War sovereign Soaring The Heavens 2252

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2252 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,252 : ก้าวหน้า! เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน!

 

ต้นหลิงเทียนที่อยู่ในภูมิภาคเบื้องล่าง แน่นอนว่าย่อมไม่อาจล่วงรู้ความเป็นไปใดๆในภูมิภาคเบื้องบนได้เลย

 

หาไม่แล้วเขาต้องรู้ได้ทันที

 

ว่านาม หมอกพิรุณ ที่เขาได้รับสืบทอดมาจากฟงชิงหยางที่แท้มันคืออะไร!

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้ปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักแห่งหนึ่งของเมืองเหรินโม่เชิ่ง

 

ด้วยความที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นกิจการของ ‘วังอัคคีสีชาด’ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 วัง 6 ตำหนัก ขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าปีศาจมนุษย์…

 

เช่นนั้นแล้วการปิดด่านบ่มเพาะพลังที่นี่ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่จำเป็นต้องห่วงความปลอดภัยแม้แต่น้อย!

 

มองไปทั่วทั้งเผ่าปีศาจมนุษย์ เกรงว่าคงมีปีศาจน้อยตัวนักที่กล้าบุกมาหาเรื่องผู้อื่นถึงโรงเตี๊ยมที่อยู่ภายใต้การดูแลของวังอัคคีสีชาด!

 

แน่นอนว่าคนของวังอัคคีสีชาดก็ไม่ได้รู้เลย

 

ว่า ฆาตกร ฆ่าลูกชายของรองจ้าววังอัคคีสีชาด หวู่เทียนจิน และศิษย์ส่วนตัวของผู้อาวุโสมากมายในวังอัคคีสีชาด จะมาซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่เป็นกิจการของพวกมันเอง!

 

หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนคงไม่ได้นั่งบ่มเพาะสบายใจเฉิบแบบนี้!

 

‘ก่อนหน้านี้พรสวรรค์รากวิญญาณข้าถูกผนึก…แต่ตอนนี้ข้ามีรากวิญญาณสีม่วงแล้ว ข้ามิอาจถ่วงแข้งถ่วงขาพี่เทียนได้อีกต่อไป’

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนปิดด่านบ่มเพาะ เค่อเอ๋อก็ไม่ได้อยู่ว่าง นางเลือกจะบ่มเพาะพลังเช่นกัน

 

ทว่าต่อให้นางอยากปิดด่านบ่มเพาะเพียงใดก็ไม่สามารถทำได้ อย่างดีก็ทำได้แค่หาโอกาสบ่มเพาะพลังเป็นช่วงๆ

 

นั่นเพราะนางไม่ได้อยู่คนเดียว แต่ยังมีลูกสาวที่ต้องเลี้ยงดู

 

สำหรับก่านหรูเยี่ยนนั้น ตั้งแต่กลับมาถึงที่พักได้ไม่ทันไร นางก็ไปปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที!

 

ด้วยความที่พรสวรรค์รากวิญญาณของก่านหรูเยี่ยนเปลี่ยนจากสีครามเป็นสีม่วง กระทั่งยังเป็นรากวิญญาณสีม่วงเข้ม…

 

สำหรับนางแล้ว เรื่องราวทั้งหมดประหนึ่งฝันไป!

 

ดังนั้นทันทีที่กลับมาถึงที่พัก นางก็อดใจรอไม่ไหว เร่งกลับไปปิดด่านบ่มเพาะพลัง เพลิดเพลินกับความยอดเยี่ยมของรากวิญญาณสีม่วงทันที

 

“ท่านแม่…แล้วท่านพ่อล่ะ? ท่านพ่อไปที่ใดแล้ว?”

 

ต้วนซือหลิงพอตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่ทำก็คือก็ถามหาต้วนหลิงเทียนก่อนใดอื่น ราวกับคิดไปหาบิดา

 

“ซือหลิงเด็กดี ท่านพ่อปิดด่านบ่มเพาะพลังอยู่…แต่อีกไม่กี่วันท่านพ่อก็ออกมาแล้ว ถึงตอนนั้นซือหลิงค่อยไปเล่นกับท่านพ่อดีหรือไม่?”

 

เค่อเอ๋อลูบหัวซือหลิงกล่าวออกเสียงอ่อน

 

“อื้อ ซือหลิงจะรอท่านพ่อ! ท่านแม่…คือว่า…ซือหลิงอยากบ่มเพาะพลังบ้าง ซือหลิงจะได้เก่งๆ แล้วช่วยท่านพ่อสู้กับคนชั่ว!”

 

ขณะกล่าววาจานี้ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาปานหยกเสลาก็ขึ้นสีแดงด้วยความฮึกเหิม หมัดน้อยๆชูขึ้นอย่างแข็งขัน

 

ทำราวกับเด็กน้อยอยากเป็นผู้ใหญ่

 

“ซือหลิงของแม่เก่งมาก…แต่ถ้าคิดบ่มเพาะพลัง ต้องรอให้ท่านพ่อออกจากการปิดด่านก่อน ถึงตอนนั้นค่อยให้ท่านพ่อสอนดีหรือไม่?”

 

เมื่อเห็นลูกสาว่าง่ายเค่อเอ๋อก็โล่งใจ กล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

 

“ได้ๆๆ…ถ้าท่านพ่อออกจากการปิดด่านแล้ว ท่านแม่ต้องให้ท่านพ่อสอนซือหลิงด้วย”

 

ได้ยินคำบอกปัดกลายๆของเค่อเอ๋อ ซือหลิงไม่เพียงไม่เสียใจ ยังแลดูตื่นเต้นยินดีมไม่น้อย!

 

เพราะในสายตาของซือหลิง

 

ท่านพ่อของนางร้ายกาจกว่าท่านแม่กับท่านป้านัก

 

หากให้ท่านพ่อเป็นคนสอน นางต้องเก่งขึ้นมากแน่ๆ!

 

วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน

 

พริบตาก็ผ่านพ้นไปแล้ว 20 วัน

 

ฟิ้วว! ฟู้วว! ฟู้วว!

 

 

ในห้องปิดสนิทของต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็ปรากฏสายลมแรงพัดกระหน่ำ

 

สายลมแรงดังกล่าวนั้นพัดกรรโชกออกมาจากร่างต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงปานมังกรพิโรธ มันกวาดออกไปทั่วราวกับจะทำลายทุกสิ่งโดยรอบ

 

อย่างไรก็ตามยามเมื่อสายลมที่รุนแรงดั่งมังกรพิโรธพัดอย่างเกรี้ยวกราดไปปะทะกับผนังนั้น พวกมันก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอยคล้ายถูกบางสิ่งจัดการ

 

ขณะเดียวกัน ร่างต้วนหลิงเทียนที่นั่งหลับตาขัดสมาธิบนเตียงก็ลืมตาขึ้น

 

สองตาเผยประกายจ้าดั่งตะวัน แลดูส่องสว่างปานจะขับไล่ความมืดมิดทั้งมวล!

 

ตอนนี้กลิ่นอายพลังที่มองไม่เห็นอันแผ่ออกจากร่างต้วนหลิงเทียนอย่างเป็นธรรมชาตินั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือหากจะเทียบกับก่อนหน้านี้!

 

คนให้ความรู้สึกคล้ายหมอกควันยากจับต้อง

 

“นี่น่ะเหรอ เปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์ เปลี่ยนท้าทายสวรรค์?”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ปริปากพึมพำออกมาเบาๆ

 

ฟังจากวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวรำพันแล้ว

 

ด่านพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ ได้บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อย!

 

เปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้นเรียกว่าเปลี่ยนท้าทายสวรรค์ เมื่อบรรลุถึงขอบเขตนี้ยังหมายความว่าสามารถมีอายุขัยไร้สิ้นสุดตราบชั่วฟ้าดินสลาย

 

“ที่แท้เหตุผลที่ขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนทำให้คนเป็นอมตะได้ ก็เพราะแบบนี้นี่เอง…”

 

แต่ก่อนนั้นต้วนหลิงเทียนเพียงรู้ว่าเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนจะมีชีวิตนิรันดร์ หากแต่เขาไม่รู้ว่าที่แท้เป็นเพราะอะไร

 

มาตอนนี้หลังจากที่เขาบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนอันเรียกว่าเปลี่ยนท้าทายสวรรค์ เขาจึงได้รู้ว่าไฉนผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตนี้จะมีอายุขัยไร้สิ้นสุดตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

 

ทั้งหมดเป็นเพราะว่า…

 

หลังจากด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยนแล้วชีพจรเซียนจะเริ่มผสานเชื่อมต่อเข้ากับเส้นเลือดฝอย รวมถึงเส้นพลังยิบย่อยขนาดเล็กทั้งหมดในร่างกายที่ไม่อาจสัมผัสได้ถึงมาก่อน

 

คราวนี้เมื่อยามพลังเซียนต้นกำเนิดโคจรในเส้นชีพจรเซียน เส้นเลือดรวมถึงเส้นพลังยิบย่อยเหล่านี้ไม่เว้นอวัยวะต่างๆจะพลอยถูกพลังเซียนต้นกำเนิดเหล่านั้น ขัดเกลาทั้งหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลาไปด้วย!ทำให้พวกมันสามารถคงสภาพเดิมพลังชีวิตไม่สูญหาย! และเมื่อทุกอวัยวะในร่างไม่สูญเสียพลังชีวิตไป…เช่นนั้นย่อมได้มาซึ่งความเป็นอมตะ!!

 

ในอดีตเปลี่ยนที่ 7 ของขอบเขตเซียนสวรรค์นั้น เป็นดั่งเรื่องลึกลับสำหรับต้วนหลิงเทียนมาโดยตลอด

 

พอเขาได้บรรลุถึงด้วยตัวเอง จึงได้กระจ่างแจ้งทุกสิ่งอย่าง

 

‘ไฉนหลังบรรลุถึงขอบเขตนี้ทำให้เป็นอมตะได้ เพราะเซลล์ทุกเซลล์ได้รับพลังหล่อเลี้ยงจนไม่เสื่อมสภาพนี่เอง…สมแล้วที่เปลี่ยนที่ 7 มันเรียกว่าเปลี่ยนท้าทายสวรรค์’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ

 

ผู้ฝึกตนนั้นยิ่งบ่มเพาะพลังก็ยิ่งมีอายุขัยยืนยาวมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ถึงจุดๆหนึ่งก็สามารถมีชีวิตอยู่เคียงคู่ฟ้าดิน

 

‘แม้จะอยู่ในเมืองเหรินโม่เชิ่ง ถึงจะมีรากวิญญาณสีม่วงเข้ม แต่ความเร็วในการบ่มเพาะของข้าก็ยังไม่เร็วเท่าตอนอยู่ในชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ’

 

‘แต่ที่เทียบไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ พลังวิญญาณฟ้าดินที่นี่มันเบาบางเกินไป ต่อให้จะจับสัมผัสทั้งดูดซับได้ไวแค่ไหนแต่ไม่มีให้ดูดซับมันก็ไร้ประโยชน์…’

 

อันที่จริงแล้ว หากอยู่ในสภาพแวดล้อมเดียวกัน เมื่อพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม ความเร็วในการบ่มเพาะหากเทียบกับเมื่อก่อนตอนมีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็พอๆกันเลย!

 

ตอนนั้นแม้รากวิญญาณของเขาจะไม่ดีเท่าตอนนี้ แต่ความช่วยเหลือจากเจดีย์ก็ลบความต่างดังกล่าวลงได้

 

หากจะเทียบกันจริงๆความเร็วในการบ่มเพาะของเขาตอนนี้แม้จะมีความต่างกับในกาลก่อนอยู่บ้าง ทว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากขนาดนั้น

 

อนิจจาด้วยความที่ภูมิภาคเบื้องล่างมันมีพลังวิญญาณฟ้าดินเบาบางเหลือเกิน จึงยากที่จะนำไปเทียบกับเมื่อก่อนตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนได้

 

เช่นนั้นความเร็วในการบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน จึงยังน้อยกว่าตอนเขาอยู่ในภูมิภาคเบื้องบน

 

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสภาพล้อม…เมื่อสภาพแวดล้อมต่างกัน ผลลัพธ์ในการบ่มเพาะพลังก็ย่อมต่างกัน

 

และด้วยความที่สภาพแวดล้อมในภูมิภาคเบื้องบนกับเบื้องล่างมันต่างกันมากเกินไป ผลถึงได้ออกมาแบบนี้

 

‘อย่างไรก็ตามถึงจะช้ากว่าตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนและมีเจดีย์อยู่บ้าง…แต่สุดท้ายข้าก็ทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้สำเร็จ!’

 

คิดถึงจุดนี้สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงสว่างจ้าออกมาอีกรอบ

 

หลังทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนไม่เพียงแต่เขาจะได้รับชีวิตอมตะเท่านั้น แต่พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาก็ยกระดับพัฒนาขึ้นมาด้วยเช่นกัน

 

ถึงแว่าพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างเขาตอนนี้ จะสู้พลังเซียนต้นกำเนิดของผู้ฝึกกตนทั่วไปในอีกขอบเขตไม่ได้แล้ว

 

ทว่ามันเป็นอะไรที่แข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าผู้ฝึกตนอื่นๆในขอบเขตพลังเดียวกันมากมายนัก

 

‘ด่านพลังข้าทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแบบนี้ ไม่ใช่แค่อายุทั้งระดับพลังที่เพิ่มขึ้นมาธรรมดาเท่านั้น ทว่าพลังรบโดยรวมได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่อย่างสิ้นเชิง!’

 

คิดถึงจุดนี้ อารมณ์ต้วนหลิงเทียนย่อมบังเกิดความฮึกเหิมไม่น้อย

 

ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น ย่อมหมายความว่าเขามีความสามารถในการปกป้องตัวเองและครอบครัวคนสนิทได้ดีขึ้น คุ้มกันให้ทุกคนปลอดภัย รอดพ้นเงื้อมมือของปีศาจในภูมิภาคเบื้องล่าง…

 

พอคิดถึงเรื่องนี้จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไรไหว

 

‘น่าเสียดายทื่ท่านผู้เฒ่าหั่วไม่อยู่แล้ว…’

 

พอนึกถึงจิตวิญญาณประจำเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติอย่างผู้เฒ่าหั่วขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ อารมณ์กลายเป็นอ่อนไหวไม่น้อย

 

และที่ไฉนอยู่ๆต้วนหลิงเทียนถึงได้นึกถึงผู้เฒ่าหั่วขึ้นมา ก็มีเหตุผลเช่นกัน…

 

เพราะในตอนที่ผู้เฒ่าหั่วยังอยู่ ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกเขาไว้ว่า…

 

หากพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนเมื่อไหร่ ผู้เฒ่าหั่วจะช่วยยกระดับปีกอีกาทองคำให้บรรลุถึงรูปแบบที่ 3!

 

ถึงตอนนั้นความเร็วหลังใช้ปีกอีกาทองคำ ก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล!

 

เพราะยามนั้นปีกอีกาทองคำจะถือได้ว่าเป็นเวทย์พลังอันยอดเยี่ยมของระนาบเทวโลกอย่างแท้จริง

 

‘ไม่มีผู้เฒ่าหั่ว ปีกอีกาทองคำของข้าก็ไม่อาจบรรลุถึงขั้นที่ 3 ได้…ถึงแม้ขั้นที่ 2 จะเร็วไม่น้อย และเหนือกว่าเวทย์พลังระดับสูงในระนาบโลกียะทั้งหมด แต่ก็ถือว่าเป็นแค่เวทย์พลังเสริมเคลื่อนไหวทั่วๆไปในระนาบเทวโลกเท่านั้น’

 

คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอีกรอบ

 

ผู้เฒ่าหั่วจากไปแล้วแบบนี้ หมายความว่าเวทย์พลังปีกอีกกาทองคำของเขาจะย่ำอยู่กับที่ไม่มีความก้าวหน้าอีกต่อไป

 

เวทย์พลังอื่นๆนั้นเขาอาศัยความเข้าใจด้วยตัวเองยกระดับมันได้…

 

หากแต่ปีกอีกาทองคำนั้นไม่อาจ!

 

เพราะเดิมทีเวทย์พลังปีกอีกาทองคำ มันก็เป็นเวทย์พลังของเผ่าอีกาทองคำ 3 ขา ที่เขาใช้ได้นั้นเป็นเพราะผู้เฒ่าหั่วเพาะสร้างต้นแบบเวทย์พลังไว้ที่แผ่นหลังของเขา!

 

หาไม่แล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเชี่ยวชาญเวทย์พลังนี้ได้

 

ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ฟื้นตัว ศีรษะส่ายไปมาเบาๆ

 

‘แล้วกันไปเถอะ…ต้วนหลิงเทียน เจ้าต้องเชื่อว่าหากผู้เฒ่าหั่วเห็นเจ้าบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ ท่านต้องยินดีกับเจ้าแน่…

 

ต้วนหลิงเทียนกลาวพึมพำเบาๆในใจ ไม่นานความขุ่นมัวดั่งหมอกควันในใจก็สลายหายไปสิ้น แววตากระจ่างท่าทีแลดูสดชื่น…

 

ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนใหม่!

 

‘หากข้ารู้สึกไม่ผิดการปิดด่านครั้งนี้สมควรใช้เวลาไม่ถึงเดือน…’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด