War sovereign Soaring The Heavens 2323

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2323 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,323 : เซียนอมตะเสเพล…

 

สำหรับคนของ 3 วัง 6 ตำหนักตอนนี้ หากพวกมันไม่มาเห็นกับตา ต่อให้ฆ่าพวกมันให้ตายพวกมันก็ไม่มีวันเชื่อว่าจะเกิดเรื่องอุกอาจเช่นนี้ขึ้นได้!

 

ฉีหนานฟง จ้าววังวิญญาณอสุราผู้น่าเกรงขาม บัดนี้กำลังคุกเข่าก้มหัวให้มนุษย์อย่างว่านอนสอนง่าย…เยี่ยงสุนัข!

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มนุษย์ผู้นี้ยังเป็นถึงบุตรชายของศัตรูแค้นที่มันแทบรอฆ่าให้ตายไม่ไหว!

 

“ท่านจ้าววัง!!”

 

เหล่าระดับสูงของวังวิญญาณอสุรานำโดยรองจ้าววังอย่าง ชิงหยวนป้า เมื่อเห็นจ้าววังของพวกมันอย่างฉีหนานฟงคุกเข่าก้มหัวเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน โดยไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อนใดได้อยู่นาน พวกมันย่อมรู้สึกอัปยศอดสูนัก!

 

เพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่คุกเข่าก้มหัวเยี่ยงสุนัขว่าง่ายนั่น ก็คือจ้าววังวิญญาณอสุราของพวกมัน ผู้นำของพวกมัน!

 

และตอนนี้พวกมันก็เห็นได้ชัดถนัดตา

 

ไม่ใช่ว่าจ้าววังของพวกมันต้องการคุกเข่าก้มหัวต่อหน้ามนุษย์ แต่เป็นมนุษย์ผู้นั้นบีบบังคับจ้าววังของพวกมัน อย่างไร้ซึ่งหนทางขัดขืน!

 

“ท่านประมุข! ได้โปรดช่วยเหลือท่านจ้าววังของพวกเราด้วย!!”

 

ไม่นานชิงหยวนป้าก็หันมองไปทางประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ก่อนที่จะคุกเข่าลงกล่าววิงวอนร้องขอความช่วยเหลือ!

 

“ขอท่านประมุขช่วยเหลือท่านจ้าววังของพวกเราด้วย!!”

 

ขณะเดียวกันสมาชิกวังวิญญาณอสุราในที่นี้ ก็เร่งกระทำตามชิงหยวนป้า เร่งคุกเข่าให้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์และวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือออกมา

 

ระดับสูงของวังวิญญาณอสุรากระทำเช่นนี้ ย่อมไม่ต่างใดจากการ ‘ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน’ แม้แต่น้อย ทำให้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วยู่ย่น

(ไล่ให้เป็ดขึ้นคอน = บีบคั้นให้อีกฝ่ายทำเรื่องที่ไม่มีความสามารถพอจะกระทำ)

 

อย่างไรก็ตามประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้แต่นิ่งเฉย ไม่กล้าลงมือทำอะไรต้วนหลิงเทียนอย่างวู่วาม

 

‘ต่อให้เป็นข้า ก็ไม่มีปัญญาจะบังคับให้ฉีหนานฟงกระทำแบบนี้…ต้วนหลิงเทียนผู้นี้หลังจากบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ แล้วอาศัยแค่เวทย์พลังสนับสนุนนั่นอย่างเดียว กลับทำให้มันแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เชียวหรือ?’

 

จังหวะนี้ในใจของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เองก็เสมือนมีมรสุมก่อเกิด

 

‘จ้าววังฉีหนานฟงนั่นถึงกับถูกบีบคั้นจนสิ้นท่า…หรือพลังต้วนหลิงเทียนมันจะทัดเทียมกับ เซียนอมตะเสเพลลี้ร่าง 3 ทัณฑ์…ตัวตนที่อยู่เหนือครึ่งก้าวเซียนอมตะ!’

 

คิดถึงจุดนี้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นตกใจ ‘ต้วนหลิงเทียนมันพึ่งทะลวงถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแท้ๆ แต่หลังจากมันใช้เวทย์พลังสนับสนุนประหลาดนั่น…พลังของมันจะเพิ่มสูงขึ้นไปทัดเทียมกับ เซียนอมตะเสเพลลี้ร่าง 3 ทัณฑ์ได้เชียวหรือ?’

 

คิดถึงจุดนี้ประมุขเผ่าปีศาจไม่อาจสงบสติอารมณ์อยู่เฉยได้อีกต่อไป มันตัดสินใจติดต่อชายชราชุดเทาที่ซ่อนตัวหลังม่านเมฆเหนือฟ้า ผู้เป็นอาจารย์ของมันทันที และอาจารย์ของมันก็คือ เซียนอมตะเสเพลลี้ร่าง 3 ทัณฑ์!

 

มีน้อยคนนักที่จะล่วงรู้เรื่องนี้…

 

ว่าเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนนั้นหากตอบสนองได้ทันท่วงทีและมีโชคหนุนเสริม ย่อมสามารถหลบหนีความตายจากหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้!!

 

การหลบหนีที่ว่ากล่าวไปก็เสมือน ‘จั๊กจั่นลอกคราบ’หรือก็คือการ ‘ถอดจิตลี้ร่าง’ ที่เป็นความสามารถเอกลักษณ์ประจำด่านพลัง เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนนั่นเอง!

 

และเมื่อตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนต้องการ แน่นอนว่าย่อมสามรถใช้วิธีถอดจิตลี้ร่างได้เช่นกัน!

 

เพราะเหตุนี้ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องตายเสมอไปหากล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์!

 

นอกจากนั้นการเอาตัวรอดดั่งจั๊กจั่นลอกคราบด้วยวิธี ถอดจิตลี้ร่าง…ร่างวิญญาณที่หลบหนีออกมาก็สามารถอยู่ในโลกได้อย่างอิสระ!

 

แต่เป็นธรรมดาที่ วิญญาณ ของเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนที่ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ แม้จะโชคดีถอดจิตลี้ร่างหลบหนีความตายจากหายนะสู่สวรรค์มาได้ทว่าฟ้าดินย่อมรับรู้ ทำให้มันไม่อาจเข้าสิงร่างผู้อื่นเพื่อช่วงชิงร่างกายได้อีกต่อไป!

 

อีกทั้งร่างวิญญาณที่สามารถดำรงอยู่ได้ท่ามกลางฟ้าดิน ก็มีข้อจำกัดอีกอย่าง

 

หลังจากที่ตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์อมตะ 9เปลี่ยนใช้วิธีถอดจิตลี้ร่าง หลบหนีความตายจากหายนะทัณฑ์สวรรค์มาแล้วนั้น มันทำได้แค่อยู่ในร่างวิญญาณไร้กายเนื้อไม่อาจสร้างร่างกายขึ้นมาใหม่ได้อีกต่อไป อีกทั้งความแข็งแกร่งจะถอดถอยลงอย่างมาก จนเทียบได้กับจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเท่านั้น ที่สำคัญยังไม่อาจบ่มเพาะพลังใดๆได้!!

 

อีกทั้งหลังระยะเวลาผ่านพ้นไปอีก 1,000 ปีจากวันที่มันล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ ฟ้าดินที่ไม่ยินยอมให้ตัวตนผิดธรรมชาติเช่นนี้อยู่รอดแต่แรก ก็จะส่งอัสนีทัณฑ์สวรรค์ลงมาหมายพิฆาตให้มันดับสูญ!!

 

และหากร่างวิญญาณนั้น สามารถเอาชนะอัสนีทัณฑ์สวรรค์ที่ฟ้าดินส่งลงมาพิฆาตได้สำเร็จ มันก็จะบรรลุถึงขอบเขตที่เรียกว่า เซียนอมตะเสเพล! แน่นอนว่ายังเป็นแค่ เซียนอมตะเสเพล 1 ทัณฑ์!

 

เซียนอมตะเสเพล 1 ทัณฑ์ แม้จะมีแค่ร่างวิญญาณ แต่พลังก็แข็งแกร่งทัดเทียมกับ ผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทั่วๆไป…

 

สิ่งที่สำคัญที่สุดของการบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 1ทัณฑ์ก็คือ ร่างวิญญาณนั้นจะสามารถฝึกฝนบ่มเพาะพลังต่อได้อีกครั้ง!

 

หลังจากเวลาผ่านพ้นไปอีกก 1,000 ปี สวรรค์จะส่งอัสนีทัณฑ์ลงมาพิฆาตมันให้ดับสูญอีกรอบ!

 

แน่นอนว่าอัสนีทัณฑ์ที่เป็นดั่งหายนะของเซียนอมตะเสเพลนั้น แต่ละสายจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

หากล้มเหลวในการเอาชนะอัสนีทัณฑ์ วิญญาณย่อมแตกสลายกระจัดกระจาย ตายตก!

 

แต่ถ้าหากข้ามผ่านอัสนีทัณฑ์รอบที่ 2 ได้สำเร็จ ก็จะกลายเป็น เซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์!!

 

เซียนอมตะเสเพล 2 ทัณฑ์ พลังนั้นทัดเทียมกับตัวตนขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ!

 

หลังจากนั้น เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนครบ 1,000 ปี หายนะทัณฑ์สวรรค์ของเซียนอมตะเสเพล ครั้งที่ 3 ก็จะฟาดลงมา!

 

หากสามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์ของเซียนอมตะเสเพลครั้งที่ 3 ได้สำเร็จ ก็จะบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์!

 

เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์นั้น พลังอำนาจย่อมทัดเทียมได้กับเซียนอมตะตัวจริง! ถึงแม้จะเป็นเซียนอมตะที่ระดับต่ำต้อยที่สุดในระนาบเทวโลกก็ตาม!!

 

แต่ทว่าตัวตนเช่นนั้นสำหรับระนาบโลกียะแล้ว ย่อมเป็นธรรมดาว่ามันคือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวนัก!

 

และอาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ผู้นี้ ก็คือตัวตนขอบเขต เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์!!

 

“ท่านอาจารย์?”

 

หลังประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ส่งเสียงติดต่ออาจารย์ของมันไปพักกหนึ่ง ทว่าอาจราย์ของมันกลับไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ

 

ถึงแม้ว่าอาจารย์ของมันจะยังอยู่เหนือเมฆ แต่คล้ายอีกฝ่ายกำลังเหม่อไปไม่ทราบคิดอะไรอยู่ทำให้ไม่สนใจการส่งเสียงผ่านพลังของมัน

 

เรื่องนี้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้แต่เป็นกังวลในใจ

 

หลังผู้ชมจาก 3 วัง 6 ตำหนักโดยรอบคืนสติ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงกันถ้วนหน้า เมื่อได้เห็นฉากจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียน นายน้อยตำหนักเมฆาครามขุมพลังของมนุษย์!

 

แต่มีไม่กี่คนที่ตื่นเต้นดีใจนัก!

 

“พี่เทียน!”

 

เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนประสบความสำเร็จในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ จนกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะได้สำเร็จ ใบหน้างามพิลาศก็เผยรอยยิ้มสดใสจนพาลให้สรรพสิ่งโดยรอบแลหมองลงถนัดตา หยาดน้ำตาแห่งความปิติยินดียังไหลออกมาเป็นสาย

 

บุรุษของนางประสบความสำเร็จในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ และบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว!!

 

จังหวะนี้ใจที่เคยสุมไว้ด้วยความกังวลของเค่อเอ๋อ ได้ปลอดโปร่งโล่งถึงขีดสุด

 

“ท่านพ่อช่างน่าทึ่งยิ่ง!”

 

พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนถึงขั้นบีบคั้นให้ จ้าววังอย่างฉีหนานฟง คุกเข่าก้มหัวต่อหน้าได้อย่างไร้หนทางต่อต้านกระทั่งไม่มีแม้แต่ปัญญาจะโงหัวขึ้นมาได้เลย สองตาต้วนซือหลิงก็ทอประกายเจิดจ้า มือเล็กๆยกขึ้นมากำหมัด ร่างน้อยประหนึ่งจะเต้นเร่าๆออกท่าทางอย่างสนุกสนาน แลดูตื่นเต้นกว่าใครเขา…

 

“พลังของมัน…ร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ?”

 

ถึงแม้ก่านหรูเยี่ยนจะคาดไว้แล้วว่าหลังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ ต้วนหลิงเทียนต้องพลิกกลับสถานการณ์ได้แน่นอน…แต่นางไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจถึงขนาดนี้ ถึงขั้นลงมือครั้งเดียวก็สะกดได้ทุกสายตา

 

จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ผู้ที่บังเกิดสำนึกรู้ฟ้าดินเจียนถึงขีดจำกัด ใกล้ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะเต็มที…

 

การดำรงอยู่เช่นนี้ กลับถูกบีบคั้นให้คุกเข่าก้มหัวต่อหน้าต้วนหลิงเทียนอย่างไร้หนทางต่อต้าน?

 

นี่มันจะไม่ร้ายกาจเกินความจริงไปหน่อยหรือ?

 

“นายท่าน…”

 

ฉากเรื่องราวตรงหน้า ยังทำให้เผิงไหลที่ชมมองอยู่ห่างๆ อดไม่ได้ที่จะตะลึงตาตั้ง

 

ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้มันเองก็คิดไปในทำนองที่ว่า ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญญารอดพ้นเงื้อมมือของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ไปได้!

 

ในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของเผ่าปีศาจมนุษย์ สำหรับเผิงไหลแล้วประมุขเผ่าเปรียบดั่งตัวตนอันไร้เทียมทาน!

 

อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ

 

ว่าหลังบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว แม้จะเผชิญหน้ากับประมุขเผ่าปีศาจแท้ๆ แต่ต้วนหลิงเทียนกลับลงมือจับกุมร่างฉีหนานฟงต่อหน้าต่อตาประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย กระทั่งยังถูกบีบให้คุกเข่าก้มหัวไปอย่างไม่อาจแข็งข้อต่อต้าน!

 

ความแข็งแกร่งของฉีหนานฟงจ้าววังวิญญาณอสุราเป็นเช่นไร เผิงไหลรู้ดีจนอาจรู้ดีไปกว่านี้ได้อีกแล้ว!

 

“ต่อให้ท่านประมุขจะลงมือด้วยตัวเอง แต่ก็เกรงว่าคงไม่มีพลังสยบฉีหนานฟงให้สิ้นท่าจนไร้หนทางต่อต้านได้เช่นนี้…นายท่านทำได้อย่างไรกัน?”

 

เผิงไหลตกใจจนไม่รู้จะตกใจมากกว่านี้ได้ยังไง!

 

ถึงแม้ตัวมันจะคาดหวังให้นายท่านสร้าง ‘ปาฏิหาริย์’ มาโดยตลอด กระทั่งพลิกกลับสถานการณ์อันตรายให้คล้ายดั่งสายลมพัดผ่านจนทำให้มันรอดไปได้…

 

อย่างไรก็ตามมันไม่คิดเลยจริงๆว่า ‘ปาฏิหาริย์’เหนือคำบรรยาแบบนี้จะอุบัติขึ้นจริงๆ!

 

เรื่องนี้นับว่าเหนือสามัญสำนึกของมันไปไกล!

 

“มัน…”

 

หวงเหวินจิ้งมองร่างชายหนุ่มในชุดสีม่วงบนฟ้าที่สภาวะน่าเกรงขาม ด้วยสองตาส่องประกายเรืองรอง

 

แน่นอนว่าตอนนี้กระทั่งใบหน้าที่แสนเย็นชาของนาง ก็ยากจะปิดซ่อนความตกใจเอาไว้ได้

 

ต้องทราบด้วยว่าตอนแรกนางยังคิดไปด้วยซ้ำว่าหากต้วนหลิงเทียนสามารถรอดพ้นหายนะทัณฑ์สวรรค์มาได้ นางจะไปวิงวอนร้องขออาจารย์ให้ช่วยกล่าวกับประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เรื่องละเว้นชีวิตต้วนหลิงเทียน!

 

ถึงแม้นางจะสิ้นหวังและรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่มีทางเป็นไปได้ แต่นางก็ตัดสินใจว่าจะลองกระทำ

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่นางจะทันได้เริ่มร้องขอต่ออาจารย์ ต้วนหลิงเทียนพลันลงมือออกมาอย่างกะทันหัน

 

ยิ่งไปกว่านั้นการลงมือดั่งกล่าว ประหนึ่งพญาอินทรีย์คว้าจับลูกเจี๊ยบก็ไม่ปาน จ้าววังวิญญาณอสุราถูกจับกุมตัวไว้ได้อย่างง่ายดาย!

 

กระทั่งยังถูกบีบบังคับให้คุกเข่าก้มหัว จนไม่มีปัญญาจะโงหัวขึ้นมาได้เลย ทำให้นางรู้สึกตื่นตาตื่นใจนัก

 

เรียกว่าตอนนี้อารมณ์ของนางซับซ้อนอย่างถึงที่สุด

 

ตกใจกับความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกตอนนี้ กระทั่งยังตื่นเต้นกับความแข็งแกร่งอันน่ากลัวของต้วนหลิงเทียน!

 

‘ดูจากสีหน้าท่านประมุขเผ่าตอนนี้…ดูเหมือนจะกำลังหวาดกลัวมันอยู่’

 

‘ดูเหมือนว่าวันนี้มันสามารถรอดพ้นคราวเคราะห์ไปได้แล้ว…’

 

หวงเหวินจิ้งที่ช่างสังเกต เพียงมองไปไม่นานก็อ่านสีหน้าอาการของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ได้ออก

 

นอกจากนี้นางยังตระหนักได้ชัดจากเรื่องที่จนบัดนี้ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ไม่แม้แต่จะลงมือทำอะไร ได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

 

จึงไม่ใช่เรื่องยากที่นางจะคาดเดาเรื่องราวอะไร

 

“จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง…”

 

ภายใต้สายตาตื่นๆของทุกคน ต้วนหลิงเทียนมองจ้าววังวิญญาณฉีหนานฟงเบื้องหน้าอย่างใจเย็นคลายพลังที่กดหัวอีกฝ่ายไว้เล็กน้อย แต่อีกฝ่ายก็ไม่กล้าแม้แต่จะมองเขา ยังคงดิ้นรนหมายให้หลุดพ้นพลังสะกดอย่างสิ้นหวัง

 

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นศัตรูกับตำหนักเมฆาครามของข้า…แถมเจ้ายังมาที่นี่เพราะคิดฆ่าข้าโดยเฉพาะ?”

 

อย่างไรก็ตามฉีหนานฟงไม่ตอบคำ มันยังคงรีดเค้นพลังชั่วชีวิตหมายหลุดให้พ้นจากพลังของต้วนหลิงเทียนให้จงได้ หรือเอาแค่ลุดขึ้นจากท่าคุกเข่าได้ก็ยังดี

 

“เหอะ!”

 

เห็นฉากดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนพลันหยีตาแค่นสบถออกมาเสียงเย็นคำหนึ่ง

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงแค่นคำของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น

 

ร่างฉีหนานฟงพลันสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างแรง มันได้แต่มองต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะแน่นิ่งไป ในแววตาเลื่อนลอยฉายชัดถึงความไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นที่สุด หลังจากนั้นร่างของมันเริ่มร่วงตกลงจากฟ้าไปทั้งอย่างนั้น…

 

ในระหว่างนี้ต้วนหลิงเทียนก็ใช้พลังไร้สภาพดึงรั้งแหวนพื้นที่ออกมาจากนิ้วฉีหนานฟง ให้ลอยมาเข้ามือเขา

 

ตุบ!!

 

ร่างไร้วิญญาณร่วงตกกระทบพื้นส่งสำเนียงแหลกเหลวนี้ พอมาดังขึ้นในขณะที่บรรยากาศเงียบเชียบ มันช่างดังสะท้านใจผู้คนโดยรอบนัก…!

 

จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง ตาย!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด