War sovereign Soaring The Heavens 2291

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2291 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,291 : พลังสุริยันบังเกิดความผิดปกติ!

 

“เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว?”

 

คำพูดของเผิงไหลทำให้หว่างคิ้วก่านหรูเยี่ยนขดย่นเป็นปมอีกครั้ง “เจ้าหมายความว่าอะไรกันแน่? หรือเจ้ามั่นใจในความสามารถของจ้าววังเซียนสัญจรของเจ้าขนาดนั้นเลย?”

 

“ไม่ใช่ว่าข้ามั่นใจในความสามารถของจ้าววัง”

 

เผิงไหลกล่าวออกด้วยน้ำเสียงขื่นขม “แต่ในประวัติศาสตร์ของวังเซียนสัญจร หามีจ้าววังแม้แต่คนเดียวไม่…ที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ล้มเหลว! นั่นเพราะบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งวังเซียนสัญจรของพวกเราได้ถ่ายทอด ‘วิธีการ’ ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ประการหนึ่งจากรุ่นสู่รุ่น…”

 

“อะไรนะ!?”

 

คำของเผิงไหล พอดังเข้าหูก่านหรูเยี่ยนก็ทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปครั้งใหญ่

 

“งั้นเจ้าจะบอกว่า…จ้าววังเซียนสัญจรนั่นของเจ้า มันสามารถเอาชนะหายนะทัณฑ์สวรรค์และบรรลุถึงขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะได้แน่นอน?”

 

หลังหน้าเปลี่ยนสีไปไม่สู้ดี ก่านหรูเยี่ยนก็กล่าวถามเพื่อยืนยันออกมาอีกครั้ง

 

หลังได้เห็นเผิงไหลพยักหน้าตอบรับ ก่านหรูเยี่ยนรู้สึกเสมือนโลกหล้าพลิกคว่ำ ตะวันจันทราหม่นแสง ไร้ความสว่างอันใด ประหนึ่งจุดจบของโลกกำลังจะมาถึง…

 

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่ทันไร คล้ายนางจะฉุกคิดได้ถึงบางสิ่ง สองตาที่หม่นหมองพลันส่องสว่างเผยประกายจ้าขึ้นมาอีกครั้ง

 

“หายนะสู่สวรรค์อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาในการข้ามผ่าน 2-3 วัน…กล่าวได้ว่าในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้เป็นไปไม่ได้ที่จ้าววังเซียนสัญจรจะลงมือ!!”

 

เมื่อนึกได้ถึงเรื่องนี้ ก่านหรูเยี่ยนหันไปมองต้วนหลิงเทียนกับเค่อเอ๋อที่กำลังกอดกันทันที และไม่สนเรื่องที่จะรบกวนกการจู๋จี๋หวานชื่นของสามีภรรยา เร่งกล่าวออกมาเสียงหนัก “ต้วนหลิงเทียน! อาศัยจังหวะที่จ้าววังเซียนสัญจรกำลังจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์พาพวกเราหลบหนีไปเร็วเข้า!!”

 

“หากมันข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ พวกเราก็ไม่มีทางหนีไปได้แล้ว!!”

 

เสียงที่ก่านหรูเยี่ยนตะโกนกล่าวนั้นยิ่งมายิ่งเต็มไปด้วยความร้อนรน

 

สำหรับจ้าววังวิญญาณอสุราอย่างฉีหนานฟงนั้น ตอนแรกนางคิดว่าต้วนหลิงเทียนอาจจะอ่อนด้อยกว่าอีกฝ่าย อย่างไรก็ตามตอนนี้พอนางได้เห็นว่าต้วนหลิงเทียนสมควรทะลวงด่านพลังได้สำเร็จ จึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนสามารถต่อกรกับฉีหนานฟงได้แน่…

 

หากแต่นางไม่ได้ล่วงรู้เลย…

 

ตอนนี้แม้พลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว หากแต่ความแข็งแกร่งสูงสุดของเขาก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใดเมื่อเทียบกับเมื่อ 3 ปีก่อน!

 

ตอนนี้ให้เขาปะทะกับจ้าววังวิญญาณอสุราอย่างฉีหนานฟง เว้นแต่ยอดศาสตราเซียนอย่างตราผนึกมารจะมีพลังอำนาจมากพอสยบอีกฝ่ายได้ หาไม่แล้วเขาก็ยากจะเป็นคู่มืออีกฝ่าย!!

 

“ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์งั้นเหรอ?”

 

อยู่ๆได้ยินเสียงก่านหรูเยี่ยนดังขึ้นขัดจังหวะ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปเล็กน้อย ค่อยนิ่งไปคล้ายกำลังครุ่นคิดใดบางอย่าง

 

กลับกัน ด้านเค่อเอ๋อพอได้ยินเสียงก่านหรูเยี่ยน นางก็ผละออกกจากอ้อมกอดต้วนหลิงเทียน แล้วหันไปมองก่านหรูเยี่ยนทันที “พี่หญิงท่านบอกว่าจ้าววังเซียนสัญจรกำลังจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์หรือ…มันคือหายนะสู่สวรรค์?”

 

เค่อเอ๋อในตอนนี้เองก็รู้เรื่องดังกล่าว

 

ว่าการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ของตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนหมายถึงอะไร นั่นหมายความว่าหากอีกฝ่ายข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็นตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ!

 

และตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะนั้น เพียงรอเวลาอีกไม่นาน ก็จะสามารถหลุดพ้นระนาบโลกียะสามารถขึ้นสู่สวรรค์ หรือระนาบเทวโลกได้!

 

“ใช่!”

 

ก่านหรูเยี่ยนพยักหน้าอย่างตึงเครียด ขณะเดียวกันก็หันไปมองเมฆทะมึนบนฟ้า “เจ้าเห็นเมฆสีดำที่มีอัสนีสีม่วงแลบลั่นตรงนั้นหรือไม่ นั่นคือเมฆหายนะสู่สวรรค์…เป็นบ่อเกิดหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่จะทดสอบว่าสามารถเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะได้หรือไม่!!”

 

“และทิศทางที่เมฆดำทั้งหลายกำลังไปบรรจบกัน ก็เป็นทิศทางที่ตั้งของจ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน!!”

 

กล่าวจบแล้วสายตาก่านหรูเยี่ยนก็ละจากเค่อเอ๋อไปมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง

 

“ตอนนี้ถ้าเจ้าคิดพาพวกเราหลบหนี อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง…”

 

ก่านหรูเยี่ยนที่มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนไม่ทันที่จะได้พูดจบคำ

 

นางก็ถูกต้วนหลิงเทียนกล่าวขัดจังหวะขึ้นมา “ฉีหนานฟง? จ้าววังวิญญาณอสุรา?”

 

ต้วนหลิงเทียนยังไม่ทราบถึงเรื่องราวบาดหมางระหว่างวังวิญญาณอสุรา กับตำหนักเมฆาคราม

 

ดังนั้นพอได้ยินว่าจ้าววังวิญญาณอสุราอย่างฉีหนานฟงจะเป็นคนขัดขวางเขา ตัวเขาย่อมอดตะลึงไปไม่ได้

 

เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่รู้ถึงความบาดหมางระหว่างจ้าววังวิญญาณอสุรากับตำหนักเมฆาครามเท่านั้น เขากระทั่งยังไม่ทันได้รู้เรื่องที่ฐานะนายน้อยตำหนักเมฆาครามของเขาได้ถูกเปิดโปงแล้ว…!

 

ด้วยมีเผิงไหลเร่งกล่าวเล่าเรื่องราว ในที่สุดต้วนหลิงเทียนจึงได้ตระหนัก

 

“ศิษย์ปิดสำนักของจ้าววังวิญญาณอสุรานั่น เป็นหนึ่งในทัพหน้าที่บุกมายึดตำหนักเมฆาครามด้วยเหรอ? แต่ทว่าสุดท้ายกลับถูกพ่อข้ากับยอดฝีมืออีกคนของตำหนักเมฆาครามฆ่าทิ้ง?”

 

ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตกใจหลังได้รับทราบเรื่องราวดังกล่าว

 

‘ศิษย์ปิดสำนักของจ้าววังววิญญาณอสุรา กล่าวได้ว่าอย่างน้อยๆพลังฝึกปรือของมันก็สมควรบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนไม่ใช่รึไง…แต่ท่านพ่อกับยอดฝีมืออีกคนของตำหนักเมฆาครามกลับฆ่ามันได้งั้นเหรอ? ที่แท้ยอดฝีมืออีกคนเป็นใครกันแน่?!’

 

‘ว่าแต่ท่านพ่อกลับมีความแข็งแกร่งถึงระดับนี้เชียว? เป็นไปได้อย่างไรกัน!?’

 

ในใจต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความตกตะลึงนัก

 

‘นอกจากนั้นตอนนี้ทั้งเมืองเหรินโม่เชิ่งก็ได้ล่วงรู้กันหมดแล้ว ว่ารองจ้าววังเซียนสัญจรคนใหม่อย่างข้า เป็นนายน้อยตำหนักเมฆาครามขุมพลังของมนุษย์ที่แฝงตัวเข้ามา…แถมพวกมันยังบังเอิญได้รูปเหมือนจากข้ามาจากผู้ฝึกตนมนุษย์ในภูมิภาคเบื้องล่าง ที่ถูกทักษะควาญวิญญาณเค้นความ?’

 

ได้รับทราบเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็สำนึกได้ทันทีว่าครั้งนี้เขาประมาทเกินไปจริงๆ!

 

หากเขาฉุกคิดเรื่องนี้แต่แรกเขาคงไม่พลาดอะไรง่ายๆแบบนี้! ทว่าเรื่องมันผ่านไปนานจนทุกอย่างกระจ่างหมดแล้ว เขาจึงไม่คิดว่าในภูมิภาคเบื้องล่างจะยังมีผู้ฝึกตนที่ยังเก็บรูปเหมือนเขาไว้ กระทั่งให้ความสนใจเขากันอยู่อีก!!

 

‘แถมจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง นั่นมันคิดจะฆ่าข้าตั้งแต่เมื่อปีก่อน…แต่ด้วยกลัวอวี่เหวินฮ่าวเฉินที่กำลังจะบรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะหาความ มันเลยไม่กล้าลงมืออะไร…เพียงมาเฝ้ารอข้าด้านนอกคฤหาสน์ ประหนึ่งดักกระต่ายหน้าโพรง?’

 

‘มันคิดให้ข้าหลบหนีออกไปก่อน ถึงจะลงมือฆ่าข้า…ไม่งั้นก็รอให้จ้าววังอวี่เหวินออกจากการปิดด่านมาฆ่าข้า?’

 

ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใดหลังได้รับทราบถึงสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ สองตายังเผยประกายเยียบเย็นเรืองวูบ

 

“หืม?”

 

ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนกลับหรี่ลงอีกครั้ง คล้ายพบอะไรบางอย่าง

 

‘พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างข้าเป็นอะไรไป…ทำไมอยู่ๆมันถึงปั่นป่วนพุ่งพล่านแบบนี้?’

 

ต้วนหลิงเทียนพบว่าอยู่ดีๆพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างของเขาก็พุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ! ลักษณะราวกับพวกมันเป็นเด็กน้อยซุกซนได้พบของเล่นใหม่ คล้ายพยายามจะพุ่งทะยานออกไปจากร่างของเขาให้ได้!!

 

‘นี่มัน…สำนึกรู้ฟ้าดินงั้นเหรอ’

 

ทว่าทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ยังผลให้เขาตื่นตระหนกไม่น้อย!

 

ไม่ทราบเพราะอะไร ทั้งๆที่ยังไม่ได้ตั้งสมาธิ หากแต่ความรู้สึกราวกับจะเชื่อมต่อกับฟ้าดินของเขา ยิ่งมายิ่งกล้าแข็งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเขาได้บังเกิดสำนึกรู้ฟ้าดินไปแล้ว…!!

 

ต้องทราบด้วยว่าปกติแล้วผู้ฝึกตนที่พึ่งทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้น ยังไม่มีใครสามารถบังเกิดสำนึกรู้ต่อฟ้าดินได้ จำต้องเข้าฌาณสงบใจ ขยายสำนึกเทวะออกไปพยายามเชื่อมโยงกับฟ้าดินโดยรอบ เพื่อทำความเข้าใจและตระหนึกถึง…

 

หากไม่กระทำเช่นนั้นไปสักระยะ ย่อมไม่อาจบังเกิดสำนึกรู้ต่อฟ้าดินได้!

 

ทว่าตอนนี้…ในขณะที่พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาบังเกิดความพุ่งพล่านปั่นป่วนคล้ายจะรีบพุ่งออกไป เขากลับพบว่า…

 

สำนึกรู้ฟ้าดินของเขาไม่เพียงบังเกิดขึ้นแล้วส่วนหนึ่ง มันกระทั่งยังคงเพิ่มพูนขึ้นตลอดเวลา!

 

กระทั่งตอนนี้เขารู้สึกเสมือนได้ผ่านพ้นขั้นตอนการตีความเบื้องต้น จนบรรลุถึงขั้นตอนพื้นฐานไปแล้ว!!

 

‘ดูเหมือนว่า…เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเมฆหายนะสู่สวรรค์นั่นสินะ…’

 

หลังต้วนหลิงเทียนลองพินิจเรื่องราวดูสักพัก เขาก็ค้นพบร่องรอยบางสิ่ง

 

พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างของเขาคล้ายมีการเชื่อมโยงที่มองไม่เห็นประการหนึ่งกับเมฆหายนะสู่สวรรค์เบื้องบน กระทั่งยังเป็นการเชื่อมโยงที่ละเอียดอ่อนเบาบางถึงขีดสุด…

 

‘หรือว่า…ต้นเหตุจะเกิดจาก ‘พลังสุริยัน’ ที่ได้ผสานเข้ากับพลังเซียนต้นกำเนิดของข้า มีความเชื่อมโยงบางประการกับเมฆหายนะสู่สวรรค์บนฟ้านั่น?’

 

หลังลองตรวจสอบในร่างให้แน่ชัด ต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบต้นตอของความผิดปกติดังกล่าว!

 

พลังสุริยันนั้น เดิมทีเป็นผู้เฒ่าหั่วผู้เป็นอีกาทองคำ 3ขาได้ถ่ายทอดให้เขา และเป็นพลังเฉพาะตัวของอีกาทองคำ 3 ขา ที่มีพลานุภาพเหนือพลังใดๆในระนาบโลกียะ เพราะมันคือพลังอำนาจจากระนาบเทวโลก!

 

ดังนั้นกระทั่งตัวต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ได้มีความแตกฉานในพลังสุริยันสักเท่าไหร่

 

สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ พลังสุริยัน นี้หาได้ง่ายดายไม่!

 

ก่อนหน้านี้ในยามที่พลังฝึกปรือของเขาอ่อนด้อย ทว่าด้วยพลังอำนาจของพลังสุริยัน ยามผสานเข้ากับพลังในร่างของเขา มันก็หนุนเสริมให้พลังในร่างของเขามีอานุภาพเหนือกว่าพลังของผู้ฝึกตนคนอื่นๆถึงหนึ่งขอบเขต!

 

จนหลังๆมานี้แม้ผลลัพธ์จะน้อยลงเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ทำให้เขายังมีพลังเหนือกว่าผู้ฝึกตนในขอบเขตเดียวกันอยู่ดี จนสุดท้ายพอถึงขีดจำกัดของพลังเซียนต้นกำเนิดเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนจริงๆ…มันถึงจะไร้ข้อได้เปรียบใดๆสืบไป

 

และในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนค้นพบว่าพลังสุริยันของเขาได้บังเกิดความเปลี่ยนแปลงผิดแปลกไป และสมควรมีส่วนเกี่ยวข้องอันใดบางอย่างกับเมฆหายนะสู่สวรรค์นั้นเอง…

 

เหนือขึ้นไปบนฟ้านอกคฤหาสน์

 

“จ้าววังอวี่เหวิน…กำลังจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แล้วงั้นเหรอ!?”

 

ความสนใจของจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ก็หันไปจดจ่ออยู่กับบเมฆหายนะสู่สวรรค์ ที่กำลังเคลื่อนมาจากทั่วสารทิศและไปบรรจบกันเหนือคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร!

 

ทำให้จ้าววังวิญญาณอสุราอย่างฉีหนานฟง ตระหนักได้ทันที ว่าผู้ที่ก่อให้เกิดปรากฏกการณ์นี้ก็คืออวี่เหวินฮ่าวเฉิน จ้าววังเซียนสัญจรแน่นอน!

 

“จากนี้ไป ในเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ จักมียอดฝีมือขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง….”

 

คิดถึงจุดนี้แววตาจ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ก็ฉายให้เห็นถึงความซับซ้อนประการหนึ่ง

 

ในอดีตแม้อวี่เหวินฮ่าวเฉินจะมีพลังฝีมือเหนือกว่ามัน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้เก่งกล้าสามารถเหนือมันมากนัก ไม่ใช่ว่าจะเอาชนะมันได้ง่ายๆ! นอกจากนั้นด้วยความที่แต่ละคนล้วนมีฐานะเป็นชนชั้นผู้นำของ 3 วัง 6 ตำหนักเหมือนกัน สถานะในเผ่าปีศาจมนุษย์จึงเรียกว่าอยู่ในระดับเดียวกัน

 

ทว่าตอนนี้อวี่เหวินฮ่าวเฉินกำลังจะกลายเป็นตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว นั่นหมายความว่า…ไม่เพียงแต่พลังฝีมือของอีกฝ่ายจะทิ้งห่างมันไปไกล! กระทั่งสถานะของมันในเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ก็กลายเนไม่อาจเทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้อีกต่อไป!!

 

ยามเมื่อครึ่งก้าวเซียนอมตะปรากฏตัวขึ้นในเผ่าปีศาจมนุษย์นั้น…สถานะจะกลายเป็นเทียบได้กับประมุขเผ่าพันธุ์ทันที!!

 

“จ้าววังอวี่เหวินกำลังจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แล้วหรือ?!”

 

“บ้าน่า! เรื่องนี้ใช่มีอะไรผิดพลาดหรือไม่? ไฉนรวดเร็วเพียงนี้!?”

 

“สวรรค์! นี่เรื่องใหญ่แล้ว! ข้าต้องเร่งกลับไปแจ้งท่านจ้าววัง!!”

 

“ข้าเองก็ต้องเร่งกลับไปแจ้งท่านจ้าวตำหนักของข้าด้วย!”

 

 

คนของวังและตำหนักอื่นๆที่ตระหนักถึงปรากฏการณ์บนฟ้า ก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้จ้าววังเซียนสัญจรกำลังจะชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมา เพื่อข้ามผ่านและบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!

 

หลังจากสนทนากันด้วยความแตกตื่นอยู่พักหนึ่ง ร่าง 7 ร่างที่มาเฝ้าจับตาดูเรื่องราวบนฟ้าเหนือคฤหาสน์ต้วนหลิงเทียน ก็เร่งรุดไปแจ้งผู้นำของพวกมันทันที

 

ร่างทั้ง 7 นั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนของ 1 วัง 6ตำหนัก นอกเหนือจากวังเซียนสัญจรกับวังวิญญาณอสุรา และทั้งหมดก็กำลังเร่งรุดไปยังขุมพลังของตัวเพื่อแจ้งเรื่องราวการชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ของจ้าววังเซียนสัญจร!

 

เพราะหายนะทัณฑ์สวรรค์ที่ถูกชักนำมาครานี้ ผู้ที่ชักนำมันมาก็คือจ้าววังเซียนสัญจร! และทั้งหมดในเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์ย่อมรู้กันดี ว่าแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ชนชั้นจ้าววังเซียนสัญจรจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ล้มเหลว!!

 

กล่าวได้ว่าอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ ในวังเซียนสัญจรจะอุบัติตัวตนครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!

 

เหตุการณ์ดังกล่าวย่อมเป็นเหตุการณ์อันน่าตื่นตระหนกของทั้งเผ่าปีศาจมนุษย์!

 

เช่นนั้นพวกมันจึงคิดเร่งรุดกลับไปขุมพลังของตัวเองให้เร็วที่สุด ต้องแจ้งข่าวใหญ่นี้ให้ผู้นำของพวกมันรับทราบ!

 

“หืม?!”

 

ไม่นานหลังจากที่คนของ 1 วัง 6 ตำหนักที่มาจับตาดูเรื่องราวได้เหินร่างจากไป จ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงคล้ายสังเกตเห็นบางสิ่ง ลูกตาของมันหดหยีลง เร่งก้มลงไปมองที่คฤหาสน์เบื้องล่างทันที

 

ในสายตา ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วงหอบหิ้วสตรี 3 คนเหินลอยขึ้นมาบนฟ้า

 

นอกจากนี้ยังมีอีกร่างเหินตามติดมาอยู่ด้านหลัง

 

“นายน้อยตำหนักเมฆาคราม ต้วนหลิงเทียน!!”

 

สายตาของฉีหนานฟงจ้าววังวิญญาณอสุรา จับจ้องมองเขม็งไปยังร่างในชุดสีม่วงก่อนใคร! แววตายังเริ่มฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟัน!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด