[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก 65 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม – เป็นที่นิยม

Now you are reading [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก Chapter 65 บทที่ 4 คู่แข่งสีส้ม - เป็นที่นิยม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตั้งแต่ตอนนั้น มันก็ 9 ปีแล้ว

แทบจะทันทีหลังจากที่ฉันจำได้ว่าตัวเองเป็นคนกลับชาติมาเกิดเลย

เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น ฉันเลยปลุกพรสวรรค์ในตัวอย่างเวทมนตร์สายความมืดออกมาได้

เพราะเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น ท่านโนอะถึงได้ยื่นมือมาหาฉัน

เพราะแบบนั้น เอาเข้าจริงๆ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกแค้นพวกทหารรับจ้างที่โยนฉันทิ้งเอาไว้เมื่อตอนนั้นเท่าไหร่หรอก

แต่ตอนนี้ พอมาเจอตัวกันตรงหน้าแบบนี้แล้ว ฉันก็อดรู้สึกย้อนแย้งไม่ได้เลย

 

“เธอ… ยังมีชีวิตอยู่… เธอคือเด็กคนนั้น เมื่อตอนนั้นสินะ”
“ใช่ค่ะ”
“คุโระ ใครน่ะ?”
“คุณมีคนรู้จักเป็นทหารรับจ้างด้วยเหรอครับ?”

 

สแตกับโอรันถามมาจากข้างหลังของฉัน

โอโตฮะเองก็เอียงหัวอย่างสงสัย แต่ท่านโนอะกำลังมีสีหน้าตึงเครียดเลย

 

“คุโระ คนคนนั้นเป็นใคร?”
“คือว่า…”
“ฉันนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะมีคนรู้จักเป็นทหารรับจ้างที่ไหน ถ้าเธอจะมี เธอก็ต้องไปเจอคนพวกนั้นก่อนที่เราจะเจอกัน แล้วจากที่ฉันจำได้ เธอเล่าเรื่องเกี่ยวกับทหารรับจ้างที่เธอเคยอยู่ด้วย ก่อนที่เธอจะเจอกับฉัน มาแค่เรื่องเดียวเท่านั้น”

 

…ท่านมองฉันได้ทะลุปรุโปร่งเลย

ฉันไม่ได้จะปิดบังหรอก แต่ฉันตั้งใจจะเว้นระยะห่างออกมาซักหน่อย กับจะเตรียมตัวเตรียมใจก่อนจะเล่าถึงเรื่องนั้น แต่ ดูเหมือนจะทำแบบนั้นไม่ได้สินะ

ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเล่าไปตามตรง

 

“…เขาคือ 1 ในกลุ่มทหารรับจ้าง 3 คนที่ฉันเคยเจอเมื่อ 9 ปีก่อน เป็นคนที่ทำให้ฉันปลุกเวทความมืดขึ้นมาได้ แล้วก็ทิ้งฉันเอาไว้ในรังของคิลลิงเซอเพนท์ค่ะ”

 

คนแรกที่ขยับตัวคือสแต

ทันทีที่ได้ยิน สแตก็ตาเบิกโพลง ก่อนจะชี้นิ้วตรงไปที่ชายคนนั้นโดยไม่พูดอะไรซักคำ แล้วเขาก็ทรุดตัวล้มลงกับพื้นแทบจะทันทีเลย

ดูเหมือนเธอจะทำให้ระบบควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาเป็นอัมพาตสินะ

ตามด้วยโอรันที่พุ่งเข้าไปล็อกตัวชายคนนั้นให้ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้ ส่วนโอโตฮะก็เอายาพิษที่เธอสร้างออกมา เตรียมจะยัดใส่ปากของชายที่ตอนนี้ช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

 

“ร- รอเดี๋ยวก่อน!”

 

ตอนที่ทุกคนกำลังจะบังคับง้างปากชายคนนั้นให้เปิด ฉันก็รีบเข้าไปห้ามก่อน

 

“ทำไม ห้ามล่ะ?”
“คุณอยากจะเป็นคนจัดการเชือดเองงั้นเหรอครับ?”
“แบบนี้เอง คุณคุโระไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ฉันจะทำให้แน่ใจว่าปริมาณมันจะยังไม่ถึงตายแน่นอน”
“ไม่ใช่แบบนั้น! ทำไมความคิดพวกเธอถึงได้สุดเหวี่ยงแบบนี้เนี่ย!”

 

ทำไมฉันต้องมาทำเรื่องพิลึกๆ อย่างการห้ามเพื่อนตัวเองไม่ให้ไปฆ่าชายคนที่เคยพยายามจะฆ่าฉันมาครั้งนึงแบบนี้ด้วยนะ

 

“โอรัน ปล่อยเขาซะ แล้วก็สแต คืนระบบประสาทให้เขาไป”
“……หึ”
“แต่ว่า ท่านโนอามารีครับ…”
“คือ ฉันไม่ได้เกลียดอะไรเขาขนาดนั้นหรอกค่ะ อีกอย่าง ถ้าพวกเธอฆ่าเขาตรงนี้ พวกเธอจะกลายเป็นฆาตกรกันไปนะ”
“อำนาจคุณหนูปิดเรื่องนี้ได้ง่ายๆ อยู่แล้ว”
“แค่ทหารรับจ้างหายไปคนสองคน ไม่มีใครมีปัญหาอยู่แล้วครับ”
“ชีวิตของผู้ชายคนนี้กับความสงบในใจของคุณคุโระ ไม่ต้องถามด้วยซ้ำเลยเจ้าค่ะว่าอะไรมีค่ามากกว่ากัน”
“ช่วยหยุดความคิดอันตรายพวกนั้นก่อนเถอะนะ”

 

นอกจากท่านโนอะ ทั้ง 3 คนพอได้รู้แล้วว่าฉันไม่ได้เกลียดอะไรพวกนั้นแล้วก็ยอมขยับตัวกันแต่โดยดี

ดูเหมือนฉันจะได้รับความเคารพอยู่พอควรเหมือนกันแฮะ

 

“ปล่อยชายคนนั้นไปเถอะ ฉันขอแล้วกัน”
“คนที่พยายามจะฆ่าคุโระ สมควรตายแล้ว”
“อันที่จริง ควรให้เขาได้ชดใช้กับความผิดบาปของตัวเองที่หน้าด้านหน้าทนมา 9 ปีมันซะที่นี่ ตอนนี้ไปเลยดีกว่านะครับ”
“นั่นสิ ฆ่าๆ เจ้าหมอนี่ไปซะเลยไม่ดีกว่าเหรอเจ้าคะ?”
“ใจเย็นๆ กันก่อนเถอะ นี่พวกเธอชอบคุโระกันขนาดไหนล่ะเนี่ย”

 

ทั้ง 3 คนยังดื้อดึงกันมากจนแปลก ถึงขั้นลังเลที่จะทำตามคำสั่งของท่านโนอะเลยนะ มันก็เป็นข้อพิสูจน์เรื่องจริงเล็กๆ แต่ก็ทำให้ชื่นใจได้นะ ที่ว่ามีคนชอบฉันถึงขนาดนี้เลยอยู่ด้วย

 

“แค่ความรู้สึกอย่างเดียวก็พอแล้วล่ะ”
“เจ้าตัวก็พูดแบบนั้นแล้วนะ เพราะฉะนั้นก็หยุดได้แล้ว”

 

ทั้ง 3 คนหันไปมองหน้ากัน ก่อนจะยอมคลายเวทมนตร์ออกอย่างไม่เต็มใจกันเท่าไหร่

 

“แค่ก แค่ก… ฮ่า”

 

พวกสแตถอยกันมา ส่วนท่านโนอะก็ก้าวขึ้นไปยืนแทนที่

 

“ซาบซึ้งกับความเมตตาของคุโระซะสิ ถ้าเป็นฉัน แกได้ตายที่นี่ ตอนนี้ไปแล้ว”
“แฮ่ก… แฮ่ก…”

 

ชายคนนั้นมองหน้าฉันด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

 

“ฉันไม่ต้องการคำขอโทษค่ะ อันที่จริง อย่าขอโทษเลยจะดีกว่า”
“เอ๊ะ…?”

 

ฉันไม่ได้แค้นอะไรพวกเขาขนาดนั้นแล้ว

แต่ฉันก็ไม่ได้ใจพระถึงขนาดจะยอมปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปโดยไม่ทำอะไรเลยเหมือนกัน

 

“การขอโทษอย่างจริงใจ 70% คือ [ความจริงใจที่มีให้กับผู้อื่น] ส่วนอีก 30% คือ [การรับมือกับความรู้สึกผิดของตัวเอง] มันเป็นการกระทำที่พยายามจะรับมือกับการทำผิดของตัวเองให้ออกมาเป็นคำพูด และฉันก็ไม่อยากจะได้แม้แต่เศษเสี้ยวของความจริงใจจากคุณด้วย”
“ต- แต่”
“แบกความรู้สึกผิดนั่นเอาไว้ไปชั่วชีวิตซะ ถ้าคุณพยายามจะขอโทษฉันอีกแม้แต่ครั้งเดียว ฉันจะฆ่าคุณ ณ ตรงนั้นทันทีแน่นอน”

 

ถ้าเขาพูดขอโทษตรงนี้ล่ะก็ เหตุการณ์มันก็จะจบอีกแบบตรงนี้เลยเหมือนกัน

แบบนั้น มันไม่ทำให้ฉันพอใจหรอก

ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้เขาได้ขอโทษแน่ ไม่มีทางเด็ดขาด

 

“ไปกันเถอะค่ะ ท่านโนอะ”
“จะดีเหรอ?”
“ค่ะ ยังไงเราก็ไม่ต้องไปข้องเกี่ยวอะไรกับเขาอีกอยู่แล้ว”

 

มีชีวิตอยู่ต่อไปโดยต้องรู้สึกผิดอยู่เต็มอกไปตลอดนั่นแหละดีแล้ว

ตลอดชีวิตที่เหลือ ไม่ว่าจะได้เจอกับความสุขสนุกสนานมามากแค่ไหน ก็ขอให้รู้ไว้ซะว่าตัวเองกำลังใช้ชีวิตที่แลกมาด้วยชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนึงอยู่ แม้จะเป็นแค่การพยายามทำก็ตาม

นั่นแหละ คือการลงโทษจากฉันที่จะมีให้กับพวกเขา

 

“อะ เดี๋-”
“สแต โอโตฮะ โอรัน พวกเธอเองก็ด้วย”
“อ- อ่า”
“ครับ…”
“อืม”

 

ฉันดึงตัวทั้ง 3 คนที่ยังจ้องเขม็งไปที่ชายคนนั้นแบบไม่ละสายตาให้ตามมาด้วยกัน

 

“เรากำลังจะไปร่วมมื้อกลางวันกับคุณลุคเซียสายแล้วนะคะ เร็วเข้า”
“นั่นสินะ”

 

หลังจากนั้น พวกเราก็เดินออกมาโดยไม่หันกลับไปมองกันได้ซักที

 

คืนนั้น ฉันจิบนมอุ่นอยู่ที่ชั้น 2 ของคฤหาสน์ตระกูลวาเลนไทน์ ในขณะที่ความทรงจำในวันเก่าๆ ก็ยังไหลเข้ามาในหัว

 

“คุโระ”
“ท่านโนอะ นึกว่าท่านเข้านอนแล้วซะอีกนะคะ”
“ก็นิดหน่อยน่ะ นี่เธอยังโดนเรื่องชายคนนั้นมากวนใจอยู่อีกงั้นเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ไม่เลย ฉันแค่จำเรื่องราวในอดีตขึ้นมาได้นิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ”
“อดีตเหรอ”
“ตั้งแต่ชาติก่อน มาชาตินี้ จนกระทั่งได้พบกับท่าน ฉันแทบไม่เคยได้เจอสิ่งดีๆ มาเลยล่ะค่ะท่านโนอะ ถึงจะย้อนนึกกลับไป ความทรงจำที่ขมขื่นมันก็จะโผล่ขึ้นมาตรงหน้าฉันก่อนเลย และเรื่องที่ยืนอยู่หน้าสุดของแถวก็คือเรื่องของทหารรับจ้างพวกนั้น แถมพวกเขายังเป็นเหตุผลที่ครั้งนึง ฉันถึงกับสาบานว่าจะทำลายโลกนี้ทิ้งไปเลยด้วยซ้ำ เพราะแบบนั้น”
“ตอนฉันเจอเธอครั้งแรก เธอก็เอาเรื่องน่าดูเลยนี่นะ”
“ได้โปรดช่วยลืมเรื่องนั้นไปทีเถอะนะคะ…”

 

เรื่องเมื่อตอนนั้นมันเป็นอดีตอันดำมืดของฉันเลยนะ

 

“แต่ก็เป็นเรื่องจริงนะคะที่ฉันไม่ได้แค้นเคืองอะไรพวกเขาแล้ว เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ในตอนนั้น ท่านโนอะก็อาจจะไม่เคยได้เจอฉันเลยก็ได้ สุดท้าย ตอนนี้ฉันก็เชื่อค่ะว่าเหตุการณ์นั้นมันช่วยนำโชคดีที่ดีที่สุดในชีวิตมาให้แล้ว”
“อาระ ที่เธอพูดนี่ ทำให้ฉันดีใจมากเลยนะ”
“แต่ ยังไงก็ใช้ไม่ได้จริงๆ ค่ะ ตอนที่เขามาอยู่ตรงหน้าฉันจริงๆ แล้ว มันก็อดไม่ได้จริงๆ ความโกรธมันพวยพุ่งอยู่ข้างในใจฉันเลย การที่ฉันยังควบคุมอารมณ์ไม่ได้เป็นการแสดงให้เห็นว่าฉันยังต้องฝึกอีกมากเลย”
“ไม่จำเป็นหรอก ฉันชอบที่จะให้เธอยังมีความเป็นมนุษย์แบบนั้นเอาไว้มากกว่านะ”

 

ท่านโนอะบอกฉันแบบนั้น ก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

ในตอนนั้น ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมาเลย เหมือนกับว่าความเครียดมันถูกระบายออกไปจากตัวยังไงยังงั้น ทำให้รู้สึกได้อีกครั้งนึงเลยว่าความจงรักภักดีต่อท่านโนอะของฉันมันยังมั่นคงไม่สั่นคลอนจริงๆ

 

“คุโระ ฉันก็อยากได้อะไรดื่มซักหน่อยเหมือนกันนะ”
“งั้น เดี๋ยวฉันเตรียมชาห―――”

 

*―――ก็อก ก็อก*

 

“เข้ามาได้เลย ประตูเปิดอยู่”

 

ตอนที่ฉันจะลุกขึ้นเพื่อดูแลท่านโนอะตามที่สั่ง แล้วก็เพื่อให้หน้าที่แดงขึ้นมาของตัวเองเย็นลงซักหน่อย เสียงเคาะประตูก็ดังก้องอยู่ในห้อง

เสียงกลอนประตูดังขึ้นเบาๆ แล้วสแตก็ยื่นหัวเข้ามาในห้อง

 

“มีอะไรเหรอ?”
“หายไปแล้ว”
“เอ๋?”

 

สแตพึมพำออกมาเบาๆ

 

“ใครหายไปเหรอ?”
“โอโตฮะกับโอรัน หายไปไหนไม่รู้”

 

2 คนนั้นเหรอ?

นี่จะไปที่ไหนกันล่ะน-…

 

“นี่หรือว่า!?”

 

TN: รู้สึกได้ว่า กำลังจะมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น แต่ชอบความสนิทกันในกลุ่มท่านโนอะจังเลย ^^

ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด