War sovereign Soaring The Heavens 2419

Now you are reading War sovereign Soaring The Heavens Chapter 2419 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2,419 : อุบาสกชิงเหลียน หลี่ไป๋!

 

 

‘ตามตำนานโบราณของโลกเก่าเมื่อชาติที่แล้วของข้า…ศิษย์ของสำนักเทียนซือ ของจางเต้าหลิง ล้วนเก่งกาจในเรื่องใช้สายฟ้าจู่โจม…ดูเหมือนตอนนี้มันจะเป็นเรื่องจริงสินะ’

 

เมื่อเห็นจางยี่ยกมือขึ้นควบรวมพลังเซียนต้นกำเนิดให้กลายเป็นกระบี่สายฟ้า ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสนใจ

 

เขายังบอกได้ว่า

 

จางยี่คนนี้มีคุณสมบัติเหมาะสมกับธาตุสายฟ้าอย่างยิ่งยวด เพราะสามารถควบคุมพลังอัสนีได้อย่างง่ายดาย!

 

‘ดูจากลักษณะการลงมือแล้ว…จางยี่สมควรเป็นผู้ฝึกเต๋าใช่ไหม? เพราะในตำนานโบราณที่โลกเก่าของข้าศิษย์ของสำนักเทียนซือล้วนแล้วแต่เป็นนักพรตเต๋าทั้งนั้น…’

 

ต้วนหลิงเทียนลอบคาดเดาในใจ

 

“อัสนี มา!”

 

จางยี่คำรามออกคราหนึ่ง เสียงดังสนั่นก้องไปทั่วฟ้า

 

เปรี๊ยง!

 

ทันใดนั้นอัสนีดังสนั่นพลันฟาดผ่าลงมาจากฟ้าเบื้องบน!

 

สายฟ้าเส้นนี้ช่างใหญ่โตนัก เทียบได้กับลำต้นของไม้ใหญ่ผู้ใหญ่หลายคนโอบ! ฟาดผ่าลงมาด้วยสภาวะเกรี้ยวกราดรุนแรงสะท้านแดนดิน!

 

สายฟ้าอันทรงพลังดังกล่าวยามฟาดลงจากฟากฟ้า มองไปคล้ายมังกรเปรียวทิ้งตัวลงจากฟ้าจี้เข้าหาจุดที่กลุ่มต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ลอยร่างอยู่

 

“อ๊ะ…!”

 

เมื่อเห็นอัสนีฟาดผ่าลงมาพร้อมแสงสว่างจ้าปานตะวัน สตรีทั้งสองอย่างหานเฉวี่ยไน่กับหลิ่วเสวียอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ

 

“ไม่ต้องห่วง สายฟ้าเส้นนี้มันไม่เป็นอันตรายกับพวกเรา”

 

ตอนนี้เองเสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะเข้าหูสตรีทั้ง 2 ทำให้พวกนางพอได้สงบสติอารมณ์ลง

 

เปรี๊ยงงงง!

 

ตอนนี้เองอัสนีฟ้าเส้นเขื่องที่ฟาดลงมาอย่างเกรี้ยวกราดก็ฟาดผ่ามาถึงกลุ่มต้วนหลิงเทียนแล้ว หากแต่ตำแหน่งที่มันฟาดลงนั้น เป็นร่างจางยี่ที่ลอยถือกระบี่สายฟ้าเอาไว้!

 

มองไปประหนึ่งสัตว์ร้ายกระหายเลือดหมายกลืนกินจางยี่ในหนึ่งคำ!

 

ด้วยเส้นสายอัสนีที่ฟาดผ่าลงมันหน้าเท่าไม้ใหญ่หลายคนโอบ ย่อมมหึมากว่าตัวจางยี่! ยังราวกับจะโถมกลืนจางยี่ให้หายไปได้ง่ายดาย

 

หากทว่าตอนนี้เอง จางยี่พลันยกกระบี่สายฟ้าขึ้นไปชูเหนือหัวอย่างไม่รีบไม่ร้อน

 

ทันใดนั้นฉากอันน่าประหลาดใจพลันอุบัติขึ้น

 

อัสนีฟ้าเส้นเขื่องที่ฟาดลงมาอย่างดุร้ายรุนแรง ยามเมื่อฟาดถูกกระบี่สายฟ้าของจางยี่ มันเหมือนจะถูกกลืนลงไป!

 

เรียกว่ากระบี่สายฟ้าในมือจางยี่ประหนึ่งเด็กน้อยโหยหิว กลืนกินอัสนีฟ้าจนหมดเกลี้ยงในพริบตา!

 

หลังจากกที่กลืนกินอัสนีฟ้าเส้นเขื่องไปแล้ว ตัวกระบี่ยิ่งมายิ่งเปล่งแสงสีม่วงออกมาแพรวพราว

 

จิ๊ก! จิ๊ก! จิ๊ก!

 

 

อัสนีชุดใหม่พร้อมอัสนีชุดเดิมบัดนี้แล่นวาบแปลบปลาบวนเวียนอยู่รอบกระบี่พลังของจางยี่อย่างน่าดูชม ยามพวกมันเลื้อยลดไปมา ยังก่อให้เกิดคลื่นพลังกำจายไปในบรรยากาศ!

 

“วิธีนี้มัน…”

 

เมื่อเห็นการกระทำของจางยี่สองตาต้วนหลิงเทียนทอประกายจ้าขึ้นมาทันที

 

ขณะเดียวกันเขายังสัมผัสได้ชัดเจนว่าตอนนี้กระบี่สายฟ้าในมือของจางยี่กำลังสั่นพ้องกับโลกหล้า…

 

จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้เรื่องหนึ่ง

 

ในบรรดาตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน จางยี่นับเป็นบุคคลที่โดดเด่นไม่น้อย!

 

ด้วยสำนึกรู้ฟ้าดินระดับนี้ของจางยี่ และความเชี่ยวชาญในธาตุสายฟ้าเกรงว่าคงห่างจากการชักนำหายนะสู่สวรรค์อีกไม่นานแล้ว

 

“อัสนี ลง!”

 

ในขณะที่หานเฉวี่ยไน่และหลิ่วเสวียกำลังจับจ้องกระบี่สายฟ้าของจางยี่ด้วยความสนอกสนใจนั้นเอง เสียงคำรามของจางยี่พลันดังขึ้นอีกครั้ง

 

หลังจากนั้นกระบี่สายฟ้าของจางยี่ ก็พุ่งทะยานลงไปยังท้องทะเลทรายสีเหลืองเบื้องล่างทันที!

 

ซู่มมม!

 

เสียงกระบี่สายฟ้าแหวกอากาศดังขึ้น

 

เสียงหอนของกระบี่ยามแหวกอากาศของจางยี่ นับว่าแตกต่างจากเสียงหอนกระบี่ของต้วนหลิงเทียนนัก

 

เพราะเสียงหอนกระบี่ของต้วนหลิงเทียนนั้น มันเกิดจากกระบี่แหวกอากาศอย่างเดียว

 

ทว่าเสียงหอนกระบี่ของจางยี่มันปนเปไปกับเสียงฟาดผ่าของสายฟ้า

 

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

 

 

ในขณะที่กระบี่สายฟ้าพุ่งออกไปจากจางยี่ ปรากฏอัสนีคำรนออกมา 9 สายม้วนวนอยู่รอบตัวกระบี่ มองไปยังสว่างปานตะวันม่วง เปล่งแสงแยงตานัก!

 

อัสนีคำรน 9 สายดั่งมังกรพัวกันกระบี่ก็ไม่ปาน พวกมันหนุนเสริมสภาวะของกระบี่ให้ทรงพลังอย่างถึงที่สุด หมายถล่มลงผืนทะเลทรายเหลืองร้อนให้พินาศในคราเดียว

 

และเมื่อกระบี่เจียนบรรลุถึงทะเลทรายเบื้องล่างแล้ว อัสนีคำรนทั้ง 9 สายก็ผสานรวมสู่หนึ่ง กลับกลายเป็นมังกรอัสนีตัวเขื่องเปล่งแสงม่วงสว่างจ้ายิ่งกว่าครั้งใด!

 

กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังอดหยีตาลงไม่ได้

 

ตูมมมม!!

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆกำลังหยีตาลง เสียงสนั่นพลันดังขึ้นมาจากพื้นทะเลทรายเบื้องล่าง พร้อมกันนั้นยังปรากฏคลื่นลมอันมาพร้อมคลื่นกระแทกร้ายกาจขุมหนึ่งพวยพุ่งทะยานสู่ฟ้า!

 

อย่างไรก็ตามคลื่นกระแทกดังกล่าวถูกพลังอำนาจของกระบี่สายฟ้าจัดการในพริบตา

 

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

 

 

จากเสียงระเบิดคราแรก ต่อมาก็บังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นชุดจากพื้นทราบเหลืองร้อนเบื้องล่าง

 

บัดนี้ผิวหน้าของพื้นทรายได้ถูกกระบี่สายฟ้าทำลายสิ้น กระทั่งพายุทะเลทรายยังอันตรธานหายไป เบื้องล่างเผยให้เห็นหลุมลึกอันน่ากลัวหนึ่ง

 

“หืม? วังบาดาลรึ?”

 

ในหลุมลึกมหึมานั้น ปรากฏเป็นพระราชวังแลดูวิจิตรงดงามเผยโฉมสู่สายตาต้วนหลิงเทียนกับพวก!

 

ครืนนน!!

 

แอดดด…

 

 

และเมื่อต้วนหลิงเทียนมองไปยังมุมหนึ่งของพระราชวังหลังนี้ เขาก็พบว่าประตูใหญ่ของพระราชวังกำลังเลื่อนเปิดออก ราวกับจะต้อนรับการมาเยือนของพวกเขา

 

“เหล่าชนรุ่นหลังเอย…”

 

ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนพร้อมพวกทั้ง 4 จะทันได้ตอบสนองสิ่งใด พลันมีเสียงหนึ่งดังเล็ดรอดออกมาจากประตูหน้าที่เปิดออก

 

ทันทีที่เสียงนี้ดังขึ้น นอกจากต้วนหลิงเทียนที่ย่นคิ้วเล็กน้อย พวกหานเฉวี่ยไน่ที่เหลือทั้ง 3 อดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสี

 

พระราชวังใต้ดิน ที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้ทะเลทรายพึ่งปรากฏให้เห็นตรงหน้า อีกทั้งยังมีเสียงคนพูดดังออกมาอีก!

 

เผชิญหน้ากับเรื่องราวเหล่านี้ ยากที่ทั้ง 3 จะสงบสติอารมณ์ลงได้

 

“ยินดีด้วยที่พวกเจ้าได้มาถึงสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่ข้าเหลือทิ้งไว้…”

 

“ข้ามีนามว่า หลี่ไป๋ หรือที่ทุกคนรู้จักกันในนาม อุบาสกชิงเหลียน…และข้าเป็นเซียนกระบี่”

(ชิงเหลียน = บงกชฟ้า)

 

เสียงที่เต็มไปด้วยความยินดีดังขึ้นอีกครั้ง และเมื่อได้ฟังประโยคนี้จบคำ สองตาจางยี่กับหลิ่วเสวียก็ทอประกายสว่างเจิดจ้าขึ้นมาทันที

 

ด้านหานเฉวี่ยไน่ก็ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย

 

“สมบัติสถานระดับสวรรค์ ทั้งยังเป็นสิ่งที่เซียนกระบี่หลงเหลือไว้…สมบัติสถานอันประเสริฐ!!”

 

นี่คือความในใจของหานเฉวี่ยไน่

 

“หลี่ไป๋? อุบาสกชิงเหลียน? เซียนกระบี่”

 

กระทั่งในใจต้วนหลิงเทียนตอนนี้ ยังประหนึ่งมีมรสุมก่อเกิด!

 

เขายังจดจำได้ดี

 

ในสมัยโบราณที่โลกเก่าของเขา มีกวีผู้หนึ่งที่เป็นตำนานนามว่าหลี่ไป๋ ยังรู้จักกันดีในนาม อุบาสกชิงเหลียน!

 

จากบันทึกในตำนานนั้น หลี่ไป๋ ผู้นี้นอกจากเป็นกวีเอกในแดนดิน ยังเป็นมือกระบี่อันร้ายกาจ!

 

สิบย่างก้าวคร่าชีวัน พันลี้ไร้ต่อต้าน!

 

สวรรค์!

 

นี่เป็นกวีบทหนึ่งของหลี่ไป๋ และเป็นอะไรที่เขาชอบมาก!!

 

‘หลี่ไป๋ผู้นี้คืออุบาสกชิงเหลียน หลี่ไป๋ ในโลกเก่าของข้าจริงๆหรือ!?’

 

ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าใจเต้นไปไม่เป็นจังหวะ

 

หากจะกล่าวว่าเรื่องราวการเดินทางไปยังชมพูทวีปอันโด่งดังอย่าง ไซอิ๋ว เป็นดั่งตำนานเรื่องเล่าที่อาจมีเค้าโครงความจริงอยยู่บ้าง แต่ตัวตนอย่างราชาวานรซุนหงอคง นั้นอาจเป็นเพียงเรื่องแต่งในสมัยราชวงศ์ถัง…

 

เขายังเข้าใจเรื่องนี้

 

ทว่าหลี่ไป๋ผู้นี้ มีตัวตนอยู่จริงๆ ยังเป็นปูชณียบุคคลในประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ถัง!!

 

‘นับจากเวลา…ถึงแม้จิตวิญญาณข้าจะเดินทางไปยังระนาบเซียนได้หลายสิบปีแล้ว แต่ทว่ายุคสมัยของหลี่ไป๋ก็ยังพึ่งผ่านไปไม่กี่พันปีเองไม่ใช่หรือไร?!’

 

‘ทว่าแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ดำรงอยู่มาเนิ่นนานแล้ว…เมื่อแสนปีก่อนอาวุโสฟงชิงหยางเองก็ได้เข้ามาด้วยกระทั่งได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน! แถมต้าหลัวจินเซียนผู้นั้นก็เป็นว่าเป็นเซียนกระบี่ด้วยเช่นกัน!’

 

‘เวลามันล่วงเลยไปนับแสนปีแล้ว…แต่ทำไม…’

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใจต้วนหลิงเทียนอดสับสนไปไม่ได้ เพราะเวลามันเหลื่อมล้ำกันมาก

 

“หลี่ไป๋? อุบาสกชิงเหลียน? เซียนกระบี่!?”

 

“นะ…นี่คงมิใช่ เซียนกระบี่บงกชฟ้า หลี่ไป๋…ที่สะท้านสะเทือนระนาบเหยียนหวงของพวกเราเมื่อหลายพันปีก่อนหรอกนะ?!”

 

และในขณะที่ในใจต้วนหลิงเทียนกำลังสับสน เสียงอุทานของจางยี่พลันดังขึ้นเข้าหูเขาชัดเจน

 

คำพูดประโยคนี้ของจางยี่ดึงความสนใจของเขาทันที จึงอดหันไปมองอีกฝ่ายไม่ได้

 

เพราะจางยี่พึ่งกล่าวว่า…

 

เซียนกระบี่บงกชฟ้า…เป็นตัวตนที่สะท้านสะเทือนระนาบเหยียนหวงเมื่อหลายพันปีก่อน!

 

หากเป็นเวลานี้…ก็นับว่าเข้าเค้า!

 

แต่ไม่ใช่ว่าแดนลับต่างสวรรค์มันมีมานานแล้วหรือไร?

 

แถมการเปิดออกครั้งสุดท้ายก็เป็นเวลานับแสนปี!

 

“จางยี่ เจ้าบอกว่า…เมื่อไม่กี่พันปีก่อนที่ระนาบเหยียนหวงของเจ้า มีเซียนกระบี่บงกชฟ้างั้นหรือ?”

 

ต้วนหลิงเทียนมองถามจางยี่ด้วยสายตาเร่าร้อน

 

“ใช่”

 

จางยี่พยักหน้า พร้อมกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเทิดทูน “เซียนกระบี่บงกชฟ้านั้น เป็นตัวตนที่มาจากบ้านเกิดเดียวกันกับบรรพชนผู้ก่อตั้งสำนักเทียนซือของข้า ดาวเหยียนหวง…และเมื่อดาวเหยียนหวงเริ่มขาดแคลนพลังวิญญาณฟ้าดิน เซียนกระบี่บงกชฟ้าผู้นี้เองก็มีพลังฝึกปรือสูงพอจะท่องออกไปในห้วงอวกาศแล้วเช่นกัน…”

 

“ในยุคสมัยนั้น ท่านนับเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่แท้จริง!”

 

“ใช้เวลาไม่ถึงร้อยปีก็สามารถข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ สุดท้ายก็ขึ้นสู่ระนาบเทวโลกได้สำเร็จ…ยังได้รับการยอมรับอีกว่าเป็น ทายาทเหยียนหวงชนชั้นสุดยอดอัจฉริยะในรอบหมื่นปี!”

 

กล่าวถึงจุดนี้จางยี่ก็หยุดลงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นมากเคารพ “หากสมบัติสถานแห่งนี้ถูกทิ้งไว้โดยเซียนกระบี่บงกชฟ้าจริง…นั่นหมายความว่ายามนี้ท่านได้บรรลุถึงขอบเขต ต้าหลัวจินเซียนแล้ว!”

 

“เพราะมีเพียงตัวตนอย่างต้าหลัวจินเซียนเท่านั้น ที่สามารถทิ้งมรดกสถานอันใดไว้ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ได้!”

 

ขณะกล่าวยิ่งมาสองตาจางยี่ยิ่งทอประกายเจิดจ้า “นามหลี่ไป๋ และอุบาสกชิงเหลียน…ไม่ผิดแน่ สมควรเป็นท่านเซียนกระบี่บงกชฟ้า! สมแล้วที่เป็นสุดยอดอัจฉริยะในรอบหมื่นปี เพียงเวลาแค่ไม่กี่พันปีก็สามารถกลายเป็นต้าหลัวจินเซียนได้แล้ว!!”

 

“ช้าก่อน!”

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าจางยี่เริ่มพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นจนท่าทางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยขัดขึ้น

 

“จางยี่ เท่าที่ข้ารู้มา…ไม่ใช่ว่าแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้มันดำรงอยู่มานานแล้วหรือไง? แถมครั้งสุดท้ายที่เปิดออกมันก็เป็นเวลากว่าแสนปีแล้ว…”

 

“แต่ อุบาสกชิงเหลียน หลี่ไป๋ ไม่ใช่ตัวตนที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่พันปีก่อนหรอกหรือ…แล้วไฉนมาทิ้งมรดกอันใดไว้ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ได้เล่า?”

 

……

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด