War sovereign Soaring The Heavens 2266

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2266 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,266 : ไม่เปรียบเทียบ ย่อมไม่เป็นอะไร

 

ในขณะเดียวกันกับที่เด็กน้อยทั้ง 3 ลอบตามซูหลี่ที่อาการบาดเจ็บสาหัสอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆนั้น

 

ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ยอนกลับมาถึงเมืองเหรินโม่เชิ่ง และกลับไปถึงโรงเตี๊ยมที่พักอันเป็นกิจการของ วังอัคคีสีชาด 1 ใน 3 วัง 6 ตำหนักเป็นที่เรียบร้อย

 

ทันทีที่กลับมาถึงเรือนที่พักส่วนตัว ต้วนหลิงเทียนก็ได้แลเห็นร่างบางที่ยืนเหม่อลอยอยู่ในลาน

 

ร่างบางที่ยืนเหม่อลอยอยู่ในนั้น ในแววตามากล้นไปด้วยความคำนึง ราวกับกำลังเฝ้ารอคอยอะไรบางอย่าง

 

และพอเห็นเขาปรากฏตัว สองตางามงดดั่งสารทฤดูก็ฉายออกถึงความตื่นเต้นยินดี

 

“พี่เทียน”

 

เรียกกว่าทันทีที่เห็นต้วนหลิงเทียนเปิดประตูเข้ามา ร่างบางก็ราวกกับจะแปรเปลี่ยนไปเป็นสายลมหอบหนึ่ง พัดโผเข้าอ้อมอกเขาทันที ยังกอดเขาเอาไว้แนบแน่นราวกับกลัวจะสูญเสียเขาไปอีก

 

“เค่อเอ๋อ พี่กลับมาแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนก็ยื่อนมือออกไปกอดร่างบางตรงหน้าไว้ในอ้อมอก มือหนึ่งยังตบแผ่นหลังนางเบาๆ กล่าวออกเสียงค่อย

 

วินาทีนี้เขาย่อมสัมผัสได้ถึงความคิดถึงทั้งโหยหาจากร่างบางในอ้อมอกได้ชัดใจ

 

“พี่เทียนต่อไปข้าไม่อยากห่างท่านอีกแล้ว…”

 

หลังที่กอดรับความอบอุ่นพักหนึ่ง เค่อเอ๋อก็เงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนพลางกล่าว

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ บนใบหน้าอันดงามของเค่อเอ๋อกลับเต็มไปด้วยน้ำตา เห็นได้ชัดว่านางร้องไห้แล้ว

 

“เค่อเอ๋อ เจ้าร้องไห้ทำไม…”

 

เมื่อเห็นหยาดน้ำไสๆที่ไหลรินรดแก้มเค่อเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนหัวใจร่วงตกลงหุบเหว เร่งกระชับร่างบางในอ้อมอกไว้แนบแน่น กล่าวออกอย่างไม่กล้ารอช้า “ไม่ต้องห่วง…จากนี้ไปพวกกเราจะไม่มีวันแยกจากกันอีก”

 

“อะแฮ่ม…”

 

ในขณะที่สองร่างกกอดกันอย่างอบอุ่นจนคล้ายลืมเลือนเวลานั้น พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

 

เป็นก่านหรูเยี่ยนที่ไม่ทราบออกจากห้องของนางมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้เห็นฉากหวานชื่นนี้เข้าพอดี

 

สุดท้ายนาก็เลือกกระแอมเตือนทั้งคู่

 

ทันใดนั้นเค่อเอ๋อก็เร่งผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนทันที ท่าทางราวกับนกหวาดเกาทัณฑ์ สีแดงระเรื่อเริ่มผุดขึ้นบนแก้มบาง

 

ขณะเดียวกันนางก็หันไปกล่าวทักก่านหรูเยี่ยน “พี่หญิง…”

 

ด้านต้วนหลิงเทียน แววตาที่ใช้มองก่านหรูเยี่ยนตอนนี้ฉายความแปลกใจเล็กน้อย

 

เพราะตอนนี้ความรู้สึกที่แผ่ออกจากร่างก่านหรูเยี่ยน มันต่างออกไปจากก่กอนหน้าอย่างสิ้นเชิง

 

เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้ประการเดียวเท่านั้น…

 

“เจ้าทะลวงด่านพลังแล้วงั้นเหรอ?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ

 

“ใช่แล้ว”

 

แลเห็นความประหลาดใจของต้วนหลิงเทียน ก่านหรูเยี่ยนคล้ายพึงพอใจมาก เร่งพยักหน้ากล่าวตอบ “ความเร็วในการบ่มเพาะของรากวิญญาณสีม่วงเข้มนับว่ายอดเยี่ยมจริงๆ แม้ภูมิภาคเบื้องล่างจะมีสภาพแวดล้อมย่ำแย่ขนาดนี้…แต่วัดจากความเร็วในการบ่มเพาะของข้าตอนนี้ ยังเหนือกว่าตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนมาก!”

 

ก่อนหน้านี้หลังจับพลัดจับผลูถูกส่งมาอยู่ภูมิภาคเบื้องล่างอย่างไม่รู้ตัว ก่านหรูเยี่ยนก็ใจหายไม่น้อย ด้วยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับไปยังภูมิภาคเบื้องบนอีก

 

เพราะสุดท้ายแล้ววสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของภูมิภาคเบื้องล่างก็น่าสังเวชสำหรับนางนัก หากต้องติดอยู่ที่นี่นานเข้า ย่อมไม่ต่างใดจากเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆ

 

แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่านางกลับได้รับวาสนาอันยิ่งใหญ่ในภูมิภาคเบื้องล่างที่ชิงชัง!

 

“แน่อยู่แล้ว พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้ามันไม่ใช่รากวิญญาณสีม่วงธรรมดา แต่เป็นสีม่วงเข้ม…ด้วยระดับรากวิญญาณเลิศล้ำขนาดนี้ หากความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าที่นี่ยังเทียบกับตอนอยู่ภูมิภาคเบื้องบนแต่มีรากวิญญาณสีครามไม่ได้ นั่นถึงจะแปลก…”

 

ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แปลกใจอะไรกับคำของก่านหรูเยี่ยน

 

“และต้องรู้ด้วยว่าตอนนี้เจ้าอยู่ภูมิภาคเบื้องล่าง…หากเจ้าอยู่ในลัทธิบูชาไฟของภูมิภาคเบื้องบน ด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณนั่น ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าจะเพิ่มขึ้นกกว่านี้มาก”

 

ต้วนหลิงเทียนกกล่าวสืบต่อ

 

ได้ยินดังกล่าวสองตาก่านหรูเยี่ยนก็ทอแสงจ้าทันที ใบหน้ายังเผยความคาดหวังอย่างปิดไม่มิด

 

เรื่องที่ก่านหรูเยี่ยนกำลังคาดหวังอยู่ ต้วนหลิงเทียนย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ หากแต่เขายังกล่าวเสียงเรียบทำลายฝันนางอย่างไร้ปราณี “แต่ถ้าไม่มียอดฝีมือของเผ่าปีศาจที่มีความสามารถเชิงอาคมถึงขั้นจัดตั้งมหาค่ายกกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง…เรื่องกลับไปภูมิภาคเบื้องบนคงยาก”

 

แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยินววาจาบั่นทอนของต้วนหลิงเทียน ใบหน้าเปี่ยมความหวังของก่านหรูเยี่ยนก็สลดลงทันใด กลับไปหดหู่อีกครั้ง

 

“แต่เจ้าไม่ต้องห่วงนักหรอก…ตอนนี้พวกปีศาจได้ตั้งรกรากถิ่นฐานกันเกือบหมดแล้ว อีกไม่นานพวกมันก็คงเริ่มจัดตั้งมหาค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามภูมิภาคเพื่อบุกขึ้นไปแน่ ถึงตอนนั้นพวกเราย่อมกลับไปได้เป็นธรรมดา…”

 

เห็นก่านหรูเยี่ยนหดหู่ไปด้วยความผิดหวัง ต้วนหลิงเทียนก็จุดไฟแห่งความหวังให้นางอีกครั้ง

 

จังหวะนี้ก่านหรูเยี่ยนอดมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยท่าทีโกรธเคืองไม่ได้!

 

นางสงสัยอยู่ในใจ ว่าใช่บุรุษผู้นี้จงใจแกล้งนางเล่นหรือไม่?

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนจงใจแกล้งนางจริงๆ

 

ก่านหรูเยี่ยนดันทะลึ่งมาขัดจังหวะที่เขากำลังหวานกับเค่อเอ๋อทำให้เขาไม่พอใจนัก ผู้คนกำลังมีบรรยากาศอันดีงามแท้ๆนางกลับทำตัวเป็นมารผจญ!

 

“พี่หญิงท่านออกจากการปิดด่านแล้วก็ดี…คราวนี้พอซือหลิงตื่น พวกเราจะได้ไปวังเซียนสัญจรกับพี่เทียนด้วยกัน”

 

เค่อเอ๋อย่อมเห็นความขัดแย้งเล็กๆระหว่างพี่สาวฝาแฝดกับชายคนรักได้ชัดเจน แม้จะรู้สึกอึดอัดใจแต่ก็เร่งกล่าวเปลี่ยนเรื่องออกมา คลายบรรยากาศน่าอึดอัดลงไปมาก

 

“หา? ไปวังเซียนสัญจรเนี่ยนะ? ไปทำอะไรเล่า!?”

 

แน่นอนว่าความสนใจของก่านหรูเยี่ยนก็ถูกคำของเค่อเอ๋อหันเหไปได้ทันที

 

“ข้าจะไปวังเซียนสัญจรและเอาตำแหน่งรองจ้าววังมาครองให้ได้ หากมีโอกาส…ในอนาคตข้าคิดจะแทนที่จ้าววังเซียนสัญจรคนปัจจุบัน ยึดอำนาจในวังเซียนสัญจรนั่นมาอยู่ในกำมือ…ให้ทั้งวังเซียนสัญจรฟังคำสั่งข้าแต่เพียงผู้เดียว!”

 

แววตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเยียบเย็น ยังกล่าวทำนองวังเซียนสัญจรเป็นของเขาแน่แล้ว!

 

ก่านหรูเยี่ยนย่อมไม่สงสัยในพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียน

 

ท้ายที่สุดแล้วยามยังอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องบน ต้วนหลิงเทียนก็สามารถสยบเหาฉ่วง ตัวตนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนในกระบี่เดียว!

 

อาศัยพลังฝีมือสูงส่งระดับนี้ คิดเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 

“นี่เจ้าคิดยึดอำนาจวังเซียนสัญจรไว้ในกำมือจริงๆเหรอ…ใช่วันหน้ายามวังเซียนสัญจรยกทัพบุกขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบน เจ้าหมายให้ทั้งหมดแปรพักตร์หันไปตลบหลังพวกปีศาจหรือไม่?”

 

พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนคิดยึดวังเซียนสัญจรไว้ในมือ ก่านหรูเยี่ยนย่อมคาดเดาเจตนาที่ต้วนหลิงเทียนวางแผนไว้ได้ทันที ยังอดสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตกใจไม่ได้!

 

เจ้าผู้นี้คิดก่อกการอุกอาจเสียจริง! วังเซียนสัญจรนั่นคือ 1 ในขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าปีศาจมนุษย์เชียวนะ!!

 

แต่ถ้าหากสามารถยึดอำนาจได้จริง แล้วฉวยโอกาสตลบหลังพวกปีศาจได้จริงๆล่ะก็…

 

แม้นางไม่กล้าพูดว่าเรื่องนี้จะส่งผลต่อกองทัพปีศาจอย่างใหญ่หลวง หากแต่ย่อมสร้างความเสียหายครั้งใหญ่อย่างที่พวกมันไม่ทันตั้งตัวได้แน่!!

 

“ถูกต้อง”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

“อาศัยพลังฝีมือเจ้าตอนนี้เรื่องคิดเป็นรองจ้าววังเซียนสัญจรย่อมมิเป็นปัญหา…แต่ข้าได้ยินมาว่าจ้าววังเซียนสัญจรนั่นจะอย่างไรก็เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน…เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงไม่ใช่คู่ต่อสู้มันกระมัง?”

 

หลังจากที่ก่านหรูเยี่ยนกล่าวถึงจุดนี้ นางก็กล่าวแนะออกมาเสียงเบา “ข้าขอบังอาจแนะนำให้เจ้าออกไปไล่ล่าปีศาจในภูมิภาคเบื้องล่างให้มากๆหน่อย จะได้ยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำ”

 

“พอถึงตอนนั้น แม้ภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้จะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะย่ำแย่ แต่พลังฝึกปรือของเจ้าสมควรก้าวหน้าขึ้นได้อย่างรวดเร็ว…ด้วยเหตุนี้เจ้ายังพอมีหวังเอาชนะจ้าววังเซียนสัญจร และยึดอำนาจมันมาได้”

 

กก่านหรูเยี่ยนกกล่าวแนะนำยืดยาวจนจบ

 

“พรสวรรค์รากวิญญาณของข้าตอนนี้ ได้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำแล้ว…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา

 

“ห๊ะ! ว่าอะไร!?”

 

และพอกก่านหรูเยี่ยนได้ยินดังนั้น นางย่อมตกใจเป็นธรรมดา!

 

สำหรับเค่อเอ๋อนั้นไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะนางรู้แต่แรกว่าที่ต้วนหลิงเทียนออกไปครั้งนี้เพราะไปยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณโดยเฉพาะ

 

“เจ้า…รากวิญญาณของเจ้ากลับกลายเป็นรากวิญญาณสีดำแล้วจริงๆ!?”

 

ก่านหรูเยี่ยนเบิกตากว้างปานลูกวัวแรกเกิดมองต้วนหลิงเทียนอย่างอึ้งๆ สีหน้าแววตายังฉายถึงความหวาดกลัวประการหนึ่ง

 

“ใช่”

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ “ตอนแรกข้าก็ห่างแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น…ข้าออกไปรอบนี้ เมื่อไม่มีใดผิดพลาดย่อมก้าวผ่านครึ่งก้าวสุดท้าย สามารถยกระดับรากพรสวรรค์รากวิญญาณให้กลายเป็นรากวิญญาณสีดำได้อย่างราบรื่น”

 

หลังต้วนหลิงเทียนกล่าวยำความชัดเจน ก่านหรูเยี่ยนตะลึงด้วยความประหลาดใจต่ออีกพักหนึ่งค่อยคืนสติ

 

“เค่อเอ๋อ…”

 

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนคล้ายนึกกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองกล่าวกับเค่อเอ๋อทันที “มีบางเรื่องที่ลืมบอกเจ้า…รากวิญญาณของเจ้า…เกรงว่าคงไม่อาจยกระดับมันให้เป็นรากวิญญาณสีดำได้อีกพักใหญ่”

 

ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อพยักหน้ารับ ไม่คิดสงสัยอะไรทั้งสิ้น

 

ในสายตานาง

 

ทุกกสิ่งอย่างที่บุรุษของนางกระทำให้นางนั้น ล้วนหวังดีกับนางทั้งสิ้น

 

นางย่อมเชื่อใจบุรุษของนางอย่างไร้เงื่อนไข

 

“อ้าว ทำไมเล่า?”

 

เค่อเอ๋อเชื่อใจต้วนหลิงเทียนอย่างไร้เงื่อนไข แต่ไม่ได้หมายความว่าก่านหรูเยี่ยนจะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ทำให้หลังได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนแล้ว นางก็อดขมวดคิ้วกล่าวถามออกมาไม่ได้

 

ความเชื่อใจของเค่อเอ๋อนั้นย่อมทำให้ต้วนหลิงเทียนมีความสุขเป็นธรรมดา

 

อย่างไรก็ตามพอได้ยินคำจี้ถามด้วยสงสัยของก่านหรูเยี่ยน อารมณ์ดีงามของเขาก็ถูกนางทำลายไปทันที

 

“ก็ไม่ทำไม”

 

เมื่อถูกอีกฝ่ายทำลายความรู้สึกดีๆ แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่คิดสนใจจะตอบคำอะไรนาง

 

“เจ้า…ไฉนเจ้าทำแบบนี้เล่า!?”

 

เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนจงใจเพิกเฉยนางต่อหน้าต่อตา ก่านหรูเยี่ยนย่อมฮึดฮัดขึ้นมาไม่น้อย ฟันไปกกล่าวกับบเค่อเอ๋อด้วยความไม่พอใจทันที “เค่อเอ๋อดูผู้ชายของเจ้าสิ…ดูมันทำเข้า! นิสัย!!”

 

“พี่หญิง…ในเมื่อพี่เทียนบอกมาแบบนี้ ข้าเชื่อว่าพี่เทียนย่อมมีเหตุผลสำคัญ…เช่นนั้นท่านอย่าได้ถามเลย”

 

เค่อเอ๋อมองก่านหรูเยี่ยนค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ

 

“เจ้า…เจ้าถูกมันวางยาเสน่ห์มารึไง?!”

 

ก่านหรูเยี่ยนย่อมโมโหท่าทีเข้าข้างอย่างออกหน้าออกตานี้ของเค่อเอ๋อนัก แต่นางก็ทำอะไรไม่ได้

 

ถึงแม้ว่าเค่อเอ๋อจะเป็นน้องสาวฝาแฝดของนาง แต่ตัวนางรู้ดีว่าน้ำหนักของนางในใจเค่อเอ๋อนั้น ยังน้อยกว่าบุรุษตรงหน้ามากนัก!

 

แต่แน่นอนนี่ไม่ได้หมายความว่าเค่อเอ๋อจะไม่สนใจไยดีนาง

 

ที่สำคัญที่สุดก็คือการเปรียบเทียบ

 

ไม่เป็นอะไร หากไม่เปรียบเทียบ

 

หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกนางทั้งคู่พร้อมๆกันแล้วจำต้องเลือกให้ใครคนหนึ่งอยู่รอดล่ะก็…

 

นางเชื่อว่าน้องสาวของนางยินดีรับเคราะห์แทนนางแน่! ไม่มีทางปล่อยให้พี่สาวเช่นนางต้องตกอยู่ในอันตราย!!

 

นั่นเพราะน้องสาวของนางเป็นคนอ่อนโยนจิตใจดีงาม เห็นพี่สาวเช่นนางสำคัญกว่าตัวเองเสียอีก

 

แต่แน่นอนว่าถ้าถามว่าในใจเค่อเอ๋อผู้ใดสำคัญที่สุด ก็เห็นทีจะเป็นบุรุษเบื้องหน้า!

 

“ฮ้า! ท่านพ่อกลับมาแล้วเหรอ!?”

 

ไม่ทราบตั้งแต่ตอนไหน ทว่าต้วนซือหลิงที่เปิดประตูห้องออกมา พอเห็นต้วนหลิงเทียน ร่างนางก็คล้ายกลายเป็นสายลมหอบหนึ่ง โผเข้าอ้อมอกกต้วนหลิงเทียนทันที

 

หลังถูกต้วนหลิงเทียนอุ้มแล้วหัวเราะคิกคักดึงแก้มบิดาเล่นอยู่พักหนึ่ง ต้วนซือหลิงจึงค่อยสังเกตเห็นก่านหรูเยี่ยนอยู่ข้างๆ “อ้าว…ท่านป้าก็ออกจากการปิดด่านแล้วเหรอ?”

 

เมื่อเห็นว่ากระทั่งหลานสาวของนาง ตอนนี้ก็คล้ายจะใส่ใจบุรุษเบื้องหน้ามากกว่านาง ก่านหรูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงสิ่งหนึ่งขึ้นมาในใจ…ความสูญเสีย

 

ราวกับนางได้สูญเสียสิ่งสำคัญไปต่อหน้าต่อตา…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด