War sovereign Soaring The Heavens 2358

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2358 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,358 : เฉินอี้หรูลงมือ!

 

“ข้า ต้วนหลิงเทียน เป็นผู้สืบทอด ‘หมอกพิรุณ’ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้!!”

 

ท่ามกลางทุกสายตา ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาเสียงดังฟังชัด ถึงแม้ที่จริงน้ำเสียงก็ไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่สำหรับกลุ่มคนลัทธิบูชาไฟแล้ว มันเสมือนกลองศึกลั่นขึ้นในหูก็ไม่ปาน!

 

กระทั่งตัวจ้าวลัทธิบูชาไฟอย่างถังซวนเองก็ชักสีหน้าน่ากลัวขึ้นมาทันที แววตาฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ…

 

ราวกับมันพึ่งได้ยินเรื่องเหลวไหลถึงที่สุด…

 

สาเหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะคำพูดของต้วนหลิงเทียนมันน่าเหลือเชื่อเกินไป

 

ผู้สืบทอดหมอกพิรุณ?

 

มิใช่ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ที่เป็นดั่งผู้นำหรือไร?

 

แต่มาตอนนี้ ผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟพึ่งกล่าวออกมาว่า…

 

ตนเองเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 !?

 

“นี่มัน…ใช่ล้อกันเล่นหรือไม่?”

 

“ระ..เรื่องแบบนี้! ไม่จริงหน่า จะเป็นไปได้อย่างไรที่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนจะไปเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณได้?”

 

“นั่นสิ เพราะเท่าที่ข้ารู้มาผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณนั้น ยังเป็นดั่งผู้นำจของ 7 ทวาราเที่ยงแท้อีกด้วย! หมายความว่าหากผู้พิทักษ์หลิงเทียนเป็นผู้สืบทอดนามหมอกพิรุณจริง ก็ต้องเป็นผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ด้วย!!”

 

 

เหล่าผู้คนของลัทธิบูชาไฟทั้งหลายที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะตั้งแต่ชนชั้นจ้าวลัทธิอย่างถังซวน จวบไปจนถึงศิษย์ฝ่านในธรรมดา เรียกว่าบนลงล่างไม่มีใครอยากจะเชื่อคำพูดของต้วนหลิงเทียนเลย

 

เพราะนี่มันไร้สาระเกินจริงเกินไป!

 

7 ทวาราเที่ยงแท้?

 

นั่นมันศัตรูตัวฉกาจของทั้ง 3 ลัทธิใหญ่! ยังเป็นศัตรูร้ายของลัทธิบูชาไฟ ที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้าง!!

 

“หากผู้พิทักษ์หลิงเทียนเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณแห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้จริง แล้วมิใช่ว่าการเปิดเผยฐานะตนเองที่นี่ก็รังแต่จะรนหาที่ตายหรือไร?”

 

“นั่นสิ ข้าเชื่อว่าผู้พิทักษ์หลิงเทียนตั้งใจกล่าวแบบนี้มากกว่า…ไม่มีทางที่จะเป็นผู้สืบทอดหมอกพิรุณ ผู้นำ 7 ทวาราเที่ยงแท้ที่ร้ายกาจที่สุดได้แน่!!”

 

 

ตอนนี้ในสายตาของเหล่าศิษย์และอาวุโสทั้งหลายของลัทธิบูชาไฟ ต้วนหลิงเทียนสมควรหาเรื่องตีจากแล้วจริงๆ เพราะถ้ามีฐานะดังที่ว่า กล่าวออกมาไยไม่ใช่รนหาที่ตาย?

 

พวกมันจึงเชื่อว่าเป็นต้วนหลิงเทียนจงใจกล่าวออกมา!

 

เหตุผลที่ไฉนจงใจกกล่าวหยอกแรงแบบนี้ ไม่พ้นต้องมีเรื่องบาดหมางอะไรสักอย่างกับจ้าวลัทธิของพวกมันแน่ และให้พวกมันเดาก็คงไม่พ้นจ้าวลัทธิของพวกมันยืนกรานไม่ให้ตบแต่งกับธิดาเทพแน่แท้

 

“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน”

 

ตอนนี้เองอาจารย์ของก่านหรูเยี่ยน ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว หันไปมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงเข้ม “เรื่องบางประการก็มิอาจนำมากล่าวล้อเล่นได้…เพราะบางครั้งถึงมากล่าวบอกภายหลังว่าล้อเล่นก็อาจจะสายเกินไป!”

 

สิ้นคำของชิงหั่ว ผู้พิทักษ์อีก 3 คนรวมถึงเหลิ่งอิงก็พยักหน้าลงเช่นกัน

 

“ล้อเล่น?”

 

ได้ยินคำของชิงหั่วทั้งเสียงดังระงมของเหล่าศิษย์และอาวุโสทั้งหลายที่กำลังคุยกันทำนองว่า…เป็นเขาจงใจกล่าวแรงแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปตาปริบๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี

 

นี่มันอะไร?

 

นี่ทุกคนคิดว่าเขาล้อเล่นหรือ?

 

นี่เขาต้องเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นด้วย?

 

ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆ แต่ไม่คิดจะกล่าวอธิบายอะไรออกมาอีก

 

แน่นอนว่าเขาขี้เกียจจะอธิบายอะไรให้เสียเวลาอีกต่อไป…

 

“ถังซวน!”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันจ้องไปยังร่างถังซวนตาเขม็ง แววตาครานี้ช่างแหลมคมปานมีดดาบ ทั้งยังเผยให้เห็นจิตสังหารอันหนาวเหน็บ!

 

“วันนี้ที่ข้ามาลัทธิบูชาไฟเพราะ 2 เรื่อง…ประการแรกคือข้าจะมาประกาศถอนตัวออกจากลัทธิบูชาไฟ”

 

“ประการที่ 2 คือฆ่าเจ้า!!”

 

กล่าวจบคำชุดคลุมต้วนหลิงเทียนก็เริ่มกระพือสะบัด ทั่วร่างปรากฏกลิ่นอายพลังยิ่งใหญ่สุดไพศาลกำจายออกมาสะกดข่มในบรรยากาศ ปานจะสยบสิ้นได้ทุกสิ่งอย่าง!

 

และเมื่อเสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนโดยรอบขนาดไหน

 

“ผู้พิทักษ์หลิงเทียน…ไม่เพียงคิดออกจากลัทธิบูชาไฟเรา แต่ยังคิดฆ่าท่านจ้าวลัทธิด้วยงั้นเหรอ?”

 

“นิ…นี่มันอะไรกัน นี่ใช่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนตัวจริงหรือไม่?”

 

“ฟังจากเสียงกล่าว ยังคล้ายมั่นใจถึงที่สุด…ข้ามิทราบจริงๆว่าไปเอาความมั่นใจนั่นมาแต่ที่ใด?”

 

“อะไรกัน นี่ยังพึ่งผ่านไปกี่ปีเอง…หรือจะบอกว่าอาศัยเวลาเพียงไม่ถึง 5 ปี คนสามารถพลิกฟ้าได้แล้ว?”

 

 

ตอนนี้พอเหล่าคนของลัทธิบูชาไฟมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สีหน้าแววตาของพวกมันยังทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ

 

ถึงแม้พวกมันจะรู้ดี ว่าในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา…พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนสมควรก้าวหน้าขึ้นแน่ๆ!

 

แต่ถ้าจะให้บอกว่าก้าวหน้าขึ้นถึงขั้นสามารถเอาชนะถังซวนจ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมันได้แล้วล่ะก็ พวกมันคงอดหัวเราะไม่ได้เพราะนั่นมันเหลวไหลเกินไป!

 

ต้องทราบด้วยว่าจะอย่างไรจ้าวลัทธิบูชาไฟของพวกมัน ถังซวน นั้น คือยอดฝีมืออันดับ 4 ในรายนามยอดเซียน!

 

ตัวตนเช่นนี้จะเอาไปเทียบกับคนธรรมดาที่พลังฝีมือหยุดกับที่ไม่ก้าวหน้าให้รุ่นหลังก้าวข้ามง่ายๆได้อย่างไร?

 

“ฆ่าข้างั้นเหรอ? หึๆๆ…ฮ่าๆๆๆ!!”

 

เดิมทีพอถังซวนได้ยินเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนประกาศฐานะผู้สืบทอดหมอกพิรุณของ 7 ทวาราเที่ยงแท้มันก็ตกใจมากพอแล้ว มาตอนนี้พอมาได้ยินต้วนหลิงเทียนประกาศว่าจะฆ่ามันอีก ถังซวนถึงขั้นอดหัวเราะไม่ได้!

 

หลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง สีหน้าถังซวนก็เต็มไปด้วยความดูแคลนหยันหยาม

 

ลึกลงไปในแววตายังมากล้นไปด้วยความหัวสูง ทำราวกับทุกสิ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้า!

 

สำหรับเรื่องพลังฝีมือของตัวเอง ถังซวนที่ฝึกปรือมาถึงจุดนี้ รู้จนไม่อาจจะรู้ดีไปกว่านี้ได้อย่างไรแล้ว…

 

ถึงแม้มันจะพุ่งทะลวงผ่านขอบเขตเซียนสวรรค์ 9เปลี่ยนมาได้ไม่กี่ปี

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากชายที่มันคาดว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่น่าจะมาจากระนาบเทวโลกอันมีพลังดุจทวยเทพนั้น ได้มอบผลประโยชน์บางอย่างให้มัน ทำให้ความเข้าใจในสำนึกรู้ฟ้าดินของมันเจียนบรรลุถึงขีดจำกัดเต็มที!

 

กล่าวได้ว่า

 

ตราบใดที่มันบ่มเพาะทำความเข้าใจไปอีกไม่นาน มันต้องคว้าโอกาสชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ลงมาได้แน่!

 

และด้วยด่านพลังฝึกปรือยามนี้กอปรด้วยสำนึกรู้ฟ้าดินที่มันเข้าใจ ต่อให้เป็นอาวุโสสูงสุดแห่งลัทธิอารามทมิฬ หล่างเชียนจิน กับมหาปุโรหิตอย่างม่อซวนของลัทธิชะตาฟ้า มันก็มั่นใจกว่า 9 ส่วน ว่าสามารถเอาชนะได้แน่!

 

และสองคนที่ว่าก็คือ อันดับที่ 2 กับ 3 ในรายนามยอดเซียน!

 

‘ด้วยสำนึกรู้ฟ้าดินทั้งเวทย์พลังท่าร่าง…ไม่มีทางที่จะมีใครมีปัญญาฆ่าข้าได้ เว้นก็เสียแต่มันจะเป็นตัวตนลึกลับอย่างเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์มาเอง!’

 

ถังซวนมั่นใจในเรื่องนี้อย่างมาก

 

ด้วยเหตุนี้พอมันได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน จึงรู้สึกเสมือนได้ฟังเรื่องตลกชวนหัวครั้งยิ่งใหญ่!

 

“อะไร? เจ้าไม่เชื่องั้นรึ?”

 

เมื่อเห็นสีหน้าดูแคลนปรามาสทั้งความดูถูกไม่แยแสในแววตาของถังซวน ลูกตาต้วนหลิงเทียนพลันหดหยีลงทันใด ยังทอประกายเรืองวูบออกมาด้วยแสงเยียบเย็นปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน!

 

“เจ้าหาญกล้าใช้สายตาเช่นนั้นมองนายท่านของข้างั้นเหรอ หาที่ตาย!!”

 

แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ 2 ตาต้วนหลิงเทียนฉายแววอำมหิต ชายชราที่เดิมทีแลดูเชื่อฟังและว่านอนสอนงายปานลูกแมวเชื่องๆอย่างเฉินอี้หรูเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ พลันแค่นเสียงสบถเยียบเย็น ทั่วร่างยังแผ่เจตนาฆ่าฟันออกมารางๆ!

 

และพร้อมกันกับที่มันแค่นเสียงเยียบเย็นจบคำ ร่างมันก็คล้ายจะอันตรธานหายไปในอากาศ!

 

ฟุ่บ!

 

เมื่อเฉินอี้หรูปรากฏตัวอีกครั้ง ก็ไปผุดโผล่เบื้องหน้าถังซวนอย่าอัศจรรย์! พาลให้สีหน้าถังซวนเปลี่ยนสีกลับกลายใหญ่หลวง!!

 

ด้วยเพราะแต่ต้นจนจบ มันไม่อาจแลเห็นเลยว่าชายชราผู้นี้มาโผล่ตรงหน้าได้อย่างไร!

 

‘บ้าน่า! ไอ้แก่นี่เป็นผู้ใดกัน! ต่อให้มันเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ ก็ไม่มีทางที่จะเคลื่อนไหวรวดเร็วโดยที่ข้าไม่อาจมองตามได้ทัน ด้วยทีท่าสบายๆเช่นนี้…’

 

ทันใดนั้นประหนึ่งมีฟ้าผ่าวาบขึ้นในใจถังซวน ‘ระ…หรือว่ามันจะเป็นเซียนอมตะเสเพล!?’

 

ในสายตาของถังซวนมีแต่ผู้ที่มีพลังอยู่เหนือขอบเขต เซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์เท่านั้น ที่จะมาปรากฏตัวเบื้องหน้ามันด้วยทีท่าสบายๆแบบนี้ได้โดยที่มันไม่อาจมองทัน

 

‘แต่…ถ้ามันเป็นเซียนอมตะเสเพลจริง ไฉนถึงได้เรียกหาต้วนหลิงเทียนว่านายท่าน?’

 

ถังซวนอดไม่ได้ที่จะสับสน เมื่อได้ยินเสียงเรียกหาต้วนหลิงเทียนจากชายชราที่อยู่ๆก็วูบมาโผล่เบื้องหน้า

 

‘ถอยก่อน!’

 

ห้วงเวลาเสี้ยวพริบตาดุจอัสนีวาบ ใจถังซวนบังเกิดความคิดหลบหนีขึ้นมาก่อนใดอื่น และมันก็ไม่รอช้าอะไร เร่งปะทุพลังเซียนต้นกำเนิดใช้ออกด้ววยเวทย์พลังท่าร่างที่ตัวตนทรงพลังประหนึ่งเทพเจ้าคนนั้นมอบให้ทันที!

 

เวทย์พลังท่าร่างของมันนั้น เป็นอะไรที่ร้ายกาจมาก

 

ในแง่ของระดับเวทย์พลังนับว่าอยู่เหนือเวทย์พลังใดๆในระนาบโลกียะทั้งมวล กระทั่งต่อให้เป็นในระนาบเทวโลก ก็สมควรเป็นเวทย์พลังเสริมท่าร่างระดับแนวหน้า!

 

ทันใดนั้น ร่างถังซวนกระพริบวาบหายไปดั่งเงาเลือน หมายหลบหนี…

 

“หึ! คิดหนีงั้นหรือ?”

 

เฉินอี้หรูหรูพ่นลมออกมาอย่างดูแคลน ก่อนที่จะสะบัดมือคราหนึ่ง ทันใดนั้นแผ่นฟ้าคล้ายท่วมท้นไปมวลพลังมหาศาล และมวลพลังดังกล่าวยังกระหน่ำลงมาปานน้ำป่าไหลหลาก สะกดกักร่างถังซวนเอาไว้ทุกทิศทาง!

 

อีกทั้งมวลพลังที่ถล่มลงมาปานน้ำป่าไหลหลากที่ว่า ก็ได้ชำแรกแทรกซึมเข้าไปบดขยี้พลังเซียนต้นกำเนิดในร่างถังซวนทันที!

 

เมื่อพลังเซียนต้นกำเนิดในร่างถูกผนึก เวทย์พลังท่าร่างที่ใช้ออกก็เสมือนตะเกียงไร้น้ำมัน แสงพลังดับลงทันที!

 

ทันใดนั้น!

 

“อ๊อค!!”

 

เมื่อพลังเซียนต้นกำเนิดถูกสะกดอย่างกะทันหันแบบนี้ ถังซวนที่โคจรเร่งเร้าทั้งใช้พลังอยู่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะถูกพลังตีกลับรุนแรงขนาดไหน! มันกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่ หน้ายังซีดไปไม่ต่างกระดาษ ร่างสั่นไหวโงนเงนคล้ายจะร่วงตกฟ้าได้ทุกเวลา…

 

‘ปะ…เป็นไปได้ยังไง?!’

 

พริบตานี้ในใจถังซวนคล้ายบังเกิดมรสุมห่าใหญ่

 

ต้องทราบด้วยว่าด้วยเวทย์พลังท่าร่างของมัน กระทั่งตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์ก็ไม่มีปัญญาขัดขวาง หากมันคิดจะหนี! อาศัยเวทย์พลังท่าร่างนี้ก็สมควรหลบหนีไปได้ง่ายดาย!!

 

‘เว้นเสียแต่มันจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ หรือเหนือกว่านั้น…หาไม่แล้วมันไม่มีวันหยุดข้าได้!’

 

ถังซวนได้แต่พยายามหันไปมองร่างเฉินอี้หรูด้วยสายตาหวาดกลัว อนิจจามันไม่อาจกระทำได้!

 

เมื่อครู่มันไม่ทันได้เห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายชัดเจนด้วยซ้ำ แต่มันสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายเพียงสะบัดมือออกมาอย่างไร้เรื่องราว ทว่าแผ่นฟ้าคล้ายท่วมท้นไปด้วยพลังงานอันมหาศาล ก่อนที่พลังมหาศาลเหล่านั้นจะโถมลงมาดั่งน้ำป่าไหลหลาก!

 

จากนั้นถังซวนก็รู้สึกเสมือนถูกล้อมกัก ทั่วร่างถูกพลังมหาศาลที่ว่าสะกดขัง พาลให้รู้สึกอึดอัดเป็นที่สุดราวคนกำลังจมน้ำเจียนสิ้นลมหายใจ! อีกทั้งสายตายังกลับกลายเป็นพร่ามัวปานอยู่ในม่านหมอก!!

 

ครู่ต่อมาในขณะที่พลังทั่วร่างถูกสะกดจนมันถูกพลังตีกลับจนกระอักโลหิตทั้งอึดอัดและสองตาพร่ามัว มันก็รู้สึกเสมือนเข่าทั้ง 2 ข้างถูกพลังไร้สภาพกระแทกจนสะบ้าแทบแตก รวมถึงยังมีพลังไร้สภาพขุมหนึ่งกดหัวมันเอาไว้!!

 

และมาตอนนี้ความรู้สึกอึดอัดดั่งคนจมน้ำเจียนขาดใจ ทั้งความรู้สึกเสมือนอยู่ในม่านหมอกพร่ามัวก็ได้หายไป ทำให้ถังซวนกลับมาตระหนักเรื่องราวโดยรอบอีกครั้ง

 

และตอนนี้ถังซวนก็ได้พบว่า…

 

ยอดฝีมือที่ลงมือสยบมันนั้นได้ใช้พลังบีบบังคับให้มันอยู่ในสภาพคุกเข่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน และตอนนี้มันก็ไม่อาจทำอะไรได้เลยนอกจากคุกเข่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนแบบนี้!

 

ไม่ว่ามันจะดิ้นรนฝืนเร่งพลังเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์!

 

‘บัดซบ! ไฉนข้างกายต้วนหลิงเทียน…ถึงมีเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์หรือเหนือกว่านั้นติดตามรับใช้ได้?!’

 

เรียกว่าด้วยความที่ถังซวนถูกบีบให้คุกเข่าเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ทำให้อย่างดีมันก็แลเห็นแค่ชายเสื้อคลุมของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น ไม่อาจโงหัวขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนได้เลย!

 

อย่างไรก็ตามเรื่องอัปยศแบบนี้ ยังไม่ร้ายแรงเท่าความตื่นตระหนกหวาดกลัวทั้งเหลือเชื่อที่กำลังกัดกินในใจ

 

“อะ…”

 

ด้านเหล่าผู้คนของลัทธิบูชาไฟในที่สุดก็ทยอยกันฟื้นคืนสติทีละคนๆ และพอพวกมันได้เห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า ก็ตกตะลึงพรึงเพริดครั้งใหญ่!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด