนได้มากมายขนาดนี้…จะอย่างไรในบรรดาคนที่เข้ามาก็มีเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน กระทั่งเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนก็ยังมี!”

 

มองไปยังปากอุโมงค์ที่ตั้งอยู่ในปาหิน ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นทางเข้ามรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ หวู่เทียนจินอดกล่าวออกด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ไม่ได้

 

“ข้าได้ยินมาว่าในแดนเซียนของมนุษย์ ก็มีปรมาจารย์จารึกเซียนระดับบสวรรค์อยู่แค่คนเดียว…และด่านพลังฝึกปรือของมันก็แค่เซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนเท่านั้น ไม่อาจทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนได้! ตามหลักเหตุผลแล้วค่ายกลที่มันเหลือทิ้งไว้สมควรไม่มีอันตรายมากนัก…”

 

กงซุนจินกล่าวเสริม

 

พวกมันย่อมได้ยินเรื่องราวของมรดกสถานแห่งนี้มาแล้ว แต่พวกมันไม่ได้มาด้วยตัวเอง

 

สาเหตุที่พวกมันไม่ได้มาด้วยตัวเองนั้น

 

หนึ่งเลยเพราะพวกมันไม่คิดว่าปรมาจารย์จารึกเซียนผู้นี้จะเหลือศาสตราหมื่นอาคมเซียนหรือยอดศาสตราเซียนเล่มใดไว้อีก

 

สองเป็นเพราะในขุมพลังของมันก็มีรุ่นเยาว์อัจฉริยะมากฝีมือไม่น้อย ในสายตาของมันเท่านี้ก็มากพอจะจัดการกับมรดกสถานแห่งนี้แล้ว

 

ประการที่ 3 ล้วนเป็นเพราะพวกมันไม่คิดว่าจะมีอะไรที่นี่ที่เข้าตาพวกมัน เช่นนั้นแต่ละคนจึงไม่มีใครสนใจจะมา

 

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

 

ไม่นานก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศด้วยความเร็วสูงอีกครั้ง

 

คนที่เหินนำมาคราวนี้เป็นเหล่าชายฉกรรจ์ไม่กี่คน แต่ละคนแลดูประหนึ่งหอคอยเหล็กก็ไม่ปาน เรียกว่าประชันกับพวกชิงหยวนป้าที่มาก่อนได้เลย

 

“ใต้เท้าหยวนป้า”

 

“ใต้เท้ารองจ้าววัง”

 

 

ชายวัยกลางคนกลุ่มนี้ เมื่อเหินมาถึงน่านฟ้าเหนือป่าศิลา แต่ละคนก็หยุดร่างป้องมือประสานคารวะทักทายชิงหยวนป้าด้วยความเคารพทันที

 

“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”

 

ชิงหยวนป้ากล่าวถาม

 

ชายฉกรรจ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นอาวุโสของวังวิญญาณอสุราของมันทั้งสิ้น พอเห็นทุกคนชักสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ในใจของมันก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาทันที

 

“ใต้เท้า…ลูกชายของท่านจ้าววังตายแล้ว! ตอนที่ไข่มุกวิญญาณของนายน้อยตาย นายน้อยสมควรอยู่ในมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกระดับเซียน”

 

ชายวัยกลางคน 1 ในผู้มาใหม่พยายามระงับสติ เร่งกล่าวรายงานชิงหยวนป้าเป็นคนแรก

 

“เรียนใต้เท้าลูกศิษย์ของข้าก็ตายแล้วเช่นกัน”

 

“หลานชายของข้าก็ด้วย”

 

 

ชายวัยกลางคนแต่ละคนเร่งกล่าวตอบคำชิงหยวนป้าทีละคนๆ ใบหน้าของพวกมันล้วนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก

 

ในขณะที่สีหน้าของชิงหยวนป้ามืดลงถึงขีดสุดหลังได้ยินคำของอาวุโสที่พึ่งมาถึงไม่กี่คนนั้น

 

ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!

 

……

เสียงอากาศถูกแหวกฝ่าด้วยความเร็วสูงพลันดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้ที่ลอยร่างอยู่เหนือป่าหินไปทันที

 

หลังจากนั้นเรื่องราวทำนองนี้ก็เกิดขึ้นไม่หยุด คนจากวัง และตำหนักต่างๆ พากันทยอยมาถึง…

 

และทันทีที่มาถึงผู้นำแต่ละกลุ่มก็กล่าวบอกให้ทุกคนได้รู้

 

ว่าคนของพวกมันไม่ว่าจะเป็นรุ่นเยาว์หรือผู้ติดตามนายน้อยทั้งหลาย ล้วนต้องสงสัยว่าตกตายในมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนแห่งนี้ทั้งสิ้น ทำให้พวกมันเร่งรุดมาตรวจสอบ!

 

ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ทยอยกันมาถึง

 

คนเหล่านี้แม้ไม่ได้เป็นคนของขุมพลังชั้นสูงของเผ่าปีศาจมนุษย์ แต่ก็เป็นขุมพลังของเผ่าปีศาจมนุษย์เช่นกันแค่มีระดับอ่อนด้อยลงมา ทำให้พวกมันไม่ได้เป็นที่รู้จักของ 3 วัง 6 ตำหนักสักเท่าไหร่

 

“ที่นี่เป็นมรดกกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์เหลือทิ้งไว้แน่หรือ…ไฉนข้าถึงไม่รู้สึกเช่นนั้นเลยเล่า มรดกสถานกล่าวไปแล้วสมควรไม่มีอันตรายถึงขนาดนี้นี่นา…”

 

สตรีงามนามเหลยลั่ว คนของตำหนักขจีจรัสกล่าวพลางขมวดคิ้ว

 

“ข้าก็ไม่คิดว่าจะมีอันตรายได้ถึงขนาดนี้! หากที่นี่เป็นมรดกสถานของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์จริง…เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น…มียอดฝีมือไล่เข่นฆ่าสังหารรุ่นเยาว์ของพวกเรา!”

 

เจียงเจิ้น อาวุโสของวังวิญญาณอสุรากล่าวเสริม

 

ทันใดนั้นปีศาจทุกตนก็เผยประกายเยียบเย็นออกมาทันที

 

หากมียอดฝีมือเข่นฆ่าสังหารรุ่นเยาว์อัจฉริยะของพวกมันจริงๆ ขุมพลังของพวกมันจะตามล่าสุดฟ้าเขียวไม่ตายไม่เลิกรา!

 

“หืม ที่นี่มีคนของ 2 วัง 6 ตำหนักครบแล้ว…แต่ไฉนไม่มีคนของวังเซียนสัญจรเลยเล่า? หรือคนของพวกมันไม่มีใครตายเลย?”

 

ไม่ทราบเป็นใครที่กล่าวพึมพำออกมาด้วยความสงสัย

 

หากแต่วาจาประโยคนี้ก็ดึงสติทุกคนกลับมา ก่อนที่ต่างจะเริ่มมองสำรวจรอบๆทันที

 

ใช่!

 

ไฉนถึงไม่มีคนของวังเซียนสัญจรมาเลย?

 

ในบรรดา 3 วัง 6 ตำหนักล้วนมากันเกือบครบ เว้นเสียก็แต่คนของวังเซียนสัญจรเท่านั้น!

 

และในขณะที่ทุกคนกำลังงุนงงสงสัยกับเรื่องนี้

 

วูบ!

 

ณ ปากทางเข้ามรดกสถานที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นของปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสวรรค์ พลันปรากฏร่างหนึ่งพุ่งเหินขึ้นฟ้ามา

 

ทันใดนั้นทุกสายตาพลันหันไปจับจ้องผู้ที่พึ่งออกมาทันที

 

ที่เหินร่างขึ้นฟ้ามา เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง

 

ทันทีที่ชายหนุ่มผู้นี้เหินร่างขึ้นมา แล้วแลเห็นว่ามีผู้คนมากมายลอยร่างกันแน่นขนัด แถมแต่ละคนยังมองจ้องมาที่มันเขม็งร่างมันถึงกับอดสะดุ้งไปไม่ได้!

 

ยังไม่ได้ตกใจได้หรือ!

 

“ผู้น้อยคารวะรองจ้าววังชิงหยวนป้า รองจ้าววังหวู่เทียนจิน รองจ้าวตำหนักขจีขรัส อาวุโสตำหนัก…ฯลฯ”

 

เรียกว่าแต่ละคนที่ลอยร่างเหนือฟ้ายามนี้ มีอานุภาพขู่ขวัญมันแทบตายแล้ว!

 

สวรรค์!

 

ตัวตนเหล่านี้ไฉนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาได้!?

 

“หวงฉี่หลิง! มันคือหวงฉี่หลิงของวังเซียนสัญจร!!”

 

ไม่นานในบรรดากลุ่มคนที่ลอยร่างเหนือฟ้าก็มีผู้หนึ่งกล่าวออกเสียงดัง ด้วยจดจำ อัตลักษณ์ชายหนุ่มที่พึ่งออกมาได้

 

“หวงฉี่หลิง ลูกชายของหนึ่งในรองจ้าววังเซียนสัญจร อดีตอัจฉริยะของวังเซียนสัญจรที่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนพลังฝึกปรือหยุดชะงักคนนั้นน่ะเหรอ?”

 

“เป็นมัน!”

 

“ไม่ใช่พลังฝึกปรือของมันค้างเติ่งอยู่ที่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนหรือไร แล้วไฉนมันรอดออกมาได้? ยังแลมิได้บาดเจ็บอะไรเท่าไหร่ด้วยซ้ำ!”

 

 

ไม่นานก็เริ่มมีคนจดจำอัตลักษณ์ของชายหนุ่มได้เพิ่ม

 

ชายหนุ่มที่พึ่งออกมานี้ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ หวงฉี่หลิง แห่งวังเซียนสัญจรนั่นเอง

 

ก่อนหน้านี้หลังได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่คาดว่าน่าจะเป็นต้วนหลิงเทียน แต่เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนไม่เผยตัวอยู่นาน มันก็เข้าใจได้ว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดปรากฏตัว

 

เช่นนั้นหลังเก็บเกี่ยวสมบัติที่ต้วนหลิงเทียนเหลือไว้ให้แล้ว มันก็เร่งรุดกลับออกมาโถงใหญ่ทันที

 

และคราวนี้เพราะได้ต้วนหลิงเทียนช่วยเหลือเอาไว้ ทำให้มันได้กำไรมากมายนัก

 

ต่อมาหลังจากที่ลองเข้าช่องทางอื่นๆไปดูไม่กี่ช่องทาง แต่ก็ไม่พบอะไรอีกเลย

 

ทำให้มันตัดสินใจกลับออกมาทันที

 

อย่างไรก็ตามมันไม่คิดเลยว่าหลังมันกลับออกมา จะเจอตัวตนระดับสูงมากมายรอคอยอยู่แบบนี้

 

เรียกว่าระดับสูงของ 3 วัง 6 ตำหนัก ยกเว้นวังเซียนสัญจรของมัน ล้วนมากันพร้อมหน้าพร้อมตา! อีกทั้งแต่ละคนยังฐานะไม่ใช่ชั่ว ต่างเป็นชนชั้นรองผู้นำ ไม่ก็อาวุโสระดับสูงๆทั้งสิ้น!!

 

‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?’

 

หวงฉี่หลิงรู้สึกสับสนไม่น้อย

 

อย่างไรก็ตามหวงฉี่หลิงไม่อาจคิดคาดได้จริงๆ

 

ว่าสาเหตุที่ระดับสูงของทั้ง 2 วัง 6 ตำหนักมารวมตัวกันแบบนี้ ล้วนเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนที่มันเคยเข้าไปทำความรู้จัก!

 

อีกทั้งไม่ได้รู้เลย ว่าทุกชีวิตที่เขาไปในมรดกสถานแห่งนี้ นอกจากมันกับคนวังเซียนสัญจรแล้ว ทั้งหมดถูกฆ่าตายหมดไม่มีเหลือ ยังถูกปล้นพรสวรรค์รากวิญญาณไปไม่มีข้อยกเว้น!

 

เรียกว่าการลงมือครานี้ของต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงช่วยโฉมงามอันดับ 1 ของเผ่าปีศาจมนุษย์ อัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ของวังเซียนสัญจรอย่างหวงเหวินจิ้งยกระดับรากวิญญาณให้กลายเป็นรากสีม่วงแล้ว…

 

เขายังยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองให้กลายเป็นรากวิญญาณสีม่วงปกติอีกด้วย

 

 

‘ตอนนี้ขอเพียงกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณอีกไม่มาก รากวิญญาณของข้าก็จะเปลี่ยนไปเป็นสีม่วงเข้มเหมือนเค่อเอ๋อแล้ว!’

 

ในระหว่างเหินร่างย้อนกลับไปยังเมืองเหรินโม่เชิ่ง ต้วนหลิงเทียนที่นึกถึงระดับรากวิญญาณของตัวเองในตอนนี้อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความคึกคักในใจอยู่บ้าง

 

หลังผ่านไปสักพัก พอสงบสติอารมณ์ลงได้บ้างแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดต่อไปว่า ‘ว่าแต่…ไม่รู้พรสวรรค์รากวิญญาณ สีม่วงเข้ม จะใช่ขีดจำกัดของพรสวรรค์รากวิญญาณรึยัง’

 

‘ถ้าไม่ใช่…แล้วยังมีพรสวรรค์รากวิญญาณสีอื่นอีกรึเปล่า?’

 

คิดถึงจุดนี้ ลมหายใจต้วนหลิงเทียนอดเปลี่ยนเป็นเร่งร้อนไม่ได้

 

เมื่อรากวิญญาณของเขากลายเป็นสีม่วงเข้ม แม้เขาจะบ่มเพาะฝึกฝนในสภาพแวดล้อมของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า หากแต่ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาก็จะทัดเทียมกับตอนที่เขามีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ!

 

เรียกว่าหากรากวิญญาณของเขายังพัฒนาไปเหนือกว่าสีม่วงเข้มได้ เช่นนั้นความเร็วในการบ่มเพาะสมควรเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล!

 

ยังควรเหนือกว่าความเร็วในตอนที่เขาบ่มเพาะฝึกฝนในชั้น 4 เจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนด้วยซ้ำ!

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จะไม่ให้ต้วนหลิงเทียนไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรไหว!

 

‘บางที…หลังกลับไปแล้วข้าต้องหาโอกาสลองดูสักหน่อย’

 

ต้วนหลิงเทียนเริ่มคิดหาวิธีตรวจสอบ ว่าระดับพรสวรรค์รากยังยกระดับเพิ่มไปได้อีกหรือไม่ หลังจากมันกลายเป็นสีม่วงเข้ม…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด