War sovereign Soaring The Heavens 2241

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2241 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,241 : อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ

 

 

เหนือภูเขารกร้างปรากฏร่าง 2 ร่างเหินบินตีคู่ไปด้วยกัน

 

เป็นชายหนุ่ม 2 คน

 

หนึ่งในนั้นยืนอยู่บนร่างหุ่นเชิดตัวเขื่อง ปล่อยให้หุ่นเชิดตัวเขื่องพาเหินตัดฟ้าไปด้วยความเร็วสูง

 

คนผู้นี้สวมใส่ชุดคลุมสีคราม เชือกรัดผมไม่ทราบขาดไปตั้งแต่เมื่อใด ปล่อยให้ผมยาวสยายสะบัดไปตามแรงลม

 

เมื่อมองข้ามเส้นผมสยายปรกหน้าไป จนแลเห็นหน้าตาให้ดี

 

จะพบว่าหว่างคิ้วนั้นละม้ายคล้ายคลึงกับต้วนหลิงเทียนนัก

 

หุ่นเชิดตัวเขื่องใต้เท้าเต็มไปด้วยไอมารอันกล้าแกร่ง หากแต่ตอนนี้สภาพขอมันไม่คอยจะสู้ดีนัก รอยแตกร้าวเสียหายเต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าได้รับความเสียหายมาไม่น้อย ยังราวกับจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ!

 

หากมีคนของเผ่าปีศาจจากแดนเนรเทศมาแลเห็น คงบอกได้ทันทีว่ามันคือหุ่นเชิดเซียนปีศาจ!

 

ส่วนอีกที่เหินร่างเคียงกัน ก็เป็นชายในชุดคลุมลมดำ เส้นผมกระเซอะกระเซิง กลิ่นอายพลังทั่วร่างอ่อนโทรม เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ ได้รับบาดเจ็บสาหัส!

 

ชายในชุดคลุมลมดำสภาพสาหัสสะบัดมือคราหนึ่ง ก็โยนตราประทับไปให้ชายหนุ่มในชุดสีครามบนร่างหุ่นเชิดตัวเขื่อง

 

เหนือตราประทับเต็มไปด้วยขุนเขาจำลองขนาดเล็กตั้งตระหง่านมากมาย มองแล้วสมควรมียอดเขานับไม่ถ้วน

 

หากมีคนที่รู้จักสิ่งของชิ้นนี้มาอยู่ที่นี่คงสามารถบอกได้ทันที

 

ว่ามันคือ ประทับหมื่นขุนเขา 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียน ที่ติดสิบอันดับแรกในรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

 

แต่ต้นจนจบทั้ง 2 เหินร่างข้ามฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด ท่าทางรีบเร่งไม่กล้าชักช้า

 

“ตู้กู…ตอนนี้ถึงพวกเราอยากหนี แต่เกรงว่าจะหนีไม่พ้นแล้ว…”

 

ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขื่นขม “เจ้านั่นมันเป็นจ้าววังวิญญาณอสุราของเผ่าปีศาจมนุษย์…พลังฝึกปรือบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…ด้วยพลังของเจ้าตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือมัน ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีพ้นภายใต้จมูกของมัน!”

 

“ช่างเถอะ สุดท้ายก็เป็นพวกเราประมาทเอง…พวกเราควรย้ายที่ให้เร็วกว่านี้ ไม่งั้นคงไม่ถูกมันตามมาจนเจอ!”

 

กล่าวจบต้วนหรูเฟิงก็เผยยิ้มขื่นขมออกมา

 

ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน…ทันทีที่ค้นพบว่ามีปีศาจวัวบุกขึ้นมาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ต้วนหรูเฟิงก็เร่งเตรียมการรับมือไว้แต่แรก

 

ก่อนที่เผ่าปีศาจบุกขึ้นมาระยะหนึ่ง ต้วนหรูเฟิงก็ไปหาตู้กูก่อนจะตกลงเป็นพันธมิตรกัน

 

ก่อนถึงวันที่เผ่าปีศาจยกทัพบุกมา ทั้งคู่ก็ได้ผนึกกำลังกันไล่ฆ่าเผ่าพันธุ์ปีศาจที่บุกขึ้นมาเปิดทาง อาศัยมรดกเคล็ดบ่มเพาะมารจากปีศาจดั้งเดิม ใช้วิธีโหดร้ายอย่างการกลืนกินแก่นแท้ ปราณโลหิตและพลังชีวิตของพวกปีศาจเพื่อบ่มเพาะพลัง…!!

 

สุดท้ายแล้วห้วงเวลานี้ก็มีเพียงแต่ผู้เข้มแข็งเท่านั้นที่สามารถเอาชีวิตรอดไปได้ หากไม่ยกระดับพลังให้เร็วที่สุด ไม่เพียงแต่ไม่อาจปกป้องครอบครัวคนรอบข้างเอาไว้ได้ ยังต้องตกตายอย่างโง่งม!

 

ในระหว่างกระบวนการดังกล่าว ตู้กูได้เลือกยุบองค์กรตลาดมืดหยินชานของมันทิ้ง และพาตัวตนระดับสูงในองค์กรไปยังตำหนักเมฆาครามของต้วนหรูเฟิง

 

ต่อมาเผ่าปีศาจมนุษย์ ซึ่งเป็น 1 ในเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจจากแดนเนรเทศบุกมา หมายยึดครองตำหนักเมฆาคราม

 

ตอนแรกด้วยความที่พวกมันเป็นเพียงทัพหน้า พลังฝีมือจึงไม่นับว่ากล้าแกร่งอะไรมาก ตู้กูกับต้วนหรูเฟิงที่พลังบ่มเพาะสูงขึ้นมาในระดับหนึ่ง พอร่วมมือกันก็สามารถเข่นฆ่าสังหารพวกมันได้ไม่ยากเย็น

 

ทว่าเมื่อสังหารทัพหน้าไปกว่าครึ่ง และเห็นท่าไม่ดีเพราะอีกกฝ่ายมีกำลังเสริมหนุนเนื่องเข้ามาไม่ขาดสาย ต้วนหรูเฟิงจึงตัดสินใจอพยพผู้คนทั้งหมดหลบหนีไปทันที…

 

“กลับไปทวีปมนุษย์…ทวีปเมฆาล่อง?”

 

ตอนที่อพยพคนของตำหนักเมฆาครามหนีมา ต้วนหรูเฟิงก็บังเกิดความคิดดังกล่าวขึ้นมาเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏ ต้วนหรูเฟิงก็ล้มเลิกไปทันที

 

ทวีปเมฆาล่อง 1 ใน 3 ทวีปมนุษย์นั้น หากหลบหนีไปแน่นอนย่อมสามารถรับรองความปลอดภัยได้ หากแต่ปีศาจที่จะไปที่นั่นย่อมไม่ใช่ชนชั้นเข้มแข็งอะไร อาศัยการกลืนกินแก่นแท้ ปราณโลหิตและพลังชีวิตของพวกมัน ไหนเลยจะเสริมสร้างพลังฝีมือให้มันกับตู้กูได้?

 

และตอนนี้ทั้งคู่ต่างต้องการยกระดับพลังฝีมือให้เร็วที่สุด!

 

ยุคมนุษย์ปีศาจได้เปิดม่านโดยสมบูรณ์แล้ว ทั้งคู่ต้องการพลังอำนาจ ที่จะยืนหยัดในห้วงกลียุคเช่นนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด!

 

ดังนั้นหลังตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่ ต้วนหรูเฟิงจึงพาคนของตำหนักเมฆาครามทั้งระดับสูงของตลาดมืดหยินชานรวมถึงตู้กูไปยังสถานที่ห่างไกลทางตะวันออกของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเพื่อปักหลัก

 

มันกับตู้กู 2 คน คอยลอบออกจากฐานที่มั่น ไปล่าสังหารปีศาจในละแวกใกล้เคียงเพื่อบ่มเพาะพลังอย่างลับๆ

 

อนิจจาเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปด้วยดี…ทว่าพริบตาก็เสมือนตกอยู่ในฝันร้าย

 

ทั้งคู่ถูกเพ่งเล็งจากจ้าววังวิญญาณอสุรา!

 

หากถามว่าทำไมถึงถูก 1 ใน 3 วังของเผ่าปีศาจมนุษย์อย่างวังวิญญาณอสุราเพ่งเล็งได้ ทั้งหมดต้องย้อนกลับไปตอนตู้กูกับต้วนหรูเฟิงผนึกกำลังกันกวาดล้างทัพหน้าของเผ่าปีศาจมนุษย์ไปกว่าครึ่ง

 

และเนื่องจากทัพหน้าของเผ่าปีศาจมนุษย์ มีศิษย์ปิดสำนักที่เป็นคนสำคัญของจ้าววังเผ่าปีศาจมนุษย์ รวมถึงชนชั้นอัจฉริยะมากพรสวรรค์ที่ยังเติบโตไม่เต็มที่รวมอยู่ด้วย…

 

ทำให้นับตั้งแต่ตอนนั้น ทั้งคู่ก็ได้เพาะสร้างความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกับจ้าววังของเผ่าปีศาจมนุษย์เอาไว้ อีกฝ่ายได้ตามล่าหาตัวทั้งคู่มาโดยตลอด จนในที่สุดก็ได้เบาะแสหลังอาวุโสตนหนึ่งถูกกลุ้มรุมตกตาย!

 

“ตอนนี้จะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์…”

 

ตู้กูส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวกับต้วนหรูเฟิงเสียงเข้ม “ต้วนหรูเฟิง แม้แต่ก่อนข้ากับเจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้กันมาโดยตลอด แต่ข้ารู้สึกเสมือนโชคชะตาได้ผูกโยงพวกเราเอาไว้ตั้งแต่แรก…นอกจากนั้นพวกเรายังได้รับมรดกจากเผ่าปีศาจเหมือนกัน กลายเป็นผู้นำขุมพลังยักษ์ใหญ่ในแดนดินเหมือนกัน ทำให้แม้พวกเราจะสู้กันมาตลอด แต่ข้าก็เข้าใจเจ้าดี…”

 

“ชั่วชีวิตนี้ข้าได้มีคู่ต่อสู้เช่นเจ้า กระทั่งสุดท้ายได้รู้จักเจ้า จนร่วมมือกับเจ้าเยี่ยงสหาย นับว่าข้าไม่เหลืออะไรติดค้างแล้วเดี๋ยวข้าจะใช้โลหิตหลบหนีให้เจ้า! หลังเจ้าหนีไปได้หวังว่าเจ้าจะช่วยดูแลคนที่เหลือของตลาดมืดหยินชานข้าให้ดี…นอกจากนี้เจ้าต้องล้างแค้นให้ข้า!”

 

หลังกล่าวจบใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ขอตู้กู ก็เผยรอยยิ้มหายาก ที่แลดูน่าเกลียดราวกับมันกำลังร้องไห้ออกมา

 

“โลหิตหลบหนี?”

 

ได้ยินคำของตู้กู ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้ายิ้มเฝื่อน “สำนึกเทวะของจ้าววังวิญญาณอุสรามันเพ่งเล็งมาที่พวกเราได้แล้ว…ด้วยพลังของมันต่อให้พวกเราใช้โลหิตหลบหนี ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะหนีพ้นภายใต้จมูกของมัน!”

 

“ข้าเกรงว่าวันนี้ข้ากับเจ้าคงได้ตายด้วยกันแล้วล่ะ…”

 

ต้วนหรูเฟิงระบายลมหายใจออกอย่างสะทกสะท้อน

 

ในขณะที่ถอนหายใจ ต้วนหรูเฟิงก็นึกถึงภรรยา ลูกชาย รวมถึงหลานชายและหลานสาวที่ไม่เคยพบหน้า…แววตาของมันเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมนัก

 

มันไม่อยากตาย!

 

ไม่อยากตายจริงๆ!!

 

โอกาสรอด?

 

มันไม่เห็นทางเลย…กระทั่งไม่เห็นแม้แต่เศษเสี้ยวความหวัง!

 

“ข้าบอกว่าเจ้าต้องรอดไปได้ เจ้าก็ต้องรอด…ข้าตู้กูไม่เคยโกหก!”

 

ตู้กูกล่าวเสียงหนักพลางส่ายหน้า

 

“จำคำข้าให้ดี…ล้างแค้นให้ข้า! หาเจ้านายที่ดีให้ประทับหมื่นขุนเขา!!”

 

กล่าวอีกครั้ง น้ำเสียงตู้กูก็เยียบเย็นนัก พาลให้ผู้คนรู้สึกราวกับฤดูหนาวมาเยือน ยังประหนึ่งตกไปอยู่ในหล่มน้ำแข็ง!

 

“เจ้า…เจ้าคิดทำอะไร?”

 

ได้ยินน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของตู้กู ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนาวสะท้าน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

 

“อ๊อค…”

 

ตู้กูใช้การสำรอกโลหิตออกมาแทนการตอบคำต้วนหรูเฟิง

 

เมื่อกองโลหิคนี้ปรากฏออกมา พวกมันก็กระจายอยู่ในอากาศ พาลให้ความว่างเปล่าพลันมีสีสันขึ้นมา…

 

หากแต่กองโลหิตที่ถูกสำรอกออกมานั้น พวกมันกลับไม่กระจายไปไหน ยังเริ่มเกากลุ่มควบรวมกันเป็นก้อนโลหิตโย้เย้

 

และภายใต้การควบคุมของตู้กู กองเลือดที่บิดๆเบี้ยวๆในอากาศว่างเปล่า ก็เริ่มยืดออกคล้ายมันจะสร้างลวดลายซับซ้อนบางประการ ไม่นานลายเส้นประหลาดเริ่มปรากฏในอากาศเปล่งอำนาจลี้ลับประการหนึ่ง พาลให้ความว่างเปล่าเริ่มสะท้านสะเทือน

 

ทันใดนั้นปรากฏกสายลมแรงพัดกรรโชกออกมา วงจรโลหิตที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตู้กู ก็เสมือนได้รับมอบชีวิต พวกมันเริ่มหมุนวนกลางอากาศปานมีชีวิต!

 

แต่ต้นจนจบแม้ไม่ทราบว่านี่คืออะไร หากแต่กลิ่นอายพลังผันผวนทั้งโบราณที่แผ่กำจายออกมมาในความว่าง ก็ทำให้ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะขนลุก

 

“นี่คือ…”

 

ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงหันไปมองถามตู้กูอย่างไม่รู้ตัว มันก็พบว่า..

 

ตู้กูที่เคยมีรูปลักษณ์ยังเยาว์ เริ่มแก่ตัวลงในชั่วพริบตา ริ้วรอยแห่งวันเวลาเริ่มผุดขึ้นเส้นแล้วเส้นเล่า

 

พริบตาตู้กูก็ชราลงปานเท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่ในโลงศพ!

 

ผมสีดำของมันตอนนี้กลายเป็นสีเงิน…

 

ร่างที่เคยแข็งแกร่งกำยำเริ่มซูบผอม ยังผอมจนมองเห็นเป็นหนังหุ้มกระดูก!

 

นอกจากนี้ยังพบอีกว่า…

 

ตู้กูที่กลายเป็นชายชราผ่ายผอมลงไปในชั่วพริบตา ไม่เพียงแต่ร่างกำลังสั่นสะท้าน กลางหน้าผากยังปรากฏเหงื่อเย็นผุดซึม เสียงขบฟันแน่นดังกรอดๆดังขึ้น!!

 

ไม่นาน ก็ปรากฏโลหิตไหลย้อยลงจากมุมปากไม่หยุด!

 

กระทั่งเศษฟันยังเริ่มหลุดร่วงออกมา!

 

รู้ได้เลยว่า…

 

มันถึงกับขบฟันจนแตกหัก…!

 

เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ตู้กูกำลังพบพานกับความเจ็บปวดทรมานยากทานรับ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้คนธรรมดาสมควรทนไหว!

 

“นี่…นี่คือ…”

 

มองไปยังโลหิตที่เริ่มไหลเวียนเป็นวงจรกลางอากาศ ทั้งแลเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่บังเกิดขึ้นกับตู้กู กอปรกับกลิ่นอายพลังผันผวนโบราณที่แผ่กำจายออกมาจากกวงจรโลหิตนั่น…

 

ในที่สุดต้วนหรูเฟิงก็จดจำฉากเรื่องราวที่คล้ายๆกันนี้ได้ออก!

 

ในมรดกสืบทอดของเผ่าปีศาจดั้งเดิม มันเคยพบบันทึกเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้

 

“อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพ…”

 

นึกถึงเรื่องนี้ได้ออก ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะโพล่งคำออกมาด้วยความสยดสยอง ลูกตายังหดเล็กลงใบหน้าเผยความตื่นตระหนกตกกใจ “ตู้กู…เจ้า…เจ้า”

 

มันไม่คิดไม่ฝันเลย

 

ว่าตู้กูจะเข้าใจอาคมต้องห้าม!

 

อาคมกลืนโลหิตถวายชีพ เป็นอาคมเคลื่อนย้ายที่เก่าแก่โบราณและโหดร้ายมาก

 

สาเหตุที่กล่าวว่ามันโหดร้าย เพราะการที่จะใช้อาคมนี้ได้ ไม่เพียงแต่ต้องเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเองเท่านั้น ยังต้องทนความเจ็บปวดจากการที่วิญญาณถูกกลืนกินด้วย!

 

เรียกว่ากระบวนการกลืนกินวิญญาณนั้นเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสนัก ประหนึ่งมีมดนับหมื่นพันกัดกินวิญญาณหายไปทีละนิดๆ เรียกว่ากว่าจะจบสิ้นกระบวนการ ก็แทบไม่มีใครทานทนมันได้ไหว!

 

และหากกระบวนการกลืนวิญญาณดำเนินไปไม่จบ โลหิตย่อมไม่อาจก่อลักษณ์เป็นข่ายอาคมได้สำเร็จ!

 

ตลอดประวัติศาสตร์ของแดนเนรเทศ มีปีศาจเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นที่สามารถใช้ อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพได้สำเร็จ!

 

กระทั่งยังมีปีศาจนับได้ด้วยหยิบมือที่กล้าใช้อาคมนี้ออกมาด้วยซ้ำ!

 

เมื่อเห็นใบหน้าชราที่บิดเบี้ยวทั้งกระตุกอยู่ตลอดเวลา รวมถึงโลหิตที่เริ่มไหลย้อยออกจากมุมปากไม่หยุด ใจต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปอย่างแรง

 

อดีตคู่ต่อสู้คนนี้…เพียงเพื่อให้มันสามารถมีชีวิตต่อไปได้…กลับทำทุกวิถีทาง ไม่เว้นอดทนต่อความเจ็บปวดของกระบวนการกลืนกินวิญญาณ ใช้อาคมโลหิตกลืนวิญญาณถวายชีพออกมา!

 

“ตู้กู…”

 

จังหวะนี้สองตาต้วนหรูเฟิงกลายเป็นแดงก่ำ หากแต่มันก็ไม่อาจทำอะไรได้ ทำได้ก็เพียงเป็นกังวลเท่านั้น

 

เพราะตอนนี้ถ้ามันลงมือหยุดยั้งกระบวนการ ตู้กูได้ตกตายทันทีแน่

 

เพราะเมื่อกระบวนการนี่เริ่มต้นขึ้นแล้ว ไม่มีทางย้อนกลับได้…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด