(Yaoi) พักใจกับนายรูมเมทตอนพิเศษ 2-11 ปลายนิ้ว

Now you are reading (Yaoi) พักใจกับนายรูมเมท Chapter ตอนพิเศษ 2-11 ปลายนิ้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนพิเศษ 2-11 ปลายนิ้ว

 

 

 

 

“มันอะไรกัน…” 

 

 

ในดวงตาของซองจูที่ได้รับฟังเรื่องราวของจองอูทั้งหมดนั้นแล้ว เริ่มมีหยดน้ำตารินไหลออกมา จองอูใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตาพวกนั้นให้อย่างเงียบๆ แล้วจึงประทับจูบหนักแน่นลงบนหน้าผากของซองจู 

 

 

“ฉันบอกแล้วไง มันไม่ใช่เรื่องที่น่าฟังเลยสักนิด” 

 

 

คำพูดนั้นยิ่งทำให้เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังออกมาจากปากของซองจู สะอึกสะอื้นหนักเสียจนไม่มีช่องว่างให้ปลอบ จองอูเองก็จนปัญญาจะจัดการกับคนที่เอาแต่ร้องไห้โฮอยู่ตรงหน้า สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ดึงซองจูเข้ามากอด เกือบหนึ่งชั่วโมงที่พยายามปลอบกัน ในที่สุดเสียงร้องไห้ของซองจูก็หยุดลงอย่างยากลำบาก ซองจูถูกกอดเอาไว้ในอ้อมกอดของจองอู สะอึกสะอื้นพร้อมกับหอบหายใจ 

 

 

“แล้ว…เป็นยังไง” 

 

 

“อะไร” 

 

 

จองอูเอ่ยถามกลับกับคำถามที่ถูกเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น ประทับจูบครั้งแล้วครั้งเล่าลงบนหน้าผากที่อุ่นร้อนขึ้นมานั้น พร้อมกับลูบสัมผัสกลุ่มผมที่เหนอะหนะจากเหงื่อที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิร่างกายที่สูงขึ้นมา แต่ซองจูก็ยังไม่มีทีท่าจะสงบลง เจ้าตัวสะอึกสะอื้นอยู่สักพัก ก่อนจะเอ่ยตอบกลับคำถามของจองอูอีกครั้ง 

 

 

“พ่อแม่ของนาย เป็นยังไงเหรอ” 

 

 

จองอูยิ้มอย่างขมขื่นให้กับคำถามนั้น 

 

 

“ต่อมามยองฮยอน อ้า นั่นเป็นเพื่อนที่บ้านเกิดฉันเอง ลูกพี่ลูกน้องพี่ดงฮยอนน่ะ ได้ข่าวจากหมอนั่นว่า เอาเงินนั่นไปจ่ายหนี้พนันพ่อน่ะ ไม่ผิดไปจากที่ฉันเคยเดาไว้เลย” 

 

 

“แล้ว? คงไม่ใช่ว่านายยังถูกรีดไถอยู่ใช่ไหม” 

 

 

ดูเหมือนจะพอมีสติกลับมาบ้างแล้ว ซองจูทำสายตาดุส่งมา พร้อมกับเอ่ยถามจองอู แต่ว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นน่าโล่งใจ ถึงจะผิดจากที่ซองจูคาดไว้ก็ตาม 

 

 

“ไม่หรอก ก็ตัดขาดกันไปแล้วนี่ พ่อน่ะไม่กี่ปีต่อมาก็หายออกไปจากบ้าน แล้วก็ไม่พบร่องรอยอีกเลย อาจจะเข้าไปตลาดที่ไหนสักที่ แล้วก็ไปติดหนี้พนัน จนกลายเป็นคนเร่ร่อนไปแล้วมั้ง” 

 

 

“…แล้วแม่ล่ะ” 

 

 

“เหมือนจะอยู่ที่นั่นตามเดิม ตอนนี้ทั้งตาและยายก็เสียไปหมดแล้ว อาจจะเศร้าอยู่บ้าง แต่ก็คงสบายใจแล้วละ ไม่มีใครคอยรังแก แล้วก็ไม่มีใครคอยด่าว่า ไม่มีฉันด้วย” 

 

 

จองอูกล่าวออกมาเช่นนั้นพร้อมกับกอดกระชับซองจูแน่นขึ้น 

 

 

“นายล่ะ นายยังคงเจ็บปวดอยู่สินะ” 

 

 

“ฉัน? ไม่เจ็บแล้ว” 

 

 

“อย่ามาโกหก แค่นายหักโหมหรือเป็นทุกข์ ฉันก็แทบบ้าแล้วรู้ไหม” 

 

 

คำพูดด้วยแรงอารมณ์นั้นทำให้จองอูไม่อาจตอบโต้ได้ 

 

 

ถึงจะบาดเจ็บแค่มือข้างซ้าย แต่ว่ามือข้างขวาก็ไม่ได้ดูสมบูรณ์ดีเลยสักนิด ตลอดหกเดือนนั้น ข้อมือที่ใช้ตัดงานทั้งวันตลอดสิบสองชั่วโมงไม่มีหยุดย่ำแย่ลงไปเพราะมือไม่ได้หยุดพักเลย ไม่ใช่แค่ใช้มีดตัด วันทั้งวันเขาต้องทำความสะอาดเครื่องจักรนับครั้งไม่ถ้วน ถอดชิ้นส่วนที่ถูกขันไว้แน่นออกมา ก่อนจะใส่แล้วขันกลับให้แน่นเหมือนเดิม ทำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนเกิดปัญหาขึ้น ในช่วงแรกก็คิดว่าไม่กี่วันก็คงจะหาย แต่ร่างกายที่พังไปแล้วครั้งหนึ่ง ไม่อาจกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว สุดท้ายผ่านมากว่าสิบปีจนถึงตอนนี้ มือทั้งสองข้างของจองอูไม่มีวันไหนเลยที่ไม่รู้สึกเจ็บ 

 

 

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าใช้การไม่ได้เลยนี่” 

 

 

“นายยังกล้าพูดแบบนั้นได้อีกเหรอ” 

 

 

สิ้นคำพูดตะคอกนั่น น้ำตาก็ซึมออกมาอีก จองอูที่ตกใจจึงได้รีบก้มไปมองหน้าของซองจู 

 

 

“ร้องไห้? อย่าร้องสิ” 

 

 

คำพูดนั้น ทำให้น้ำตาของซองจูเริ่มไหลรินออกมาเป็นสายอีกครั้ง 

 

 

“เจ้าทึ่มเอ๊ย ในเมื่อไม่สบายใจขนาดนี้ก็ต้องร้องไห้ไม่ใช่เหรอไง” 

 

 

เจ้าตัวกล่าวออกมาเช่นนั้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง 

 

 

ไม่ว่าจะโชคร้ายขนาดไหน แต่มันถึงขั้นเลวร้ายได้ขนาดนี้เลยเหรอ ถึงอย่างนั้นก็ยังว่าตัวเองไม่เป็นไร พร้อมกับยิ้มออกมาแบบนั้น กับคนแบบนั้น เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วเหมือนกัน 

 

 

ตอนนี้ซองจูเข้าใจจองอูที่เขาได้พบเป็นครั้งแรกคนนั้นแล้ว 

 

 

ท่าทางที่ไม่สนใจต่อสิ่งใดๆ บนโลกใบนี้ ความมืดที่โอบล้อมอีกคน กระทั่งนิสัยที่ไม่ชอบสนิทสนมกับใครๆ ด้วยเพราะผ่านเรื่องราวแบบนี้มา จึงได้ออกมาเป็นแบบนั้น 

 

 

มันไม่ใช่ความผิดของจองอู สิ่งที่ผิดคือสภาพแวดล้อมน่ารังเกียจซึ่งโอบล้อมอีกคนอยู่ต่างหาก สิ่งเหล่านั้น มันทำให้อีกคนได้แต่ตกสู่ความมืดมิดเท่านั้น คนที่ชื่อว่าคิมจองอูนั้น คือคนที่น่าสงสารและแสนบริสุทธิ์ คนที่โดดเดี่ยวขนาดนี้คงไม่อาจทอดทิ้งไปได้ ซองจูโอบกอดจองอูเอาไว้พร้อมกับกล่าวออกมา 

 

 

“ฉันอยู่ข้างนายนะ เพราะฉะนั้นอย่าคิดหนีไปอีกเป็นครั้งที่สอง ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรก็ตาม ฉันจะรับมันแทนนายเอง อย่าอ่อนแออีกเลยนะ ถ้าอยากจะหนีก็ให้บอกมาตามตรง ต่อให้ไปสุดขอบโลก ฉันก็จะหนีไปกับนาย” 

 

 

จองอูหัวเราะเบาๆ ให้กับคำพูดนั้น 

 

 

“นายได้ยินที่ฉันพูดหรือเปล่าเนี่ย หัวเราะทำไมกัน” 

 

 

ถึงจะทำเสียงขู่ออกมา แต่เสียงหัวเราะนั้นก็ไม่ได้หยุดลง ด้วยความโมโห ซองจูจึงได้เงยหน้าขึ้นมา ในตอนนั้นเอง ลมหายใจเขาถึงกับสะดุดไป ใบหน้าของจองอูที่มีรอยยิ้มกว้างช่างดูแปลกตาเหลือเกิน 

 

 

“ไม่หนีหรอก ต้องให้พูดว่าไม่มีทางหนีไปอีกสักกี่ครั้งกัน แล้วก็นะฉันยังกลัวว่านายจะเบื่อจนหนีไปมากกว่าอีก” 

 

 

จองอูกล่าวเช่นนั้นออกมา แต่ซองจูกลับทำเสียงเหอะตอบกลับไป 

 

 

“งั้นนายก็ต้องเตรียมใจไว้เลย ถ้าฉันตัดสินใจไปแล้ว จะไม่มีทางล้มเลิกแน่” 

 

 

กล่าวออกไปเช่นนั้น พร้อมกับยกยิ้มพราย จองอูเองก็ยกยิ้มตามซองจูไปด้วย 

 

 

“งั้นเราจับตัวเองมัดติดกันเลยดีไหม” 

 

 

“พูดแบบนั้นแล้ว เหมือนพวกโรคจิตเลยนะ” 

 

 

“แล้วไง เราทั้งคู่ก็ทำแบบนั้นเป็นปกติไม่ใช่เหรอ” 

 

 

จองอูกล่าวเช่นนั้นออกมา ก่อนจะเช็ดคราบน้ำตาบนแก้มของซองจูออก 

 

 

มันคือเรื่องปกติหรือไม่ก็ไม่รู้ อย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตแบบปกติ เลียนแบบการใช้ชีวิตของคนอื่น แล้วก็ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น  

 

 

แต่ทว่านั่นก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเลวร้าย ทั้งหมดมันคือผลของการดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตต่อไป 

 

 

ซองจูชอบการได้ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับจองอูมากกว่าการใช้ชีวิตหรูหราอย่างที่เคยเป็นมา ภายในนั้นมีตัวตนที่สมบูรณ์ของเขาที่ใครก็ไม่เคยรู้จักอยู่ มีน้องชายที่เป็นเหมือนคู่กัดกับเขาเสมอ มีคนพวกนั้นที่เคยเห็นตัวตนแท้จริงของซองจู ถึงแม้จะไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนก็ตาม สิ่งเหล่านี้มันเหมือนไม่ใช่ชีวิตของซองจูเลย 

 

 

เพื่อปกป้องโลกใบนี้เอาไว้ ซองจูอาจจะต้องแสดงเป็นอย่างอื่นอีก ต่อหน้าพ่อแม่ที่คงจะบังคับให้เขาแต่งงานในสักวันหนึ่ง ต่อหน้าผู้คนมากมายที่ร้องขอตัวตนที่สมบูรณ์แบบและดูดีนั่น เรื่องอื่นนั้นไม่รู้ กับการแสดงที่รวมเข้ากับชีวิตของซองจูแล้ว มันไม่ใช่สิ่งที่คุ้นเคยเลย ซองจูมองใบหน้าของจองอูที่สะท้อนในแก้วตาใส 

 

 

สันกรามชัด จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวบางอ่อนนุ่มที่ปิดสนิทนั่น แววตาสีดำสนิทที่ล้ำลึกอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้ ประดับตกแต่งด้วยคิ้วหนา ทั้งหมดนั่น ทำให้ซองจูได้พักและได้รับการปลอบโยน เจ้าตัวยกมือขึ้นมาปัดกลุ่มผมที่ปกปิดใบหน้าด้านหนึ่งของจองอูออก 

 

 

“ทำไมอีก…” 

 

 

จองอูที่ไม่ชอบเปิดเผยใบหน้า ขมวดคิ้วมุ่น แต่ทว่าซองจูเพียงปัดกลุ่มผมของอีกคนไปทัดไว้ที่ใบหู แล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปประทับจูบลงตรงปลายคางของอีกคน 

 

 

“เงียบซะ” 

 

 

ออกคำสั่งให้หยุดพูดไร้สาระ แล้วซองจูดูดลงไปที่ปลายคางอย่างแผ่วเบา 

 

 

เสียงน้ำลายดังออกมา พร้อมกับริมฝีปากที่สั่นน้อยๆ นั่นค่อยขยับผ่านแก้มของจองอูขึ้นไปที่หน้าผาก ซองจูที่มักจะจูบลงไปบนรอยแผลที่พาดอยู่บนใบหน้าด้านซ้ายของจองอูอยู่เสมอ และแล้วในดวงตาของจองอูก็เริ่มมีหยาดน้ำตาเอ่อล้นออกมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเขาก็ผละริมฝีปากออกมาจากตรงนั้น และเริ่มจูบซับน้ำตาอย่างอ่อนโยน 

 

 

น้ำตาที่มีรสเค็มแตะสัมผัสริมฝีปาก ไล้เลียสิ่งที่รินไหลออกมานั้นครั้งแล้วครั้งเล่า พร้อมกับใช้แขนกอดเอวของจองอูเอาไว้ 

 

 

น้ำตาที่ไหลออกมาราวกับธารน้ำ ไหลออกมาจากดวงตาของซองจูโดยไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ทั้งสองต่างร้องไห้ออกมา พร้อมกับแนบประสานริมฝีปากของกันและกัน ริมฝีปากที่สัมผัสแนบกันอย่างยากลำบาก ไม่คิดที่จะแยกห่างจากกันอีก และยังสอดแทรกเข้าไปภายในของกันและกัน น้ำตาที่ไหลรินออกมาในระหว่างนั้น มันคือรสชาติของจูบนี้ แม้จะไม่หวานเลยสักนิด แต่ก็ทำให้เสพติดในกันและกันมากยิ่งขึ้นไปอีก เรียวลิ้นอุ่นผลัดกันหยอกล้อไปมา เดี๋ยวเกี่ยวรัดเดี๋ยวคลายออกซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น 

 

 

“อืม อือ อึก” 

 

 

ภายในปากที่เชื่อมติดกัน เรียวลิ้นที่เดี๋ยวผลักเดี๋ยวดูดดึงเข้าหากันด้วยอารมณ์ความใคร่นั้นเกี่ยวรัดไปจนสุดโคนลิ้น จนทำให้ไฟปรารถนาเริ่มลุกโชนขึ้นมา จองอูดึงรั้งร่างของซองจูเข้ามากอด ก่อนจะจัดการถอดเสื้อเชิ้ตที่ปกปิดร่างกายของอีกคนอยู่ 

 

 

“อื้อ…” 

 

 

รีบเร่งสลัดชายเสื้อที่ไม่ยอมหลุดออกจากแขนที่กอดกันอยู่ ก่อนจะโถมร่างกายเข้าหากัน ความรู้สึกที่ถูกแขนนั้นกอดรัดร่างกายไว้แน่นราวกับจะไม่ยอมให้แยกจากนั้น กลับทำให้พึงพอใจ ทั้งสองคนประกบริมฝีปากเข้าหากันอย่างไม่อาจรู้ได้ว่าใครเป็นคนเริ่มต้น 

 

 

“อื้อ อึก ฮือ ฮึก” 

 

 

เสียงจุ๊บจ๊วบและเสียงครางที่ดังออกมาอยู่เรื่อยๆ ผสมผสานกันและสะท้อนก้องไปทั่วห้องนอนกว้าง พร้อมกับของแถมเป็นความร้อนรุ่มที่พลุ่งพล่านออกมาแทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ห้องนอนที่เคยเงียบสงบกลับเติมเต็มด้วยบรรยากาศของการสื่อสารถึงกัน 

 

 

“ฮึก!” 

 

 

จองอูลากไล้นิ้วมือไปบนแผ่นหลังของซองจู พอขยับเลื่อนลงด้านล่าง นิ้วเท้าของซองจูก็กระตุกเกร็งในทันที ไม่ปล่อยทิ้งไว้นาน เจ้าตัวค่อยๆ นวดลงไปที่แก้มก้นของอีกคน ในตอนนั้นก็รู้สึกได้ถึงช่วงสะโพกที่เริ่มขยับโยก จองอูใช้นิ้วเกี่ยวชั้นในที่แนบชิดร่างกายของซองจูขึ้นมา 

 

 

“อื้อ!” 

 

 

ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วนั้น เศษผ้าชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดอยู่บนร่างกายก็หายวับไป ซองจูจึงรีบหุบขาลงทันที 

 

 

“หนาวเหรอ” 

 

 

ผละริมฝีปากออกมา ก่อนจะเอ่ยถาม อีกคนจึงรีบส่ายหน้าตอบกลับ พอถูกนวดลงบนแก้มก้นขาวที่ปรากฏออกมา ก็พานให้รู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อย จองอูคว้าผ้าห่มที่วางกองอยู่ด้านข้างมาคลุมทับลงบนตัวให้ ถึงอย่างไรหากเริ่มขยับตัว มันก็คงจะตกไปบนพื้นอยู่ดี แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่สำคัญคือไม่ทำให้ซองจูเป็นหวัด 

 

 

“ทนหน่อย เดี๋ยวก็อุ่นแล้ว” 

 

 

ซองจูพยักหน้ารับให้กับคำกระซิบของจองอู แล้วพวงแก้มขาวก็ปรากฏริ้วแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ลมหายใจที่เคยนิ่งสงบเริ่มสั่นไหวด้วยแรงปรารถนาที่เพิ่มขึ้น 

 

 

“หืม…” 

 

 

จองอูกัดลงบนต้นคอของซองจูอย่างแผ่วเบา ถึงจะผ่อนแรงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีรอยทิ้งไว้ ขบกัดลงไปบนผิวเนื้อนุ่มลื่นพร้อมกับดูดดึง ร่างกายที่อ่อนปวกเปียกของซองจู เริ่มจะมีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว ทำซ้ำๆ เช่นนั้นอยู่หลายครั้ง บนผิวขาวเนียนก็ปรากฏเป็นรอยแดงคล้ายดอกไม้บานออกมา มันช่างดูงดงามเหลือเกิน จึงได้ทำเช่นเดียวกันซ้ำๆ โดยรอบเหมือนกับกำลังระบายสี แล้วบนผิวของซองจูก็มีดอกไม้ผลิบานเต็มไปหมด 

 

 

ถึงจะถูกโกรธและโดนต่อว่าที่ทำให้ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ อย่างไรเสียเขาก็รู้ดีว่าที่ที่อีกคนจะไปนั้นก็มีแค่ฟิตเนสเท่านั้น จองอูไม่ชอบใจที่เห็นซองจูออกกำลังกายที่ฟิตเนสจนเหงื่อชุ่ม ถึงจะรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการรักษารูปร่างของอีกคน แต่ที่เขาไม่ชอบก็คือร่างกายของซองจูนั้นมันดูยั่วอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายซองจูที่บางครั้งก็ดูไม่รู้ว่าเป็นผู้ชาย แม้จะผอมบางไปสักหน่อย แต่ก็มีกล้ามเนื้อพอเหมาะอย่างผู้ชาย แต่ว่าตอนนี้มันต่างไป ผิวพรรณที่ขาวกระจ่างของอีกคนนั้น หลังจากหายจากการล้มป่วยหนักครั้งนั้นดูแวววาวขึ้น และกล้ามเนื้อด้านบนนั้นถึงจะไม่ได้ใหญ่เท่าเมื่อก่อน แต่มันกลับทำให้ร่างกายงดงามกว่าเดิม ส่วนแก้มก้นที่จับตัวเป็นก้อนก็ดูกระจ่างใสและแวววาว จนเขาเผลอทอดสายมองอยู่อย่างนั้น ยอดอกสีชมพูนั้นยังคงมีขนาดเท่าเดิม แต่กลับตั้งชั้นแสดงถึงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านขึ้นมา การมีคนที่ครอบครองร่างกายแบบนี้มายืนออกกำลังกายอยู่ตรงหน้า เป็นใครก็ต้องจ้องมองร่างกายของซองจูแน่นอน จองอูไม่อยากเห็นอะไรแบบนั้น ดังนั้นจึงยิ่งระบายสีลงบนร่างกายของซองจู ทิ้งร่องรอยไว้บนร่างกายของอีกคน ให้ไม่สามารถไปออกกำลังกายที่ไหนได้อีก 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด